คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : chapter 9 ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย...หรือว่าไม่ใช่?
Chapter 9
ฮยอกแจจับมือของทงเฮไว้แน่น พวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันท่ามกลางความอึ้งของนักศึกษาคนอื่นๆ ฮยอกแจเป็นคนที่เคร่งขรึมอยู่แล้วจึงไม่มีใครสามารถเดาความรู้สึกของเขาได้ หากแต่ทงเฮที่กำลังหวาดกลัวก็แสดงอาการนิ่งเฉยได้ดีไม่แพ้กัน
“ฮยอกแจ...นายคบกับทงเฮเหรอ” ซองมินเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะแล้วเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“อืม” ทงเฮหันไปเชิดหน้าตอบ
“ฉันไม่ได้ถามนาย ฉันถามฮยอกแจ”
“ฉันกับทงเฮคบกันแล้ว ใครจะตอบก็มีค่าเท่ากัน”
ฮยอกแจไม่ได้มองหน้าซองมินเลยสักนิด ร่างอวบกระทืบเท้าอย่างเสียหน้า ในขณะที่คนทั้งห้องต่างพากันส่งเสียงฮือฮา มีเพียงคิบอมเท่านั้นที่ก้มหน้าซุกซ่อนความเศร้าของตัวเอง
...เขาช้ากว่าฮยอกแจกี่ก้าวกันนะ
หนึ่งก้าว...สองก้าว...หรือว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มก้าวเลยด้วยซ้ำ
“นายโกหก!” ซองมินกัดฟันพูด
“แล้วแต่จะคิด” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะหันไปยิ้มบางๆ ให้กับทงเฮ รอยยิ้มที่ทงเฮไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด ฮยอกแจกำลังคลี่ยิ้มที่เสแสร้งส่งมาให้เขา
มันคงจะดีกว่านี้ถ้ารอยยิ้มนั่นออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง
“นายเคยบอกฉันว่านายจะไม่รักใครอีก นายจะรอจนกว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมา ฮยอกแจ...ทุกคนก็รู้ว่านายเคยพูดแบบนี้”
“ฉันพูดแบบไหนตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะฮยอกแจ ถ้านายเลิกรักผู้ชายคนนั้น คนที่นายจะมองคนแรกก็ควรเป็นฉันสิ”
ซองมินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำตาที่นองเต็มใบหน้าหวาน ทงเฮได้แต่นั่งนิ่งเฉย เขาไม่ได้หันไปมองหน้าฮยอกแจเลยสักนิดว่ากำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่ ผู้ชายที่ฮยอกแจรักและกำลังรอคอยอยู่คือใครกันนะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องที่ฮยอกแจบอกเขาในวันนี้คงเป็นได้แค่ละครที่พวกเขาต้องแสดงเท่านั้น
แค่ละครฉากหนึ่งที่มีแต่ความโกหก...
“ฉันไม่ได้รอใครและฉันก็ไม่เคยรักใครด้วย”
“ฉันไม่เชื่อ...นายโกหก...ฮึก...นายโกหก” ซองมินปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างไม่อายใคร ทุกคนในห้องรู้ดีว่าซองมินแอบชอบฮยอกแจมานานแล้ว แม้ว่าซองมินจะชอบเดทกับผู้ชายหลายคนสักแค่ไหน แต่คนที่ซองมินชอบมากที่สุดก็คืออี ฮยอกแจ
“ตอนนี้ฉันคบกับทงเฮแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก” ฮยอกแจเอ่ยบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่โตมาฮยอกแจก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครอยู่แล้ว...นอกจากผู้ชายคนนั้น
“ฉันจะบอกอะไรให้นะฮยอกแจ คนที่นั่งข้างนายเป็นคนเสแสร้งสิ้นดี ตอนนี้นายอาจจะยังไม่รู้ แต่ซักวันนายจะต้องเสียใจกับสิ่งที่นายเลือก”
พอซองมินพูดจบก็วิ่งหนีออกไปจากห้องเรียนทันที พอดีกับซีวอนที่เดินสวนเข้ามาในห้องด้วยความงุนงงเมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
“ซองมินเป็นอะไรไปวะฮยอกแจ คิบอม” ร่างสูงเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง
“เรื่องไร้สาระน่ะ นายไปนั่งที่เถอะ อาจารย์จะเข้าสอนอยู่แล้ว” คิบอมบอกด้วยเสียงเนือยๆ ซีวอนจึงยักไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งหลังสุดเช่นทุกครั้ง
หลังจากที่เหตุการณ์ในห้องเริ่มกลับมาปกติดีแล้ว ทงเฮก็ค่อยๆ ชักมือบางของตัวเองออกจากมือของฮยอกแจ ฮยอกแจหันไปมองคนข้างกาย ก่อนจะรู้ตัวว่าตลอดหลายนาทีที่ผ่านมาเขาจับมือของทงเฮแน่นมากแค่ไหน แววตาที่ฮยอกแจมองมาในตอนนี้ ทงเฮอยากจะเก็บมันไว้ จดจำมันเอาไว้
เพราะเขารู้ดีว่าแววตาที่เป็นห่วงเขาจากฮยอกแจคงจะไม่มีให้เห็นได้อีกง่ายๆ แน่
“ไม่ต้องห่วงนะ อะไรที่ฉันบอกว่าจะทำแล้ว ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ฮยอกแจกระซิบข้างๆ หูคนตัวเล็ก ทงเฮพยักหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ ทว่า...
“ส่วนนายก็แค่โกหกแบบที่นายเคยทำเถอะ ฉันรู้ว่านายจะทำได้ดี”
คำพูดสุดท้ายของฮยอกแจกลับทำให้ทงเฮปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเต็มหัวใจ
ซองมินเหวี่ยงกระเป๋าไปในห้องแต่งตัวด้วยความโมโหเมื่อเดินทางมาถึงสตูดิโอ ก่อนจะส่งเสียงโวยวายลั่นเพราะคิดว่าไม่มีอยู่ในห้องนี้อีกแล้วนอกจากเขา
“อี ทงเฮคนเลว! แกจะเกิดมาบนโลกนี้ทำไม ฉันทั้งรวยกว่าน่ารักกว่า ทำไมคนที่ฮยอกแจเลือกไม่ใช่ฉัน”
“เพราะนายนิสัยแย่แบบนี้ไงล่ะ”
เสียงเยือกเย็นของใครบางคนดังขึ้นมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ม่านสีดำสนิทถูกเลื่อนเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นบุคคลที่ยืนอยู่ด้านใน
“รุ่นพี่ฮีชอล” ซองมินยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“คงตกใจสินะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่นายเข้ามาแล้วก็โวยวายเอง” ฮีชอลยิ้มร้ายที่มุมปาก ทำให้ซองมินมองด้วยสายตาเคืองๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้
“ผมไม่ตกใจหรอกครับ”
“งั้นเหรอ? แตท่าทางของนายเมื่อกี้ไม่ได้บอกฉันแบบนั้นนะ”
“พี่ฮีชอลรู้จักสำนวน ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ไหมล่ะครับ ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นแบบนั้นแหละ”
ซองมินยิ้มเยาะ เพราะต่อให้เขาตกใจที่ฮีชอลได้ยินคำพูดของเขา ซองมินก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด ถึงฮีชอลจะเห็นความเลวของเขา แต่เขาก็เห็นความเลวของฮีชอลที่โรงแรมเมื่อวันก่อนเช่นเดียวกัน
“อย่าโอหังให้มันมากนักอี ซองมิน”
ทั้งคู่กดเสียงต่ำในลำคอเพื่อตอบโต้กันอย่างไม่ยอมแพ้ ฮีชอลเข้าวงการเดินแบบมาก่อนซองมินได้เกือบสองปี ในขณะที่ซองมินพยายามจะประจบเขาเพื่อให้นักข่าวรู้ว่าเขาสนิทกับนายแบบรุ่นพี่ ทว่าฮีชอลกลับรู้เช่นเห็นชาติของซองมินเป็นอย่างดี และเขาทั้งสองคนก็ไม่เคยจริงใจต่อกันเลยสักนิด
“คุยอะไรกันอยู่เหรอหนุ่มๆ” เสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้นทำให้ซองมินกับฮีชอลรีบผละออกจากกัน
“จองซู” ฮีชอลเรียกคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิมเสียอีก เขารีบเดินสวนจองซูออกไปด้านนอก หากแต่จองซูกลับรั้งแขนเรียวเอาไว้
“คุณจองซู คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” ซองมินเอ่ยถามด้วยดวงตาลุกวาวเพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นดีไซเนอร์ที่โด่งดังมากแค่ไหน
“ผมมารับฮีชอลไปทานข้าวน่ะครับ”
“นี่นาย! จะบ้าไปแล้วเหรอ?” ฮีชอลแผดเสียงดังลั่นอย่างไม่พอใจ
“นายควรจะเรียกฉันว่าทึกกี้เหมือนตอนอยู่บ้านสิ ฉันเป็นคนพิเศษของนายนะ”
จองซูกระซิบที่ข้างหูฮีชอล ก่อนจะขยิบตาส่งให้อย่างชั่วร้าย ฮีชอลพยายามจะแกะข้อมือของตัวเองออก ทว่าจองซูกลับบีบแขนเรียวของเขาไว้แน่น
“คุณจองซูคบกับรุ่นพี่เหรอครับ?” ซองมินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจอมปลอมที่เขาถนัด
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ”
“แต่ว่ารุ่นพี่ฮีชอลเขาคบกับ...”
“หวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับ ผมขอตัวก่อน”
จองซูโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะลากฮีชอลออกไปจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ฮีชอลใจสั่นไปหมด เขากลัวเหลือเกินว่าซองมินจะบอกเรื่องนี้กับนักข่าวรู้ และซีวอนก็จะรู้ความลับที่เขาไปนอนกับจองซูในคืนนั้น
ทว่าในห้องแต่งตัวห้องเดิม ซองมินกลับยืนเบ้ปากใส่คนทั้งสองที่เพิ่งเดินจากไปแล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับนักข่าว แกก็ดังน่ะสิคิม ฮีชอล”
หลังจากเลิกเรียน ฮยอกแจก็ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับทงเฮเพื่อความแนบเนียน ทว่าเมื่อถึงกลางทาง ทงเฮกลับหันไปมองเสี้ยวหน้าคมแล้วพูดขึ้น
“จอดรถเถอะฮยอกแจ” เสียงที่ดังขึ้นนั้นช่างเหน็ดเหนื่อยและบางเบาในความรู้สึกของฮยอกแจเหลือเกิน
“จอดทำไม ฉันกำลังจะไปส่งนายที่บ้าน”
“ไม่มีใครอยู่แถวนี้ นายไม่ต้องมาแสดงละครตบตาว่าเป็นแฟนฉันหรอก”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้แสดงละครนี่” คำพูดนั้นทำให้หัวใจของทงเฮเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาด้านนอก
“มะ..หมายความว่าไง?” เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เพื่อให้การแสดงออกมาสมจริง นักแสดงก็ควรจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องแบบนั้นไม่จำเป็นสำหรับฉันหรอก” ทงเฮตอบอย่างหยิ่งยโส ฮยอกแจจึงเหยียบเบรกและจอดรถที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว เขาโน้มใบหน้าคมเข้ามาใกล้จนทงเฮกลั้นหายใจเอาไว้แทบไม่ทัน
“ไหนบอกว่าไม่จำเป็นไง”
“...”
“นายยังไม่คุ้นชินกับเลิฟซีนเลยด้วยซ้ำ” ฮยอกแจผละออกไปนั่งตามเดิม ทงเฮวางมือเรียวทาบลงที่หน้าอกด้านซ้าย เกือบไปแล้ว เขาเกือบปล่อยให้สมองทำตามคำสั่งของหัวใจเสียแล้ว
ฮยอกแจพาทงเฮไปที่โรงอาบน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาลงมาจากรถแล้วเปิดประตูให้กับทงเฮราวกับมันเป็นหน้าที่ที่คนรักอย่างเขาจะต้องกระทำ
“เพิ่งรู้นะว่านายชอบให้ผู้ชายเปิดประตูให้” ฮยอกแจพูดเหน็บแนมทันทีที่เห็นหน้าร่างเล็ก
“พาฉันมาที่นี่ทำไม นายเคยมาด้วยเหรอ” แทนที่ทงเฮจะใส่ใจกับคำพูดนั้น เสียงเล็กกลับเอ่ยถามขึ้นเมื่อก้าวลงออกจากรถ
“ไม่ นี่เป็นครั้งแรก”
“อ้าว!”
“ฉันอยากรู้ว่าเวลาคนจนๆ เขามาโรงอาบน้ำ เขาทำอะไรกันบ้าง” พูดจบก็จับมือทงเฮแล้วลากเข้าไปด้านในทันที ทว่าทงเฮกลับยังขืนตัวไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ดะ...เดี๋ยวสิ!”
“กลัวอะไร ฉันเป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชาย...” ฮยอกแจเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “...หรือว่าไม่ใช่?”
“ไม่ได้กลัวซักหน่อย แค่จะบอกว่า...ออกเงินให้ฉันด้วย” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอย่างน่ารัก ฮยอกแจอยากจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนนั่นเหลือเกิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะรวบทงเฮมากอดไว้อย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้แค่จ้องมองใบหน้าหวานเพียงไม่กี่วินาที ฮยอกแจก็เกิดอาการใจสั่นไปหมดแล้ว
ทั้งคู่จ่ายเงินและเดินเข้าไปในโรงอาบน้ำ ทงเฮพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุดเพื่อหนีฮยอกแจเข้าไปห้องอาบน้ำก่อน ทว่าเมื่อเก็บเสื้อผ้าไว้ในล็อกเกอร์และปิดประตูล็อกเกอร์ลง ฮยอกแจกลับยืนพิงล็อกเกอร์ถัดไปรอเขาอยู่อย่างหน้าตาเฉย
“ไปแช่น้ำอุ่นๆ กัน” ฮยอกแจคว้ามือทงเฮมาจับไว้แน่น
“ทำไมชอบมาจับมือฉันอยู่เรื่อย” ทงเฮรีบชักมือหนีออกมาทันที
“ก็ชวนไปอาบน้ำพร้อมกันไง”
“ละ...แล้วทำไมฉันต้องไปพร้อมนายด้วยล่ะ”
“ก็เรามาด้วยกันและเพื่อความสนิทสนมของนักแสดงไง จำไม่ได้เหรอ?” ฮยอกแจพูดซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ทงเฮได้รู้ตัว ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฮยอกแจอยู่ใกล้แค่เอื้อม หากแต่ทงเฮกลับรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของฮยอกแจนั้นอยู่ไกลแสนไกลจากเขาเหลือเกิน
“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมาจับมือหรอก”
“นายชอบเดินหนีฉันนี่ทงเฮ นายหนีฉันตลอด” ฮยอกแจบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากที่สุดจนทงเฮรู้สึกผิด หากแต่สมองที่สั่งให้การกระทำของเขาตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงอยู่เสมอก็ทำให้ทงเฮผลักอกฮยอกแจออกห่าง
“ฉันคิดว่านายจะชอบฉันมากเกินไปแล้วนะอี ฮยอกแจ”
คำพูดที่มั่นใจเช่นนั้นทำให้ฮยอกแจยืนนิ่งอึ้ง ทงเฮจึงรีบเดินผ่านฮยอกแจเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที
ในห้องอาบน้ำที่เต็มไปด้วยผู้ชายเกาหลีแทบทุกวัย ฮยอกแจถอดผ้าเช็ดตัววางไว้แล้วก้าวลงไปนั่งแช่น้ำอย่างไม่รู้สึกอายเลยสักนิด ทว่าทงเฮกลับยืนตัวแข็งทื่อ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทงเฮมาโรงอาบน้ำสาธารณะ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทงเฮลงไปแช่น้ำด้วยร่างกายที่เปล่าเปลือย
หากแต่เรือนร่างของฮยอกแจที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าสักชิ้นปกปิดอยู่ก็ทำให้ใบหน้าหวานของทงเฮขึ้นสีแดงเรื่อ ทงเฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปอย่างยากลำบาก จนฮยอกแจที่นั่งรออยู่นานหันมาเอ่ยทัก
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ทำไมไม่ลงมาซักที”
“ก็จะไปแล้วนี่ไง” ทงเฮบอกด้วยสายตาที่สั่นไหว ฮยอกแจหันกลับไปด้วยท่าทางสบายใจ ผิดกับเขาที่ยืนนิ่งเป็นก้อนหินเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี
ทงเฮกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อดูจำนวนคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำเดียวกัน และเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ไม่ถึงสิบคน เขาก็กระโดดลงไปแช่ในน้ำ
ทว่าทงเฮกลับไม่ได้ถอดผ้าเช็ดตัววางไว้ข้างบนเหมือนกับคนอื่นๆ
“นายไม่ถอดผ้าเช็ดตัวก่อนเหรอ?” ฮยอกแจหันมาถาม
“ฉันหนาวน่ะ” คนตัวเล็กแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพราะไม่อยากเห็นอะไรแปลกๆ จากร่างกายของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“แต่ฉันว่านายอาจจะอายตรงนั้นมากกว่านะ...หรือว่ามันเล็กไป” ฮยอกแจแกล้งเย้า ก่อนจะส่งสายตาหื่นๆ ไปที่เป้าของทงเฮจนมือบางต้องรีบฉวยมาปิดเอาไว้
“ทะลึ่ง!”
“ทะลึ่งตรงไหน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะคุยเรื่องแบบนี้”
“เรื่องธรรมดาของผู้ชายวิปริตอย่างนายน่ะสิ” พูดจบก็ลุกออกไปทันที ฮยอกแจมองตามแผ่นหลังบางที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวเปียกชุ่มผืนเดียวคาดอยู่ที่เอว แม้เขาจะปากเสียและตั้งใจจะยั่วโมโหทงเฮแบบนี้ แต่เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาตอบกลับแบบน่ารักๆ ของทงเฮ มันก็ทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้น
เวลาผ่านไปสักพัก ฮยอกแจก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงอาบน้ำ พวกเขาอยู่ในชุดสีฟ้าคล้ายๆ กัน หากแต่ฮยอกแจกลับดูเปล่งประกายแตกต่างจากคนอื่น ทงเฮนั่งลงหน้าจอโทรทัศน์หลังจากซื้อไข่ต้มมาด้วยกันถึงสองฟอง
“ทำไมต้องกินไข่ต้ม” ฮยอกแจถามขึ้นเมื่อเห็นร่างบางกำลังปอกเปลือกไข่อย่างตั้งใจ
“ฉันก็กินทุกครั้งที่มาโรงอาบน้ำ”
“ที่บ้านนายไม่มีไข่ให้กินหรือไง”
“ที่บ้านก็ส่วนที่บ้านสิ แต่กินไข่ต้มที่นี่มันได้อารมณ์มากกว่า” ทงเฮปัดเศษเปลือกไข่ให้เรียบร้อย ก่อนจะเลื่อนเข้าปากของตัวเอง ทว่ามือหนาของคนตรงข้ามกลับหยิบฉกไข่ต้มออกจากมือเขา
“งั้นฉันจะลองกินดูบ้าง”
“นี่! แย่งคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” ทงเฮแหวใส่ หากแต่ฮยอกแจกลับแลบลิ้นอย่างผู้ชนะ “นายก็มีเงิน ทำไมไม่ไปซื้อมากินเองล่ะ”
“แล้วนายไม่ได้ซื้อมาให้ฉันเหรอ ดูสิ...มันมีตั้งสองฟอง” เขาบอกหน้าตาย
“ฉันซื้อมากินคนเดียว ไม่ได้คิดจะแบ่งใคร”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะกินมัน” บอกจบก็ยัดไข่ทั้งลูกเข้าปากไปทันที ทงเฮส่งเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอเท่านั้น ก่อนจะปลอกไข่อีกฟองแล้วกินเองบ้าง
“อร่อยจัง...ไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้” ฮยอกแจมีสีหน้าตื่นเต้นเมื่อกำลังเคี้ยวไข่ต้มอยู่ในปาก ทงเฮเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย หากแต่ฮยอกแจกำลังดูโทรทัศน์อยู่พอดีจึงไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบมองตัวเองอยู่อย่างไม่กระพริบตา
แม้มันจะเป็นแค่โรงอาบน้ำสาธารณะ แต่ทงเฮกลับรู้สึกเหมือนเขาได้มาเดทกับฮยอกแจอย่างไรอย่างนั้น ทงเฮชอบรอยยิ้มมีความสุขแบบนี้ของฮยอกแจ เขาอยากจะเก็บภาพตรงหน้าให้เป็นภาพวาดในใจของเขาตลอดไป แม้ว่ามันจะขายไม่ได้ราคาเหมือนงานของจิตรกรระดับโลก
แต่ภาพตรงหน้าของทงเฮก็มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตของเขา
อี ทงเฮจะจดจำวันนี้เอาไว้
“ฉันเบื่อแล้ว กลับกันเถอะ”
จู่ๆ ฮยอกแจก็หันมาโพล่งขึ้น ทงเฮรีบเสมองไปทางอื่นเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ ก่อนจะหันหน้ามาหาฮยอกแจอีกครั้งแล้วพยักหน้ารัว
“อืม...ไปสิ”
ทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาจากโรงอาบน้ำในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทงเฮปล่อยให้ฮยอกแจขับรถไปส่งเขาที่บ้านโดยที่ไม่พูดอะไรอีก หากแต่ก่อนที่ทงเฮจะก้าวลงจากรถ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น
“ถ้าฉันขับรถออกไปนายก็คงจะลืมมันทันที แต่สำหรับฉัน...ขอเก็บความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้นะทงเฮ ฉันขอแค่นี้จริงๆ”
ทงเฮปล่อยให้รถยนต์ของฮยอกแจเคลื่อนตัวผ่านเขาไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
หากแต่เมื่อรถยนต์ลับตาไปแล้ว
ทงเฮกลับรู้สึกว่าเขาเริ่มชอบฮยอกแจมากขึ้นเรื่อยๆ มันมากเสียจนเก็บซ่อนไว้ในหัวใจไม่ได้อีกแล้ว
Talk with Lee Seen
ช่วงนี้อาจจะอัพได้บ่อยขึ้นแล้วค่ะ
เพราะว่าไม่มีฟิกเรื่องอื่นค้างคาอีกแล้ว นอกจากซอรี่มายจูเลียต
ฟิกโปรเจ็คท์ฝันหวานอายจูบก็แต่งเสร็จไปแล้ว (ซีนแต่งเรื่อง ‘อาย’ ทุกคนรอติดตามผลงานด้วยนะคะ)
ส่วนฟิกที่แต่งส่งเล็ทส์อึนเฮก็แต่งเสร็จแล้ว เหลือแค่ให้คนตรวจคำผิดให้ ใครที่แต่งส่งประกวด...เรามาสู้ไปด้วยกันนะคะ
การบ้านเดี๋ยวใช้แม่ใช้เพื่อนทำ ฮ่าๆๆๆๆ (อย่าลอกเลียนแบบ)
คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ
ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
ความคิดเห็น