คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Sorry,My Juliette - Chapter 17
Chapter 17
“ฉันเกลียดนาย เกลียดนายที่สุดในโลก!”
ฮยอกแจรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินเสียงโวยวายออกมาจากห้องผู้ป่วยพิเศษที่พี่ชายของตัวเองพักอยู่ พอเปิดเข้าไป แทนที่จะตกใจ ริมฝีปากสีเชอร์รี่กลับยิ้มกว้าง
“ฉันเจ็บนะ ตีกันอยู่ได้” จองซูโวยวายลั่น แต่ฮีชอลก็ไม่ยอมหยุด
“ก็นายน่าจะตายๆ ไปเลยนี่ รอดมาทำไมก็ไม่รู้ เมาแล้วขับรถออกไปทำไม”
“ทำอย่างกับตัวเองไม่เมาอย่างนั้นแหละ โอ๊ย!”
จองซูร้องอีกครั้งเมื่อฮีชอลตีเข้าที่สีข้างของเขาอย่างเต็มแรง น้ำหนักมือของฮีชอลเบาๆ เหมือนคนอื่นเสียที่ไหน แทนที่เขารอดปาฏิหาริย์มาได้จะดีใจ กลับมาทำท่าทางโหดๆ ใส่
ก็รู้อยู่ว่าเป็นห่วงกัน
ถ้าไม่เป็นห่วงคงไม่พามาถึงโรงพยาบาลหรอก
“พี่ฮีชอลตีพี่จองซูขนาดนั้น ถ้าพี่จองซูตาย...อย่ามาร้องไห้นะครับ” ฮยอกแจเอ่ยแซวหลังจากเก็บของใช้ของจองซูและสมุดบัญชีของร้านเข้าในตู้เสื้อผ้า
“ใครจะร้องไห้กัน?” ฮีชอลว่าพลางสะบัดหน้าหนี
“แล้วที่ตาบวมคล้ำจนจะแตกออกมาเนี่ย ไม่ใช่เพราะร้องไห้ทั้งคืนหรอกเหรอ?” จองซูหลิ่วตาถาม
“อยากโดนตีอีกใช่ไหมจองซู?!”
“โอ๊ย! ใครจะไปอยากโดนล่ะครับคุณ?” คนป่วยว่าประชด ฮีชอลจึงเงียบลงและคอยจัดแจงผ้าห่มให้คนป่วยได้นอนสบายตัวมากขึ้น
ทำไมฮีชอลจะไม่รู้ว่าจองซูเจ็บมากแค่ไหน หน้าอกเป็นแผลเหวอะหวะเพราะถูกเข็มขัดนิรภัยดึงรั้งมาด้านหน้า ขาข้างซ้ายก็เป็นแผลต้องเย็บมากกว่าสิบเข็ม
โชคดีที่ลำตัวไม่เป็นอะไร
“ถ้าพี่จองซูมีคนคอยเฝ้าแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวไปข้างนอกก่อนนะครับ”
“ไปไหน?”
“ไปหาผู้ชายคนนั้นเหรอ?”
ฮีชอลกับจองซูถามขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ฮยอกแจจะปฏิเสธออกไปก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าช้าๆ
“ฮยอกแจ!” ฮีชอลเรียกชื่อร่างบางเพื่อเตือนสติ แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อฟัง
“มันใกล้จะจบแล้วครับพี่ฮีชอล พี่จองซู หลังจากนี้...ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว รวมทั้งคิบอมด้วย”
ฮยอกแจพูดจบก็ผลักประตูออกไปทันที ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ก็คงจะถูกพูดเกลี้ยกล่อมจนไม่ได้ออกไปแน่ๆ ฮีชอลจึงหันมาหาจองซูอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม
“นายว่ามันจะจบไหม?”
“ดูจากท่าทางแล้วคงยาก” จองซูว่าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วเรื่องของเราล่ะ?”
ฮีชอลถามอีกครั้ง ใบหน้าที่สวยเหมือนผู้หญิงก้มงุดลงเพื่อหลบสายตาอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นจองซูก็สังเกตเห็นแววตาที่วูบไหวได้เป็นอย่างดี
“มันขึ้นอยู่กับนายนะฮีชอล เราจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับนายเพียงคนเดียวเลย”
“ทำไมต้องเป็นฉัน?” ฮีชอลเอียงคอถาม
“เพราะนายคิดว่ากำแพงที่กั้นเราเอาไว้มันสูงน่ะสิ จริงๆ แล้วมันไม่ได้สูงอะไรเลย มันขึ้นอยู่กับว่า..นายจะกล้าก้าวข้ามกำแพงนั้นมาหาฉันหรือเปล่า”
“แต่...นายชอบยองอุน”
ฮีชอลบอก เพราะเรื่องในอดีตที่ทำให้พวกเขาผิดใจกัน
แต่มันเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด
ความเข้าใจผิดที่ฮีชอลไม่เคยคิดจะฟังเหตุผลมาก่อน
“ฉันไม่ได้ชอบยองอุน”
“แล้วนายเอาของขวัญไปให้ยองอุนทำไม?”
“ของขวัญนั่น...ฉันจะฝากยองอุนไปให้นาย แต่นายดันมาเห็นช็อตที่ฉันกำลังยื่นของขวัญให้ยองอุนต่างหาก”
ฮีชอลกัดปากแน่น เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองจองซูก็มั่นใจว่าจองซูไม่ได้โกหก มันเป็นความผิดของเขาเองที่ปล่อยให้เวลามันผ่านมาเป็นสิบปี
ถ้าหากไม่ได้พูดวันนี้ แล้ววันหนึ่งจองซูเป็นอะไรขึ้นมา
ฮีชอลคงจะไม่ยกโทษให้ตัวเองอีกแล้ว
ซีวอนกับทงเฮไม่ได้ไปไหนไกลจากบ้านเลย เขาแค่ออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน ไปนั่งเล่นในสนามเด็กเล่นและพูดคุยเกี่ยวกับตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง
“คุณชอบกินโยเกิร์ตไหม?” ทงเฮหันมาถาม ก่อนจะค่อยๆ ไกวชิงช้าและแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ซีวอนหันไปมองความสดใสของคนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยคำ
“ไม่ชอบ แต่คยูฮยอนชอบบังคับให้ผมกินบ่อยๆ เขาบอกว่ามันดีต่อสุขภาพ ถามทำไมเหรอ?”
“เวลาเล่นชิงช้าทีไรนึกถึงตอนอยู่ประถมทุกทีเลย ผมซื้อโยเกิร์ตมากิน แต่คิดว่ามันเป็นไอศกรีมบูด ก็เลยทิ้งถังขยะ พอไปซื้อมาใหม่ก็คิดว่าเจอถ้วยที่บูดอีกแล้ว หลังจากนั้นก็กลายเป็นคนเกลียดโยเกิร์ตไปเลย”
“คุณนี่เปิ่นดีนะ”
ซีวอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนึกถึงเรื่องราวตอนเด็กๆ บ้าง
บางครั้งเวลาที่เราเศร้ามากๆ เราก็เอาแต่คิดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องที่มันเศร้า ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ เลย
“แล้วคุณไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้บ้างเหรอ?” ทงเฮหันมาถาม ก่อนจะค่อยๆ ไกวชิงช้าเบาลง
“อืม...ตอนเด็กๆ ผมชอบแข่งกินไส้ดินสอกดกับเพื่อนมั้ง”
“จริงเหรอ?!” ทงเฮถามด้วยสีหน้าตกใจ
“ทำไมอ่ะ?”
“ผมก็ชอบกินเหมือนกัน พอกินเสร็จก็เอาไปอวดแม่ โดนแม่ตีร้องไห้ทั้งวันเลยล่ะ”
ซีวอนหัวเราะ เขาอดที่จะเอื้อมมือไปขยี้ผมนุ่มของทงเฮไม่ได้ การนึกถึงอดีตมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ทงเฮคิดเสียหน่อย แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำส่วนหนึ่งไป
แต่ก็ยังมีความทรงจำอีกมากมายที่ทงเฮจำได้
“แล้วตอนเด็กๆ คุณเคยเอาปากกาแดงมาขีดเล่นเหมือนเวลาที่คุณครูตรวจการบ้านไหม?” ซีวอนถาม
“เคยสิ ผมใส่ดาวให้ตัวเองตั้งห้าดวงแน่ะ ตอนเด็กๆ ผมเรียนหนังสือไม่ค่อยเก่งเลยไม่ค่อยได้ดาวจากครูน่ะ”
“แสดงว่าตอนนี้เรียนเก่งแล้วสิ”
ทงเฮเงียบ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เรียนเก่งขึ้นหรอก ทงเฮก็ยังเป็นคนที่ไม่เอาไหนเหมือนเดิม
“ถ้าไม่ได้คิบอมช่วยติวผมคงจะเรียนไม่จบแน่ๆ เลย”
ซีวอนหันขวับไปมองอย่างตกใจ ทงเฮยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา แต่ซีวอนกลับได้ยินอย่างชัดเจนทุกๆ คำพูด
“ทงเฮ”
“ทำไมเหรอ?” เจ้าของใบหน้าหวานเอียงศีรษะถาม
“เมื่อกี้คุณบอกว่า...คิบอมช่วยติวให้คุณ คุณพูดถึงคิบอม!”
“ผมพูดเหรอ?” ทงเฮชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ทำไมจู่ๆ เขาก็พูดออกมาแบบนั้น ร่างบางพยายามนึกอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เขาหลุดปากพูด แต่มันกลับนึกไม่ออกเลย
“ผมปวดหัว อยากกลับบ้านแล้ว”
ทงเฮลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านของตัวเองเงียบๆ ซีวอนทำเพียงแค่เดินตามรอยเท้าของทงเฮจากทางด้านหลัง แม้ว่าตอนนี้ทงเฮจะยังจำอะไรไม่ได้มากนัก
แต่ซีวอนคิดว่าความทรงจำของทงเฮจะค่อยๆ กลับมาในเร็ววันแน่นอน
เมื่อทงเฮและซีวอนกลับมาที่บ้าน ดูเหมือนว่าฮยอกแจจะมาหาพวกเขาก่อนหน้านี้ มีจดหมายทิ้งไว้แต่บอกเพียงว่า...
เห็นว่าไม่มีคนอยู่บ้าน เลยกลับไปเฝ้าพี่จองซู ต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกนะ
ทงเฮพับกระดาษที่เขียนด้วยลายมือฮยอกแจใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง คืนนั้นเขาและซีวอนทำอาหารทานร่วมกัน ซีวอนเป็นคนที่ทำอาหารเก่งและอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
“เปิดร้านได้เลยนะเนี่ย!” ทงเฮเอ่ยชมหลังจากทานคำแรกเข้าไป
“คุณจะเป็นลูกค้าของผมหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไปหรือเปล่าน่ะสิ”
น้ำเสียงของทงเฮสดใส แต่แววตาไม่ได้สดใสเหมือนน้ำเสียงนั้นเลย เหมือนกับว่าทงเฮกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่สนามเด็กเล่นก็ได้
“อย่าเพิ่งไปนึกถึงมันเลยทงเฮ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา”
ซีวอนแตะหลังมือบางเบาๆ ทงเฮเงยหน้าขึ้นแล้วฉีกริมฝีปากยิ้มกว้าง
“ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย อาหารของคุณมันอร่อยจับใจผมต่างหากล่ะ ถ้าได้ทานอาหารมื้อนี้ก่อนตายก็คงวิเศษมากๆ เลย”
“พูดแบบนี้อีกแล้วนะ” ซีวอนขึ้นเสียงอย่างโมโห แต่ทงเฮกลับหัวเราะกลบเกลื่อน
“ผมก็แค่พูดเล่นน่า คุณก็จริงจังไปได้”
“ใครเขาเอาเรื่องตายมาล้อเล่นกัน”
ทงเฮไม่ตอบ เขาได้แต่ทานอาหารต่อไปเรื่อยๆ คุยกันเรื่องตอนเด็กๆ ที่คุยค้างไว้จากตอนเย็น แม้กระทั่งกำลังจะเข้านอน ทงเฮก็ยังคุยจ้อไม่หยุด
“นอนได้แล้วเถอะน่า ทำไมคุณถึงทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่เรื่อย” ซีวอนบ่น มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทงเฮจนถึงลำคอ
“ก็คุณทำตัวเป็นผู้ใหญ่นี่”
“เพราะคุณทำตัวเป็นเด็กก่อนต่างหากล่ะ” ซีวอนสวนกลับทันที
“ผมจะนอนแล้วนะ” ทงเฮเอ่ยบอก ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
“ฝันดีนะทงเฮ”
“คืนนี้คุณจะไม่ไปไหนใช่ไหม?” เสียงของทงเฮฟังดูเศร้า ซีวอนกำลังคิดว่าเขาจะออกไปหาคยูฮยอนอีกดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายความเจ็บปวดก็สั่งให้เขาอยู่ที่นี่
อีกอย่าง...ซีวอนไม่อยากปล่อยให้ทงเฮอยู่คนเดียวและคิดสั้นเหมือนเมื่อวันก่อนอีก
“ผมจะจับมือคุณไว้ทั้งคืน คุณจะได้รู้ว่าผมยังอยู่ที่นี่”
เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะสอดมือเข้าไปประสานกับมือที่สั่นเทาของทงเฮเอาไว้ ขอเพียงแค่ความอบอุ่นจากใครสักคน เพียงแค่นี้...เพื่อให้ทงเฮรู้สึกว่าเขายังเหลือใครอยู่ข้างๆ กายบ้าง
“ฉันจะไม่แต่งงานถ้าไม่มีแหวนนั่น ฉันจะหามันให้เจอ!”
“ไม่ต้องหาแล้ว ในเมื่อคุณทำมันหาย ผมก็จะซื้อให้คุณใหม่ ถ้าคุณทำมันหายอีก ผมก็จะซื้อให้คุณอีกเป็นสิบๆ วงเลยก็ยังได้”
“มันไม่เหมือนกัน”
“แล้วทำไมคุณไม่ระวัง เพราะคุณไม่ได้อยากแต่งงานกับผมตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม หรือคุณไม่ได้รักผม...ทงเฮ”
เพียะ!
ใบหน้าคมของใครบางคนหันไปตามแรงตบจากมือบาง ร่างสูงหันกลับมามองเจ้าของหน้าหวานอีกครั้ง ทงเฮจึงรู้ว่าคนที่ตบผู้ชายคนนั้นก็คือตัวเขาเอง
สุดท้ายภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป
4 เมษายน
ผมเจอแหวนแล้ว ผมคงถอดเอาไว้ตอนที่กำลังจะล้างจาน แต่วางไว้ไกลสายตาไปหน่อยเลยลืมว่าตัวเองวางไว้ตรงไหน คิบอมไม่มาหาผมตั้งสองวันแล้ว และผมก็ไม่คิดจะโทรไปหาเขาด้วย ให้เขาคิดต่อไปเถอะว่าผมไม่รักเขา ผมไม่อยากแต่งงานกับเขา
ทั้งๆ ที่ผมรักคิบอมมากขนาดนี้ แต่คิบอมกลับดูถูกความรักของผม ถ้าคิบอมไม่มาง้อ ผมก็ไม่มีวันจะ
ทงเฮรู้ว่าประโยคต่อไปมันคืออะไร เขาบอกว่าตัวเองจะไม่มีทางแต่งงานกับคิบอมเด็ดขาด แต่ยังไม่ทันจะเขียนข้อความลงในไดอารี่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
[คุณคิม คิบอมประสบอุบัติเหตุที่ทางหลวงหมายเลข...]
ทงเฮไม่ได้ยินอะไรต่อจากนั้นอีกแล้ว ภาพที่รถจักรยานยนต์พุ่งชนกับรถบรรทุกพร้อมกับประกายไฟที่ทำให้พื้นที่ตรงนั้นสว่างวาบ
ภาพนั้นเหมือนกับปลุกให้ทงเฮตื่นขึ้น
“คิบอม!”
ริมฝีปากของทงเฮสั่นระริก ภาพตั้งแต่เขาพบเจอกับคิบอมครั้งแรก ภาพวันที่คิบอมติวหนังสือให้เขา ภาพต่างๆ ที่เป็นความทรงจำร่วมกันมันไหลเข้ามาจนทงเฮทนไม่ไหวอีกแล้ว
ทงเฮได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของตัวเอง
เขาปล่อยให้คิบอมทรมานมาตลอดหลายเดือนได้อย่างไร
คิบอมตายแล้ว...
แต่เขาปล่อยให้คิบอมจากไปแบบนั้นได้อย่างไร
...ฮยอกแจ...
ชื่อแรกที่ทงเฮนึกถึง ร่างบางรีบกดโทรศัพท์ออกไปหาฮยอกแจ ทั้งๆ ที่มันดึกมากแล้ว แต่ฮยอกแจก็ยังรับโทรศัพท์ของเขา
“ฮยอกแจ...ฮึก...ผมจำได้หมดแล้ว...ผมจำคิบอมได้แล้ว...ฮือๆ”
[ใจเย็นๆ ก่อนทงเฮ ค่อยๆ พูด]
“ฮยอกแจ...คิบอมตายแล้ว คุณต้องช่วยผมหาหลุมศพของเขาให้เจอนะ เขา...ตายไปแล้ว”
To be continue
ความคิดเห็น