คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 ยินดีที่ได้รู้จักนะ...อี ทงเฮ
Chapter 1
ปัจจุบัน...
“ไม่ต้องไปสนใจคำพูดหรือสายตาเหยียดหยามของใครหรอกลูก ทงเฮมีแม่อยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง แม่ก็จะอยู่ข้างทงเฮเสมอ”
คำพูดของแม่ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดตั้งแต่ทงเฮก้าวออกมาจากบ้าน ใบหน้าหวานแหงนมองตึกเรียนที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า นี่น่ะเหรอมหาวิทยาลัยที่แม่ของเขาอยากให้เรียน
มหาวิทยาลัยเอกชนที่ขึ้นชื่อมากที่สุดในประเทศเกาหลี
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะใช้ชีวิตในแบบของผมเอง” มือเรียวกระชับกระเป๋าสะพายไว้ให้แน่น ก่อนจะก้าวเดินออกไปด้วยความมั่นใจ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแม่ ในเมื่อเขายืนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว อี ทงเฮจะต้องผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้
เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตสีดำสนิทคันหนึ่งเร่งเครื่องผ่านมาทางทงเฮ ก่อนจะจอดลงด้วยระบบเบรคอย่างดี ร่างโปร่งชะงักกึกอยู่บนฟุตบาทเพราะรถคันหรูที่จอดขวางไว้ทำให้เขาข้ามถนนไปอีกฝั่งไม่ได้ กระจกที่ติดฟิล์มมืดสนิทค่อยๆ เลื่อนลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของใครบางคนอยู่ด้านใน
“ขึ้นมาสิ!” เสียงนั้นออกคำสั่งด้วยรอยยิ้ม ทงเฮได้แต่อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง
“ผ...ผมเหรอครับ?” มือเรียวชี้เข้าหาตัวเองเพื่อเอ่ยถามอีกครั้งให้แน่ใจ
“ซีวอน~ มาแล้วเหรอ?” เสียงสดใสจากทางด้านหลังทำให้ทงเฮหันกลับไปมอง ร่างสูงเพรียวของชายคนหนึ่งเดินตัดหน้าทงเฮไป ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งบนรถ ทงเฮไม่อาจเดาได้เลยว่าคนที่ผมยาวประบ่าขนาดนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ดวงตาสีดำภายใต้กรอบตาเรียวมองตามรถยนต์คันนั้นออกไป
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะขึ้นไปนั่งรถหรูๆ เช่นนั้น
“มัวยืนใจลอยอะไรอยู่น่ะ ไม่ไปเรียนหรือไง”
“หืม?” ทงเฮผงะเมื่อผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเอ่ยทักทายเขาจากทางด้านหลัง
“ฉันพูดกับนาย
“กะ...ก็กำลังจะไปน่ะ” เอ่ยตอบไปด้วยความงุนงง ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ
“งั้นก็ไปด้วยกันเลยสิ ยังไงเราก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานด้วยกันอยู่แล้ว” ชายคนนั้นถือวิสาสะจับมือของทงเฮให้เดินออกไปด้วยกัน ร่างบางทำท่าจะขัดขืนในตอนแรก แต่ก็ต้านทานแรงของอีกฝ่ายไม่ไหว
“รู้ได้ไงว่าฉันต้องเรียนวิชาพื้นฐาน”
“เด็กปีหนึ่งทุกคนก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานทั้งนั้นแหละ” ชายแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเอ่ยตอบอย่างสนิทสนมราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนาน “ฉันชื่อคิม คิบอมนะ นายล่ะ?”
“ฉันเหรอ? ทงเฮ...อี ทงเฮ”
“ชื่อน่ารักดีนะ แต่ไม่คุ้นชื่อนี้มาก่อนเลยแฮะ” ผู้ชายที่ชื่อคิบอมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ในขณะที่ทงเฮได้แต่มองเสี้ยวหน้าคมของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
ภายในรถยนต์คันนั้น...
“วันนี้นายมีเรียนไม่ใช่หรือไง” เสียงหวานเอ่ยถามในขณะที่มือเรียวก็คลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของคนรักไม่ห่าง
“ผมไม่อยากให้พี่ฮีชอลเดินทางคนเดียวนี่ครับ แฟนของผมน่ารัก เดี๋ยวมีคนขโมยไปผมก็แย่น่ะสิ”
“ปากหวานอีกแล้วนะเรา” คิม ฮีชอลหยิกแก้มของซีวอนด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะชักมือมาวางไว้บนตักของตัวเอง
“ผมพูดขนาดนี้ พี่จะไม่ให้รางวัลผมหน่อยเหรอ” มือแกร่งดึงมือเรียวของคนรักไปจับไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ซ้ำยังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาให้จนอีกฝ่ายแทบจะละลายไปเสียเดี๋ยวนั้น
“นายมันเจ้าเล่ห์”
“นะน้าที่รักของผม ถ้าพี่ไม่ให้รางวัลผมตอนนี้ ผมต้องขาดใจตายแน่ๆ”
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้ซีวอน” ฮีชอลบ่นด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่ริมฝีปากสีสดกลับยื่นไปสัมผัสแก้มเนียนของซีวอนเต็มความรัก และซีวอนก็ยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมาสูดดมความหอมเช่นเดียวกัน “คราวนี้พอใจหรือยังล่ะ?”
“พอใจที่สุดในโลกเลยครับ ผมรักพี่นะ”
“รู้แล้วล่ะน่า แล้วเย็นนี้ไม่ต้องมารับหรอกนะ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถที่บ้านมารับเอง”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น รีบกลับไปเรียนซะ นี่เป็นคำสั่ง” เสียงหวานเปลี่ยนเป็นทรงพลังขึ้นมาจนซีวอนรับรู้ได้ ฮีชอลก้าวลงไปจากรถแล้วโบกมือลาคนรัก แต่เมื่อเขาหมุนตัวหายเข้าไปในสตูดิโอแล้ว ซีวอนก็หักพวงมาลัยกลับไปยังบ้านของตัวเองทันที
คิบอมจูงมือทงเฮเดินมาจนถึงห้องเรียนวิชาพื้นฐาน นักศึกษาในห้องต่างหันมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มทั้งสองที่เดินเข้ามาด้วยกัน มีหลายคนที่ดวงตาแพรวพราวเมื่อเห็นคิบอม ผู้ซึ่งเป็นทายาทของบริษัทส่งออกโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ติดอันดับห้าของประเทศ ในขณะที่หลายๆ คนก็แปลกใจกับชายหนุ่มหน้าหวานที่เดินเข้ามากับคิบอมไม่น้อย
“คิบอม มานั่งตรงนี้สิ” อี ซองมินลูกชายคนเดียวของมาเฟียอี จุนฮวากวักมือเรียกคิบอมด้วยน้ำเสียงออดอ้อนออเซาะ แต่คิบอมกลับไม่ได้ปรายตามองเลยสักนิดเดียว
“ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจนายเลยนะซองมิน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ซองมินต้องหันไปถลึงตาใส่ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยี่หระแล้วพูดจาเสียงดัง
“ฉันก็ไม่ได้สนใจคิม คิบอมนักหรอก เพราะในใจฉันก็มีฮยอกแจอยู่แล้ว”
คำพูดนั้นทำให้ทงเฮสะดุ้งเฮือก ฮยอกแจ? อี ฮยอกแจก็เรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ ทงเฮเพิ่งตระหนักได้ว่าพ่อของฮยอกแจก็เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งอยู่ และเพราะเหตุผลนี้นี่เองทำให้เขาเข้ามายืนอยู่ที่นี่ได้ เพราะแม่เไปขอร้องพ่อของฮยอกแจเอาไว้สินะ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ
“นั่งตรงนี้กันเถอะทงเฮ” เสียงของคิบอมทำให้ทงเฮหลุดออกจากภวังค์ ร่างบางหันไปก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้วยสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าใดนัก ซองมินหันมามองทงเฮด้วยสายตาขี้อิจฉา ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อทงเฮหันไปสบตากับเขาเข้าพอดี ร่างอวบถึงกับก้มหน้าก้มตาเพราะทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่เพื่อนผู้หญิงคนเดิมแตะต้นแขนของซองมินด้วยความงุนงง
“นายรู้จักผู้ชายหน้าหวานคนนั้นด้วยเหรอ”
“ไม่! ฉันจะไปรู้จักคนชั้นต่ำแบบนั้นได้ยังไง” เสียงที่ดังลั่นของซองมินทำให้ทั้งห้องเรียนเงียบกริบลงไปในทันที คิบอมหันมองซองมินและทงเฮสลับกันไปมา ก่อนจะนั่งดูสถานการณ์นิ่งๆ เพื่อคอยเก็บข้อมูล
“ฉันชื่อทงเฮ ไม่ใช่คนชั้นต่ำ” ทงเฮยืนขึ้นตอบโต้อย่างโมโหเพราะทนสายตาของเพื่อนคนอื่นๆ ไม่ไหว
“ก็หน้าตาของนายมันดูจนนี่นา แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่คุ้นชื่อนายด้วย ถ้านายเป็นลูกคนรวย ฉันก็ต้องรู้จักนายน่ะสิ” ซองมินตอบอย่างตะกุกตะกัก ในขณะที่ทุกคนบริเวณนั้นได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ซองมินกำลังพูด
“ที่ไม่คุ้นก็เพราะว่าครอบครัวของฉันกับนายมันคนละชั้นกันไงล่ะ บ้านของนายก็คงทำแค่ธุรกิจส่งออกธรรมดา เทียบลูกชายของท่านทูตอย่างฉันไม่ได้หรอก” ทงเฮยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ เขาบอกแล้วว่าเขาจะใช้ชีวิตในแบบของเขาเอง และไม่มีทางที่เขาจะยอมแพ้ให้กับคนพวกนี้อย่างเด็ดขาด
“งั้นเหรอ?” ซองมินแค่นเสียงถาม ทว่าเพื่อนๆ กลับกรูกันเข้าไปทำความรู้จักกับทงเฮ
“ลูกท่านทูตเหรอ? ว้าว...นายชื่ออะไรน่ะ”
“ผิวพรรณดีมากเลยนะเนี่ย นายคงไม่เคยออกแดดเลยล่ะสิ”
“นายต้องไปต่างประเทศบ่อยแน่ๆ เลย น่าอิจฉาจัง”
เด็กศึกษาหลายคนต่างให้ความสนใจกับทงเฮเพราะหวังว่าตำแหน่งของลูกชายท่านทูตจะช่วยเหลือพวกเขาได้บ้างในอนาคต ทงเฮยิ้มหวานและทักทายเพื่อนอย่างเป็นมิตร ส่วนซองมินที่เคยเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในห้องกลับกลายเป็นจุดดำๆ เล็กๆ ที่ไม่มีคนสนใจเลย
“ไม่มีอะไรทำกันแล้วเหรอไง จับกลุ่มคุยกันตั้งแต่ประถมยันมหา’ลัย ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ”
เสียงทุ้มเบสของใครบางคนดังขึ้นจากทางหน้าชั้นเรียนทำให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ของตนเอง วิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างออกเหมือนม่านของโรงละครทำให้ทงเฮถึงกับนั่งอ้าปากค้างอยู่กับที่ ผู้ชายคนนั้น คนที่เขาเคยจากมาเมื่อหกปีก่อนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกข้างหนึ่งจับกระเป๋าสะพายไว้บนบ่า ขายาวก้าวมาทางทงเฮเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งยืนหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง
“ซีวอนยังไม่มาเรียนอีกเหรอ?” คำถามสั้นๆ ถูกถามขึ้น หากแต่สายตาไม่ได้จับจ้องมาที่ทงเฮเลยแม้แต่นิด
อี ฮยอกแจ...นายจำฉันไม่ได้เหรอ
ฉันคืออี ทงเฮเพื่อนสนิทของนายไง
“เห็นออกไปกับพี่ฮีชอล คงไม่มาแล้วล่ะมั้ง นั่งก่อนสิ” เสียงคิบอมเอ่ยบอก ก่อนจะขยับตัวเบียดเข้ามานั่งแนบชิดกับทงเฮ ฮยอกแจจึงนั่งลงถัดไปจากคิบอม ใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ห่างกันแค่เอื้อมเท่านั้น แต่เพราะมีคิบอมนั่งกั้นระหว่างกลางเอาไว้ ทงเฮจึงไม่สามารถเอ่ยทักทายกับฮยอกแจได้ คิบอมเบี่ยงตัวหลบมาด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “นี่เพื่อนใหม่ของฉัน ชื่ออี ทงเฮ”
“ชื่ออะไรนะ?” ฮยอกแจมองหน้าเพื่อนแล้วเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง น้ำเสียงที่ดูตกใจเช่นนั้นทำให้หัวใจของทงเฮเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
“ทงเฮที่แปลว่าทะเลตะวันออกไง อี ทงเฮน่ะ” คิบอมอธิบายเสียยืดยาวเพื่อให้เพื่อนได้ยินชื่อของเพื่อนใหม่อย่างชัดเจน ก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะหันมาบอกกับทงเฮบ้าง “ส่วนนี่เพื่อนสนิทฉันเอง อี ฮยอกแจ”
“สวัสดีอี ฮยอกแจ” ทงเฮเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง และร่างเล็กก็หวังว่าฮยอกแจจะทักทายเขาอย่างเป็นกันเองกลับมาเช่นเดียวกัน ทว่าคำพูดที่เปล่งออกมาจากเรียวปากของฮยอกแจทำให้ร่างบางต้องก้มหน้างุดด้วยความผิดหวัง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ...อี ทงเฮ”
Talk with Lee Seen
มาถึงตอนแรก ฮยอกแจก็ทำเฉยชากับทงเฮซะแล้ว
แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้อะไรให้เซอร์ไพรส์แน่นอน
จะเปิดตัวคยูฮยอนอย่างอลังการ
และคู่ทึกชอลด้วยค่ะ(เรื่องนี้จองซูเมะแน่นอน)
ส่วนทงเฮกับฮยอกแจจะเป็นยังไงต่อไปนั้น
ช่วยติดตามด้วยนะคะกับเรื่อง
อี ทงเฮ ยอดคน จอมลวงโลก...โลก...โลก...โลก...
ความคิดเห็น