ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Last Fic SJ] ----oooo 'หลงรัก' >>> EunHae, WonKyu

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 หวั่นไหว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.25K
      6
      11 ส.ค. 54

     

    Chapter 15

    หวั่นไหว

     

                เสียงกุกกักดังอยู่นอกห้อง ก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะไขกุญแจเปิดประตูเข้ามา ด้านในมืดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ มือหนาจึงคลำไปตามผนังเพื่อเปิดไฟในห้องให้สว่างจ้า

     

                ซีวอนใช้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ห้อง เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าทำไมบ้านที่เคยอบอุ่น ตอนนี้มันช่างดูเงียบเหงานัก เพราะเขาเป็นคนทำมันด้วยสองมือของตัวเอง

     

                ทั้งๆ ที่ควรจะมีกลิ่นเหล้าติดตามสาบเสื้ออย่างที่ควรจะเป็นเนื่องจากเขาบอกกับคยูฮยอนว่าจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อน หากแต่เสื้อผ้าของซีวอนกลับมีเพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ติดมาจากเด็กหนุ่มน่าหวานคนหนึ่งเท่านั้น

     

                ซีวอนหันไปมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคยูฮยอนคงหลับไปแล้ว เพราะเขาเป็นคนสั่งให้ไม่ต้องรอ และโจ คยูฮยอนเชื่อฟังสามีของตัวเองเสมอ

     

                ซีวอนเดินไปหยิบบรั่นดีราคาแพงออกมานั่งดื่มเงียบๆ อยู่คนเดียว แรกๆ ก็เทใส่แก้วแล้วยกดื่ม แต่ดื่มได้ไม่เท่าไรก็ขัดใจตัวเองจนต้องจับขวดยกขึ้นกรอกปากอย่างบ้าคลั่ง

     

                หมับ!

     

                มือบางของใครบางคนคว้าขวดบรั่นดีเอาไว้ มือแกร่งของซีวอนชะงักกึก ก่อนจะปรายตามองผู้มาใหม่อย่างสงสัย และเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็มองอีกฝ่ายตาเยิ้มทันที

     

                “คยูฮยอน...”

     

                ซีวอนเรียกคนรักเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนจะรั้งเอวบางของคยูฮยอนเข้ามาหาตัวเองแล้วซุกหน้าไปกับหน้าท้องแบนเรียบนั้น ดวงตาคู่หวานเบิกโพลง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก

     

                “ซ...ซีวอน เครียดเรื่องอะไรมาเหรอ?”

     

                “คือผม...”

     

                เสียงของซีวอนเงียบหาย มือยังคงกำขวดบรั่นดีราคาแพงไว้แน่น ในขณะที่คยูฮยอนก็ไม่ยอมปล่อยมือของตัวเองเช่นเดียวกัน คยูฮยอนจะไม่ยอมให้เครื่องดื่มมึนเมามาทำร้ายสามีของตัวเองเด็ดขาด แต่ใบหน้าคมคายที่ส่ายไปมาก็ทำให้คยูฮยอนแปลกใจมากยิ่งขึ้น

     

                “บอกฉันสิซีวอน ฉันรับฟังนายได้เสมอนะ”

     

                “ผ...ผม...ผมทำบางอย่างผิดพลาดไป ผมทำให้คุณต้องร้องไห้ ผมขอโทษ”

     

                “ถ้าเป็นเรื่องงาน ฉันไม่เคยโกรธซีวอนเลย”

     

                คยูฮยอนค่อยๆ ย่อตัวคุกเข่านั่งลงบนพื้น สองมือประคองมือหนาที่สั่นเทาของซีวอนมาแนบแก้มใสของตัวเองไว้แน่น ดวงตาที่ปวดร้าวจ้องมองแต่สามีผู้เป็นที่รัก

     

                “ชีวิตของฉัน...เกิดมาเพื่อซีวอน”

     

                “อย่าพูดแบบนั้น” ซีวอนส่ายหน้า ยิ่งน้ำเสียงของคยูฮยอนมีความมั่นใจมากแค่ไหน มันก็ยิ่งตอกย้ำความผิดของซีวอนมากขึ้นเท่านั้น

     

                ซีวอนไม่ได้อยากเป็นผู้ชายที่อ่อนแอ

     

                แต่เพราะความอ่อนไหว และความไม่มั่นคงในความรักของตัวเองทำให้เขายากที่จะมองหน้าของคยูฮยอนได้ ความผิดมันตามมาหลอกหลอนเขาทุกครั้ง

     

                และไม่ว่าคยูฮยอนจะรู้ความจริงหรือไม่ก็ตาม คยูฮยอนก็ยังเป็นคนที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

     

                “ฉันพูดจริงๆ นะ ทั้งหัวใจและทั้งชีวิตของฉันไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากซีวอน”

     

                “ถ้าหาก...” ซีวอนขยับมือลูบไล้ใบหน้าหวานของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คยูฮยอนจับเอาไว้ แต่เขาอยากที่จะสัมผัสใบหน้าของคนรัก อยากซึมซับความรู้สึกที่เคยร่วมสร้างมาด้วยกัน

     

                เพื่อตอกย้ำว่า...ความทรงจำระหว่างพวกเขามันมีมากมายแค่ไหน

     

                และมันมีค่าสำหรับคนสองคนมากแค่ไหน

     

                “...ถ้าหากผมเผลอใจไปมองคนอื่น คุณจะให้อภัยผมได้ไหม?”

     

                “ฉัน...ไม่เคยคิดมาก่อนว่าซีวอนจะทำแบบนั้น ฉันเชื่อใจซีวอน”

     

                คยูฮยอนดึงมือหนาที่กำลังสัมผัสใบหน้าของตัวเองออก ลูบไล้บางเบาไปบนมือแกร่งที่คอยปลอบใจเขาเวลาที่เขาทุกข์ใจที่สุด มือที่คอยกุมเอาไว้แนบแน่นในทุกๆ วัน มือที่โอบกอดเขาไว้เหมือนบ้านหลังใหญ่ที่ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ซีวอนก็ยังอยู่ตรงนี้

     

                คยูฮยอนโน้มลงไปประทับรอยจูบกลางฝ่ามือหนาทั้งน้ำตา ก่อนจะซุกหน้าลงไปกับมือนั้น ให้คนแรกและคนสุดทายที่ได้ซับน้ำตาออกจากใบหน้าของเขายังเป็นซีวอน...

     

                ซีวอนชักมือแกร่งออกห่างอย่างนึกรังเกียจ ไม่ได้รังเกียจคยูฮยอน ทว่าเป็นเขาเองที่ทนฟังคำพูดของคยูฮยอนต่อไปไม่ได้ เขาเกลียดตัวเองที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

                คิดเล่นๆ ว่าหากทำให้คยูฮยอนเกลียดจนถึงที่สุด ทำตัวเลวจนถึงที่สุด ป่าเถื่อนเหมือนจิตใจมืดดำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้หน้าตาที่แสนงดงามของมนุษย์

     

                คยูฮยอนจะยังบอกว่ารักเขาอยู่ไหม

     

                ซีวอนกระชากข้อมือบางของคนรักให้ยืนขึ้น ก่อนจะโอบอุ้มร่างโปร่งขึ้นไปนอนแผ่หราอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยท่าทางดิบเถื่อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คยูฮยอนกรีดร้องหวืออย่างตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองการกระทำของชายผู้เป็นที่รัก

     

                “ซ...ซีวอน นาย...จะทำอะไร?”

     

                เสียงนั้นหวาดผวาและหวั่นเกรงร่างที่กำลังขึ้นคร่อมตัวเองอยู่อย่างมาก หยาดน้ำตาใสพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบเขื่อนที่พังทลาย เพียงแค่นั้นก็สามารถเรียกสติสัมปัชชัญญะของซีวอนกลับมาได้อย่างครบถ้วน

     

    นี่เขาเมามากจนทำอะไรแบบนี้กับคนรักได้เชียวเหรอ

     

    บ้าไปแล้วชเว ซีวอน...

     

    ร่างหนาหยุดเรือนกายไว้เพียงเท่านั้น ดวงตาสีดำสนิทราวกับรัตติกาลจ้องมองคยูฮยอนด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนจะผละออกมาแล้วนั่งหันหลังห้อยขาที่ขอบโต๊ะอีกด้านหนึ่ง

     

                คยูฮยอนนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายด้วยความรู้สึกผวาไม่หาย ซีวอนไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนรักกันแน่

     

                แต่ไม่ว่าอย่างไร คยูฮยอนก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ กับซีวอน

     

                ร่างโปร่งหยัดกายลุกขึ้นนั่ง และกระถดตัวเข้าไปใกล้ๆ กับคนรัก ใบหน้าหวานซบลงกับแผ่นหลังกว้าง เรียวแขนทั้งสองอ้อมไปกอดเอวหนาของซีวอนไว้แน่น พร้อมด้วยคำพูดปลอบใจที่กลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกไม่หยุดหย่อน

     

                “ไม่เป็นไรนะซีวอน ไม่เป็นไรจริงๆ”

     

     
                ทงเฮใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสามารถพาร่างที่หมดสติของพ่อเข้ามานอนบนเตียงได้ ร่างผอมบางของฮยอกแจยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง ทงเฮดึงมือหนาของพ่อมากุมไว้ไม่ห่าง เสียงลมหายใจดึงฮืดฮาดบ่งบอกให้รู้ว่าพ่อไม่ค่อยสบายตัวนัก

     

                “ป๊าครับ...ทำไมป๊าต้องทำให้ทงเฮมากขนาดนี้”

     

                ทงเฮเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา แม้ว่าฮยอกแจจะไม่ได้ตอบออกมา แต่ร่างกายของพ่อก็ตอบคำถามนี้ได้ดีอยู่แล้ว และหัวใจของพ่อก็ยังยืนยันคำตอบเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

     

                เพื่อ...ทงเฮ

     

                ทงเฮไม่อยากจะปล่อยมือของฮยอกแจเลย เขาอยากจะกุมมือของพ่อไว้นานๆ เหมือนที่พ่อเคยกุมมือเขาเวลาที่เขาป่วย คอยลูบผมและจูบหน้าผากปลอบใจเสมอเวลาที่ทงเฮเป็นไข้นอนซมอยู่บนเตียง ทงเฮมีพ่อคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าการจะต้องดูแลใครสักคนจะต้องทำเช่นไรบ้าง

     

                นึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เวลาที่ดีที่สุดตอนที่ไม่สบายคือตอนที่ไม่ต้องลุกไปอาบน้ำ แต่นอนให้พ่อเช็ดตัวให้

     

                ร่างบางหายตัวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนูผืนหนึ่ง มือเล็กของทงเฮค่อยๆ ถอดเสื้อยืดที่เปื้อนไปด้วยเลือดของพ่อ มองดูเนื้อขาวนวลที่มีแต่รอยฟกช้ำและบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย

     

                คนๆ นั้นที่ฮยอกแจไปด้วย เขาเป็นคนโหดร้ายแค่ไหนกันนะ ทำไมถึงป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมราวกับไม่ใช่มนุษย์อย่างนี้

     

                มือบางค่อยๆ ลูบไปตามบาดแผลไล่ลงไปตั้งแต่ไหปลาร้า ผ่านอกแกร่งที่มีมัดกล้ามสมความเป็นชาย รวมถึงหน้าท้องที่เครียดขึงไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าภายใต้ร่างกายที่ผอมบางของคนเป็นพ่อจะซ่อนความสมส่วนเอาไว้เช่นนี้

     

                ใจสั่น...

     

                ทงเฮชักมือขึ้นมาทาบทับที่หัวใจของตัวเอง เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะหวั่นไหวกับร่างกายของพ่อบังเกิดเกล้า ใบหน้าหวานสะบัดไปมาอย่างไล่ความคิด เขาชักจะฟุ้งซ่านมากไปแล้ว ได้แต่ท่องไว้ในใจว่าคนตรงหน้าคือพ่อนะ คือพ่อแท้ๆ ของตัวเอง

     

                “ขอโทษนะครับ”

     

                เสียงของทงเฮบางเบาเหมือนอากาศที่ล่องลอยอยู่ในห้อง มือที่สั่นเทาด้วยความหวั่นไหวปลดกางเกงของฮยอกแจออกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์สีซีดหรือแม้แต่กางเกงชั้นในสีดำสนิทก็ถูกดดึงออกไปจนหมด

     

                ทั้งๆ ที่ตอนยังเป็นเด็กก็เคยอาบน้ำร่วมกับพ่ออยู่บ่อยๆ แต่ทำไมครั้งนี้ทงเฮถึงไม่กล้าก้มหน้าลงไปมองกายแกร่งของพ่อเลย

     

                หรือเป็นเพราะกลัว...ว่าความหวั่นไหวบ้าๆ นั่นจะก่อตัวขึ้นมาอีก

     

                “ฮือ...ทงเฮ อย่าทำอะไรทงเฮ...” เสียงละเมอของพ่อทำให้ทงเฮสะดุ้งเฮือก ร่างบางหันขวับไปมองใบหน้าคมเข้มของฮยอกแจอีกครั้ง แต่ก็พบว่าพ่อของเขายังคงหลับสนิทเช่นเดิม ทว่าเมื่อไม่ทันได้ระวังตัว ทงเฮก็หันกลับมาเจอกับกายแกร่งของพ่อเข้าอย่างจัง

     

                แม้พยายามจะไม่มองแล้ว แต่คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามเรียวขาด้านในก็สะกดสายตาของทงเฮให้มองผ่านเลยไปไม่ได้

     

                “ปะป๊า...ฮือ...”

     

                ทงเฮร้องไห้จ้าเป็นเด็กๆ มือบางรีบหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำมาบิดหมาดๆ ก่อนจะเช็ดตามเนื้อตัว แขน ขา ไม่เว้นแม้แต่คราบเลือดที่ติดอยู่ตรงนั้นของพ่อ พยายามจะกลั้นเสียงสะอื้น พยายามจะเข้มแข็งให้ถึงที่สุด

     

                แต่สุดท้ายอี ทงเฮก็ตระหนักได้แล้วว่า...

     

                ไม่มีใครสามารถทำให้เขาหยุดร้องไห้ได้เหมือนฮยอกแจอีกแล้ว

     

                มีแค่ปะป๊าของทงเฮ...

     

    แค่ปะป๊าคนเดียวเท่านั้น

     

                ทงเฮรีบเช็ดตัวให้คนเป็นพ่ออย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นบาดแผลเหล่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนึกถึงความเจ็บปวดที่พ่อของเขาเคยประสบมา

     

                หลังจากใส่เสื้อผ้าให้ฮยอกแจเรียบร้อย ทงเฮก็นั่งอยู่ข้างเตียงและกุมมือพ่อไว้เช่นนั้น เขาจะไม่ไปไหนเหมือนที่ฮยอกแจไม่เคยหนีไปไหน ทงเฮจะนั่งรอจนกว่าป๊าจะรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมายิ้มให้เขา

     

                อี ทงเฮจะรอ...

     

     

                 แสงแดดที่ลอดเข้ามาเพียงน้อยนิดทำให้ใครบางคนที่นอนหลับสนิทค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก มีบางสิ่งกดทับอยู่ที่แขนด้านซ้ายทำให้เจ้าตัวพยายามจะขยับเรียวแขนของตัวเองหนี ทว่ากลับเป็นการปลุกใครบางคนให้สะดุงตื่นขึ้นมาด้วย

     

                “ป๊า...”

     

                เสียงของทงเฮหวานล้ำยิ่งกว่าบทเพลงของศิลปินคนใดในโลกนี้ หากได้ยินเสียงเรียกเช่นนี้ในทุกๆ เช้า ฮยอกแจคงเป็นผู้ชายที่มีความสุขมากที่สุดในโลก เปลือกตาบางหลับแน่นลงไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จนทงเฮคิดว่าพ่อของเขายังคงหลับสนิท

     

                “ป๊าตื่นมายิ้มให้ทงเฮสิครับ ตื่นมาด่าทงเฮที่นิสัยไม่ดีคนนี้สิ”

     

                ฮยอกแจรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่เรียวแขนของตัวเอง ดูเหมือนว่าลูกชายที่น่ารักเขากำลังร้องไห้ ฮยอกแจนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้แล้วก็เจ็บปวด มันเป็นความเจ็บปวดแสนขมขื่นก็จริง แต่ตอนนี้ความขมนั้นถูกแทนที่ด้วยความหวานจนเกือบหมดแล้ว

     

                แต่...ไม่ว่ายังไง สิ่งที่ติดแน่นอยู่ปลายลิ้น รสขมที่ได้รับไปตั้งแต่ตอนแรกก็ยังชัดเจนในความรู้สึกของฮยอกแจอยู่ดี

     

                เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับลูก

     

                “ป๊า ป๊าตื่นแล้ว!

     

                น้ำเสียงของทงเฮแสดงถึงความดีใจอย่างมาก แต่ฮยอกแจก็รู้ถึงสัจธรรมข้อหนึ่งของโลกใบนี้ดี ความสุข...มักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน

     

                แทนที่จะส่งรอยยิ้มให้ลูกอย่างที่อีกฝ่ายอยากจะเห็น ฮยอกแจกลับมองทงเฮผ่านสายตาที่มีแต่ความเย็นชาเท่านั้น ร่างโปร่งค่อยๆ พลิกตัวให้หลังให้ทงเฮ ทำให้ทงเฮรีบตะครุบคว้ามือหนาของพ่อเอาไว้

     

                หมับ!

     

                “ป๊าอย่าเมินทงเฮแบบนี้สิครับ”

     

                ฮยอกแจชักมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนเป็นลูก ทงเฮทำอะไรไม่ถูก พ่อไม่เคยเป็นคนที่เย็นชากับเขาขนาดนี้ ตลอดเวลาตั้งแต่ทงเฮจำความได้ ปะป๊าของทงเฮเป็นผู้ชายที่อบอุ่นเสมอ ไม่เคยโกรธแม้ว่าทงเฮจะดื้อ ไม่เคยเกลียดแม้ว่าทงเฮจะรั้น ไม่เคยเฉยชาเท่านี้มาก่อน แม้ว่าทงเฮจะเคยทำให้พ่อเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหนก็ตาม

     

                “ป๊าน่าขยะแขยง...ไม่ใช่เหรอ?”

     

                ฮยอกแจพยายามบังคับไม่ให้น้ำเสียงของตัวเองสั่น น้ำตาอุ่นไหลออกมาเป็นสาย ผ่านเข้ามาในริมฝีปากจนรู้สึกได้ถึงรสเฝื่อนๆ เสียงสะอื้นไห้ของทงเฮดังขึ้นอยู่ด้านหลัง แต่ฮยอกแจไม่กล้าหันไปมอง

     

                เพราะคำพูดและสายตาที่ทงเฮใช้มองเขาเมื่อคืนนี้ทำให้ฮยอกแจรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ชั่วช้าที่สุดในโลก มันจริงอย่างที่ทงเฮว่า...

     

                ถ้าเขาจะทำตัวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้ เขาไม่น่าเกิดมาเป็นพ่อของทงเฮเลย

     

                ไม่สมควรที่จะเกิดมาเป็นพ่อของใคร

     

                “ทงเฮขอโทษครับป๊า ทงเฮขอโทษจริงๆ”

     

                ทงเฮพยายามจะไขว่ขว้าร่างกายของพ่อ แต่ฮยอกแจก็ขยับตัวหนีอยู่เรื่อย ฮยอกแจไม่อยากให้มือที่สะอาดของทงเฮต้องมาถูกเนื้อต้องตัวคนที่มีร่างกายและจิตใจที่สกปรกอย่างเขา

     

                “ออกไปจากบ้านนี้ซะ ต่อไปนี้ทงเฮไม่ใช่ลูกของป๊าแล้ว”

     

                “ป๊าอย่าไล่ทงเฮ”

     

                “ออกไป!” ฮยอกแจข่มความเสียใจทั้งหมดเอาไว้กับตัวเอง เขาพยายามจะเข้มแข็งให้ทงเฮเห็น แต่ยิ่งได้ยินเสียงของทงเฮที่กำลังร้องไห้ ฮยอกแจก็รู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นคนที่เข้มแข็งได้อีกต่อไป

     

                นึกกลัวเหลือเกินว่าถ้าทงเฮหนีเขาไปจริงๆ

     

                ฮยอกแจจะทำอย่างไรดี

     

                “ทงเฮไม่ไปครับ ทงเฮจะอยู่ที่นี่ อยู่กับป๊าของทงเฮ ฮือๆ”

     

                ทงเฮกอดเอวหนาของคนเป็นพ่อเอาไว้แน่น ซุกหน้าไปกับแผ่นหลังจนแผ่นหลังที่อบอุ่นเสมอนั้นเปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา

     

                แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฮยอกแจยอมแพ้

     

                เพราะเป็นทงเฮ...ฮยอกแจเลยไม่คิดอยากจะเป็นผู้ชนะเลยสักนิดเดียว

     

                “ทงเฮขอโทษที่ด่าป๊าแบบนั้น ทงเฮขอโทษ ป๊าอย่าเกลียดทงเฮเลยนะครับ”

     

                “ป๊า...เคยเกลียดทงเฮด้วยเหรอ?”

     

                นี่อาจจะไม่ใช่ประโยคคำถามเสียทีเดียว แต่มันก็ทำให้ใครอีกคนได้คิด จะมีพ่อที่ไหนเกลียดลูกของตัวเองได้ลงคอ ทงเฮรู้แล้วว่า...พ่อไม่มีทางเกลียดเขา

     

                ต่อให้พ่อเฉยชากับเขา พ่อก็ยังเป็นผู้ชายที่รักเขาที่สุดอยู่ดี

     

                “ป๊าอยากถามทงเฮแค่ไม่กี่คำถาม ทงเฮจะตอบป๊าได้ไหม?”

     

                “อึก...อะไรครับ?” ทงเฮถามปนสะอื้น ฮยอกแจเลื่อนมือไปกุมมือน้อยของลูกเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวหันกลับมาจ้องหน้าลูกรัก ทงเฮหลับตาแน่น ซุกซบหาไออุ่นจากอกกว้างของผู้เป็นพ่ออย่างโหยหา

     

                “ทงเฮโดนข่มขืนจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ได้พูดเพราะว่าต้องการประชดป๊าใช่ไหมลูก?”

     

                ทงเฮเงียบไปพักใหญ่ เงียบอยู่นานจนฮยอกแจคิดว่าลูกจะไม่ตอบคำถามของเขาแล้ว แต่สุดท้ายเสียงอู้อี้ของทงเฮก็ดังขึ้น

     

                “จะ...จริงครับ” ฮยอกแจมั่นใจว่าทงเฮไม่ได้โกหก รู้สึกใจหายวาบที่ทงเฮต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ อยากจะแจ้งความเอาผิดใจแทบขาด แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ผลดีต่อตัวของทงเฮเลย

     

                ต่อให้ไอ้ชั่วนั่นมันเข้าคุกไปได้ คนในสังคมก็อาจจะรู้ว่าลูกเขาโดนข่มขืน

     

                ทงเฮต้องอายแน่

     

                “ไม่เป็นอะไรนะลูก มันก็แค่ฝันร้าย ไม่เป็นไรนะ”

     

                “ฮือๆ เพราะความผิดของทงเฮเอง เพราะทงเฮต้องการประชดใครบางคน ทงเฮเลยทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น มันเป็นความผิดของทงเฮ...”

     

                ฮยอกแจกอดลูกให้แน่นขึ้นไปอีก ทงเฮก็กอดคนเป็นพ่อกลับเช่นกัน เสียงปลอบประโลมยังดังอยู่ไม่ห่าง ความอบอุ่นแทรกซึมทุกอณูของความรู้สึกจนทงเฮไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดๆ อีกแล้ว

     

                “มันเป็นแค่ความฝัน ความจริงของทงเฮคือป๊า ป๊าอยู่ตรงนี้กับทงเฮนะ ป๊ากำลังกอดทงเฮลูกชายของป๊าอยู่”

     

                “แล้วปะป๊า...เจ็บไหมครับ?”

     

                “ป๊าไม่เป็นไร”

     

                “อึก...ทงเฮอยากเจ็บอย่างที่ป๊าเจ็บ อยากรู้ว่าป๊าทรมานมากแค่ไหน ป๊าทำแบบนั้นกับทงเฮได้ไหมครับ ถ้าป๊าถูกตี ป๊าก็ตีให้ทงเฮเจ็บ ถ้าป๊าถูกทำร้าย ป๊าก็ทำร้ายให้ทงเฮเจ็บบ้าง ทงเฮจะได้ไม่ด่าป๊าอีกแล้ว”

     

                ฮยอกแจอึ้งกับความคิดของลูก แม้มันจะเป็นความคิดเด็กๆ ที่ออกมาจากปากของทงเฮ แต่ฮยอกแจก็ไม่อยากให้ลูกคิดแบบนั้น ความเจ็บปวดไม่สามารถส่งต่อไปให้ใครได้ เมื่อใครคนหนึ่งได้รับ มันก็จะหยุดอยู่แค่คนๆ นั้น ฝังลึกอยู่กับตัวและหัวใจของคนๆ นั้น

     

                ซึ่งคนอื่นจะไม่มีวันเข้าใจลึกซึ้งได้กับคนที่ประสบมาเองเลย

     

                “ฮยอกแจ! ทงเฮ!

     

                เสียงเรียกที่ดังออกมาจากหน้าบ้านทำให้สองพ่อลูกผละออกจากกัน ฮยอกแจไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน ทงเฮจึงเดินออกไปเปิดประตูให้กับแขกที่มาพบ คนที่เปรียบเสมือนญาติสนิทที่แวะเวียนมาหาอยู่บ่อยๆ

     

                ปาร์ค จองซู และหลานของเขาคิม จงอุน

     

     

                “ทงเฮออกไปคุยกับจงอุนก่อนเถอะ ลุงมีเรื่องจะคุยกับป๊าของหลาน”

     

                คำพูดของจองซูทำให้ทงเฮยอมออกมาจากห้องนอนของฮยอกแจ ร่างบางเดินมานั่งรออยู่ที่โซฟาโดยมีจงอุนนั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวตัวข้างๆ กัน

     

                “สุขสันต์วันเกิดนะ”

     

                เสียงทุ้มนุ่มของจงอุนเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทงเฮเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของใคร โดยเฉพาะกับเขา ทว่าวันนี้ร่างบางกลับหันมามองจงอุนช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้น

     

                “ขอบคุณครับ”

     

                เพียงแค่คำตอบรับสั้นๆ จากทงเฮ หัวใจของพี่ชายใกล้บ้านคนนี้ก็พองโตขึ้นมาแล้ว จงอุนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมาถือไว้ในมือของตัวเอง ก้มลงมองมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค้าที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนอีกแล้ว

     

                “พี่คิดอยู่ตั้งนานว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้กับทงเฮดี แต่น้าจองซูบอกว่าบอกว่าทงเฮคอสวยแต่ไม่เคยมีสร้อยสวยๆ ใส่สักเส้น พี่ก็เลย...”

     

                จงอุนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่ยังคงนิ่งเฉย เขากำลังจะยื่นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินให้กับร่างบางตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่าสายตาของจงอุนเหลือบไปเห็นสร้อยคอเงินแท้มีจี้รูปแมวประดับอยู่บนลำคอระหงนั้นอยู่

     

                “เอ่อ...มีคนซื้อสร้อยให้กับทงเฮแล้วเหรอ?”

     

                “ใช่ครับ มันทั้งราคาแพง และทงเฮก็ชอบสร้อยเส้นนี้มากด้วย”

     

                ทงเฮเอ่ยตอบพลางยกมือคลำสร้อยคอที่ตัวเองกำลังสวมใส่ เพราะคุณหมอใจดีเป็นคนซื้อให้เขา ทงเฮจะสวมใส่มันตลอดเวลาเพื่อให้รู้สึกว่าคุณหมอยังอยู่ใกล้หัวใจของทงเฮเสมอ

     

                “งั้น...” จงอุนพูดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทงเฮไม่ได้คิดจะตัดน้ำใจเขาเลย อี ทงเฮแค่ปากไวและพูดโดยที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น

     

                มือหนากำลังจะเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กางเกงไว้ตามเดิม แต่ทงเฮกลับฉวยมันมาถือไว้ในมือของตัวเอง

     

                “ซื้อมาให้ทงเฮไม่ใช่เหรอ?”

     

                “แต่ว่าทงเฮมีสร้อย...”

     

                “ไว้จะเก็บไว้ใส่แก้เบื่อแล้วกัน”

     

                ทงเฮพูดตัดบทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดกล่องเพื่อดูสร้อยคอที่จงอุนตั้งใจเลือกซื้อให้กับเขา มันเป็นสร้อยคอรูปตัวโน้ตแบบที่จงอุนชอบ เพราะคิม จงอุนชอบเล่นดนตรี ชอบที่ร้องเพลงแทนความรู้สึกของเขาเอง มันเป็นเสน่ห์ที่คนอื่นชอบ แต่ทงเฮไม่ได้ชอบ

     

                “กลับบ้านกันเถอะจงอุน”

     

                จองซูออกมาจากห้องนอนของฮยอกแจ เขาเรียกหลานชายให้กลับบ้านทำให้ทงเฮรีบลุกขึ้นยืนตามจงอุนไปด้วย

     

                “จะกลับแล้วเหรอครับ?” เสียงหวานเอ่ยถามคนที่มีศักดิ์เป็นลุงของตัวเอง

     

                “อื้ม ทงเฮยอมลงทุนโดดเรียนเพื่อมาเฝ้าป๊าแบบนี้ ป๊าจะต้องหายป่วยเร็วๆ แน่”

     

                “ป่วย?”

     

                ทงเฮทวนคำ ก่อนที่จองซูจะบอกว่าฮยอกแจไข้ขึ้นและหลับไปแล้ว ทงเฮรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เขาอยู่กับฮยอกแจมาเกือบครึ่งวัน แต่กลับไม่รู้เลยว่าพ่อของตัวเองกำลังป่วย

     

                คิดว่าแค่อ่อนเพลียเนื่องจากถูกทำร้ายเท่านั้น

     

                “ทงเฮไม่ส่งนะครับลุงจองซู ทงเฮจะอยู่กับป๊า”

     

                จองซูพยักหน้า ก่อนจะเดินเคียงข้างหลานชายออกไป ทงเฮมองกล่องกำมะหยี่ในมือ ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะวางของมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งเมื่อเดินผ่านไปแล้ว เขาก็ลืมไปในทันทีว่าเคยได้ของขวัญชิ้นนี้มาจากใคร เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย

     

     

                ฮยอกแจตื่นมาอีกครั้งก็ตอนที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินไปแล้ว เขาปวดเมื่อยตามตัว และปวดหนึบที่ศีรษะราวกับมีเหล็กหนักเป็นร้อยๆ ตันมากดทับเอาไว้ แม้กระทั่งริมฝีปากที่จะขยับขึ้นพูดก็แทบไม่มีเรียวแรงเลย

     

                ผ้าเปียกๆ ถูกวางอยู่บนหน้าผากมนแทนที่จะเป็นแผ่นเจลลดไข้ อาจจะเป็นทงเฮไม่รู้ว่าพ่อเก็บของเหล่านี้ไว้ส่วนไหนของบ้าน ทงเฮจึงดูแลพ่อเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้

     

                “ทง...”

     

                เสียงของฮยอกแจขาดห้วงลงไป แต่คนเป็นลูกก็ได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน ทงเฮถลาเข้ามากุมมือของคนเป็นพ่อเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

                “ป๊าต้องการอะไรไหมครับ หิวน้ำไหม”

     

                ฮยอกแจขยับหน้าเบาๆ เท่านั้น แก้วน้ำเปล่าก็ถูกเลื่อนเข้ามาตรงหน้า มือข้างหนึ่งของทงเฮประคองศีรษะของพ่อ ส่วนอีกข้างหนึ่งจับแก้วน้ำป้อนให้พ่ออย่างทุลักทุเล เป็นครั้งแรกที่ทำอะไรเพื่อคนอื่นมากขนาดนี้

     

                “ตัวป๊ายังไม่หายร้อนเลย ทงเฮจะทำยังไงดี” ทงเฮบีบมือของฮยอกแจเบาๆ อย่างเป็นห่วง ฮยอกแจยิ้มทั้งน้ำตา น้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งปะปนกับพิษไข้

     

                “เดี๋ยวป๊าก็หาย...” เสียงที่อ่อนเพลียทำให้ทงเฮมุ่ยหน้า

     

                “ทงเฮอยากให้ป๊าหายตอนนี้”

     

                “เด็กดื้อ!

     

                ฮยอกแจว่าให้เบาๆ ก่อนจะหลับตาลงไปด้วยความเจ็บปวด ขอบตาร้อนผ่าวเพราะอุณหภูมิในร่างกายที่พุ่งขึ้นสูง แขนขาก็ปวดเมื่อยและไร้เรี่ยวแรง

     

                ทงเฮจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของฮยอกแจอยู่นาน เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรให้ฮยอกแจหายไข้เร็วขึ้น ตอนที่เขาป่วย ฮยอกแจชอบจูบกระหม่อมเขาแล้วกอดเขาเอาไว้อย่างไม่กลัวติดไข้

     

                แต่ทงเฮเป็นลูก ทงเฮจะจูบกระหม่อมของพ่อบังเกิดเกล้าได้อย่างไร

     

                ร่างเล็กจ้องมองปะป๊าของตัวเองอยู่นาน เหมือนฮยอกแจพยายามจะหลับ แต่ก็ทรมานเกินกว่าจะหลับลงไปได้ง่ายๆ ทงเฮจึงเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะประทับริมฝีปากที่ปลายคางของพ่ออย่างเนิ่นนาน

     

                ทว่า...

     

                แทนที่จะถอนริมฝีปากออกห่าง ทงเฮกลับขยับริมฝีปากบางขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของเขาสัมผัสกับคนเป็นพ่อ ฮยอกแจกระตุกวาบเมื่อถูกลูกชายกระทำเช่นนี้ เหงื่อกาฬมากมายพร้อมใจกันหลั่งไหลออกมาเต็มหน้าผากและลำตัว รวมถึงไอร้อนที่ระเหยออกมาพร้อมกับพิษไข้ด้วย

     

                เรียวปากอิ่มของทงเฮไม่ได้ตั้งใจจะปลุกปั่นให้พ่อเกิดอารมณ์เลยสักนิด เขาเพียงแค่ต้องการทำให้พ่อหายป่วย ทงเฮต้องการเพียงแค่นั้น เขาจูบพ่ออย่างสุภาพที่สุด แต่ในใจของฮยอกแจกลับรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

     

                ทงเฮไม่ใช่ลูกชายของเขา

     

                และเหตุผลนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อารมณ์หวาบหวามในร่างกายของฮยอกแจถูกปลุกเร้าขึ้นมา ทั้งๆ ที่ควรจะนอนอยู่นิ่งเฉย แต่ฮยอกแจกลับเชิดหน้าขึ้นไปสอนคนที่จูบอย่างไม่ประสีประสา

     

                “อื้อ...”

     

                ทงเฮเผลอส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว พยายามที่จะถอนริมฝีปากของตัวเองออกห่างจากผู้เป็นพ่อ ทว่าฮยอกแจกลับส่งลิ้นร้อนเข้ามาซุกไซ้ซอกซอนหาความหวานอย่างจาบจ้วง แต่ทงเฮก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

     

                ภาพส่วนอ่อนไหวของฮยอกแจที่ทงเฮได้พบเห็นเมื่อคืนนี้ทำให้อารมณ์ของเด็กหนุ่มพุ่งสูงขึ้น ใบหน้าหวานแดงเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนที่จะถูกฮยอกแจผลักออกอย่างทนไม่ไหว

     

                ร่างโปร่งของผู้เป็นพ่อขึ้นคร่อมทับลูกชายอย่างรวดเร็ว จมูกโด่งซุกไซ้ไปทั่วซอกคอขาวเนียน ช่วยสร้างอารมณ์วูบไหวและหวาบหวามให้กับทงเฮเป็นอย่างดี ทำไมทงเฮจะไม่รู้ว่าคนที่ทับเรือนร่างของตัวเองเป็นใคร ทว่าความรู้สึกที่ต้องการปลดปล่อยทำให้เขาเชิดหน้าขึ้นตอบรับสัมผัสที่ฮยอกแจเป็นผู้สร้างให้

     

                “ปะป๊า...ฮือ...”

     

                เสียงครวญครางกระเส่าด้วยสรรพนามที่ถูกเรียกอยู่เป็นประจำทำให้ฮยอกแจหยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเองลง ใบหน้าคมคายจ้องมองคนเป็นลูกอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะผละออกแล้วนอนหลับตาลงไปอีกครั้ง ทิ้งให้ทงเฮจมปรักอยู่กับอารมณ์หวามไหวเมื่อครู่นี้

     

                “ป๊าขอโทษนะ...ทงเฮ”

     

                เสียงฮยอกแจไม่ค่อยมั่นคงนัก ทงเฮนอนหอบหายใจถี่ข้างๆ กายของคนเป็นพ่อ โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้ทันเอะใจเลยว่า...

     

                ไข้ของฮยอกแจลดลงแล้ว

     

     

    Talk with Lee Seen

                ที่จริงมีวอนคยูเล็กๆ ต่ออีกนิดนึง แต่ซีนเห็นว่า...

    ฉากสุดท้ายของอึนเฮมันน่าสนใจกว่าฉากเศร้าของวอนคยู

    ตอนนี้วอนคยูเหมือนจะหายไปเนอะ ตอนแรกบอกว่าจะจัดเต็ม

    แต่ตอนหน้าก็เหมือนอึนเฮจะหายไปเหมือนกันค่ะ

    อ่า...ต้องติดตามเอาเองดีกว่า อย่าไปเชื่อใจคนอย่างลีซีนมาก เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×