คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 ปะป๊า
Chapter 4
ปะป๊า
“ฉันนัดนายไว้ที่ดาดฟ้า ไม่ใช่ที่บันไดหนีไฟซะหน่อย”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยต่อว่า หากแต่มือหนากลับลูบไล้เรือนผมของอีกฝ่ายอย่างอาทร คยูฮยอนยู่หน้า ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงดวงตาเพื่อซ่อนความเขินอายเอาไว้
“ก็ตอนที่ซีวอนนัด ฉันฟังไม่ถนัดเพราะมัวแต่คุยเรื่องรายงานกับเพื่อนนี่นา”
“ก็นั่นแหละ เพราะไม่สนใจเลยต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนั้นไงล่ะ”
“ว่ากันอยู่ได้”
เสียงใสเอ่ยอย่างเง้างอน แทนที่จะสนใจหรือแสดงความเป็นห่วงมากกว่านี้ ซีวอนกลับเอาแต่ดุด่าและต่อว่าเขา ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเด็กประถมปลายจะร้ายกาจได้มากขนาดนั้น ตัวเขาเองก็สูงใหญ่กว่า แต่ในตอนนั้นกลับสู้แรงของฮันกยองไม่ได้เลย
“เพราะฉันเป็นห่วงไงล่ะ ถึงได้ว่าแบบนี้ คราวหลังไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนคนเดียวอีกแล้วนะ”
“เป็นห่วงเหรอ?”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเอ่ยถามด้วยแววเป็นประกาย ซีวอนเอื้อมมือที่วางแนบชิดข้างลำตัวอยู่ในผ้าห่มขึ้นมากอบกุมไว้ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ก็รักอยู่คนเดียวจะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง”
คำพูดจาอ่อนหวานเช่นนั้นทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงสุกปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ คยูฮยอนยิ้มบางเบาก่อนจะหลับตาพริ้มเพื่อรับสัมผัสจากริมฝีปากแดงก่ำที่จุมพิตหน้าผากของตน เขาเองก็รักชเว ซีวอน รักเสียจนอยากจะใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตั้งแต่ ณ วินาทีนี้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
“น่าเสียดาย” ซีวอนบ่นเสียงแผ่ว
“เสียดายอะไรเหรอ”
“ก็...ถ้าคยูฮยอนขึ้นไปบนดาดฟ้าตามนัด ฉันคงบอกรักคยูฮยอนได้โรแมนติกกว่านี้”
สองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วนะที่ซีวอนทำให้เขาขวยเขินได้มากขนาดนี้ คยูฮยอนอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ก่อนจะชันตัวขึ้นนั่งแล้วซุกในอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน
“แค่นี้ก็โรแมนติกมากแล้วนะ ขอบคุณซีวอนมากจริงๆ”
ทั้งคู่กอดกันอยู่นานจนกระทั่งแม่ของคยูฮยอนขึ้นมาตามแล้วบอกให้ซีวอนกลับบ้านก่อนที่จะมืดค่ำไปมากกว่านี้ เขากล่าวลากันด้วยสายตาละห้อย ไม่อยากจากกันไปไหนเลย อยากนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน อยากกอดกันไว้ทั้งคืน และตื่นขึ้นมาบอกอรุณสวัสดิ์กันในตอนเช้า
แต่ก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร
“ฮันกยอง พ่อกับแม่ผิดหวังมากที่ลูกทำตัวแบบนี้”
“คุณ...อย่าว่าลูกสิคะ”
มือเรียวของหญิงสาวยกขึ้นปรามสามีที่กำไม้เรียวไว้แน่น ฮันกยองจ้องมองหน้าบิดาบุญธรรมอย่างไม่วางตา ดวงตาแข็งกร้าวผิดกับเด็กผู้ชายทั่วไปจนคนเป็นแม่หวาดหวั่น
“ลูกทำไม่ถูกนะฮันกยอง”
“ผมก็แค่ล้อเล่นกับรุ่นพี่คนนั้น ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงอย่างที่พ่อคิดซักหน่อย”
ฮันกยองเถียงกลับอย่างว่องไว เขาไม่อาจยอมรับความผิดที่ตนเองเป็นผู้กระทำได้ ในเมื่อเขาเองก็เคยพบพานเรื่องแบบนี้มาแล้ว ฮันกยองยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เลย มันก็แค่การหยอกล้อสนุกๆ ไม่ใช่เหรอ ก็แค่แกล้งให้คนอื่นต้องเจ็บปวดแล้วก็ยืนส่งเสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจเท่านั้น
“พ่อไม่เชื่อในตัวผมใช่ไหม”
ฮันกยองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เหนือชั้นกว่า เขากำลังต่อรองกับผู้ที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา คนถูกถามเงียบสนิท ในขณะที่ผู้เป็นแม่ถาโถมตัวเข้ามาสวมกอดเด็กชายไว้
“พ่อเขาเชื่อในตัวฮันกยองนะลูก แม่ก็เชื่อในตัวลูกนะ”
“ถ้าไม่มีใครเชื่อผม ผมจะหนีไปจากที่นี่”
“ไม่ฮันกยอง อย่าทำแบบนี้ ลูกเป็นดวงใจของพ่อแม่ อย่าทิ้งพ่อกับแม่ไปไหนเลยนะลูก”
เธอร่ำไห้ปานจะขาดใจ เด็กชายที่เธอรักเสมือนลูกกำลังทำตัวก้าวร้าวกับสามีของเธอ หากแต่เธอก็เข้าใจและเข้าข้างว่าเขายังเด็ก ผู้เป็นสามีไม่ได้บอกหรอกว่าฮันกยองไปทำผิดอะไรมาจึงโดนไล่ออกจากโรงเรียน แต่ชายหนุ่มเห็นถึงความผิดปกติของเด็กชายคนนี้แล้ว
“พ่อ...พ่อขอโทษ”
เขาบอกเสียงอ่อน พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบให้เด็กน้อยไม่รู้สึกเดียดฉันท์ในตัวเขา หลังจากนี้ก็คงส่งฮันกยองไปเรียนที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว
ไม่ใช่เพราะกลัวจะเสียหน้า
แต่เพราะไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองไปทำร้ายใครต่อใครอีกแล้ว
“ทงเฮ มาหาปะป๊าเร็วลูก”
ฮยอกแจนั่งขัดสมาธิอยู่กับฟูกที่ปูบนพื้นในห้องนอน ด้านหน้าของเขามีของเล่นหลายชิ้นที่จำเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของทงเฮ เด็กอายุจวนจะขวบส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนจะชวนคนเป็นพ่อคุย ส่วนคุณพ่อยังเด็กก็พยักหน้าอือออไปกับลูกด้วย
“ครับ...ครับลูกป๊า”
“รู้หรือไงว่าทงเฮชวนคุยอะไรบ้าง”
จองซูที่เดินถือผ้าอ้อมที่ตากไว้ด้านนอกเข้ามาพับเก็บใส่ตู้เอ่ยแซวขึ้น เขาชอบเรียกฮยอกแจว่า ‘คุณพ่อยังเด็ก’ บ้างล่ะ ‘คุณพ่อหน้าหวาน’ บ้างล่ะ เมื่อเรียกเช่นนั้นก็ได้รับใบหน้าค้อนขวับแบบขี้เล่นกลับไปทุกครั้ง
“รู้สิครับ ทงเฮบอกว่า...รักปะป๊าของเขามั่กๆ”
เสียงหนุ่มพูดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะปรบมือให้ทงเฮที่พยายามจะเกาะขอบเตียงแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะล้มหน้าทิ่มลงไปอีกครั้งอย่างไม่เป็นผล
“...อึก...” ทงเฮเบะปาก ทำท่าเป็นสัญญาณว่าถ้าพ่อไม่มากอดตอนนี้ เขาจะแหกปากร้องไห้แล้วนะ
“โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะไม่เจ็บ” ฮยอกแจอุ้มลูกขึ้นมาปลอบประโลม หากแต่เด็กน้อยกลับบีบต่อมน้ำตาให้แตกกระเซ็นเข้าไปกันใหญ่
“ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้เองบ้างเถอะฮยอกแจ”
จองซูหันมาทัดทานการเลี้ยงลูกแบบตามใจของฮยอกแจ ฮยอกแจอุ้มเด็กน้อยเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจ เพราะเขารักลูกของเขามาก เขาจึงไม่อยากขัดใจทงเฮ ฮยอกแจอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทงเฮต้องการ
ถ้าลูกชายต้องการดาวหรือเดือน ต่อให้มันยากเย็นแค่ไหน ปะป๊าคนนี้ก็จะเสาะแสวงหามาให้ได้
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่งของป๊า ไม่ร้องน้า...”
ฮยอกแจเขย่าตัวลูกไปมาเป็นจังหวะเพื่อให้เด็กน้อยลืมเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพ่อเพียงครู่เดียว เสียงร้องไห้เมื่อครู่ก็เงียบลงเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงคราบน้ำตาใสๆ ที่เกาะอยู่บนแพรขนตางอน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองปะป๊าของตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้ม
“...อื้อ...” ทงเฮชวนเขาคุยอีกแล้ว ฮยอกแจพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงพูดคุยตอบกลับไปบ้าง
“ทงเฮของป๊าเป็นคนเก่งใช่ไหมครับ”
“อือ...แหะๆ” เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้อีกครั้ง ก่อนจะส่งมือน้อยๆ มาแตะใบหน้าคมของพ่อ ฮยอกแจแย้มยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ลูกชายของเขาอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจทงเฮมากที่สุด เพราะ...
“ทงเฮเป็นลูกของป๊า!”
“...ปะ...ป๊า...”
ดวงตาสีนิลฉายแววลิงโลดอย่างเป็นสุข เขาอุ้มทงเฮกลับเข้าไปหาจองซูในห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะอวดการเติบโตไปอีกขั้นของลูกชาย
“พี่จองซู ทงเฮเรียกผมว่าปะป๊า ทงเฮเรียกผมได้แล้วครับ” เขาบอกทั้งน้ำตาด้วยความอิ่มเอมใจ จองซูปิดตู้เสื้อผ้าลงก่อนจะหันมายิ้มช้าๆ
“จริงเหรอ ทงเฮไหนลองเรียกลุงจองซูซิลูก ลุง...จองซู” ริมฝีปากบางเฉียบขยับช้าๆ เพื่อให้เด็กน้อยสังเกตเห็นได้ทัน หากแต่คำพูดของเด็กกลับทำให้ฮยอกแจยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
“ปะ...ป๊า...”
“ทงเฮเขาเรียกหาแต่ผมน่ะครับ ฮ่าๆๆ เพราะทงเฮเป็นลูกชายของผมนี่นะ” ฮยอกแจบอกด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขล้น ในขณะที่คนที่มีสถานะเป็นแค่ลุง กลับยื่นมือมาหยิกแก้มของเด็กน้อยอย่างหมั่นเขี้ยว
“คอยดูนะ ต่อไปลุงจะไม่ซื้อของเล่นให้แล้ว”
“...ปะ...ป๊า...”
ฮยอกแจวางลูกชายที่น่ารักลงกับฟูกนุ่มๆ อย่างเบามือ ทงเฮคลานได้แล้ว พลิกตัวก็ได้แล้ว บางครั้งก็เกาะมือไปตามข้างฝาแล้วพยายามจะตั้งไข่ แต่ก็มีหลายครั้งที่ล้มลง พัฒนาการที่รวดเร็วของทงเฮไม่มีอะไรให้ฮยอกแจเป็นห่วงเลยแม้แต่นิด จะมีก็แต่โรคประจำตัวที่ทำให้ทงเฮเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ
เมื่อทงเฮป่วย ฮยอกแจก็ไม่อยากไปทำงาน หลายครั้งที่คุณนายคิมส่งลูกน้องร่างยักษ์มาลากตัวฮยอกแจไปที่ไนต์คลับ
“ฮยอกแจ...”
จองซูเรียกเด็กหนุ่มที่เขารักดั่งน้องชายแท้ๆ ด้วยเสียงจริงจัง ทงเฮกินนมจนหลับสนิทไปแล้ว เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดทำให้เด็กน้อยต้องอ้าปากหายใจอย่างลำบาก ฮยอกแจพัดวีให้ลูกชาย ก่อนจะเลิกคิ้วมาหาจองซูเป็นเชิงถาม
“เลิกทำงานในที่แบบนั้นไม่ได้เหรอ”
“คือผม...” เขาอึกอักแล้วก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาของจองซู
“ลองคิดดูดีๆ นะ ถ้าทงเฮโตขึ้นแล้วรู้ว่ามีพ่อทำงานในที่แบบนั้น เขาจะอยู่ในสังคมได้ยังไง”
“แต่ถ้าผมไม่ทำอาชีพนี้ ผมก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาเลี้ยงดูทงเฮ อีกเทอมเดียวผมก็จะจบเกรดเก้าแล้ว ผมจะไม่เรียนต่อแล้วหางานทำตอนกลางวันเพื่อให้ได้เงินเยอะขึ้นครับ ทงเฮจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย”
ตั้งแต่ฮยอกแจมีลูกให้ต้องดูแล ทุกๆ วันเด็กหนุ่มไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย เขาซูบผอมลงกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก ดวงตาก็ดำคล้ำไม่สดใส ถ้าได้แต่งหน้าเพื่อไปทำงานกลางคืนก็จะดูดีขึ้นมาหน่อย แต่ยังไงก็ไม่อาจปิดบังความอิดโรยที่ส่งออกมาจากสายตาของตัวเองได้ ฮยอกแจยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม ยอมเจ็บเพื่อให้ลูกสบาย
ก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตไปในแต่ละวันอย่างไม่มีจุดหมาย แต่ตอนนี้ฮยอกแจรู้แล้วว่าในแต่ละวันที่เขาหายใจอยู่นั้น เขาควรจะทำเพื่อใคร
เพื่ออี ทงเฮ
ลูกชายคนเดียวของปะป๊า
“นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว ผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”
ฮยอกแจส่งพัดกระดาษให้จองซูรับช่วงต่อดูแลลูกชายของเขา ปีนี้ฮยอกแจตัวสูงใหญ่ขึ้นมาก แถมไหล่หนาก็กว้างกำยำสมกับเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว ถ้าเทียบกับผู้ชายรุ่นเดียวกันแล้ว อี ฮยอกแจโตกว่าทั้งตัว ทั้งความคิด และทั้งจิตใจที่แข็งแกร่งของตัวเอง
เมื่อบานประตูปิดลง ใบหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ก็ปล่อยให้หยาดน้ำตาอุ่นไหลเป็นสายนองแก้มตอบทั้งสองข้าง จองซูคงคิดว่าเขายอมเจ็บปวดทำอาชีพนี้เพราะต้องการหาเงิน แต่จองซูกลับไม่รู้เลยว่ามีหลายครั้งที่ฮยอกแจพยายามจะหนีไปทำงานที่อื่น แต่ก็โดนคุณนายคิมลากตัวกลับไปจนได้
เพราะเขาเป็นที่ถูกใจของลูกค้าที่นั่น
ใบหน้าที่เรียบเฉย แต่การกระทำที่เร้าใจและเต็มที่เสมอเมื่อร่วมรัก ฮยอกแจไม่เคยทำหน้าที่นั้นได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่ครั้งเดียว
บางครั้งรุกเร้า บางครั้งตั้งรับ ไม่ว่าจะอย่างไรก็เจ็บ...ทรมานไปเหมือนๆ กัน
ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเกิดคำว่าเคยชิน
ฮยอกแจรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย เขาสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่จองซูเพิ่งให้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนก่อน ฮยอกแจจะแต่งตัวแสนธรรมดาแค่ไหนก็ได้ เพราะเมื่อไปที่คลับ เขาก็ถูกจับแต่งตัวอย่างที่คนอื่นๆ อยากให้เป็นอยู่ดี
สองสิ่งสุดท้ายที่ฮยอกแจจะทำก่อนออกไปทำงานเสมอนั่นคือ...
การเขียนไดอารี่
ทงเฮลูกชายป๊า วันนี้เป็นวันที่ลูกชายที่น่ารักของป๊าเรียกชื่อปะป๊าได้เป็นครั้งแรก รู้ไหมว่าป๊ามีความสุขแค่ไหนที่ได้ยินเสียงนั้น มือน้อยๆ ของลูกที่สัมผัสหน้าหยาบๆ ของป๊า มันทำให้ป๊ามีพลังในการสู้ชีวิตต่อไปเพื่อลูกคนนี้ ป๊าอยากเห็นทงเฮเติบโตเป็นเด็กที่ดี เป็นเด็กที่น่ารัก และเป็นคนที่มีความสุข ป๊าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทงเฮไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากเหมือนป๊านะลูก ป๊ารักทงเฮนะ
วันนี้ปะป๊าคงจะเขียนไดอารี่ถึงลูกแค่นี้ เพราะถ้าเขียนมากเท่าไรมันก็คงวนกลับมาที่คำพูดเดิมๆ ว่า ป๊ารักทงเฮ เพราะปะป๊ารักทงเฮที่สุดในหัวใจ
เมื่อเขียนดารี่เสร็จแล้ว ฮยอกแจก็เดินไปนั่งคุกเข่าข้างๆ ลูกชายที่หลับสนิท เขากดจมูกลงไปกับแก้มนุ่มนิ่มอย่างระมัดระวัง ก่อนจะโค้งศีรษะบอกลาผู้มีพระคุณของเขา
ความเจ็บปวดของค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว
Talk with Lee Seen
จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน ตอนต่อไปจะผ่านไปไวเหมือนโกหก(ก็โกหกน่ะสิ)
คือเป็นตอนที่เด็กน้อยทงเฮอายุ 4 ขวบแล้วนะค้า...
หนูทงเฮเข้าโรงเรียนได้แล้วค่ะ ถึงตอนนั้น ฮยอกแจก็จะอายุ 18 ปี
วอนคยูอายุเท่าฮยอกแจ ส่วนป๋าเกิงอายุ 14 แล้วค่ะ โตขึ้นอีกนิด ความโหดก็ต้องเพิ่มขึ้น ใช่ไหมๆ
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
ด้วยความรักของลีซีน
ปล. ถ้าลองจินตนาการว่าฮยอกแจคือพ่อแม่ของตัวเอง เราคงรู้ว่าพ่อแม่เค้ารักเรามากแค่ไหน...
ความคิดเห็น