คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2 จดหมายขอโทษ
2
จดหมายขอโทษ
ภาย ในห้องพักที่เล็กยิ่งกว่ารังหนู สองพี่น้องต่างนั่งมองหน้ากันและกันโดยไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมา หลังคาที่มุงด้วยใบจากผุเป็นรูพรุนจนนึกแทบไม่ออกเลยว่าถ้าหากฝนตกพวกเขาจะ อพยพไปนอนที่ไหนกันดี
“พี่ครับ หิวไหม?”
อึน ฮยอกมองคนเป็นพี่ตาปริบๆ ฮยอกแจสะดุ้งเบาๆ เมื่อเสียงของน้องเอ่ยเรียก ในใจได้แต่เอ่ยคำขอโทษเป็นแสนเป็นล้านครั้ง เพราะเขาเป็นพี่ที่ไม่ดี เขาไม่สามารถทำให้น้องมีชีวิตที่สุขสบายได้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มีความเจ็บปวดคลออยู่ตลอดเวลาทำให้ฮยอกแจแทบอยากจะ เบือนหน้าหนี แต่เพราะผู้ชายตรงหน้านี้เป็นน้องชายของเขา เป็นสิ่งเดียวที่อี ฮยอกแจยังเหลืออยู่ เขาจึงต้องรักษาอึนฮยอกไว้ให้ดีที่สุด
“พี่ไม่หิวหรอก นายหิวเหรอ?”
“ครับ ผมหิวแล้ว”
อึน ฮยอกตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ฮยอกแจไม่สามารถพาน้องออกไปทานอาหารดีๆ ข้างนอกบ้านได้ เงินที่ได้มาจากการทำงานเมื่อคืนนี้ก็ถูกนำไปจ่ายค่ามัดจำบ้านจนหมดแล้ว อึนฮยอกรู้ดีว่าพี่ชายเหนื่อยแค่ไหน หากแต่เขาไม่สามารถทนต่อความหิวได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ
“ในกระเป๋าอาจจะยังมีขนมปังเหลืออยู่บ้าง ลองไปหาดูสิ”
แค่ คำว่าขนมปังก็ทำให้ดวงตาคู่กลมลุกวาวได้ อึนฮยอกวิ่งออกไปจากห้องเพื่อหาขนมปังที่อยู่ในกระเป๋าของพี่ชาย และเมื่อคนเป็นน้องออกไป ภายในห้องก็กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง ฮยอกแจได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเอง ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิดเดียว
เสียง กุกกักดังมาจากทางประตูอีกครั้ง แต่ฮยอกแจคิดว่าน้องชายของเขากำลังวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ร่างสูงจึงไม่ได้หันไปมอง ระยะเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เสียงกุกกักนั้นก็หยุดลงพร้อมกับกระบอกปืนเย็นเฉียบที่จี้อยู่บริเวณท้ายทอย ของฮยอกแจเอง
“อี ฮยอกแจ คุณถูกจับแล้ว!”
ฮยอก แจไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกไป เขาหันกลับไปมองช้าๆ ก่อนจะพบว่าตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งกำลังจ่อปืนมาที่เขาในระยะประชิด ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกยิ่งกว่ากระบอกปืนในมือนายตำรวจเสียอีก
“ต้องการอะไรก็บอกมา ตำรวจชั้นเลว!”
คำว่า ‘ตำรวจชั้นเลว’ ทำ ให้ร่างเล็กที่กำลังค้นหาอาหารอยู่หลังห้องหยุดกึก ดวงตาคู่สวยสั่นริกเพราะลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง และเมื่ออึนฮยอกกำลังจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง มือบางก็ยกขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน
...ผู้หมวดอี ทงเฮ...
“คุณคือผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ยอมมอบตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”
“แล้วถ้าไม่มอบตัวล่ะ?”
ฮยอก แจถามกลับไปด้วยความยียวน ทำเอาตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ถึงกับเหงื่อตก อี ทงเฮเป็นตำรวจก็จริง แต่เขาไม่ใช่ตำรวจที่กล้าหาญอย่างที่คนอื่นๆ คิด แท้จริงแล้วเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีแต่ความขลาดกลัวอยู่ในใจ เท่านั้น
“ว่าไงล่ะ ถ้าฉันไม่มอบตัว?”
“ผมก็จะยิงคุณ!”
ฮยอก แจหัวเราะเยาะในลำคอเบาๆ ก่อนจะปัดกระบอกปืนออก กำปั้นหนักๆ พุ่งเข้าตรงใบหน้าของตำรวจหนุ่มอย่างพอดิบพอดี แต่อีกฝ่ายก็ยังเบี่ยงตัวหลบได้ทัน มือหนาคว้าข้อมือของฮยอกแจเอาไว้ ก่อนจะบิดแขนแกร่งอ้อมมาไว้ด้านหลัง แล้วดันตัวคนร้ายให้หันหน้าเข้าชิดผนังด้วยความว่องไว อึนฮยอกที่แอบอยู่ตรงประตูได้แต่มองภาพเหล่านั้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“คราวนี้ยังจะปากเก่งอีกไหม?”
ทงเฮ เลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ถึงกกหู ฮยอกแจกัดฟันกรอดที่ตัวเองประมาทเกินไป เขาพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากการจับกุม แต่ดูเหมือนว่าร่างกายที่ชิดผนังเช่นนี้จะไม่สามารถขยับตัวต่อสู้ได้เลย
“คิดให้ดีๆ นะฮยอกแจ ถ้าคุณไม่มอบตัว ผมจะยิงคุณเมื่อไรก็ได้”
ฮยอก แจรู้สึกขนลุกชันไปหมดเมื่อเสียงแหบพร่าดังอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นรดรินเข้าที่ต้นคอ แม้จะรังเกียจคนที่ทำร้ายน้องชายมากแค่ไหน แต่ฮยอกแจกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิดเดียว
“การวิสามัญฆาตกรรมสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อคนร้ายมีอาวุธและพยายามจะใช้อาวุธต่อสู้กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น”
“หุบปาก!”
“หึ ตำรวจจะใช้ปืนยิงใครก็คงไม่มีความผิดสินะ แม้กระทั่งข่มขืนประชาชนที่บริสุทธิ์ก็ยังไม่ถูกจับเข้าคุกสักนิด น่าชื่นชมจัง”
“ผมบอกให้หุบปากไง!”
ผู้ หมวดทงเฮกระชากร่างของคนร้ายให้หันหน้ามาทางเขา ก่อนจะโน้มลงไปจูบริมฝีปากของฮยอกแจด้วยความหนักหน่วงและเร่าร้อน หัวใจของคนที่กำลังแอบมองอยู่หล่นตุ้บลงที่พื้นทันที มือบางปิดริมฝีปากให้แน่นขึ้นไปอีก พี่ชายของเขากำลังถูกรุกรานจากนายตำรวจคนนี้ อึนฮยอกกลั้นเสียงสะอื้นไห้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาวิ่งออกไปให้ไกลมากที่สุด ไกลเท่าที่ขาทั้งสองข้างของเขาจะมีแรงวิ่งต่อไปได้
“ไอ้ชั่ว!”
ฮยอก แจผลักหน้าอกของตำรวจหนุ่มออกอย่างแรง ผู้หมวดทงเฮหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ทีแรกฮยอกแจจะเข้าไปชกหน้าของตำรวจนั่นอีกครั้ง แต่เขาก็เปลี่ยนใจเป็นถีบหน้าอกของตำรวจหนุ่มให้นอนไปบนพื้นแล้วกระทืบเข้า ที่หน้าท้องแกร่งอย่างแรง แล้วเดินหนีออกมา
“ระวังตัวไว้แล้วกันอี ฮยอกแจ ผมไม่ปล่อยคุณกับน้องชายให้รอดไปได้แน่ๆ”
ฮยอก แจวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด เขามั่นใจว่าอึนฮยอกคงวิ่งหนีออกไปตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้อึนฮยอกจะเป็นคนที่อ่อนแอ แต่อึนฮยอกไม่ใช่คนโง่ เมื่อทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว อึนฮยอกก็จะต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
ภาย ในสถานบริการที่เหม็บอับไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่ ทั้งหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ต่างนั่งคลอเคลียกันอยู่ในร้านอย่างน่าไม่อาย บางคนก็ล้วงนั่นจับนี่ของกันและกัน บางคนก็นั่งดื่มเหล้ากันธรรมดา ก่อนจะพากันหายขึ้นไปบนห้องพักชั่วคราวที่อยู่บนชั้นสอง
วันนี้ ตงไห่ก้าวเข้าไปในที่แห่งนั้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเพียงครั้งเดียวที่เขาเคยมาที่นี่ เขาก็ติดใจมันเสียแล้ว ชายคนหนึ่งที่หน้าตามอมแมมแม้จะแต่งตัวอยู่ในชุดสุภาพรีบจรลีเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เชิญทางนี้เลยครับ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะมาหาคุณ...อะ...อี ฮยอกแจ”
“ฮยอกแจรับแขกอยู่ข้างบน ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะดูเด็กคนอื่นหรือเปล่า วันนี้มีคนเข้ามาใหม่ด้วยนะ...”
ชาย ที่เป็นคนต้อนรับยังคงพูดเชื้อเชิญให้ตงไห่เลือกเด็กสักคนที่ยืนเรียง รายอยู่ด้านข้าง แต่ดวงตาเศร้าๆ กลับกวาดมองหาเพียงแต่คนที่ชื่อ ‘อี ฮยอกแจ’ เท่านั้น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังบริการคนอื่นอยู่ แต่ตงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไป
“งั้นผมขอฝากจดหมายให้เขาได้ไหมครับ?”
เด็ก หนุ่มหยิบกระดาษที่ตั้งใจว่าจะเตรียมมาให้ฮยอกแจตั้งแต่แรกออกมาจากกระเป๋า กางเกง เขาส่งจดหมายไปให้คนต้อนรับ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาด้วยความผิดหวัง ทว่าเสียงของคนๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
“ฮยอกแจอ่ะ ฉันอุตส่าห์ตามคุณมาถึงที่นี่เลยนะ คุณจะไม่สนใจฉันหน่อยเหรอ?”
“หยุดพล่ามเถอะน่าเยจิน ผมหูชาไปหมดแล้ว”
ตง ไห่หันขวับกลับไปด้วยความยินดี แต่ก็พบกับผู้หญิงหน้าขาวคนหนึ่งที่กำลังกอดจูบลูบไล้อยู่กับฮยอกแจ ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำอย่างไม่มีสาเหตุ เขาแค่ไม่อยากจะเห็นภาพตรงหน้าเท่านั้นเอง
“คุณไม่สนใจฉันบ้างเลยเหรอ ฉันเป็นเมียคุณนะ”
“อย่าพูดแบบนี้!”
“ฮยอกแจ มีคนฝากจดหมายมาให้นายน่ะ”
ตง ไห่ยังได้ยินทุกๆ ประโยคที่ดังอยู่ในสถานบริการ และเขาก็พบว่าตัวเองก้าวขาออกมาจากที่นั่นไม่ได้เลย ราวกับทุกๆ อย่างหยุดนิ่ง ตงไห่เงยหน้าขึ้นพร้อมๆ กับฮยอกแจที่รับจดหมายจากคนต้อนรับพอดี และดูเหมือนฮยอกแจจะรู้ด้วยว่าจดหมายฉบับนั้นที่เขาได้รับมาจากตงไห่นี่เอง
ร่าง โปร่งคลี่กระดาษจดหมายออกอ่านท่ามกลางความสงสัยของสายตาหลายคู่ สักพักมือหนาก็ขยำกระดาษแน่น แล้วตรงดิ่งมาฉุดข้อมือของตงไห่ออกไปจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด
“ฮยอกแจ คุณจะทิ้งฉันไปไหนอีกไม่ได้นะ อี ฮยอกแจ!”
“รู้ไหม นี่มันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิตฉันเลย”
ฮยอก แจปล่อยมือเด็กหนุ่มที่เคยมาใช้บริการเขาเมื่อวันก่อนให้เป็นอิสระ ดวงตาคมปลาบเหม่อมองออกไปยังทะเลฮวาจินโปสีดำเบื้องหน้า จดหมายนั่นมันเป็นเรื่องตลกเหลือเกิน ตลกเสียจนฮยอกแจขำไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ที่ทำลายชีวิตคุณแบบนี้”
ฮยอก แจทำเพียงแค่ปรายตามองอีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับไปมองทะเลอีกครั้ง เขานึกถึงข้อความขอโทษที่อยู่ในจดหมายนั่น ก่อนจะหลับตาลงไปช้าๆ และก็พบว่าไม่ว่าเขาจะลืมตาหรือหลับตา ภาพเบื้องหน้าก็เป็นสีดำเช่นเดียวกัน
เด็ก หนุ่มที่หน้าตาใสซื่อส่งจดหมายมาขอโทษฮยอกแจว่าตัวเองเป็นโรคร้าย และแอบเจาะถุงยางก่อนที่ฮยอกแจจะเข้าไปในห้อง โรคร้ายที่ว่านั่น ฮยอกแจไม่จำเป็นต้องเดาเขาก็พอจะรู้ว่ามันคือโรคอะไร
มันคือเอดส์ไงล่ะ
“ทำแบบนี้ทำไม?”
“ค...คือ ผม...ผมแค่ไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว แต่เพราะแววตาที่อบอุ่นของคุณ คำพูดที่อ่อนโยนของคุณทำให้ผมรู้สึกผิดตลอดทั้งคืน คุณจะฆ่าผมตอนนี้เลยก็ได้ เพราะผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกคำว่า...ขอโทษ...”
“อืม ขอบใจนะ”
คำพูดสั้นๆ ของฮยอกแจทำให้ตงไห่เบิกตาโพลง ใบหน้าหวานช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง จนกระทั่งฮยอกแจเอ่ยมันออกมาอีกครั้ง
“ขอบใจที่ช่วยทำให้ฉันตายเร็วขึ้น”
รอย ยิ้มที่ตงไห่เห็นเป็นรอยยิ้มที่ยินดีและก็โศกเศร้าในคราวเดียวกัน ตงไห่นิ่งอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากบางสั่นระริกจนฮยอกแจต้องเข้ามาจุมพิตเบาๆ อย่างปลอบโยน ทว่าตงไห่กลับเบนหน้าหนี
“ทำไมล่ะ? เมื่อคืนเราก็เคยมีอะไรกันแล้ว”
“ไม่รู้สิครับ มันแปลกๆ”
“นายนี่น่ารักดีนะ”
ตง ไห่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ใบหน้า มือหวานยกขึ้นมาทาบแก้มใสของตัวเอง เขารู้สึกดีที่ฮยอกแจไม่รังเกียจแม้เขาจะเป็นตัวเชื้อโรคของสังคม ทั้งคู่นั่งลงบนผืนทรายที่ไร้ซึ่งแสงไฟสาดส่องเข้ามา มีเพียงแสงของดวงจันทร์เท่านั้นที่ทำให้ทั้งสองคนเห็นใบหน้าลางๆ ของกันและกัน
“ทำไมคุณต้องขอบใจผม คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่เหรอครับ?”
ตงไห่เอ่ยถาม ก่อนจะยกขาขึ้นมาชันเข่าเอาไว้ ใบหน้าหวานเอียงซบลงบนเข่าของตัวเอง พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของฮยอกแจด้วยความสนอกสนใจ
“ก็ประมาณนั้น แล้วนายล่ะ ไปทำยังไงให้ติดเอดส์ นายไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนไม่ใช่เหรอ?”
“คือผม...ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับเพื่อนน่ะครับ”
“ติดยาเหรอ?”
ตง ไห่พยักหน้าช้าๆ แววตาไม่มีความหวาดกลัวใดๆ เหมือนกับตอนที่พบกันครั้งแรก ฮยอกแจลูบผมสีดำขลับเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เขาเอ็นดูตงไห่เหมือนน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น ใบหน้าที่หวานแบบนี้ มันคุ้นตาเขามากเหลือเกิน ถ้าตัดผมให้สั้นกว่านี้อีกสักหน่อยคงจะเหมือนกับใครบางคนน่าดู
“ตำรวจคนนั้น?”
“คุณฮยอกแจว่าอะไรนะครับ?”
ฮยอก แจส่ายหน้า เขานึกออกแล้วว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาหน้าตาเหมือนใคร ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับชีวิต ก่อนจะหันไปหาตงไห่แล้วพูดขึ้น
“เรามาตายด้วยกันไหม?”
ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ เขาได้ยินมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็ยังถามซ้ำออกไปอีกครั้ง
“ว...ว่าไงนะครับ?”
“เรามาตายพร้อมกันเถอะ โดดน้ำให้ตายพร้อมกันไปเลย”
ฮยอก แจไม่ได้ถามเหตุผลของตงไห่หรอกว่าทำไมเด็กหนุ่มที่หน้าตาคล้ายตำรวจเลวคน นั้นถึงได้ติดยาเสพติด เพียงแต่อะไรบางอย่างบอกกับฮยอกแจว่าชีวิตของคนๆ นี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขานัก อย่างน้อยทั้งคู่ก็กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันแล้ว
“ถ้าผมต้องตายไปพร้อมกับคุณ ผมก็ไม่กลัว”
ตง ไห่ด้วยแววตาและคำพูดที่มุ่งมั่น ทำเอาฮยอกแจหัวเราะลั่นไปทั่วบริเวณ เขาขยี้ผมตงไห่จนยุ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง แล้วฉุดมือของตงไห่ยืนขึ้นมาด้วย
“ฉันล้อเล่นน่า ฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้หรอก มีอีกคนที่ฉันจะต้องดูแล”
เมื่อ พูดถึงคนๆ นั้น ฮยอกแจก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเขาควรจะกลับไปหาอึนฮยอกที่บ้าน ร่างสูงไม่ได้หันมามองดวงตาที่ผิดหวังของตงไห่เลยแม้แต่นิด เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ฮยอกแจทำเพียงหมุนตัวแล้วเดินออกไป ตงไห่เองก็เดินตามร่างสูงไปด้วยเช่นกัน หากแต่เท้าของคนทั้งสองก็ต้องหยุดกึกเมื่อพบกับใครบางคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า
“เจอกันอีกแล้วนะอี ฮยอกแจ”
ผู้ หมวดอี ทงเฮแสยะยิ้มที่มุมปาก ทว่าเสียงของเขากลับคุ้นหูตงไห่มากเหลือเกิน และด้วยความไม่ทันระวัง ตงไห่จึงโผล่หน้าตัวเองออกไปจากแผ่นหลังของฮยอกแจ ทำให้ผู้หมวดทงเฮสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน ดวงตาคมเบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อี ทงฮวา!”
Talk with Lee Seen
เป็นฟิกที่ป่วงมากกกกกกก ขอโทษด้วยที่ทำให้รอนาน
แต่รู้สึกได้ว่าไม่มีใครรอ ฮ่าๆๆ เลยไม่ได้รีบร้อนอะไร กว่าจะเข็นเรื่องนี้ออกมาได้ก็ปวดหัวน่าดูค่ะ
เพราะเรื่องมันเพิ่งแค่เริ่มต้น พล็อตโดยรวมจึงต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกเยอะ
แต่พอแต่งมาถึงตอนนี้ คิดว่าคงจะไม่มีอะไรให้เปลี่ยนอีกแล้ว
ยังไงช่วยติดตามด้วยนะคะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ฟิกที่ดีนักก็ตาม แหะๆ
ความคิดเห็น