ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #14 : chapter 13 ฮยอกแจยังคงรอคนๆ นั้นกลับมาอยู่สินะ

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 54


     

     

    Chapter 13

     

                คิบอมมาส่งทงเฮถึงหน้าบ้าน ตลอดทางพวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ ทงเฮเอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้และปาดน้ำตาอยู่เงียบๆ จนกระทั่งรถของคิบอมจอดลง

     

                “ขอบใจที่มาส่งนะ”

     

                ทงเฮพูดเหมือนเดิมด้วยน้ำเสียงที่อู้อี้ คิบอมมองคนน่ารักด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะแตะไหล่บางของทงเฮแล้วเอ่ยขึ้น

     

                “นายน่าจะพูดคำอื่นกับฉันบ้างนะ”

     

                “ฉันขอโทษ...” ทงเฮช้อนตาขึ้นมองแล้วบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงสั่นเครือ

     

                “นอกจากคำว่าขอบคุณและขอโทษ ไม่มีคำอื่นอีกแล้วเหรอ”

     

                “...”

     

                นอกจากสองคำนี้ ทงเฮก็คงมีแต่ความเงียบส่งไปให้คิบอมเท่านั้นสินะ คิบอมพยักหน้าสองสามครั้ง เขาเห็นใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตา หากแต่เขาไม่เคยได้ยินเสียงสะอื้นมาจากทงเฮเลยสักครั้ง

     

                แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ

     

                ทว่าจิตใจของทงเฮกลับเข้มแข็งกว่าใครๆ

     

                “มันคงจะดีถ้านายซบไหล่ฉันและร้องไห้ไปด้วย”

     

                เขาไม่ได้คาดหวังกับคำพูดนั้น แต่ทงเฮก็โผเข้ากอดเขาแน่น คิบอมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ที่ไหล่หนาของตัวเองเสียแล้ว

     

                “...ฮึก...คิบอม...”

     

                “ฉันจะอยู่ข้างนาย ไม่ต้องกลัวนะ”

     

                “...ฉันไม่แคร์ใครทั้งนั้น...ฮือ...ใครจะว่ายังไงก็ช่าง...แต่ฮยอกแจ...ฮึก...ฉันรักฮยอกแจ”

     

                คำพูดของทงเฮทำให้ร่างสูงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ปล่อยให้ทงเฮร้องไห้อยู่พักใหญ่ และมือหนาก็ลูบเรือนผมนุ่มอย่างอ่อนโยน คิม คิบอมให้ทงเฮได้แค่นี้แหละ ให้ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลยก็ตาม

     

     

     

                ทงเฮเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่คิบอมกลับไปแล้ว ร่างบางเอาแต่ก้มหน้าจึงไม่ได้สังเกตว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้านของเขา จนกระทั่งเดินเข้ามาถึงด้านใน

     

                “ผมขอร้องล่ะ คุณกับลูกช่วยย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้ไหม”

     

                “ฉันทำไม่ได้ค่ะ” แม่ของทงเฮเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่น

     

                “ทงจา!

     

                “ฉันทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

     

                “คุณก็รู้ว่าถ้านักข่าวรู้เรื่องของเรา ผมจะไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า”

     

                “แต่ฉันอยากให้ทงเฮมีการศึกษาที่ดี คุณคังฮุนก็ให้โอกาสทงเฮได้เรียนหนังสือที่นั่นเอง ฉันไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของคุณเลย ได้โปรดปล่อยเราแม่ลูกไปเถอะค่ะ”

     

                ทงเฮแอบมองอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน เขาเห็นแม่คุกเข่าลงต่อหน้าผู้ชายคนนั้นทำให้ความอดทนของร่างเล็กขาดผึงขึ้นมาในทันที ทงเฮขว้างกระเป๋าไปตรงหน้าทำให้นางทงจาสะดุ้งเฮือก

     

                “ทงเฮ...” เสียงสั่นเทาของคนเป็นแม่เอ่ยเรียกลูกชาย

     

                “คุณมาที่นี่ทำไม?” ทงเฮมองชายวัยกลางคนด้วยดวงตาที่มีแต่ความโกรธเกลียด

     

                “พูดกับพ่อแบบนั้นได้ยังไงอี ทงเฮ” คนเป็นแม่พยายามจะดึงมือลูกชายนั่งลงกับพื้น ทว่าทงเฮกลับขืนตัวเองไว้ ดวงตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ชายผู้นั้นอย่างไม่กระพริบตา ในขณะที่แม่ของเขาเอาแต่ร้องไห้

     

                “เขาไม่ใช่พ่อของผม”

     

                “ทงเฮ แม่ขอร้องล่ะ”

     

                “คุณจะไล่พวกเราไปอยู่ที่อื่นอีกแล้วใช่ไหม คราวนี้ข้ออ้างอะไรอีกล่ะ คุณมันต่ำจริงๆ”

     

                เพียะ!

     

                ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและตบหน้าหวานไปฉาดใหญ่ ทงเฮกุมมือบางที่ใบหน้าของตัวเองไว้ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาอุ่นไหลออกมาเป็นสาย นึกโทษตัวเองที่เกิดมาและต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

     

                เขาน่าจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

     

                “อย่ามาทำอวดดีกับฉัน!

     

                “ขอร้องล่ะค่ะ ฉันจะออกไปเอง...ฮึก...เราจะย้ายไปจากที่นี่เอง...”

     

                ทงจาเกาะขาร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองลูกชายแท้ๆ ราวกับจงเกลียดจงชังมาเป็นสิบชาติ เขาสะลัดท่อนขาของตัวเองทำให้นางทงจากระเด็นออกห่าง ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน ทิ้งเพียงรอยน้ำตาที่ปวดร้าวของสองแม่ลูก ทงเฮร้องไห้แทบขาดใจ เขาไม่ได้เสียใจที่พ่อไม่เคยรักเขา

     

                แต่ทงเฮเสียใจที่พ่อทำร้ายแม่

     

                “ทงเฮ อย่าเกลียดพ่อเลยนะลูก” คนเป็นแม่เอ่ยบอกในขณะที่โอบกอดลูกชายเอาไว้เต็มความรัก

     

                “ทำไมครับ...ฮึก...ทำไมผมจะเกลียดพ่อไม่ได้...”

     

                “มันบาป...”

     

                “แต่พ่อเกลียดพวกเราก่อน”

     

                “...”

     

                “ผมจะไม่ย้ายออกไปไหนทั้งนั้น ต่อไปนี้ผมจะทำแต่สิ่งที่พ่อห้าม ถ้าพ่อให้เดินทางซ้าย ผมก็จะไปทางขวา ถ้าพ่อให้หยุด ผมจะวิ่งไปข้างหน้า และผมจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเลย”

     

                หัวใจของแม่แทบแหลกสลายเมื่อลูกชายพูดออกมาเช่นนั้น ทงจาตระหนักได้แล้วว่าลูกชายของเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป หลายครั้งที่ทงเฮเห็นพ่อ ทงเฮเอาแต่ร้องไห้และวิ่งเข้าไปกอด แต่ครั้งนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว

     

     

     

                หลายวันต่อมา ทงเฮไปสมัครงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ โชคดีที่ร้านนั้นขาดพนักงานอยู่พอดี ร่างบางจึงได้เริ่มงานตั้งแต่วันแรกที่ไปสมัคร

     

                “ยินดีต้อนรับครับ”

     

                เสียงใสเอ่ยทักทายทั้งๆ ที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ ทว่าเมื่อลูกค้าเดินเข้ามาจ่ายเงิน ทงเฮถึงกลับผงะอย่างตกใจ

     

                “ทงเฮ...ทงเฮใช่ไหม” ตอนแรกร่างบางคิดว่าจะหลบหน้าเพื่อนร่วมห้อง หากแต่ระยะที่ใกล้และจู่โจมขนาดนี้ เขาคงหลบไม่ทันเสียแล้ว

     

                “เอ่อ...นายมาทำอะไรแถวนี้เหรอคังโฮ”

     

                “มาเยี่ยมญาติน่ะ ว่าแต่นายเถอะ...ทำไมถึงมาทำงานที่ร้านแบบนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่าสิ่งที่ซองมินพูดเป็นความจริง”

     

                คังโฮโน้มเข้ามาถามใกล้ๆ จนทงเฮหน้าซีดเผือด หัวใจของร่างเล็กแทบจะหยุดเต้นเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกจับได้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ทว่าสมองอันปราดเปรื่องกลับคิดออกอย่างทันทีทันใด

     

                “บ้าน่า จะเป็นความจริงได้ยังไงกัน” เขาบอกพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน “ก็...พ่อฉันน่ะสิ ท่านบอกว่าฉันชอบทำตัวไร้สาระไปวันๆ เลยจับฉันมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่”

     

                “เอ่อ...งั้นเหรอ?” คังโฮทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ

     

                “ก็ใช่น่ะสิ ฉันน่ะเมื่อยจะตายอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”

     

                “อืมๆ งั้นฉันไปก่อนนะ” เขาบอกพร้อมกับโบกมือลาทงเฮ หลังจากเพื่อนออกไปแล้ว ร่างบางก็ทิ้งตัวนั่งลงหลังเคาน์เตอร์ด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว การโกหกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ทำให้ทงเฮมีความสุขเลยแม้แต่นิด ทว่าเมื่อเขาได้เริ่มต้นแล้ว อี ทงเฮกลับหยุดยั้งมันไม่ได้

     

                การยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังโกหกมันยากกว่าการที่เขาต้องแต่งเรื่องขึ้นมาเสียอีก

     

     

     

                หลังจากเลิกงานพาร์ทไทม์ คิบอมก็โทรศัพท์เข้ามาหา ตอนแรกทงเฮก็ไม่อยากรับสายเท่าใดนัก หากแต่โทรศัพท์กลับส่งเสียงดังอยู่หลายครั้งจนผู้จัดการร้านมองหน้า

     

                “ยอโบเซโย”

     

                [ทงเฮ...ทำอะไรอยู่น่ะ?] คิบอมพยายามทำน้ำเสียงร่าเริงเข้าไว้

     

                “เพิ่งเลิกงานน่ะ กำลังจะเก็บของกลับบ้านแล้ว”

     

                [วาดรูปอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันไปรับนะ]

     

                “เอ่อ...ไม่ใช่หรอก งานอย่างอื่นแถวบ้านน่ะ” ทงเฮไม่กล้าบอกคิบอมออกไปว่าเขาทำงานหลายๆ อย่างในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายจะเอื้ออำนวยมากแค่ไหน เสียงของคิบอมขาดหายไปช่วงหนึ่งจนร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเปิดประตูออกไปหน้าร้านก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างแปลกใจ

     

                “คิบอม!

     

                “อื้อ ฉันเอง...” มือหนาโบกทักทายเขา ก่อนจะกวักมือให้ทงเฮวิ่งขึ้นไปบนรถ

     

                “นายตามหาฉันเจอได้ยังไง” ทงเฮเอ่ยถามขึ้นทันทีที่นั่งข้างๆ กับคนขับ คิบอมไม่ได้ตอบออกไป เพราะเขาไม่ได้ตามหาทงเฮ แต่เขากำลังจะขับรถไปรับทงเฮที่บ้าน ทว่ากลับเจอคนตัวเล็กเดินออกมาจากร้านพอดิบพอดี คิบอมยิ้มบางๆ ก่อนจะขับรถออกไปเรื่อยๆ

     

                “ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันเถอะ”

     

     

     

                ครึ่งชั่วโมงต่อมาคิบอมก็พาทงเฮมาทานอาหารย่านอับกูจอง ย่านนี้เป็นย่านที่ดารานักร้องมากหน้าหลายตารวมทั้งชนชั้นมีอันจะกินของประเทศมาเดินช้อปปิ้ง ร้านค้าและร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในย่านนี้จึงมีราคาสูงลิบลิ่วจนทงเฮต้องทำตาโตเท่าไข่ห่านตลอดทางที่เดินผ่าน

     

                “อย่าทำตัวแบบนั้นสิ นายกำลังทำให้ฉันอายนะ” คิบอมกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูในขณะที่เขากำลังเดินจับมือทงเฮเดินไปตามถนน

     

                ดูเหมือนทงเฮจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกจับมืออยู่

     

                “นี่เป็นครั้งแรกของฉันนี่นา” เขาสะบัดเสียงบอกอีกฝ่าย

     

                “ก็ทำเหมือนตัวเองเคยมาเป็นครั้งที่ร้อยแล้วสิ นายทำได้ไม่ใช่เหรอ”

     

                “นี่แน่ะ ว่าฉันเหรอ?” มือบางหยิกที่เอวหนาเข้าอย่างจัง

     

                “โอ๊ย! มันเจ็บนะ”

     

                “ก็นายมาว่าฉันก่อนทำไมล่ะ”

     

                “ฉันแค่อยากทำให้นายยิ้มบ้าง ดูสิ...นายยิ้มแล้ว” คิบอมชี้ไปที่ใบหน้าหวานจนทงเฮหยุดยิ้มฉับ คนตัวเล็กเสมองไปดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ละคนก็ล้วนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงทั้งสิ้น เมื่อเขาก้มลงมองสภาพตัวเองแล้ว ทงเฮก็ได้แต่ถอนหายใจ

     

                เขาเหมือนคนรับใช้ที่กำลังเดินมาถือกระเป๋าให้เจ้านายแท้ๆ เชียว

     

                “ไปดูเสื้อผ้าร้านนี้กันเถอะ” คิบอมกระชากข้อมือบางให้เดินเข้าไปในร้านหนึ่ง เขาหยิบเลือกชุดเป็นว่าเล่นจนทงเฮมองตามแทบไม่ทัน

     

                “เอาทั้งหมดนี่แต่เปลี่ยนเป็นไซส์ของผู้ชายคนนี้ให้ด้วยนะครับ” คิบอมพูดจบก็หันมาทางทงเฮและกระตุกยิ้มให้

     

                “นายซื้อไปให้ใครตั้งเยอะแยะ” ทงเฮเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

     

                “ก็ซื้อให้นายไง”

     

                “คิบอม...ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”

     

                “แต่ฉันซื้อมาแล้วนะ นายจะให้ฉันเอาไปทิ้งหรือไง” เขาบอกแกมบังคับ ก่อนจะยืนถุงทั้งหมดให้ทงเฮถือเอาไว้เอง ทงเฮพยายามจะคืนเสื้อผ้าให้กับอีกฝ่าย แต่คิบอมก็ทำเป็นไม่สนใจท่าเดียว

     

                คิบอมมองหาร้านอาหารที่ตนเองอยากทานไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทงเฮเอาแต่ก้มหน้าสนใจถุงเสื้อผ้าในมือของตัวเอง จนกระทั่งขายาวหยุดกึกและมองเข้าไปในร้านจิวเวลรี่ร้านหนึ่ง ทงเฮจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองตามคิบอมออกไป

     

                “ดูนั่นสิ” คิบอมชี้มือเข้าไปในร้าน

     

                “นั่น...ฮยอกแจเหรอ?”

     

                “อืม” เขาพยักหน้ารับ “หมอนั่นเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว ชอบมายืนเลือกกำไลข้อมืออยู่คนเดียว”

     

                “เรากลับกันเถอะ” ทงเฮพยายามจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น หากแต่เสียงของคิบอมก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     

                “ฮยอกแจบอกว่าดูเอาไว้เผื่อคนๆ นั้นของมันจะกลับมา”

     

                “คิบอมกลับเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว” ทงเฮกำลังโกหก ทว่าคิบอมกลับรู้ดีว่าตอนนี้คนตัวเล็กรู้สึกยังไงเขาจึงไม่คิดจะหยุดพูด ต่อให้ทงเฮร้องไห้มากแค่ไหน คิบอมก็ไม่มีทางที่จะหยุดพูดเด็ดขาด

     

                โดยเฉพาะคำๆ นี้

     

                “ฮยอกแจยังคงรอคนๆ นั้นกลับมาอยู่สินะ”

     

     

     

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                มีคนเห็นพ้อยน์ทํของลีซีนแล้ว ใครไม่เข้าใจฮยอกแจ

    รบกวนไปอ่านคอมเม้นท์ที่ 505 นะคะ วิเคราะห์ได้ตรงกับสิ่งที่ซีนต้องการสื่อ

    แสดงว่า...การเล่าเรื่องของซีนประสบความสำเร็จแล้ว อิยะฮะฮะฮ่า(มันบ้า...)

     

    ฟิกเรื่องนี้ราคาเล่มละ 250 บาทค่ะ (ค่าส่ง 40 บาท) แต่ซีนจะเปิดจองอย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 19 พ.ค. นะคะ >>> เตรียมเก็บเงินรอกันได้เลย

     

    ฟิกเรื่อง You are My Lee Donghae จะถูกรีปริ้นท์สองรอบ

    รอบที่ 1 รีปริ้นท์พร้อมกับเรื่อง Strawberry Lee Donghae

    รอบที่ 2 รีปริ้นท์ช่วงเดือน ก.ค. ส.ค. เพื่อเตรียมไปขายในงาน KFC ค่ะ

     

    ส่วนเรื่องที่อื่นๆ ที่จะรีปริ้นท์ไปขายในงาน KFC มีดังนี้นะคะ

    - No Feel เพราะผมไม่มีความรู้สึก

    - ปฏิบัติการ ซ่อนชู้

    - Time

    - You are My Lee Donghae และ You are My Jo Kyuhyun

    - ถ่านไฟเก่า

    - Erotic Drama

    ช่วยติดตามความคืนหน้าด้วยนะคะ

    สำหรับใครที่ต้องการเรื่องไหน หรืออยากให้ซีนรีปริ้นท์เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้บอกชื่อเรื่องและทิ้งอีเมล์ไว้ได้เลยนะคะ

    ปล.อย่าทิ้งแค่อีเมล์อย่างเดียวนะคะ รบกวนบอกชื่อเรื่องที่ต้องการด้วยค่ะ แล้วซีนจะติดต่อกลับไปเอง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×