ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Kiss the Rain [HaeEun, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 14

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 55


     

     

    Chapter 14

     

                ฮยอกแจไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขานอนด้วยกันเมื่อคืนนี้เลย มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมากแต่ก็อึดอัดคับแน่นอยู่ในอกในคราวเดียวกัน พอมองหน้าทงเฮแล้วก็อยากจะถามว่าคิดอะไรอยู่ แต่อีกใจก็ไม่กล้า

                ...กลัวทงเฮจะตอบว่าไม่รู้สึกอะไรเลย

                ทงเฮแต่งตัวเสร็จก่อนจึงลงมาดื่มกาแฟรอฮยอกแจข้างล่าง ไม่นานนักร่างแบบบางของฮยอกแจก็วิ่งหอบกระเป๋าเอกสารลงมาจากบันได

                “ไปกันเถอะทงเฮ” น้ำเสียงของฮยอกแจร้อนรนมากจนทงเฮต้องหันไปดู

                เสื้อยังไม่ได้เอาเข้ากางเกง เนคไทยังไม่ได้ผูก ถุงเท้ายังไม่ได้ใส่ เอกสารบางส่วนยังอยู่นอกกระเป๋า และผมก็ยังไม่แห้ง แถมยังไม่เป็นทรงอีกด้วย

                “ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยซะก่อน” ทงเฮว่าพลางเดินไปหยิบเอกสารจากมือบางมาใส่กระเป๋าให้

                “ก็ฉันรีบนี่ เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มีประชุมตอนเจ็ดโมงครึ่ง”

                “แล้วจะไปทั้งที่ผมเปียกๆ แบบนี้เนี่ยนะ” ทงเฮส่งกระเป๋าเอกสารคืนหลังจากทำให้มันเรียบร้อยแล้ว ฮยอกแจขยี้ผมตัวเองอย่างแรงแล้วเอ่ยตอบกลับมา

                “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกว่าจะถึงบริษัทก็คงแห้งพอดี”

                ทงเฮจับไหล่ฮยอกแจไว้แล้วผูกเนคไทให้ ฮยอกแจเงียบลง มือที่ขยี้ผมเปียกในตอนแรกก็ดูเกะกะขึ้นมาจนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ทงเฮผูกเนคไทเก่งมาก ไม่ถึงนาทีก็ออกมาเรียบร้อยสวยงาม แถมยังติดกระดุมเม็ดบนสุดให้กับฮยอกแจอีกด้วย

                “เอ่อ...ขอบใจนะ...”

                “แล้วชายเสื้อล่ะ จะให้ฉันเอาใส่ในกางเกงให้ด้วยไหม?” ทงเฮมองต่ำลงไปด้านล่างบริเวณเอวบาง

                “เดี๋ยวฉันใส่เอง!

                ฮยอกแจหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีที่ถูกทักแบบนั้น เขารีบวางสิ่งของอย่างอื่นไว้บนโต๊ะรับแขก ก่อนจะยัดเสื้อใส่ในกางเกงอย่างลวกๆ แล้วเดินออกไปใส่ถุงเท้าหน้าบ้าน

                “ไม่มีเข็มขัดเหรอ?” ทงเฮเดินตามไปถามอีกฝ่ายที่เพิ่งใส่ถุงเท้าและรองเท้าไปได้ข้างหนึ่ง

                “อยู่ในกระเป๋า”

                “แล้วจะไม่กินข้าวเช้าก่อนไปหรือไง”

                “ไม่ล่ะ เดี๋ยวไปไม่ทัน ไปกันเถอะ” ฮยอกแจยืนขึ้นแต่ทงเฮกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ร่างหนาเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งแล้วหยิบขนมปังกับนมออกมาจากในตู้เย็น ก่อนจะส่งให้ฮยอกแจ แล้วเดินนำไปขึ้นรถยนต์

                ทงเฮขับรถไม่เร็วมากนัก แต่ก็ไม่ช้าจนเกินไป สุดท้ายก็มาถึงบริษัทก่อนเวลาประชุมตั้งสิบนาที พวกเขาจึงมีเวลาคุยกันในรถอีกสักพักหนึ่ง

                “ตอนเที่ยงฉันคงไม่ได้มารับนายออกไปกินข้าวหรอกนะ” ทงเฮบอกเพียงแค่นั้น สีหน้าของฮยอกแจก็เศร้าหมองทันที ฮยอกแจคิดว่าทงเฮคงจะไปพบคยูฮยอน

                แต่จริงๆ แล้วฮยอกแจก็แค่คิดมากไปอีกแล้ว

                “ฉันต้องทำงานที่บ้าน”

                “ช่วงนี้งานของนายยุ่งเหรอ?” ฮยอกแจช้อนตาถาม ทงเฮก็พยักหน้าตอบ “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

                “ไม่มีหรอก ฉันแค่กำลังจะจัดงานเดินแบบของห้องเสื้อฉันเองน่ะ”

                ฮยอกแจพยักหน้าช้าๆ จริงด้วยสินะ ทงเฮเป็นดีไซน์เนอร์ และเขายังมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองด้วย แต่ละชุดที่ทงเฮสร้างสรรค์ขึ้นมามักจะมีราคาสูงและถูกเหล่าไฮโซในสังคมประมูลไป เขามีหน้าร้านไว้สำหรับโชว์เสื้อผ้าของตัวเอง และในปีหนึ่งๆ จะจัดงานเดินแฟชั่นเพื่อโปรโมทคอลเล็กชั่นใหม่

                ทงเฮทำทุกอย่างเองทั้งหมด...

                “แล้วงานมีวันไหนเหรอ?” ฮยอกแจเอ่ยถาม

                “ประมาณสิ้นเดือนหน้า”

                ...อีกประมาณเดือนกว่าๆ ก็จะถึงแล้วสินะ ทงเฮคงจะยุ่งแล้วก็เครียดมากๆ กับงานครั้งนี้ ฮยอกแจไม่กล้ากวนใจทงเฮอีกเลย

                “แล้ว...เอ่อ...ฉันขอไปงานนั้นด้วยได้ไหม?” ฮยอกแจถามอย่างเกรงใจ เขาแค่อยากไปดูให้เห็นกับตาเท่านั้น อยากรู้ว่างานของทงเฮเป็นยังไง อยากเห็นทุกอย่างด้วยดวงตาตัวเอง

                “อย่าไปเลย เกะกะเปล่าๆ ถึงนายไปฉันก็ไม่ได้มีเวลาดูแลนายตลอดเวลาหรอกนะ”

                “แต่ฉันดูแลตัวเองได้ สัญญาเลยว่าจะไปเงียบๆ ไม่กวนนายหรอก” ฮยอกแจพยายามอ้อนวอน แต่ทงเฮก็ส่งความเงียบกลับมาแทนคำตอบ ฮยอกแจจึงรู้ดีว่าทงเฮกำลังปฏิเสธเขา

                ไม่ใช่ว่าทงเฮไม่อยากให้ฮยอกแจไป...

                แต่เขาไม่เคยลืมว่าใครเป็นนายแบบให้กับงานนี้ ทงเฮไม่อยากให้ฮยอกแจและคยูฮยอนพบเจอกันอีกแล้ว เขากลัวว่าคยูฮยอนจะเสียใจเพราะตัวเอง

                โดยที่ไม่ได้นึกเลยว่า...

                ตอนนี้ฮยอกแจก็เสียใจและผิดหวังไปไม่ต่างกัน

     

                ตลอดทางที่ขับรถกลับมาบ้าน ทงเฮเอาแต่รู้สึกผิดต่อฮยอกแจที่เขาปฏิเสธออกไปอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้น ไม่ว่าฮยอกแจจะรู้สึกเสียใจหรือเพียงแค่เสียหน้าก็ตาม แต่ทงเฮก็รู้สึกไม่ดีเลยที่พูดออกไป

                ทงเฮเอาแต่คิดถึงฮยอกแจตลอดเวลา

                ...ต่างกับคยูฮยอนที่เขาคบมานานกว่าสี่เดือน

                สำหรับคยูฮยอนแล้ว ทงเฮมีคยูฮยอนไว้ข้างกายแล้วเขารู้สึกอุ่นใจก็จริง แต่กับฮยอกแจ ความรู้สึกที่มีให้ฮยอกแจมันมากมายยิ่งกว่าความอบอุ่นใจ เขารู้สึกว่าช่องว่างในใจนั้นค่อยๆ ได้รับการเติมเต็มทีละนิดจนไม่เหลือพื้นที่ใดๆ อีก

    ทงเฮกำลังรู้สึกว่าหัวใจของเขาโหยหาฮยอกแจมากขึ้นทุกวัน

                ความรู้สึกในวันแรกพบก็ต่างกัน

                คนหนึ่ง...ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ

                ในขณะที่อีกคน...เขาไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก

                คิดๆ ไปแล้ว ฮยอกแจเหมือนกับใครคนหนึ่งที่ทงเฮเคยรู้จัก แต่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบฮยอกแจที่ไหน เขาแค่รู้สึกคิดถึงคนๆ นั้นเมื่อได้อยู่ใกล้ฮยอกแจ

                มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาได้ยากเหลือเกิน

                ทงเฮคิดถึงคยูฮยอนและฮยอกแจไปพร้อมๆ กัน แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ได้รับข้อความจากคยูฮยอนพอดี

                ฉันกลับมาแล้วนะ แล้วฉัน...ก็ได้รู้ใจตัวเองมากขึ้นแล้วด้วย ขอบคุณนายมาก จาก...คยูฮยอน

                ทงเฮโทรศัพท์กลับไปหาคยูฮยอนอีกครั้ง สัญญาณดังเพียงไม่กี่ครั้งคยูฮยอนก็กดรับสาย

                “คยูฮยอน”

                [อืม...ฉันถึงคอนโดแล้วล่ะ] คยูฮยอนตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องรอให้ทงเฮถาม

                “นายหายไปไหนมาตั้งสองวัน ฉันเป็นห่วงมากนะ”

                ทงเฮเป็นห่วงคยูฮยอนจริงๆ น่ะเหรอ อาจจะใช่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมดหรอก เขาไม่ได้เป็นห่วงคยูฮยอนอยู่ตลอดเวลา ในใจของเขาคิดถึงแต่ฮยอกแจอยู่ตลอดเวลาต่างหาก

                [ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย แต่เอาไว้คุยวันพรุ่งนี้นะ วันนี้ฉันอยากพักผ่อน] คยูฮยอนทำท่าจะวางสาย

                “เดี๋ยวสิ! นายจะคุยกับฉันเรื่องอะไร?”

                [เดี๋ยวเอาไว้พรุ่งนี้นายก็จะรู้เอง] คยูฮยอนตอบออกมาแต่กลับทำให้สงสัยมากขึ้นไปอีก ถ้าเป็นเรื่องของฮยอกแจ เขาคิดว่าตัวเองจะไม่รออีกแล้ว

                ถึงคยูฮยอนจะต้องเจ็บปวดมาก แต่การคบผู้ชายเลวๆ อย่างเขาอาจจะทำให้คยูฮยอนเจ็บปวดไปนานแสนนานกว่านี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นการดับไฟตั้งแต่ตอนนี้มันคงดีกว่าการปล่อยให้ไฟลุกลามและมอดไหม้ทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรเลย

                “ฉันเอง...ก็มีเรื่องอยากจะบอกนายเหมือนกัน”

                ทงเฮตอบกลับไป เขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องจบเรื่องนี้ซักที

                เกือบบ่ายสามโมงของวันนั้น จู่ๆ ซองมินที่หายหน้าหายตาไปนานก็โทรมาหาฮยอกแจ ฮยอกแจมองเบอร์ที่ปรากฎอยู่หน้าจอโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

                “ว่าไงเพื่อนตัวดี?”

                [อะไรอ่าฮยอกแจ ทำไมนายเรียกฉันแบบนั้น?] ซองมินโวยวายอย่างน่ารัก เดาได้เลยว่าตอนนั้นกระต่ายอวบอ้วนที่อยู่ทางปลายสายคงจะกระโดดไปทั่วห้องทำงานแหงๆ

                “ก็เพราะนายนั่นแหละ วันนั้นฉันเกือบถูกทงเฮดุเลย”

                [แต่มันก็ได้ผลดีใช่ไหมล่ะ?] ซองมินถามอย่างอารมณ์ดี

                “ก็...ไม่รู้สิ อาจจะนิดนึงละมั้ง”

    ฮยอกแจตอบพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเช้ามืดวันนั้นที่ทงเฮกอดเขาเอาไว้อย่างเป็นห่วง สายตาของทงเฮแสดงออกอย่างมากว่าห่วงใย จนทำให้ฮยอกแจถึงกับรู้สึกผิดไปเลยที่หนีไปนอนบ้านของซองมินตลอดทั้งคืน

                [งั้นคืนนี้ไปนอนที่บ้านฉันอีกไหมล่ะ?]

                “ไม่เอาแล้วล่ะ ขืนไปอีกครั้งทงเฮจะต้องจับได้แน่ๆ”

                [ฮยอกแจอ่า...แต่เราไม่ได้นอนด้วยกันมานานแล้วนะ นายมีสามีแล้วลืมเพื่อนหรือไง ใจร้ายที่สุดเลย]

                “อย่างอแงสิซองมิน ฉันไปไม่ได้จริงๆ นะ”

                [ใจร้าย] ซองมินพูดกระแทกเสียงใส่โทรศัพท์อีกครั้ง

                “เอาอย่างนี้ไหม? เย็นนี้เราไปกินข้าวด้วยกัน เดี๋ยวฉันจะโทรบอกทงเฮว่านายจะไปส่งที่บ้านเอง”

                [เย้!]

                ซองมินทำเสียงดีใจโอเว่อร์เป็นเด็กๆ ทำให้ฮยอกแจหัวเราะตามไปด้วย ตอนเย็นวันนั้นฮยอกแจเลยส่งข้อความไปบอกทงเฮและออกไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งด้วยรถยนต์ของซองมิน

     

                ฮยอกแจและซองมินนั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกันอย่างคิดถึง แม้ว่าจะอยู่บริษัทใกล้ๆ กัน แต่กลับได้พบกันน้อยครั้งเหลือเกิน

                “ถามจริงเถอะ นายไม่คิดถึงฉันบ้างหรือไง?” ซองมินจิ้มอาหารในจานของฮยอกแจมากินแล้วเอ่ยถาม

                “คิดถึงสิ มากๆ ด้วย”

                “นายนี่ไม่เคยพัฒนาการโกหกของตัวเองได้เลยจริงๆ นะฮยอกแจ”

                ซองมินมองตาเพื่อนรักแวบเดียวก็รู้แล้วว่าฮยอกแจพูดความจริงหรือเปล่า ไม่รู้ว่าฮยอกแจโกหกไม่เก่งหรือเป็นเพราะอี ซองมินจับโกหกคนอื่นได้เก่งกันแน่

                และเพราะแบบนี้แหละ คนที่แกล้งโง่ไม่เป็นอย่างซองมินถึงไม่เคยมีแฟนกับเขาซักที

                “ถึงฉันจะอยู่กับทงเฮตลอดเวลา ฉันก็ไม่เคยลืมนะว่านายเป็นเพื่อน”

                “พูดได้ดีนี่” ซองมินยื่นหน้ามาใกล้ๆ ขณะที่ฮยอกแจยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม “ว่าแต่...นายติดสามีเป็นตังเมแบบนี้ ตอบมาตามตรงนะ ได้กันหรือยัง?”

                “ห๊ะ?! แค่กๆๆ”

                ฮยอกแจสำลักน้ำออกมาทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายถามตรงๆ ซองมินหัวเราะดังลั่นร้านจนคนอื่นๆ พากันหันมามองเป็นตาเดียว แต่ร่างอวบก็ไม่แคร์ แถมยังหันมาคาดคั้นเพื่อนสนิทต่ออีก

                “สำลักขนาดนั้น แสดงว่าเคย!

                “ไม่เคย!” ฮยอกแจปฏิเสธเสียงดัง

                “นายไม่ได้โกหกจริงๆ ด้วยแฮะ”

                “ฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกับทงเฮซะหน่อย” ฮยอกแจบอกเสียงเบาๆ แต่พอนึกถึงสองคืนก่อนที่นอนห้องเดียวกันแล้วแก้มก็หยุดแดงเรื่อไม่ได้เลย ซองมินขมวดคิ้วอย่างงุนงงที่ฮยอกแจนอนแยกห้องกับทงเฮ แต่เขาก็มองข้ามตรงนั้นไปแล้วยื่นหน้ามากระซิบข้างหูเพื่อน

                “เอาตัวเองผูกโบว์แล้วไปเสนอตัวให้ทงเฮที่ห้องเลยสิ”

                “จะ...จะบ้าหรือไง?!” ฮยอกแจโวยวายใหญ่ แต่ซองมินยังเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนานที่ได้เห็นฮยอกแจหน้าแดงด้วยความเขินขนาดนั้น เขาจึงได้แต่พูดไม่หยุดปาก

                “จริงๆ นะฮยอกแจ นายไม่ต้องถอดเสื้อหรอก แค่ใส่ชุดนอนลายน่ารักๆ เข้าไปหาทงเฮ เดี๋ยวเขาก็อดใจไม่ไหวปล้ำนายแล้ว”

                “พูดอะไรน่าเกลียด”

                “แน่ะ กำลังคิดว่าจะทำหรือไม่ทำดีใช่ไหม? ทำเลยๆ”

                ซองมินเชียร์สุดใจขณะที่ฮยอกแจเขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้ว ทั้งคู่นั่งคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อยจนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มจึงพากันกลับบ้าน แต่ว่าฝนดันตกซะได้นี่

                “ฮยอกแจ นายมีร่มหรือเปล่า?” ซองมินหันมาถามเพราะรู้ว่าฮยอกแจมักจะพกร่มคันเล็กๆ ติดตัวไปไหนมาไหนเสมอ ฮยอกแจหยิบร่มสีเทาขึ้นมาแล้วก็นึกถึงคำพูดของทงเฮ

                “ร่มที่ฉันให้ไป เอาไว้ใช้เฉพาะตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันไง”

                “เปลี่ยนร่มใหม่เหรอ?” ซองมินถามเพราะไม่ชินตากับร่มสีหม่นของฮยอกแจ

                “อื้อ ทงเฮซื้อให้น่ะ”

                “ว้าว! โรแมนติกจัง” ซองมินทำท่าตื่นเต้นดีใจกับโมเม้นท์เล็กๆ นี้ ซึ่งฮยอกแจก็รู้สึกเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะชินกับร่มคันเก่าของตัวเองมาก แต่ว่าร่มที่ทงเฮซื้อให้ใหม่ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว

                ทว่า...ก่อนที่เพื่อนรักทั้งสองจะเดินออกไปด้านนอกห้างสรรพสินค้านั้น ฮยอกแจก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งถือร่มคล้ายร่มคันเก่าของเขาไว้ในมือของตัวเอง

                ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้ฮยอกแจเดินไปดูใกล้ๆ ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แม้ว่าจะยืนอยู่คนเดียว แต่ฮยอกแจกลับรู้สึกคุ้นตามากเหลือเกิน และเมื่อได้เห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นชัดๆ ฮยอกแจก็พบว่าเขาคือ...

    ...แฟนของอี ทงเฮ

     

     

    Talk with Lee Seen

                กลัวว่าคนอ่านจะเดาแล้วผิดน่ะค่ะ เลยต้องแต่ง ฮ่าๆๆ

    เสียใจด้วยนะฮยอกแจ กำลังจะหวานอยู่แล้วเชียว

    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะทุกๆ คน

    รักคนอ่านเสมอค่ะ พบกันตอนใหม่วันพรุ่งนี้

     

    วันนี้...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×