คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12
Chapter 12
เพราะว่าฮยอกแจเอาแต่จ้องมองใบหน้าของทงเฮที่เดินเข้ามารับเขาในอาคาร จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าทงเฮพกร่มสีเทาคันเล็กๆ เข้ามาด้วย...
พวกเขาชะงักค้างอยู่หน้าบริษัทเมื่อเห็นว่าสายฝนเทกระหน่ำลงมาแรงขึ้นทุกทีราวกับฟ้ากำลังจงใจกลั่นแกล้ง ฮยอกแจหันไปสบตาทงเฮเพราะคิดว่าคงจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไปไม่ได้แน่ๆ แต่ทงเฮก็กลับเอามือมาโอบไหล่เขาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน
นานมาแล้ว...
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เคยโอบฮยอกแจไว้
...ใต้ร่มคันหนึ่ง
แล้วเดินไปด้วยกัน...แบบนี้
ฮยอกแจเดินช้าผิดปกติ เขาคิดว่าตอนนั้นเข็มนาฬิกาหยุดเดินไปแล้วเสียอีก หรือไม่หูของเขาก็ดับจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของฝน
จนกระทั่งเข้ามาในรถยนต์
อี ฮยอกแจจึงรู้สึกว่าเวลาเมื่อครู่นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แม้จะย้อนกลับไปก็ไม่ทันซะแล้ว
ทงเฮพาฮยอกแจไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศตอนฝนตกแบบนี้แทบจะไม่มีลูกค้าในร้านเลยสักคนนอกจากโต๊ะของพวกเขา
ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นส่วนใหญ่ ลายฉลุสีขาวข้างหน้าต่างเป็นรูปคล้ายร่มเรียงรายตลอดแนว ฮยอกแจแหงนมองหยดน้ำที่ก่อตัวรวมกันทีละนิดแล้วไหลลงมาตามกระจกใสเป็นทางยาว
...สวยงามเหมือนภาพวาดเลย
“ฉันชอบร้านนี้จัง!” หลังจากชื่นชมความสวยงามของร้านเสร็จแล้ว ฮยอกแจก็หันมาบอกคนที่พาเขามาที่นี่
“อืม”
ทงเฮตอบสั้นๆ ในลำคอ ใบหน้าคมเอาแต่สนใจเมนูอาหารจนไม่รู้ว่าฮยอกแจกำลังจ้องหน้าตัวเองอย่างมีความสุข แต่ไม่ใช่เลย ทงเฮรู้...รู้มาตั้งแต่แรก
“มองอะไร?” ทงเฮเงยหน้าขึ้นมาถาม
“นายรู้ด้วยเหรอว่าถูกมอง?!”
“ทำไมฉันจะไม่รู้ ก็นายจ้องฉันอยากกับจะจับกินซะอย่างงั้นแหละ”
“นายไม่ใช่อาหารซะหน่อย...” ฮยอกแจพูดกับตัวเองเบาๆ เหมือนจะไม่รู้ว่าทงเฮประชด แต่ทงเฮก็ไม่รู้เหมือนว่าฮยอกแจหมายความว่าอย่างไร เพราะเขาก็ไม่ได้ยินสิ่งที่ฮยอกแจกำลังคิดอยู่ในใจเช่นเดียวกัน
...ถ้าฉันกินนาย นายก็จะหายไปน่ะสิ...ทงเฮ
ทงเฮไม่รู้ว่าเขาควรจะสั่งอาหารอะไรดี จึงได้แต่ถามเจ้าของร้านและขอเมนูที่ทางร้านแนะนำให้ ส่วนฮยอกแจก็สั่งตามทงเฮเพราะไม่อยากจะคิดถึงอะไรทั้งนั้นนอกจากผู้ชายตรงหน้า
“ทงเฮ...”
“หืม?”
“นายเคยพาคยูฮยอนมาร้านนี้หรือเปล่า?”
ทงเฮเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถามของเขาเอง ฮยอกแจพองลมในแก้มทั้งสองข้างจนมันพองขึ้นเหมือนลูกโป่ง เขาลุ้นใจจะขาดอยู่แล้วว่าทงเฮจะตอบว่าอะไร แต่ทงเฮไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอกแจต้องถามแบบนั้น
“ถามทำไม?”
“ฉันแค่อยากรู้...อยากรู้ว่านายกับเขาเคยมีความทรงจำที่ร้านนี้มาก่อนไหม?”
“ไม่เคยเลย”
ทงเฮตอบไปตามความจริง เขาไม่เคยมาร้านนี้กับคยูฮยอนมาก่อน และก็ไม่เคยมาที่ร้านนี้กับใครด้วย ฮยอกแจฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ เขามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันขอให้ร้านนี้เป็นความทรงจำระหว่างเราก็แล้วกัน”
“อาหารมาแล้ว รีบกินเถอะ นายจะได้กลับไปทำงาน”
ทงเฮไม่ตอบฮยอกแจ แต่กลับเอ่ยขึ้นหลังจากที่อาหารทั้งหมดถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ฮยอกแจเงียบลง เขาคิดว่าตัวเองไม่ควรจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลย ทงเฮอาจจะรำคาญเขามากกว่าเดิมก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน...สิ่งที่ฮยอกแจไม่รู้ก็คือทงเฮไม่ได้อยากจะเฉยชาแบบนั้นเลยสักนิด ทงเฮแค่กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการห้ามใจตัวเอง
ห้ามใจไม่ให้ชอบ...ทั้งๆ ที่ชอบ
ห้ามใจไม่ให้รัก...ทั้งๆ ที่กลัวเหลือเกินว่า...อาจจะรักไปแล้ว
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ทงเฮก็ยังไม่ยอมจ่ายเงินซักที ฮยอกแจมองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าถามออกไป กลัวว่าทงเฮจะกำลังคิดเรื่องของเขา
ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว...
“ฮยอกแจ” ทงเฮเอ่ยเรียกขึ้นเบาๆ “ฉัน...ฉันทำร่มของนายหายไป ก็เลยซื้อคันใหม่มาให้”
ทงเฮหยิบร่มอีกคันหนึ่งให้กับฮยอกแจ มันเป็นร่มพับสามตอนสีเทาเรียบๆ สีเดียวกันกับคันที่ทงเฮนำไปรับเขาออกมาจากบริษัท ฮยอกแจยื่นมือไปรับด้วยหัวใจที่พองโตคับอก
เขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรจากทงเฮซะแล้ว
“ขอบคุณนะ นาย...ซื้อให้ฉันจริงๆ น่ะเหรอ? ขอบคุณจริงๆ ทงเฮ”
“ฉันซื้อมาให้เพราะอยากขอโทษที่ทำร่มของนายหายต่างหาก” ทงเฮยังคงปากแข็งที่เห็นว่าฮยอกแจเอาแต่ยิ้มอย่างดีใจเมื่อได้รับร่ม ทั้งๆ ที่ร่มคันหนึ่งก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรเลย
“แต่ว่า...ฉันอยากใช้ร่มคันเดียวกับนายมากกว่านะ” ฮยอกแจก้มลงมองร่มในมือ แต่กำลังบอกกับทงเฮ
“ร่มที่ฉันให้ไป เอาไว้ใช้เฉพาะตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันไง”
“จริงด้วย!”
ยิ่งฮยอกแจดีใจมาก ทงเฮก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้ทำร่มของฮยอกแจหายอย่างที่บอกไป แต่ร่มคันนั้นอยู่กับคยูฮยอนต่างหาก
แล้วนี่เขาเป็นอะไรกัน ทำไมจะต้องแคร์ฮยอกแจมากมายขนาดนี้
ทำไมถึงได้มองผู้ชายหน้าตาบ้านๆ อย่างฮยอกแจว่า...น่ารักเหลือเกิน!
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการจับหมึกในตอนสายๆ คยูฮยอนและซีวอนก็ได้พักเหนื่อยตลอดทั้งบ่าย คยูฮยอนกลับมาถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หลับเป็นตายจนถึงเย็น ตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็เห็นซีวอนกำลังจูงวัวออกจากคอก
“ซีวอน นายจะไปไหนน่ะ?” คยูฮยอนยืนพิงกรอบประตูด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รู้ว่าสองตายายหายไปไหนแล้ว แต่คยูฮยอนไม่อยากนอนอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว
“ฉันจะพาวัวไปกินหญ้า”
“ฉันขอไปด้วยคนนะ”
คยูฮยอนพูดจบก็ใส่รองเท้าแล้ววิ่งตามซีวอนออกไปยังทุ่งหญ้าที่ไกลออกไปเกือบสองร้อยเมตร ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ ตามถนนลูกรังคับแคบ แถมยังมีวัวอีกตัวหนึ่งที่เดินไปอย่างไม่รู้เรื่องอะไร
“นายดูคล่องแคล่วจังเลย ถ้าฉันเจอนายครั้งแรกที่นี่คงไม่คิดว่านายเป็นนักธุรกิจแน่ๆ”
“ฉันดูเหมือนชาวบ้านมากเลยเหรอ?” ซีวอนหันมาถาม
“ไม่หรอก หน้าตานายออกจะหล่อขนาดนี้”
ซีวอนหัวเราะเมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้า แต่คยูฮยอนกลับเอาแต่จ้องมองเงาที่ทอดยาวของเขาและซีวอนเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเลย
“เรา...ไม่ได้เดินด้วยกันแบบนี้มานานแล้วเนอะ” คยูฮยอนว่า
“อืม นานมากเลย”
“ช่วงเวลาที่ไม่มีนาย ฉันลำบากมากเลยล่ะ เวลาจิ้งจกเข้ามาในห้องฉันก็ได้แต่ร้องไห้อยู่บนเตียง เวลาจะไปไหนมาไหนก็ต้องรถเมล์ทั้งๆ ที่ไม่เคยนั่งมาก่อน จนตอนนั้นฉันอยากจะกลับไปขอคืนดีกับนาย แต่ก็...”
“นายคงเห็นข่าวที่ฉันหมั้นกับซอนเย?”
คยูฮยอนพยักหน้าช้าๆ ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นที่เลิกกันไป คยูฮยอนไม่ได้มีใครเลย ในขณะที่คนถูกบอกเลิกอย่างซีวอนกลับไปหมั้นกับผู้หญิงอีกคนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
แม้ว่าตอนนี้คยูฮยอนกับผู้หญิงคนนั้นจะเลิกรากันไปแล้วก็ตาม แต่เวลามันก็ผ่านไปนานเกินกว่าที่จะกลับไปคืนดีกันได้ แล้วอีกอย่าง...ตอนนี้คยูฮยอนก็มีแฟนอยู่แล้ว
พวกเขาเดินไปได้ระยะหนึ่งก็หยุดลง ซีวอนปล่อยวัวให้กินหญ้าในบริเวณนั้น แล้วนั่งลงกับพื้นดิน เขาถอดรองเท้าของตัวเองวางไว้ให้คยูฮยอนรองนั่ง แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ
...เหมือนคนแก่รำลึกความหลัง
“ตอนที่เราเป็นแฟนกัน นึกย้อนกลับไปแล้วก็ตลกมากเลยนะที่ฉันพยายามฝึกเล่นเปียโนเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดของนาย สุดท้ายก็เล่นไม่เป็นจนต้องเปิดเพลงไว้ด้านหลังแล้วทำเป็นเล่นเปียโนไป”
“แล้วฉันก็จับได้!” ซีวอนพูดต่อ ทำให้คยูฮยอนฉีกยิ้มกว้าง
“นึกถึงวันนั้นที่ตัวเองร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ แล้วก็น่าอายนะ เพราะฉันรู้สึกเหมือนโดนหักหน้า ก็นายน่ะสิ...จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ได้”
“ฉันขอโทษนะ”
“ให้อภัยแล้วล่ะ” คยูฮยอนดึงแก้มของซีวอนอย่างแรงเหมือนที่เคยทำในอดีตเวลาพวกเขาคืนดีกัน ซีวอนหน้ายู่ด้วยความเจ็บ ก่อนจะดึงแก้มเนียนกลับคืนบ้างอย่างมันเขี้ยว
“งั้นต่อไปก็จะไม่ทำให้งอนอีกแล้ว”
ทั้งสองหัวเราะเสียงดังลั่นท้องทุ่ง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่นั่งอยู่บริเวณนั้นจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป
เมื่อกลับมาที่บ้านก็พบว่าตากับยายทำอาหารเย็นรอไว้พอดี พวกเขากินข้าวไม่ดึกมากนัก เพราะพอฟ้ามืดแล้ว หลังจากกินข้าวคนในหมู่บ้านก็มักจะเข้านอนทันที
คืนนี้ฟ้าเป็นสีดำสนิท แถมฝนก็ไม่ตกทุกวันเหมือนที่โซลด้วย ซีวอนและคยูฮยอนจึงออกมานั่งผิงไฟอยู่หน้าบ้านแล้วคุยกันอย่างเงียบๆ
“นายรู้ใช่ไหมว่าที่จริงแล้วฉันชอบหน้าหนาวมากเลย” คยูฮยอนเขี่ยไม้ไปในกองไฟแล้วเอ่ยถามร่างหนา ซีวอนหันไปมองใบหน้าหวานของอีกฝ่าย เขาพยักหน้าแม้คยูฮยอนจะไม่หันมามอง
ทำไมซีวอนจะไม่รู้...
เพราะฤดูหนาวที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตอนนั้น มันช่างมีความหมายมากมายเหลือเกิน
“แต่ว่าทงเฮเขาชอบหน้าฝน”
“...”
“วันที่เราเจอกันครั้งแรก เขาถามฉันว่า...‘คุณชอบหน้าฝนหรือเปล่าครับ’ แล้วนายรู้ไหมว่าฉันตอบไปว่าไง?”
“ยังไงเหรอ?” แม้ซีวอนจะเดาได้ แต่เขาก็ไม่อยากพูดมันออกมา
“ฉันบอกว่า...ฉันชอบหน้าฝนมากๆ ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยชอบเลย”
ในตอนนั้น คยูฮยอนแค่อยากมีใครสักคนมาเคียงข้าง ทงเฮทำท่าเหมือนจะสนใจเขา เขาก็เล่นด้วยเพราะไม่มีใคร มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ทงเฮเป็นคนหล่อ เป็นคนดี ใครเห็นก็ต้องชอบทั้งนั้น
“นายเป็นแฟนกับทงเฮมานานเท่าไรแล้ว?” ซีวอนถามทั้งๆ ที่ไม่อยากรู้ แต่คยูฮยอนดูมีความสุขเวลาที่ได้พูดถึงทงเฮ แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่รอยยิ้มของคยูฮยอนเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น
“สี่เดือนแล้วล่ะ”
ซีวอนอึ้งไป เพราะเวลาสี่เดือนก็เป็นเวลาที่เขาคบกับคยูฮยอนเช่นเดียวกัน
“เท่ากับตอนที่เราเป็นแฟนกันเลยใช่ไหม?” กลายเป็นคยูฮยอนที่กล้าเอ่ยมันออกมา “ถ้าตอนนั้นฉันไม่ดื้อรั้นที่จะอยากเป็นนายแบบ เราก็คงไม่ต้องเลิกกัน”
“เพราะตอนนั้นเรายังเด็กมาก แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราก็ไม่อดทนกับมัน”
“อื้อ เพราะฉันคิดว่า...เส้นทางที่เราเดินมันต่างกันมาก ฉันชอบ แต่นายไม่ชอบ ก็คงต้องเลิกกันเท่านั้น”
“...”
“แต่ฉันก็คิดผิด” คำพูดของคยูฮยอนทำให้ซีวอนพูดอะไรไม่ออก คยูฮยอนปล่อยกิ่งไม้ในมือใส่กองไฟราวกับจะไม่สนใจมันอีกแล้ว แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ในกองไฟสีส้มตรงหน้า
“นายทำถูกแล้ว เพราะว่า...ทงเฮเป็นคนดี” คยูฮยอนโคลงศีรษะหลังจากซีวอนพูดจบ
“แต่ฉันไม่ได้รักทงเฮเลย เขาเป็นแฟนของฉัน เป็นคนเดียวที่ยอมรับงานของฉันได้ ฉันไม่อยากเสียเขาไปเหมือนที่เคยเสียนาย”
“คยูฮยอน...”
“ถ้าตอนนี้เรายังคับกันอยู่ มันจะเป็นยังไงนะ?”
ซีวอนไม่อยากตอบคำถามใดๆ อีกแล้ว เขาไม่อยากฟังเสียงที่สั่นเทาของคยูฮยอนอีก น้ำเสียงที่สั่นไหวและรู้สึกผิด ความรู้สึกมากมายที่ถ่ายทอดออกมาจากคำพูดและแววตาของคยูฮยอน ซีวอนรับรู้มันได้เป็นอย่างดี
เขาโน้มเข้าไปหาคยูฮยอนช้าๆ มือหนาประคองใบหน้าหวานไว้แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน คยูฮยอนค่อยๆ หลับตาลงอย่างเป็นสุข
มันเป็น ‘จูบ’ ...ที่เขารอคอยมานานเหลือเกิน
Talk with Lee Seen
สวัสดีค่ะ วันนี้มาอัพเร็วกว่าทุกวันตั้ง 1 ชั่วโมง
เพราะลซ.ลีซีนจะเตรียมไปรอดูปัญญาชนก้นครัวของปริญญ์
อ่า...ตอนนั้นจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้นะคะ
ถ้าอยากพูด ตามไปทวิตเตอร์ เดี๋ยวต้มมาม่ารอใส่คนอร์ต้มยำแล้วอร่อยนะ คึคึ
*** ขอชี้แจงเรื่องจับหมึกในโคลน
ก่อนอื่นขอบคุณที่แนะนำเข้ามานะคะ
แต่ว่าหมึกที่เกาหลีอาจจะคนละพันธุ์กับหมึกกล้วยของไทยที่ต้องจับกลางทะเล
พอดีซีนเคยดูรายการ Invicible Youth 2 น่ะค่ะ เห็นสาวๆ ไปจับหมึกในโคลนกัน
เลยนำบรรยากาศแบบนั้นมาแต่งให้คู่วอนคยู
ใครนึกไม่ออก สามารถเข้า google แล้ว search ว่า ‘invicible youth 2 จับหมึก’ ได้นะคะ
ขอบคุณอีกครั้งที่แนะนำเข้ามาค่า...^^
ความคิดเห็น