ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Kiss the Rain [HaeEun, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 55


     

     

     

    Chapter 13

     

                วันนี้ทงเฮยังไปรับฮยอกแจกลับจากที่ทำงานตรงเวลาเช่นเดิม พวกเขากลับมาบ้านทันทีโดยไม่ได้กินข้าวเย็น เมื่อมาถึงบ้านฮยอกแจก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาด้านล่าง ทงเฮก็เช่นกัน

                ทั้งคู่เปิดประตูออกมา ยิ้มให้กันอย่างเก้อเขิน แล้วทงเฮก็เอ่ยถาม

                “จะไปไหน?”

                “ฉันจะลงไปกินบะหมี่ข้างล่างน่ะ” ฮยอกแจตอบแล้วเดินมาตรงกลางเพื่อลงบันได ทงเฮก็เดินมายืนข้างๆ แล้วเดินลงบันไดมาพร้อมกัน

                “ถ้าหิวแล้วทำไมไม่บอกล่ะ จะได้พาแวะกินข้าวที่ร้านอาหาร”

                “ทงเฮ...” ฮยอกแจหยุดอยู่บันไดขั้นหนึ่งแล้วหันมาหาทงเฮด้วยหน้าตาจริงจัง “นายเคยเป็นไหม จู่ๆ ก็อยากกินบะหมี่ถ้วย ต้องเป็นบะหมี่ถ้วยเท่านั้น”

                “ไม่ต้องมาพูดเว่อร์หรอก ถ้านายอยากกินฉันก็จะทำให้” ทงเฮไม่สนใจกับท่าทางเอาจริงเอาจังของฮยอกแจเลย เขาอยากจะเขกหน้าผากของฮยอกแจแรงๆ ซักที แต่ก็ทำได้เพียงแค่โอบไหล่ร่างบางเดินเข้าไปในครัวเท่านั้น

                “ขอบคุณนะ!

                ฮยอกแจยิ้มเขิน แล้วแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมที่อยู่เหนือศีรษะของเขาไปนิดเดียวเอง กลิ่นสบู่ที่ทงเฮใช้ก็หอมมากๆ ด้วย เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

                ทงเฮต้มบะหมี่ถ้วยอย่างที่ฮยอกแจต้องการ จริงๆ เขาก็แค่เปิดฝาแล้วกดน้ำร้อนเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่เลย แต่ฮยอกแจก็เอาแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ เห็นแล้วก็อดทำหน้าบึ้งตึงไม่ได้

                ...ไม่งั้นคงจะยิ้มตามฮยอกแจไปแล้วแน่ๆ

                “ไปกินที่ห้องนู้นกันเถอะ”

                ทงเฮถือถ้วยบะหมี่ของฮยอกแจและของตัวเองไปทางห้องรับแขกที่กลายเป็นห้องนั่งเล่นในเวลากลางคืน ฮยอกแจเดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็น แล้วก็เดินตามก้นทงเฮไปนั่งกินบะหมี่อย่างว่าง่าย

                “โอ้โห! อร่อยจังเลย” ฮยอกแจทำตาโตหลังจากสูดเส้นบะหมี่เสียงดังเข้าไปในปาก ทงเฮย่นคิ้วแล้วดุอย่างไม่ชอบใจนัก

                “กินเบาๆ หน่อยสิ”

                “ก็มันอร่อยนี่จะให้กินเบาๆ ได้ยังไงล่ะ” ฮยอกแจเถียง

                “แต่มันไม่มีมารยาท”

                “อยู่กับสามี คำว่า มารยาท จำเป็นต้องมีด้วยเหรอ?”

                ทงเฮถอนหายใจยาว อยากจะถามฮยอกแจว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆ กันแน่ ฮยอกแจก้มลงไปสูดเส้นบะหมี่เสียงดังอีกครั้ง แถมยังยกถ้วยซดน้ำบะหมี่ด้วยหน้าที่ฟินาเล่สุดๆ ทงเฮจัดการบะหมี่ในมือของตัวเองบ้าง แต่กลับหุบยิ้มให้กับท่าทางของคนตรงหน้าไม่ได้เลย

                หลังจากฮยอกแจกินเสร็จ ฮยอกแจก็เป็นฝ่ายนั่งมองทงเฮกิน ทงเฮตักเส้นบะหมี่คำเล็กๆ ขึ้นมาแล้วเหลือบเห็นสายตาฮยอกแจที่มองตัวเอง เขาก็ไม่กล้ากินต่อ

                “มองอะไร?” ทงเฮเอ่ยถาม

                “ก็นายน่ะสิ กินแบบนั้นมันจะไปรู้รสชาติอะไร”

                “ฉันไม่อยากกินเสียงดังแบบนายหรอก ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย”

                ทงเฮพูดว่าให้ฮยอกแจแล้วก็รีบหลบตาทันที ก็แน่ล่ะสิ ถ้าไม่หลบตาเขาอาจจะถูกฮยอกแจจับได้ก็ได้ว่าตัวเองกำลังโกหก

                “ลองกินเถอะน่า ตักคำใหญ่ๆ สิ เอามานี่ เดี๋ยวฉันป้อนนายเอง” ฮยอกแจคว้าถ้วยบะหมี่ในมือของทงเฮมาแล้วตักคำใหญ่ๆ เขาเป่าเส้นไล่ความร้อนให้เสร็จสรรพแล้วบังคับทงเฮให้กิน “อ้าปากกว้างๆ”

                “ไม่!

                “อ้าหน่อยเถอะน่านะ อ๊ะ! ทงเฮ...นายมีตีนกาแล้วนี่”

                “ห๊ะ?!” ทงเฮอ้าปากค้างอย่างตกใจที่จู่ๆ ฮยอกแจก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ทำให้ฮยอกแจยัดเส้นบะหมี่เข้าปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายทงเฮก็ต้องจำใจสูดเส้นเข้าปากเสียงดังเหมือนที่ฮยอกแจทำเพราะไม่มีทางเลือก

                ฮยอกแจนั่งหัวเราะจนท้องขดท้องแข็งกับภาพตรงหน้า แต่ทงเฮนี่สิหน้ามึนตึงไปเลยทีเดียว ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกสุขใจมากเหลือเกิน

                วันนี้ทงเฮรู้สึกเหมือนกับว่า...อี ฮยอกแจได้เป็นภรรยาของเขาแล้วจริงๆ

     

                เช้าวันต่อมา คยูฮยอนยืนยันว่าเขาจะกลับไปที่โซลวันนี้ให้ได้ เมื่อคืนเขาและซีวอนนอนข้างๆ กันตลอดทั้งคืน แต่ทั้งคู่ก็หันหลังให้กัน พอตอนเช้าก็ต้องทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในใจมันเปลี่ยนไปแล้ว

                “คุณตาคุณยายรักษาสุขภาพด้วยนะครับ”

    คยูฮยอนบอกลาแล้วโน้มเข้าไปกอดตายายทั้งสอง แม้ว่าเขาจะมาอยู่ได้แค่คืนเดียว แต่ก็รับรู้ถึงความมีน้ำใจของชาวบ้านทั้งคู่มาก พวกท่านรักซีวอนเหมือนหลานแท้ๆ และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับซีวอนก็ให้ความรักไปไม่น้อยกว่ากัน

                “ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็มาที่นี่ได้ตลอดนะคยูฮยอน” หญิงชราเอ่ยขึ้น มือเหี่ยวย่นของเธอกอบกุมมือของคยูฮยอนไว้แนบแน่น

                “ครับคุณยาย”

                “แต่ว่า...ยายหวังว่าหลานจะไม่มาที่นี่บ่อยๆ”

                “ทำไมล่ะครับ?” คยูฮยอนหน้าเสียเพราะไม่รู้ความหมายที่แท้จริง คู่ชีวิตของคุณยายจึงเอ่ยขึ้นมาแทน

                “เพราะเราไม่อยากให้หลานๆ มีเรื่องทุกข์ใจอีกน่ะสิ”

                “ขอบคุณครับ” คยูฮยอนโค้งลาผู้ใหญ่ทั้งสอง แล้วเดินออกมาก่อน

                “งั้นผมลาตรงนี้เลยนะครับ” ซีวอนรีบตามคยูฮยอนไปบ้าง พวกเขาเดินกลับไปถนนเล็กๆ ที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อวานนี้ คยูฮยอนเร่งฝีเท้ามากขึ้นเพราะอยากให้ถึงรถยนต์เร็วๆ เหงื่อหลายเม็ดผุดพรายตามอากาศที่ร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน แต่คยูฮยอนก็ยังไม่ยอมแพ้

    เขาไม่แม้แต่จะหยุดเดิน ไม่แม้แต่จะหันมาคุยกับซีวอน จนกระทั่งคยูฮยอนคว้าข้อมือบางเอาไว้

    “คยูฮยอน...”

    “อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วใช่ไหม เรารีบๆ เดินกันเถอะ” คยูฮยอนหันมาตอบแล้วออกเดินต่อ แต่ซีวอนบีบข้อมือของคยูฮยอนแน่นขึ้น

    “อีกตั้งไกล”

    “งั้นเราก็ควรจะเร่งเดินให้เร็วกว่าเดิม...จริงไหม?”

    “คยูฮยอน!” ซีวอนเอ่ยเรียกอีกครั้งแล้วเดินมาข้างหน้าคยูฮยอน เขาย่อตัวลงแล้วพูดขึ้น “มาขี่หลังฉันเถอะ”

                “ไม่เอาหรอก นายก็เหนื่อยเหมือนกันนี่นา”

                คยูฮยอนปฏิเสธ แต่ว่าซีวอนกลับไม่ยอมลุกขึ้นยืนง่ายๆ สุดท้ายก็จำใจเดินกลับมาขี่หลังของร่างสูง แต่โชคดีมากเลยที่เป็นแบบนี้ เพราะได้อยู่บนหลังของซีวอนแล้ว อยากจะร้องไห้ก็ทำได้

                คยูฮยอนปล่อยให้น้ำตาเอ่อไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เขาค่อยๆ โอบรอบคอซีวอนแน่นขึ้นแล้วซบหน้าไปกับไหล่หนาเพราะว่ามีความสุขเหลือเกิน

                “ซีวอน”

                “อืม”

                “นายมาที่นี่แล้ว แต่ทำไมนายยังลืมฉันไม่ได้ล่ะ?”

    คยูฮยอนถามเสียงอู้อี้ ในขณะที่จังหวะการก้าวเดินของซีวอนสม่ำเสมอและเชื่องช้าราวกับไม่อยากจากไปไหน ที่นี่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาทั้งสองคนเหมือนที่คยูฮยอนต้องการ และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้เกิดความทรงจำอย่างมากมายเหลือเกิน

                ...รวมทั้งเรื่องเมื่อคืนนี้ก็ด้วย

                “ฉันก็ไม่รู้” ซีวอนตอบสั้นๆ

                “นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาที่นี่แล้ว...ฉันก็ยังไม่ลืมนาย”

                คยูฮยอนไม่ได้พูดผิด และซีวอนก็มั่นใจด้วยว่าเขาไม่ได้หูฝาดไป ร่างสูงโปร่งยังคงแบกอีกฝ่ายไว้บนหลังแล้วก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอ

                วินาทีนั้น...เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่น่าจดจำสำหรับคนทั้งสองมากเหลือเกิน

     

                เช้าวันต่อมา ฮยอกแจตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดทงเฮแล้วก็นึกอยากจะนอนต่อ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อวานก็ไปทำงานสายมาแล้วทีหนึ่ง เขาคงจะต้องนอนหลับอีกสักงีบแน่ๆ

                เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ แต่ผ้าห่มนุ่มๆ และอ้อมกอดอุ่นๆ ของทงเฮทำให้รู้สึกสบายยิ่งกว่าใคร

                หรือว่านี่จะเป็นความฝัน...

                ฮยอกแจกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่เรียงความคิดของตัวเอง ไม่สิ เขาไม่ได้ฝันซะหน่อย

                เมื่อคืนนี้ หลังจากกินบะหมี่กันเสร็จแล้ว ทงเฮและฮยอกแจต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเอง ต่างคนต่างแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ต่างคนก็ต่างนอนอยู่บนเตียงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

                ภายในห้องนอนทั้งสองห้องนั้น...

                พวกเขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่อีกห้องเป็นอย่างไรบ้าง จะว้าวุ่นใจเหมือนตัวเองไหม จะนอนหลับไปแล้วหรือว่ากำลังคิดถึงอีกคนจนนอนไม่หลับ

                ฮยอกแจคิดถึงทงเฮ...จึงได้แต่ลืมตาในความมืด

                ส่วนทงเฮก็คิดถึงฮยอกแจ...จึงได้แต่เดินไปเดินมาในห้องอย่างหัวเสีย

                ความว้าวุ่นใจก่อตัวขึ้นมารอบๆ กายของทั้งสองคน ทงเฮคงนอนหลับไม่ได้ถ้าไม่ทำเรื่องที่ค้างคาให้มันจบๆ ไป ฮยอกแจเองก็เช่นกัน เขาคิดว่าคืนนี้เร็วเกินกว่าที่จะเข้านอน

                สุดท้ายแล้ว...

                ทงเฮก็ตัดสินใจเดินออกมาข้างนอก

                และฮยอกแจเองก็เปิดไฟในห้องแล้วเปิดประตูออกมาเช่นเดียวกัน

                ภาพนั้นเกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่พวกเขาจะลงไปกินบะหมี่กัน จนทั้งคู่ต้องแปลกใจกับตัวเองว่าทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้

                “เอ่อ...ฉัน...จะลงไปกินน้ำน่ะ” ฮยอกแจบอกอย่างตะกุกตะกัก

                “ฉันก็เหมือนกัน!

    ทงเฮเอ่ยขึ้น แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าหากันทีละนิด สำหรับฮยอกแจ แค่ได้บอก ราตรีสวัสดิ์กับทงเฮก็พอแล้ว แต่ทงเฮกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เขาแค่ต้องการพบหน้าฮยอกแจก่อนจะนอน

    “นายรออยู่ข้างบนนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปเอาน้ำมาให้” พูดจบร่างหนาก็วิ่งลงไปข้างล่าง ก่อนจะกลับขึ้นมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดกับแก้วหนึ่งใบ เขารินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้อีกฝ่าย

    พอฮยอกแจดื่มน้ำเสร็จ ทงเฮก็วางขวดน้ำไว้ที่โต๊ะบริเวณนั้น ทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก และไม่มีใครขยับขาเข้าห้องนอนของตัวเองด้วย

    จนกระทั่งทงเฮตัดสินใจเอ่ยถามออกมา...

                “ไปนอนกับฉันที่ห้องไหม?”

                เมื่อคืนฮยอกแจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาตอบทงเฮไปว่าอะไร แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่ได้ปฏิเสธนี่นา สุดท้ายแล้วเช้าที่สดใสวันนี้ ฮยอกแจก็ตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กับทงเฮที่โอบกอดตัวเองไว้

                ช่างอบอุ่น...

    ...มากเหลือเกิน

     

     

    Talk with Lee Seen

                มาอัพตามสัญญาแล้วจ้า สองทุ่มนิดๆ คึคึ

    ดูเหมือนว่าซีนจะเวิ่นเว้อไปมากจนทำให้เรื่องนี้อาจไม่จบภายใน 20 ตอน

    แต่จากที่คาดการณ์ไม่น่าจะเกิน 25 ตอนนะคะ

    ช่วยติดตามด้วยนะค้า...

    ขอบคุณคนอ่านทุกคนเหมือนเดิมค่า

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×