ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Last Fic SJ] ----oooo 'หลงรัก' >>> EunHae, WonKyu

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 ปะป๊า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.86K
      5
      2 ต.ค. 54

     

    Chapter 4

    ปะป๊า

     

                ฉันนัดนายไว้ที่ดาดฟ้า ไม่ใช่ที่บันไดหนีไฟซะหน่อย

     

                เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยต่อว่า หากแต่มือหนากลับลูบไล้เรือนผมของอีกฝ่ายอย่างอาทร คยูฮยอนยู่หน้า ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงดวงตาเพื่อซ่อนความเขินอายเอาไว้

     

                ก็ตอนที่ซีวอนนัด ฉันฟังไม่ถนัดเพราะมัวแต่คุยเรื่องรายงานกับเพื่อนนี่นา

     

                ก็นั่นแหละ เพราะไม่สนใจเลยต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนั้นไงล่ะ

     

                ว่ากันอยู่ได้

     

                เสียงใสเอ่ยอย่างเง้างอน แทนที่จะสนใจหรือแสดงความเป็นห่วงมากกว่านี้ ซีวอนกลับเอาแต่ดุด่าและต่อว่าเขา ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเด็กประถมปลายจะร้ายกาจได้มากขนาดนั้น ตัวเขาเองก็สูงใหญ่กว่า แต่ในตอนนั้นกลับสู้แรงของฮันกยองไม่ได้เลย

     

                เพราะฉันเป็นห่วงไงล่ะ ถึงได้ว่าแบบนี้ คราวหลังไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนคนเดียวอีกแล้วนะ

     

                เป็นห่วงเหรอ?

     

                ดวงตากลมโตเบิกกว้างเอ่ยถามด้วยแววเป็นประกาย ซีวอนเอื้อมมือที่วางแนบชิดข้างลำตัวอยู่ในผ้าห่มขึ้นมากอบกุมไว้ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

     

                ก็รักอยู่คนเดียวจะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง

     

                คำพูดจาอ่อนหวานเช่นนั้นทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงสุกปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ คยูฮยอนยิ้มบางเบาก่อนจะหลับตาพริ้มเพื่อรับสัมผัสจากริมฝีปากแดงก่ำที่จุมพิตหน้าผากของตน เขาเองก็รักชเว ซีวอน รักเสียจนอยากจะใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตั้งแต่ ณ วินาทีนี้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

     

                น่าเสียดาย ซีวอนบ่นเสียงแผ่ว

     

                เสียดายอะไรเหรอ

     

                ก็...ถ้าคยูฮยอนขึ้นไปบนดาดฟ้าตามนัด ฉันคงบอกรักคยูฮยอนได้โรแมนติกกว่านี้

     

                สองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วนะที่ซีวอนทำให้เขาขวยเขินได้มากขนาดนี้ คยูฮยอนอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ก่อนจะชันตัวขึ้นนั่งแล้วซุกในอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน

     

                แค่นี้ก็โรแมนติกมากแล้วนะ ขอบคุณซีวอนมากจริงๆ

     

                ทั้งคู่กอดกันอยู่นานจนกระทั่งแม่ของคยูฮยอนขึ้นมาตามแล้วบอกให้ซีวอนกลับบ้านก่อนที่จะมืดค่ำไปมากกว่านี้ เขากล่าวลากันด้วยสายตาละห้อย ไม่อยากจากกันไปไหนเลย อยากนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน อยากกอดกันไว้ทั้งคืน และตื่นขึ้นมาบอกอรุณสวัสดิ์กันในตอนเช้า

     

                แต่ก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร

     

     

                ฮันกยอง พ่อกับแม่ผิดหวังมากที่ลูกทำตัวแบบนี้

     

                คุณ...อย่าว่าลูกสิคะ

     

                มือเรียวของหญิงสาวยกขึ้นปรามสามีที่กำไม้เรียวไว้แน่น ฮันกยองจ้องมองหน้าบิดาบุญธรรมอย่างไม่วางตา ดวงตาแข็งกร้าวผิดกับเด็กผู้ชายทั่วไปจนคนเป็นแม่หวาดหวั่น

     

                ลูกทำไม่ถูกนะฮันกยอง

     

                ผมก็แค่ล้อเล่นกับรุ่นพี่คนนั้น ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงอย่างที่พ่อคิดซักหน่อย

     

                ฮันกยองเถียงกลับอย่างว่องไว เขาไม่อาจยอมรับความผิดที่ตนเองเป็นผู้กระทำได้ ในเมื่อเขาเองก็เคยพบพานเรื่องแบบนี้มาแล้ว ฮันกยองยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เลย มันก็แค่การหยอกล้อสนุกๆ ไม่ใช่เหรอ ก็แค่แกล้งให้คนอื่นต้องเจ็บปวดแล้วก็ยืนส่งเสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจเท่านั้น

     

                พ่อไม่เชื่อในตัวผมใช่ไหม

     

                ฮันกยองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เหนือชั้นกว่า เขากำลังต่อรองกับผู้ที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา คนถูกถามเงียบสนิท ในขณะที่ผู้เป็นแม่ถาโถมตัวเข้ามาสวมกอดเด็กชายไว้

     

                พ่อเขาเชื่อในตัวฮันกยองนะลูก แม่ก็เชื่อในตัวลูกนะ

     

                ถ้าไม่มีใครเชื่อผม ผมจะหนีไปจากที่นี่

     

                ไม่ฮันกยอง อย่าทำแบบนี้ ลูกเป็นดวงใจของพ่อแม่ อย่าทิ้งพ่อกับแม่ไปไหนเลยนะลูก

     

                เธอร่ำไห้ปานจะขาดใจ เด็กชายที่เธอรักเสมือนลูกกำลังทำตัวก้าวร้าวกับสามีของเธอ หากแต่เธอก็เข้าใจและเข้าข้างว่าเขายังเด็ก ผู้เป็นสามีไม่ได้บอกหรอกว่าฮันกยองไปทำผิดอะไรมาจึงโดนไล่ออกจากโรงเรียน แต่ชายหนุ่มเห็นถึงความผิดปกติของเด็กชายคนนี้แล้ว

     

                พ่อ...พ่อขอโทษ

     

                เขาบอกเสียงอ่อน พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบให้เด็กน้อยไม่รู้สึกเดียดฉันท์ในตัวเขา หลังจากนี้ก็คงส่งฮันกยองไปเรียนที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว

     

                ไม่ใช่เพราะกลัวจะเสียหน้า

     

                แต่เพราะไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองไปทำร้ายใครต่อใครอีกแล้ว

     

     

                ทงเฮ มาหาปะป๊าเร็วลูก

     

                ฮยอกแจนั่งขัดสมาธิอยู่กับฟูกที่ปูบนพื้นในห้องนอน ด้านหน้าของเขามีของเล่นหลายชิ้นที่จำเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของทงเฮ เด็กอายุจวนจะขวบส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนจะชวนคนเป็นพ่อคุย ส่วนคุณพ่อยังเด็กก็พยักหน้าอือออไปกับลูกด้วย

     

                ครับ...ครับลูกป๊า

     

                รู้หรือไงว่าทงเฮชวนคุยอะไรบ้าง

     

                จองซูที่เดินถือผ้าอ้อมที่ตากไว้ด้านนอกเข้ามาพับเก็บใส่ตู้เอ่ยแซวขึ้น เขาชอบเรียกฮยอกแจว่า คุณพ่อยังเด็กบ้างล่ะ คุณพ่อหน้าหวานบ้างล่ะ เมื่อเรียกเช่นนั้นก็ได้รับใบหน้าค้อนขวับแบบขี้เล่นกลับไปทุกครั้ง

     

                รู้สิครับ ทงเฮบอกว่า...รักปะป๊าของเขามั่กๆ

     

                เสียงหนุ่มพูดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะปรบมือให้ทงเฮที่พยายามจะเกาะขอบเตียงแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะล้มหน้าทิ่มลงไปอีกครั้งอย่างไม่เป็นผล

     

                ...อึก...ทงเฮเบะปาก ทำท่าเป็นสัญญาณว่าถ้าพ่อไม่มากอดตอนนี้ เขาจะแหกปากร้องไห้แล้วนะ

     

                โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะไม่เจ็บ ฮยอกแจอุ้มลูกขึ้นมาปลอบประโลม หากแต่เด็กน้อยกลับบีบต่อมน้ำตาให้แตกกระเซ็นเข้าไปกันใหญ่

     

                ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้เองบ้างเถอะฮยอกแจ

     

                จองซูหันมาทัดทานการเลี้ยงลูกแบบตามใจของฮยอกแจ ฮยอกแจอุ้มเด็กน้อยเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจ เพราะเขารักลูกของเขามาก เขาจึงไม่อยากขัดใจทงเฮ ฮยอกแจอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทงเฮต้องการ

     

                ถ้าลูกชายต้องการดาวหรือเดือน ต่อให้มันยากเย็นแค่ไหน ปะป๊าคนนี้ก็จะเสาะแสวงหามาให้ได้

     

                โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่งของป๊า ไม่ร้องน้า...

     

                ฮยอกแจเขย่าตัวลูกไปมาเป็นจังหวะเพื่อให้เด็กน้อยลืมเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพ่อเพียงครู่เดียว เสียงร้องไห้เมื่อครู่ก็เงียบลงเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงคราบน้ำตาใสๆ ที่เกาะอยู่บนแพรขนตางอน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองปะป๊าของตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้ม

     

                ...อื้อ... ทงเฮชวนเขาคุยอีกแล้ว ฮยอกแจพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงพูดคุยตอบกลับไปบ้าง

     

                ทงเฮของป๊าเป็นคนเก่งใช่ไหมครับ

     

                อือ...แหะๆ เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้อีกครั้ง ก่อนจะส่งมือน้อยๆ มาแตะใบหน้าคมของพ่อ ฮยอกแจแย้มยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ลูกชายของเขาอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจทงเฮมากที่สุด เพราะ...

     

                ทงเฮเป็นลูกของป๊า!”

     

                ...ปะ...ป๊า...

     

                ดวงตาสีนิลฉายแววลิงโลดอย่างเป็นสุข เขาอุ้มทงเฮกลับเข้าไปหาจองซูในห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะอวดการเติบโตไปอีกขั้นของลูกชาย

     

                พี่จองซู ทงเฮเรียกผมว่าปะป๊า ทงเฮเรียกผมได้แล้วครับเขาบอกทั้งน้ำตาด้วยความอิ่มเอมใจ จองซูปิดตู้เสื้อผ้าลงก่อนจะหันมายิ้มช้าๆ

     

                จริงเหรอ ทงเฮไหนลองเรียกลุงจองซูซิลูก ลุง...จองซูริมฝีปากบางเฉียบขยับช้าๆ เพื่อให้เด็กน้อยสังเกตเห็นได้ทัน หากแต่คำพูดของเด็กกลับทำให้ฮยอกแจยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว

     

                ปะ...ป๊า...

     

                ทงเฮเขาเรียกหาแต่ผมน่ะครับ ฮ่าๆๆ เพราะทงเฮเป็นลูกชายของผมนี่นะฮยอกแจบอกด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขล้น ในขณะที่คนที่มีสถานะเป็นแค่ลุง กลับยื่นมือมาหยิกแก้มของเด็กน้อยอย่างหมั่นเขี้ยว

     

                คอยดูนะ ต่อไปลุงจะไม่ซื้อของเล่นให้แล้ว

     

                ...ปะ...ป๊า...

     

                ฮยอกแจวางลูกชายที่น่ารักลงกับฟูกนุ่มๆ อย่างเบามือ ทงเฮคลานได้แล้ว พลิกตัวก็ได้แล้ว บางครั้งก็เกาะมือไปตามข้างฝาแล้วพยายามจะตั้งไข่ แต่ก็มีหลายครั้งที่ล้มลง พัฒนาการที่รวดเร็วของทงเฮไม่มีอะไรให้ฮยอกแจเป็นห่วงเลยแม้แต่นิด จะมีก็แต่โรคประจำตัวที่ทำให้ทงเฮเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ

     

                เมื่อทงเฮป่วย ฮยอกแจก็ไม่อยากไปทำงาน หลายครั้งที่คุณนายคิมส่งลูกน้องร่างยักษ์มาลากตัวฮยอกแจไปที่ไนต์คลับ

     

                ฮยอกแจ...

     

                จองซูเรียกเด็กหนุ่มที่เขารักดั่งน้องชายแท้ๆ ด้วยเสียงจริงจัง ทงเฮกินนมจนหลับสนิทไปแล้ว เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดทำให้เด็กน้อยต้องอ้าปากหายใจอย่างลำบาก ฮยอกแจพัดวีให้ลูกชาย ก่อนจะเลิกคิ้วมาหาจองซูเป็นเชิงถาม

     

                เลิกทำงานในที่แบบนั้นไม่ได้เหรอ

     

                คือผม... เขาอึกอักแล้วก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาของจองซู

     

                ลองคิดดูดีๆ นะ ถ้าทงเฮโตขึ้นแล้วรู้ว่ามีพ่อทำงานในที่แบบนั้น เขาจะอยู่ในสังคมได้ยังไง

     

                แต่ถ้าผมไม่ทำอาชีพนี้ ผมก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาเลี้ยงดูทงเฮ อีกเทอมเดียวผมก็จะจบเกรดเก้าแล้ว ผมจะไม่เรียนต่อแล้วหางานทำตอนกลางวันเพื่อให้ได้เงินเยอะขึ้นครับ ทงเฮจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย

     

                ตั้งแต่ฮยอกแจมีลูกให้ต้องดูแล ทุกๆ วันเด็กหนุ่มไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย เขาซูบผอมลงกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก ดวงตาก็ดำคล้ำไม่สดใส ถ้าได้แต่งหน้าเพื่อไปทำงานกลางคืนก็จะดูดีขึ้นมาหน่อย แต่ยังไงก็ไม่อาจปิดบังความอิดโรยที่ส่งออกมาจากสายตาของตัวเองได้ ฮยอกแจยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม ยอมเจ็บเพื่อให้ลูกสบาย

     

                ก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตไปในแต่ละวันอย่างไม่มีจุดหมาย แต่ตอนนี้ฮยอกแจรู้แล้วว่าในแต่ละวันที่เขาหายใจอยู่นั้น เขาควรจะทำเพื่อใคร

     

                เพื่ออี ทงเฮ

     

                ลูกชายคนเดียวของปะป๊า

     

                นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว ผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ

     

                ฮยอกแจส่งพัดกระดาษให้จองซูรับช่วงต่อดูแลลูกชายของเขา ปีนี้ฮยอกแจตัวสูงใหญ่ขึ้นมาก แถมไหล่หนาก็กว้างกำยำสมกับเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว ถ้าเทียบกับผู้ชายรุ่นเดียวกันแล้ว อี ฮยอกแจโตกว่าทั้งตัว ทั้งความคิด และทั้งจิตใจที่แข็งแกร่งของตัวเอง

     

                เมื่อบานประตูปิดลง ใบหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ก็ปล่อยให้หยาดน้ำตาอุ่นไหลเป็นสายนองแก้มตอบทั้งสองข้าง จองซูคงคิดว่าเขายอมเจ็บปวดทำอาชีพนี้เพราะต้องการหาเงิน แต่จองซูกลับไม่รู้เลยว่ามีหลายครั้งที่ฮยอกแจพยายามจะหนีไปทำงานที่อื่น แต่ก็โดนคุณนายคิมลากตัวกลับไปจนได้

     

                เพราะเขาเป็นที่ถูกใจของลูกค้าที่นั่น

     

                ใบหน้าที่เรียบเฉย แต่การกระทำที่เร้าใจและเต็มที่เสมอเมื่อร่วมรัก ฮยอกแจไม่เคยทำหน้าที่นั้นได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

                บางครั้งรุกเร้า บางครั้งตั้งรับ ไม่ว่าจะอย่างไรก็เจ็บ...ทรมานไปเหมือนๆ กัน

     

                ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเกิดคำว่าเคยชิน

     

                ฮยอกแจรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย เขาสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่จองซูเพิ่งให้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนก่อน ฮยอกแจจะแต่งตัวแสนธรรมดาแค่ไหนก็ได้ เพราะเมื่อไปที่คลับ เขาก็ถูกจับแต่งตัวอย่างที่คนอื่นๆ อยากให้เป็นอยู่ดี

     

                สองสิ่งสุดท้ายที่ฮยอกแจจะทำก่อนออกไปทำงานเสมอนั่นคือ...

     

                การเขียนไดอารี่

     

                ทงเฮลูกชายป๊า วันนี้เป็นวันที่ลูกชายที่น่ารักของป๊าเรียกชื่อปะป๊าได้เป็นครั้งแรก รู้ไหมว่าป๊ามีความสุขแค่ไหนที่ได้ยินเสียงนั้น มือน้อยๆ ของลูกที่สัมผัสหน้าหยาบๆ ของป๊า มันทำให้ป๊ามีพลังในการสู้ชีวิตต่อไปเพื่อลูกคนนี้ ป๊าอยากเห็นทงเฮเติบโตเป็นเด็กที่ดี เป็นเด็กที่น่ารัก และเป็นคนที่มีความสุข ป๊าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทงเฮไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากเหมือนป๊านะลูก ป๊ารักทงเฮนะ

     

              วันนี้ปะป๊าคงจะเขียนไดอารี่ถึงลูกแค่นี้ เพราะถ้าเขียนมากเท่าไรมันก็คงวนกลับมาที่คำพูดเดิมๆ ว่า ป๊ารักทงเฮ เพราะปะป๊ารักทงเฮที่สุดในหัวใจ

     

                เมื่อเขียนดารี่เสร็จแล้ว ฮยอกแจก็เดินไปนั่งคุกเข่าข้างๆ ลูกชายที่หลับสนิท เขากดจมูกลงไปกับแก้มนุ่มนิ่มอย่างระมัดระวัง ก่อนจะโค้งศีรษะบอกลาผู้มีพระคุณของเขา

     

                ความเจ็บปวดของค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว

     

     

    Talk with Lee Seen   

                จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน ตอนต่อไปจะผ่านไปไวเหมือนโกหก(ก็โกหกน่ะสิ)

    คือเป็นตอนที่เด็กน้อยทงเฮอายุ 4 ขวบแล้วนะค้า...

    หนูทงเฮเข้าโรงเรียนได้แล้วค่ะ ถึงตอนนั้น ฮยอกแจก็จะอายุ 18 ปี

    วอนคยูอายุเท่าฮยอกแจ ส่วนป๋าเกิงอายุ 14 แล้วค่ะ โตขึ้นอีกนิด ความโหดก็ต้องเพิ่มขึ้น ใช่ไหมๆ

     

    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ

     

    ด้วยความรักของลีซีน

     

    ปล. ถ้าลองจินตนาการว่าฮยอกแจคือพ่อแม่ของตัวเอง เราคงรู้ว่าพ่อแม่เค้ารักเรามากแค่ไหน...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×