ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Sorry, My Juliette [Bumhyuk, WonKyu, TeukChul]

    ลำดับตอนที่ #11 : Sorry,My Juliette - Chapter 11

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 54


     

    Chapter 11

     

                ฮยอกแจกลับมาบ้านอีกครั้งก็ตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว จองซูยืนรอน้องชายคนกลางอยู่หน้าบ้าน พอเห็นรถยนต์ของฮยอกแจจอดลง พี่ชายหน้าหวานก็เดินเข้ามาหาทันที

     

                “ฮยอกแจ ออกไปไหนมาทั้งคืน?”

     

                “ผม...ผมไปนอนบ้านเพื่อนมาครับ”

     

                “เพื่อนคนไหน?” จองซูถามสวนกลับแทบจะในทันที

     

                “พี่จองซู...”

     

                “ผู้ชายคนนั้นที่นายไปหาเขา เขาไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหมฮยอกแจ”

     

                คำถามของคนเป็นพี่ทำให้ฮยอกแจยืนนิ่งอึ้ง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปช้าๆ

     

                “พะ...พี่จองซูรู้?”

     

                “เป็นความจริงเหรอเนี่ย” จองซูอยากจะเป็นบ้า เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมาในยุคที่โลกมีเทคโนโลยีและความก้าวหน้าครบครัน เรื่องผีและวิญญาณมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

     

                แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว

     

                “งั้นออกไปกับพี่” จองซูคว้ามือคนเป็นน้องให้เดินไปขึ้นรถยนต์ของตัวเอง

     

                “ไปไหนครับพี่จองซู”

     

                “ไปเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง”

     

     

     

                อีกไม่กี่นาทีต่อมา จองซูพาคนเป็นน้องไปพบบาทหลวงในโบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่ง มันอาจจะเป็นวิธีที่ดูโง่เขลา แต่ปาร์ค จองซูก็เป็นห่วงน้องชายมากจริงๆ

     

                “หลวงพ่อ ช่วยน้องชายของผมด้วยครับ”

     

                “หืม?” ชายวันกลางคนหัวล้านค่อยๆ หันมามองจองซูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะหันไปมองฮยอกแจบ้าง

     

                “อยากให้พ่อช่วยอะไร?”

     

                “น้องชายของผมถูกวิญญาณร้ายตาม เมื่อวานนี้ก็ไม่ยอมกลับบ้าน แถมยังซูบผอมไม่เหมือนคนปกติอีก”

     

                “พี่จองซู คิบอมไม่ใช่วิญญาณร้ายนะครับ”

     

                ฮยอกแจเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจ แต่คนเป็นพี่ไม่ฟังเลย จองซูเอาแต่บอกกล่าวกับบาทหลวงอย่างอ้อนวอน ทว่าบาทหลวงท่านนั้นกลับส่ายหน้าช้าๆ เมื่อมองหน้าของฮยอกแจ

     

                บางสิ่งที่เร้นลับกำลังบอกกับบาทหลวงคนนั้น

     

                “พ่อคงช่วยอะไรน้องชายของลูกไม่ได้”

     

                “ท...ทำไมล่ะครับ?”

     

                “มันเป็นชะตาลิขิตของเขา เราไม่อาจฝืนชะตาของสวรรค์ได้”

     

                “แล้วน้องของผมต้องถูกวิญญาณตามไปถึงเมื่อไร”

     

                “พี่จองซูพอเถอะครับ เรากลับบ้านกันเถอะ”

     

                ฮยอกแจไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว เขาอยากนอนอยู่บ้าน อยากปล่อยให้สมองว่างแล้วหยุดคิดเรื่องนี้เสียที แต่จองซูก็ไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่ยอมให้คนในครอบครัวเป็นอะไรไปเด็ดขาด

     

                ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณร้ายหรือวิญญาณดีก็ตาม

     

                ปาร์ค จองซูจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งเดียวกับน้องชายของเขา

     

                “มีเครื่องรางสำหรับป้องกันผีไหมครับหลวงพ่อ” จองซูเอ่ยถาม เขายอมรับว่าตัวเองหวาดกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใด จองซูเป็นห่วงน้องชายมากที่สุด

     

                “พ่อให้สายสิญจน์ไปแล้วกัน แต่ว่าลูกจะทำสำเร็จหรือไม่ ให้จำเอาไว้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากสวรรค์ลิขิตเอาไว้แล้ว”

     

     

     

                เช้าวันต่อมา ฮยอกแจก็ไปทำงานปกติ ถึงเขาจะกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องทงเฮ แต่ฮยอกแจก็เกรงใจฮีชอลที่ต้องให้ค่าจ้างเขาทั้งๆ ที่เขาเป็นลูกจ้างที่แย่มาก

     

                “สวัสดีครับพี่ฮีชอล”

     

                “นึกว่านายไม่มีชีวิตอยู่ซะแล้ว”

     

                นั่นคือคำทักทายที่เป็นห่วงของฮีชอล ฮยอกแจไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้จักนิสัยใจคอของฮีชอลเป็นอย่างดี

     

                “ขอโทษครับ” ฮยอกแจโค้งศีรษะเล็กน้อย ฮีชอลจึงเดินเข้ามาหาแล้วแตะไหล่บางอย่างแผ่วเบา

     

                “ต่อไปนี้จะไปไหนก็อย่าลืมบอกจองซูมันนะ มันเป็นห่วงฮยอกแจมากรู้ไหม”

     

                “ผมรู้ครับ”

     

                “รู้ก็ดีแล้ว ถึงเราจะโตแค่ไหน แต่ในสายตาของคนเป็นพี่ก็ยังมองว่าน้องชายเป็นเด็กเสมอ”

     

                ฮยอกแจพยักหน้าอย่างเข้าใจ เข้าใจว่าพี่ชายเป็นห่วงเขา และยังเข้าใจลึกซึ้งมากกว่านั้นด้วยว่า...ฮีชอลเป็นห่วงความรู้สึกของจองซูมากเพียงใด

     

                ฮีชอลกำลังจะเดินไปทำงานที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เขาต้องแก้ขนาดชุดสูทที่ลูกค้าเช่าเล็กน้อย ทว่าใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าร้านทำให้ฮีชอลอารมณ์ขึ้น

     

                “จองซูมันทำอะไรน่ะ?” เสียงหวานบ่น ก่อนจะเปิดประตูออกไปนอกร้าน

     

                “ออกไปจากหน้าร้านของฉันเดี๋ยวนี้”

     

                “ไม่ได้หรอก ฉันต้องเอาสายสิญจน์มากั้นหน้าร้านนายเอาไว้ วิญญาณร้ายจะได้ไม่มารังควานฮยอกแจ”

     

                จองซูบอกพร้อมกับพยายามแขวนเส้นด้ายสีขาวที่หน้าร้านของฮีชอล พอดวงตาคู่เฉี่ยวมองไปร้านฝั่งตรงข้ามก็พบว่าจองซูกั้นสายสิญจน์ที่ร้านของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                “บ้าไปกันใหญ่แล้ว เอาของพวกนี้ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฮีชอลว่าพลางแกะสายสิญจน์ออก

     

                “ฉันจะไม่ยอมให้ฮยอกแจเป็นอะไรเด็ดขาด”

     

                “แต่นี่มันร้านของฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้!” ฮีชอลผลักจองซูเซถอยหลังจนเกือบล้ม ฮยอกแจคิดว่าพี่ชายทั้งสองจะทะเลาะรุนแรงจึงรีบวิ่งเข้ามาห้าม

     

                “พี่ฮีชอลอย่าว่าพี่จองซูเลยครับ ถ้าเขาสบายใจก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ”

     

                “แต่นี่มันร้านตัดชุดแต่งงาน ไม่ใช่สำนักหมอผี” ฮีชอลบอก จ้องตาเจ้าของร้านคู่แข่งเขม็ง

     

                “เห็นแก่ตัวที่สุด!” จองซูพ่นเสียงลอดไรฟัน แต่ฮีชอลกลับไม่ยอมแพ้ คว้าสายสิญจน์ทั้งหมดมาถือไว้แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ

     

                “ฉันว่านายน่าจะไปให้หมอเช็คสมองบ้างนะปาร์ค จองซู” พูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าจองซูในทันที

     

     

     

                ตลอดทั้งวัน ฮยอกแจพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ให้ดูเป็นคนที่สดใสและไม่มีเรื่องทุกข์ใจใดๆ ทั้งสิ้น ฮีชอลคิดว่าคงไม่มีอะไรอีกแล้ว เพราะฮยอกแจก็ไม่ได้พูดถึงลูกค้าคนนั้นอีก

     

                แต่ตอนบ่าย ในขณะที่ฮีชอลออกไปส่งชุดแต่งงานให้ลูกค้าข้างนอก

     

                คิบอมก็ปรากฎตัวขึ้น

     

                “ฮยอกแจ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก ฮยอกแจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มันช่างชวนให้ขนลุกมากเหลือเกิน

     

                “คุณ...คุณตายไปแล้ว อย่ามายุ่งกับผมเลย อย่ามาหาผมอีก...” ฮยอกแจหลับตาปี๋ มือทั้งสองข้างยกขึ้นขอร้องวิญญาณตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น

     

                “ฮยอกแจ มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยผมได้” คิบอมแตะมือเข้ากับข้อมือบางของฮยอกแจ ความเย็นเฉียบทำให้ฮยอกแจขนลุกซู่ ร่างบางตัวสั่นเทามากยิ่งขึ้น

     

                “อย่ามายุ่งกับผม คิบอม...ผมขอร้อง อย่ามาหาผมอีกเลย”

     

                “ฮยอกแจ คุณต้องช่วยผมนะ”

     

                “แต่คุณเป็นผี คุณตายไปแล้ว คุณไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่”

     

                ฮยอกแจไม่ยอมฟังอะไรทั้ง คิบอมค่อยๆ สอดมือหนาไปกุมมือเล็กๆ ที่สั่นเทาเอาไว้ มันแปลกมากที่เขาจับมือกับฮยอกแจได้ เขาสามารถปรากฏตัวให้ฮยอกแจมองเห็น และพูดคุยกับฮยอกแจเหมือนเป็นมนุษย์ทั่วไปคนหนึ่ง

     

                “มองหน้าผมสิฮยอกแจ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นช้าๆ พยายามจะดึงมือของตัวเองออกห่าง แต่คิบอมกลับจับเอาไว้แน่น

     

                “ผ...ผมกลัว...”

     

                “ผมดูน่ากลัวตรงไหน ดูดีๆ สิ ผมยังเป็นคิม คิบอมเหมือนที่คุณเคยเห็นในวันแรก ฮยอกแจ...คุณจำผมไม่ได้แล้วเหรอ?”

     

                ฮยอกแจรู้สึกดีใจไม่น้อยที่เห็นคิบอมกลับมา แต่เขาก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เมื่อรู้ว่าคิบอมเป็นเพียงวิญญาณ คิบอมเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น

     

                ไม่มีชีวิต

     

                ไม่มีตัวตน

     

                “ผมอยากให้คุณช่วยทำให้ทงเฮจำผมได้ ไม่ต้องไปกดดันเขา แต่อย่างน้อยเราก็ควรรู้ว่าทงเฮเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันที่เท่าไร”

     

                “ทำไมคุณไม่ไปหาเองล่ะ คุณเป็นวิญญาณไม่ใช่เหรอ?” ฮยอกแจถามเสียงสั่น

     

                “นอกจากคุยกับคุณ ผมก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย”

     

                “แล้วผมต้องทำยังไง?”

     

                “ถามทงเฮว่าเขา...อะ...โอ๊ย!

     

                คิบอมยังพูดไม่จบ แต่จู่ๆ เขาก็กุมศีรษะแน่น ร่างสูงมีสีหน้าเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว ฮยอกแจเบิกตากว้าง ลืมความหวาดกลัวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในใจ เขาถลาวิ่งเข้าไปประคองคิบอมเอาไว้

     

                “คิบอม คุณเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?”

     

                “ผมปวดหัว ปวดหัวแล้วก็เจ็บหน้าอกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต โอ๊ย!

     

                ลำตัวของคิบอมกระตุกอย่างน่ากลัว ฮยอกแจประคองคนตัวหนาไว้ในอ้อมกอด ทว่าผ่านไปไม่กี่วินาที ร่างกายของคิบอมก็ค่อยๆ จางลงไป ฮยอกแจไม่สามารถสัมผัสคิบอมได้อีก

     

                “คิบอม คุณอย่าไปไหนนะ คิม คิบอม...”

     

                ฮยอกแจร้องไห้จนตัวโยน คิบอมไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกแล้ว แม้แต่สิ่งที่คิบอมขยับปากพูดออกมา ฮยอกแจก็ไม่ได้ยินมันเลย ร่างนั้นค่อยๆ จางหายไปในที่สุด เหลือเพียงน้ำตาจากดวงตาคู่สวยที่ยังรินไหลเป็นสาย

     

                “ฮยอกแจ...เกิดอะไรขึ้น?” ฮีชอลเดินเข้ามาในร้านเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นฮยอกแจนั่งคุกเข่าพูดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว

     

                “พี่ฮีชอล...ฮึก...” ฮยอกแจโผเข้ากอดคนตรงหน้า เขาเล่าทุกอย่างให้ฮีชอลฟังจนหมด แต่ฮีชอลก็ไม่ปักใจเชื่อเท่าใดนัก

     

                ในโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณได้อย่างไรกัน

     

               

     

                เสียงโทรศัพท์มือถือของคยูฮยอนส่งเสียงดังขึ้น คยูฮยอนหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะย่นคิ้วเมื่อเห็นว่ามันเป็นเบอร์สาธารณะ

     

                “สวัสดีครับ” คยูฮยอนรับสายและกรอกเสียงลงไป

     

                [...]

     

                เสียงคลื่นโทรศัพท์ยังดังเบาๆ ขึ้นมาให้ได้ยิน คยูฮยอนรู้ว่าปลายทางยังไม่ได้วางสาย แต่ทำไมถึงโทรมาแล้วไม่ยอมพูดอะไรเลย

     

                “สวัสดีครับ”

     

                [...] มันยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น

     

                “ซ...ซีวอน นั่นซีวอนใช่ไหม” มือเรียวปิดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้ แต่มันไม่ได้ผล เสียงสะอื้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     

                “ซีวอน นายพูดกับฉันสิ นายโทรมาหาฉันใช่ไหม ซีวอน...นายคิดถึงฉันหรือเปล่า ฉันคิดถึงนาย ฉันคิดถึงนายจริงๆ”

     

                ตู๊ด~

     

                โทรศัพท์ถูกตัดไปพร้อมกับคยูฮยอนที่ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง เขาร้องไห้จนตัวโยน มั่นใจเหลือเกินว่าคนๆ นั้นที่โทรมาหาเขาเป็นคนที่เขาคิดถึงมากที่สุด

     

                ชเว ซีวอน

     

    To be continue…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×