ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Kiss the Rain [HaeEun, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 55


     

     

     

    Chapter 12

     

                เพราะว่าฮยอกแจเอาแต่จ้องมองใบหน้าของทงเฮที่เดินเข้ามารับเขาในอาคาร จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าทงเฮพกร่มสีเทาคันเล็กๆ เข้ามาด้วย...

                พวกเขาชะงักค้างอยู่หน้าบริษัทเมื่อเห็นว่าสายฝนเทกระหน่ำลงมาแรงขึ้นทุกทีราวกับฟ้ากำลังจงใจกลั่นแกล้ง ฮยอกแจหันไปสบตาทงเฮเพราะคิดว่าคงจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไปไม่ได้แน่ๆ แต่ทงเฮก็กลับเอามือมาโอบไหล่เขาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน

                นานมาแล้ว...

                มีผู้ชายคนหนึ่งที่เคยโอบฮยอกแจไว้

    ...ใต้ร่มคันหนึ่ง

    แล้วเดินไปด้วยกัน...แบบนี้

                ฮยอกแจเดินช้าผิดปกติ เขาคิดว่าตอนนั้นเข็มนาฬิกาหยุดเดินไปแล้วเสียอีก หรือไม่หูของเขาก็ดับจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของฝน

                จนกระทั่งเข้ามาในรถยนต์

                อี ฮยอกแจจึงรู้สึกว่าเวลาเมื่อครู่นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แม้จะย้อนกลับไปก็ไม่ทันซะแล้ว

                ทงเฮพาฮยอกแจไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศตอนฝนตกแบบนี้แทบจะไม่มีลูกค้าในร้านเลยสักคนนอกจากโต๊ะของพวกเขา

                ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นส่วนใหญ่ ลายฉลุสีขาวข้างหน้าต่างเป็นรูปคล้ายร่มเรียงรายตลอดแนว ฮยอกแจแหงนมองหยดน้ำที่ก่อตัวรวมกันทีละนิดแล้วไหลลงมาตามกระจกใสเป็นทางยาว

                ...สวยงามเหมือนภาพวาดเลย

                “ฉันชอบร้านนี้จัง!” หลังจากชื่นชมความสวยงามของร้านเสร็จแล้ว ฮยอกแจก็หันมาบอกคนที่พาเขามาที่นี่

                “อืม”

                ทงเฮตอบสั้นๆ ในลำคอ ใบหน้าคมเอาแต่สนใจเมนูอาหารจนไม่รู้ว่าฮยอกแจกำลังจ้องหน้าตัวเองอย่างมีความสุข แต่ไม่ใช่เลย ทงเฮรู้...รู้มาตั้งแต่แรก

                “มองอะไร?” ทงเฮเงยหน้าขึ้นมาถาม

                “นายรู้ด้วยเหรอว่าถูกมอง?!

                “ทำไมฉันจะไม่รู้ ก็นายจ้องฉันอยากกับจะจับกินซะอย่างงั้นแหละ”

                “นายไม่ใช่อาหารซะหน่อย...” ฮยอกแจพูดกับตัวเองเบาๆ เหมือนจะไม่รู้ว่าทงเฮประชด แต่ทงเฮก็ไม่รู้เหมือนว่าฮยอกแจหมายความว่าอย่างไร เพราะเขาก็ไม่ได้ยินสิ่งที่ฮยอกแจกำลังคิดอยู่ในใจเช่นเดียวกัน

                ...ถ้าฉันกินนาย นายก็จะหายไปน่ะสิ...ทงเฮ

                ทงเฮไม่รู้ว่าเขาควรจะสั่งอาหารอะไรดี จึงได้แต่ถามเจ้าของร้านและขอเมนูที่ทางร้านแนะนำให้ ส่วนฮยอกแจก็สั่งตามทงเฮเพราะไม่อยากจะคิดถึงอะไรทั้งนั้นนอกจากผู้ชายตรงหน้า

                “ทงเฮ...”

                “หืม?”

                “นายเคยพาคยูฮยอนมาร้านนี้หรือเปล่า?”

                ทงเฮเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถามของเขาเอง ฮยอกแจพองลมในแก้มทั้งสองข้างจนมันพองขึ้นเหมือนลูกโป่ง เขาลุ้นใจจะขาดอยู่แล้วว่าทงเฮจะตอบว่าอะไร แต่ทงเฮไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอกแจต้องถามแบบนั้น

                “ถามทำไม?”

                “ฉันแค่อยากรู้...อยากรู้ว่านายกับเขาเคยมีความทรงจำที่ร้านนี้มาก่อนไหม?”

                “ไม่เคยเลย”

    ทงเฮตอบไปตามความจริง เขาไม่เคยมาร้านนี้กับคยูฮยอนมาก่อน และก็ไม่เคยมาที่ร้านนี้กับใครด้วย ฮยอกแจฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ เขามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา

    “ถ้าอย่างนั้น...ฉันขอให้ร้านนี้เป็นความทรงจำระหว่างเราก็แล้วกัน”

    “อาหารมาแล้ว รีบกินเถอะ นายจะได้กลับไปทำงาน”

    ทงเฮไม่ตอบฮยอกแจ แต่กลับเอ่ยขึ้นหลังจากที่อาหารทั้งหมดถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ฮยอกแจเงียบลง เขาคิดว่าตัวเองไม่ควรจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลย ทงเฮอาจจะรำคาญเขามากกว่าเดิมก็ได้

    แต่ในขณะเดียวกัน...สิ่งที่ฮยอกแจไม่รู้ก็คือทงเฮไม่ได้อยากจะเฉยชาแบบนั้นเลยสักนิด ทงเฮแค่กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการห้ามใจตัวเอง

    ห้ามใจไม่ให้ชอบ...ทั้งๆ ที่ชอบ

    ห้ามใจไม่ให้รัก...ทั้งๆ ที่กลัวเหลือเกินว่า...อาจจะรักไปแล้ว

    หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ทงเฮก็ยังไม่ยอมจ่ายเงินซักที ฮยอกแจมองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าถามออกไป กลัวว่าทงเฮจะกำลังคิดเรื่องของเขา

    ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว...

    “ฮยอกแจ” ทงเฮเอ่ยเรียกขึ้นเบาๆ “ฉัน...ฉันทำร่มของนายหายไป ก็เลยซื้อคันใหม่มาให้”

                ทงเฮหยิบร่มอีกคันหนึ่งให้กับฮยอกแจ มันเป็นร่มพับสามตอนสีเทาเรียบๆ สีเดียวกันกับคันที่ทงเฮนำไปรับเขาออกมาจากบริษัท ฮยอกแจยื่นมือไปรับด้วยหัวใจที่พองโตคับอก

                เขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรจากทงเฮซะแล้ว

                “ขอบคุณนะ นาย...ซื้อให้ฉันจริงๆ น่ะเหรอ? ขอบคุณจริงๆ ทงเฮ”

                “ฉันซื้อมาให้เพราะอยากขอโทษที่ทำร่มของนายหายต่างหาก” ทงเฮยังคงปากแข็งที่เห็นว่าฮยอกแจเอาแต่ยิ้มอย่างดีใจเมื่อได้รับร่ม ทั้งๆ ที่ร่มคันหนึ่งก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรเลย

                “แต่ว่า...ฉันอยากใช้ร่มคันเดียวกับนายมากกว่านะ” ฮยอกแจก้มลงมองร่มในมือ แต่กำลังบอกกับทงเฮ

                “ร่มที่ฉันให้ไป เอาไว้ใช้เฉพาะตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันไง”

                “จริงด้วย!

                ยิ่งฮยอกแจดีใจมาก ทงเฮก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้ทำร่มของฮยอกแจหายอย่างที่บอกไป แต่ร่มคันนั้นอยู่กับคยูฮยอนต่างหาก

                แล้วนี่เขาเป็นอะไรกัน ทำไมจะต้องแคร์ฮยอกแจมากมายขนาดนี้

                ทำไมถึงได้มองผู้ชายหน้าตาบ้านๆ อย่างฮยอกแจว่า...น่ารักเหลือเกิน!

     

                หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการจับหมึกในตอนสายๆ คยูฮยอนและซีวอนก็ได้พักเหนื่อยตลอดทั้งบ่าย คยูฮยอนกลับมาถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หลับเป็นตายจนถึงเย็น ตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็เห็นซีวอนกำลังจูงวัวออกจากคอก

                “ซีวอน นายจะไปไหนน่ะ?” คยูฮยอนยืนพิงกรอบประตูด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รู้ว่าสองตายายหายไปไหนแล้ว แต่คยูฮยอนไม่อยากนอนอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว

                “ฉันจะพาวัวไปกินหญ้า”

                “ฉันขอไปด้วยคนนะ”

                คยูฮยอนพูดจบก็ใส่รองเท้าแล้ววิ่งตามซีวอนออกไปยังทุ่งหญ้าที่ไกลออกไปเกือบสองร้อยเมตร ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ ตามถนนลูกรังคับแคบ แถมยังมีวัวอีกตัวหนึ่งที่เดินไปอย่างไม่รู้เรื่องอะไร

                “นายดูคล่องแคล่วจังเลย ถ้าฉันเจอนายครั้งแรกที่นี่คงไม่คิดว่านายเป็นนักธุรกิจแน่ๆ”

                “ฉันดูเหมือนชาวบ้านมากเลยเหรอ?” ซีวอนหันมาถาม

                “ไม่หรอก หน้าตานายออกจะหล่อขนาดนี้”

                ซีวอนหัวเราะเมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้า แต่คยูฮยอนกลับเอาแต่จ้องมองเงาที่ทอดยาวของเขาและซีวอนเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเลย

                “เรา...ไม่ได้เดินด้วยกันแบบนี้มานานแล้วเนอะ” คยูฮยอนว่า

                “อืม นานมากเลย”

                “ช่วงเวลาที่ไม่มีนาย ฉันลำบากมากเลยล่ะ เวลาจิ้งจกเข้ามาในห้องฉันก็ได้แต่ร้องไห้อยู่บนเตียง เวลาจะไปไหนมาไหนก็ต้องรถเมล์ทั้งๆ ที่ไม่เคยนั่งมาก่อน จนตอนนั้นฉันอยากจะกลับไปขอคืนดีกับนาย แต่ก็...”

                “นายคงเห็นข่าวที่ฉันหมั้นกับซอนเย?”

                คยูฮยอนพยักหน้าช้าๆ ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นที่เลิกกันไป คยูฮยอนไม่ได้มีใครเลย ในขณะที่คนถูกบอกเลิกอย่างซีวอนกลับไปหมั้นกับผู้หญิงอีกคนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

                แม้ว่าตอนนี้คยูฮยอนกับผู้หญิงคนนั้นจะเลิกรากันไปแล้วก็ตาม แต่เวลามันก็ผ่านไปนานเกินกว่าที่จะกลับไปคืนดีกันได้ แล้วอีกอย่าง...ตอนนี้คยูฮยอนก็มีแฟนอยู่แล้ว

                พวกเขาเดินไปได้ระยะหนึ่งก็หยุดลง ซีวอนปล่อยวัวให้กินหญ้าในบริเวณนั้น แล้วนั่งลงกับพื้นดิน เขาถอดรองเท้าของตัวเองวางไว้ให้คยูฮยอนรองนั่ง แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ

                ...เหมือนคนแก่รำลึกความหลัง

                “ตอนที่เราเป็นแฟนกัน นึกย้อนกลับไปแล้วก็ตลกมากเลยนะที่ฉันพยายามฝึกเล่นเปียโนเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดของนาย สุดท้ายก็เล่นไม่เป็นจนต้องเปิดเพลงไว้ด้านหลังแล้วทำเป็นเล่นเปียโนไป”

                “แล้วฉันก็จับได้!” ซีวอนพูดต่อ ทำให้คยูฮยอนฉีกยิ้มกว้าง

                “นึกถึงวันนั้นที่ตัวเองร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ แล้วก็น่าอายนะ เพราะฉันรู้สึกเหมือนโดนหักหน้า ก็นายน่ะสิ...จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ได้”

                “ฉันขอโทษนะ”

                “ให้อภัยแล้วล่ะ” คยูฮยอนดึงแก้มของซีวอนอย่างแรงเหมือนที่เคยทำในอดีตเวลาพวกเขาคืนดีกัน ซีวอนหน้ายู่ด้วยความเจ็บ ก่อนจะดึงแก้มเนียนกลับคืนบ้างอย่างมันเขี้ยว

                “งั้นต่อไปก็จะไม่ทำให้งอนอีกแล้ว”

                ทั้งสองหัวเราะเสียงดังลั่นท้องทุ่ง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่นั่งอยู่บริเวณนั้นจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป

     

                เมื่อกลับมาที่บ้านก็พบว่าตากับยายทำอาหารเย็นรอไว้พอดี พวกเขากินข้าวไม่ดึกมากนัก เพราะพอฟ้ามืดแล้ว หลังจากกินข้าวคนในหมู่บ้านก็มักจะเข้านอนทันที

                คืนนี้ฟ้าเป็นสีดำสนิท แถมฝนก็ไม่ตกทุกวันเหมือนที่โซลด้วย ซีวอนและคยูฮยอนจึงออกมานั่งผิงไฟอยู่หน้าบ้านแล้วคุยกันอย่างเงียบๆ

                “นายรู้ใช่ไหมว่าที่จริงแล้วฉันชอบหน้าหนาวมากเลย” คยูฮยอนเขี่ยไม้ไปในกองไฟแล้วเอ่ยถามร่างหนา ซีวอนหันไปมองใบหน้าหวานของอีกฝ่าย เขาพยักหน้าแม้คยูฮยอนจะไม่หันมามอง

                ทำไมซีวอนจะไม่รู้...

                เพราะฤดูหนาวที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตอนนั้น มันช่างมีความหมายมากมายเหลือเกิน

                “แต่ว่าทงเฮเขาชอบหน้าฝน”

                “...”
                “วันที่เราเจอกันครั้งแรก เขาถามฉันว่า...
    คุณชอบหน้าฝนหรือเปล่าครับแล้วนายรู้ไหมว่าฉันตอบไปว่าไง?”

                “ยังไงเหรอ?” แม้ซีวอนจะเดาได้ แต่เขาก็ไม่อยากพูดมันออกมา

                “ฉันบอกว่า...ฉันชอบหน้าฝนมากๆ ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยชอบเลย”

                ในตอนนั้น คยูฮยอนแค่อยากมีใครสักคนมาเคียงข้าง ทงเฮทำท่าเหมือนจะสนใจเขา เขาก็เล่นด้วยเพราะไม่มีใคร มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ทงเฮเป็นคนหล่อ เป็นคนดี ใครเห็นก็ต้องชอบทั้งนั้น

                “นายเป็นแฟนกับทงเฮมานานเท่าไรแล้ว?” ซีวอนถามทั้งๆ ที่ไม่อยากรู้ แต่คยูฮยอนดูมีความสุขเวลาที่ได้พูดถึงทงเฮ แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่รอยยิ้มของคยูฮยอนเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น

                “สี่เดือนแล้วล่ะ”

                ซีวอนอึ้งไป เพราะเวลาสี่เดือนก็เป็นเวลาที่เขาคบกับคยูฮยอนเช่นเดียวกัน

                “เท่ากับตอนที่เราเป็นแฟนกันเลยใช่ไหม?” กลายเป็นคยูฮยอนที่กล้าเอ่ยมันออกมา “ถ้าตอนนั้นฉันไม่ดื้อรั้นที่จะอยากเป็นนายแบบ เราก็คงไม่ต้องเลิกกัน”

                “เพราะตอนนั้นเรายังเด็กมาก แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราก็ไม่อดทนกับมัน”

                “อื้อ เพราะฉันคิดว่า...เส้นทางที่เราเดินมันต่างกันมาก ฉันชอบ แต่นายไม่ชอบ ก็คงต้องเลิกกันเท่านั้น”

                “...”

                “แต่ฉันก็คิดผิด” คำพูดของคยูฮยอนทำให้ซีวอนพูดอะไรไม่ออก คยูฮยอนปล่อยกิ่งไม้ในมือใส่กองไฟราวกับจะไม่สนใจมันอีกแล้ว แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ในกองไฟสีส้มตรงหน้า

                “นายทำถูกแล้ว เพราะว่า...ทงเฮเป็นคนดี” คยูฮยอนโคลงศีรษะหลังจากซีวอนพูดจบ

                “แต่ฉันไม่ได้รักทงเฮเลย เขาเป็นแฟนของฉัน เป็นคนเดียวที่ยอมรับงานของฉันได้ ฉันไม่อยากเสียเขาไปเหมือนที่เคยเสียนาย”

                “คยูฮยอน...”

                “ถ้าตอนนี้เรายังคับกันอยู่ มันจะเป็นยังไงนะ?”

                ซีวอนไม่อยากตอบคำถามใดๆ อีกแล้ว เขาไม่อยากฟังเสียงที่สั่นเทาของคยูฮยอนอีก น้ำเสียงที่สั่นไหวและรู้สึกผิด ความรู้สึกมากมายที่ถ่ายทอดออกมาจากคำพูดและแววตาของคยูฮยอน ซีวอนรับรู้มันได้เป็นอย่างดี

                เขาโน้มเข้าไปหาคยูฮยอนช้าๆ มือหนาประคองใบหน้าหวานไว้แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน คยูฮยอนค่อยๆ หลับตาลงอย่างเป็นสุข

    มันเป็น จูบ ...ที่เขารอคอยมานานเหลือเกิน

     

     

    Talk with Lee Seen

                สวัสดีค่ะ วันนี้มาอัพเร็วกว่าทุกวันตั้ง 1 ชั่วโมง

    เพราะลซ.ลีซีนจะเตรียมไปรอดูปัญญาชนก้นครัวของปริญญ์

    อ่า...ตอนนั้นจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้นะคะ

    ถ้าอยากพูด ตามไปทวิตเตอร์ เดี๋ยวต้มมาม่ารอใส่คนอร์ต้มยำแล้วอร่อยนะ คึคึ

    *** ขอชี้แจงเรื่องจับหมึกในโคลน

    ก่อนอื่นขอบคุณที่แนะนำเข้ามานะคะ

    แต่ว่าหมึกที่เกาหลีอาจจะคนละพันธุ์กับหมึกกล้วยของไทยที่ต้องจับกลางทะเล

    พอดีซีนเคยดูรายการ Invicible Youth 2 น่ะค่ะ เห็นสาวๆ ไปจับหมึกในโคลนกัน

    เลยนำบรรยากาศแบบนั้นมาแต่งให้คู่วอนคยู

    ใครนึกไม่ออก สามารถเข้า google แล้ว search ว่า ‘invicible youth 2 จับหมึกได้นะคะ

    ขอบคุณอีกครั้งที่แนะนำเข้ามาค่า...^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×