ตอนที่ 9 : แขกไม่ได้รับเชิญ ตอนกลาง
ร้านค้ามากมายของเมืองหลวงดึงดูดสายตาของฝูชิงได้ทุกครั้ง นางชอบออกมาเดินช่วงเวลาว่างเพื่อหาดูของแปลกตาอาหารอร่อย เป็นช่วงหลังไม่กล้าออกมาเดินเนื่องจากหน้าตาเนื้อหอมอย่างแม่ทัพเวินไปที่ใดก็มีสตรีโปรยตาให้บ้าง เข้ามาหวังทอดสะพานบ้าง ที่สำคัญแม่ทัพเวินที่ทำให้เธอไม่มีเวลานอกจากฝึกและฝึกนั่นแหละที่ทำให้ไม่มีโอกาสเดินออกมา
ดวงตามองของตามร้านค้าวาววับชวนให้องค์ชายฉู่ขำขันจนอดใช้พัดเคาะหัวแม่ทัพใหญ่ด้วยความเอนดูไม่ได้
“เจ้ามองน้ำตาลปั้นไม้นั้นจนน้ำลายหกแล้วแม่ทัพ” ฝูชิงอายจนแทบอยากขุดรูหนี แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าของแม่ทัพเวินก็ได้แต่พูดแก้ตัว
“ข้ามองแม่นางคนงามต่างหาก” คำแก้ตัวฟังไม่ขึ้นของฝูชิงทำให้องค์ชายฉู่ระเบิดหัวเราะอีกครั้ง
“แม่ทัพคงตาฝาดมองตาเฒ่าที่ปั้นน้ำตาลเป็นสตรีแล้ว”
“ข้าให้ เจ้าคงอยากลองชิม” ไม่ทันที่ฝูชิงจะต่อปากกับองค์ชายฉู่อีกรอบเธอก็ได้รับบางอย่างยื่นมาให้จากแม่ทัพเวินคนงาม แม่ทัพเวินเห็นฝูชิงยืนมองน้ำตาลปั้นนานแล้วเขาจึงแอบแยกตัวออกไปขอซื้อมาหนึ่งไม้ให้ฝูชิง
“ขอบคุณ” ฝูชิงยิ้ม องค์ชายฉู่รู้สึกคันยิบในหัวใจไม่รู้ทำไมเขาจึงเดินจ้ำๆเข้าไปหาตาเฒ่าปั้นน้ำตาลบ้าง
“ข้าเหมาหมด” พ่อเฒ่าตกใจปนน้ำตาไหล นี่เพียงยามเช้าเขาก็ขายของได้หมดเกลี้ยง ขอบคุณสวรรค์
ฝูชิงและแม่ทัพเวินมองไปยังองค์ชายผู้ชอบก่อเรื่องอย่างทำใจ ชายผู้นี้ช่าง...
“ข้าให้” องค์ชายฉู่ให้ทหารอารักขายื่นน้ำตาลปั้นมากมายให้ฝูชิง
“ของมากมายข้าคงกินไม่หมด สู้เรามาช่วยกันกินไหม” เธอมองกองขนมกองใหญ่
“ข้าไม่ชอบกินขนม” องค์ชายฉู่สะบัดพัด
“ข้าก็ไม่ชอบกิน” แม่ทัพเวินไม่ได้ช่วยนางเลย น้ำตาจิไหล
“ช่วยข้าด้วย!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวด้านหน้าทำให้ฝูชิงถือโอกาสโยนของกองใหญ่ให้พวกทหารอารักขารับผิดชอบแทนตน นางวิ่งไปทางต้นเสียง
แม่นางน้อยพร้อมบ่าวหนึ่งคนนั่งร้องไห้กระซิกอยู่ในตรอกเปลี่ยว ฝูชิงพินิจดูก็รู้ว่าเป็นคุณหนูลูกผู้ดี
“ท่านแม่ทัพโปรดช่วยนายของบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” บ่าวของหญิงสาวที่สะอื้นไห้เสื้อตัวบนหลุดลุ่ยเปิดบ่าขาวคลานเข้ามากอดขาแม่ทัพหนุ่ม
“ข้าไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วเสี่ยวอู๋” คุณหนูผู้นั้นยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุดปากพร่ำอยากตาย
“ไม่นะเจ้าค่ะ คุณหนูยังบริสุทธิ์ เจ้าคนชั่วผู้นั้นหนีไปก่อนแม่ทัพจะมา” ฝูชิงมองสองนายบ่าวตรงหน้า เฮ้อต้องเล่นบทวีรบุรุษช่วยสตรีงามหรือนี่
“แต่ แต่ เรือนร่างข้าถูกผู้อื่นเห็นเสียแล้วผู้ใดจะแต่งข้าเข้า” เสียงคุณหนูร้องไห้ดังขึ้น
“ท่านว่าอย่างไรดี” ฝูชิงมองไปทางแม่ทัพเวิน
“ก็คงต้องให้นางตายเช่นนางพูด” แม่ทัพเวินส่งยิ้มหวานน่ากลัวให้สตรีที่เล่นละครลิงตรงหน้า คิดปีนเตียงเขาอีกคนแล้วซินะ คุณหนูและบ่าวที่นั่งร้องไห้พอได้ยินก็ตกใจจนหยุดร้องไห้ พอพวกนางสังเกตดีๆจึงพบว่านอกจากแม่ทัพเวินยังมีองค์หญิงสิบอยู่ด้วย
“เสียดาย เสียดาย ให้นางฆ่าตัวตายสู้ยกให้ข้าไปสะสมเล่นในตำหนักดีกว่า” องค์ชายฉู่เดินเข้ามา
“ตำหนักท่านยามเดินเข้ามีชีวิตยามเดินออกไร้ลมหายใจ เข้าไปไม่ถึงเดือนคงไม่ต่างกับสตรีอื่นที่เดินออกมา มีใครไม่รู้ข่าวนี้บ้างองค์ชายฉู่” แม่ทัพเวินอดแขวะไม่ได้
“ใจร้ายจริงองค์หญิงสิบ ดูท่านข่มขู่บุบผางามเสียจนใบร่วงหมดแล้ว” องค์ชายฉู่ทำตัวเป็นวีรบุรุษเข้าประคองสตรีที่ขณะนี้กลัวจนตัวสั่น นางแค่อยากเข้าจวนเป็นอนุท่านแม่ทัพเท่านั้นยังไม่อยากตาย
“เอ่อ ข้าเปลี่ยนใจเมื่อได้ฟังท่านแม่ทัพพูดแล้ว ตัวข้ายังไม่เสื่อมเสียซ้ำนอกจากพวกท่านไม่มีใครทราบย่อมไม่มีคนรู้” ฝูชิงยิ้มเย็น ละครโรงนี้เมื่อเจ้ากล้าเล่นก็ควรเล่นให้จบ เธอรักถนอมหยกงามแต่ไม่ชอบอสรพิษ
“ใครว่าไม่มีคนรู้ทหารข้าเห็นเจ้าเปิดเผยเนื้อตัวขนาดนี้เกรงว่าคงไม่เป็นธรรมหากไม่หาเจ้าบ่าวให้ คนรู้เข้าย่อมต่อว่าข้าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ได้” ฝูชิงมองไปยังรองแม่ทัพของตน “เฟิงเจ้ากำลังมองหาสะใภ้ให้มารดาอยู่ใช่หรือไม่” รองแม่ทัพเฟิงได้ยินแม่ทัพเรียกชื่อก็สะดุ้งวิ่งเข้ามา
“ขอรับ”
“พรุ่งนี้ยามดีให้เจ้าพาแม่สื่อไปขอคุณหนูท่านนี้ตบแต่งซะ”
“ขอรับ!” รองแม่ทัพเฟิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก อยู่ดีๆก็หมดปัญหาเรื่องหาสะใภ้ดีๆให้มารดา เขารีบรับคำก่อนเข้าประคองว่าที่ภรรยาที่ตกใจจนเป็นลมสลบคาบ่าวรับใช้ที่ขณะนี้น้ำตาไหลแทนเจ้านาย
“เจ้าช่างโหดร้าย” แม่ทัพเฟิงและองค์ชายฉู่พูดพร้อมกัน
“ดีกว่าพวกท่านที่ให้ไปตาย” แม่ทัพเวินทำหน้านิ่งเฉย ส่วนองค์ชายฉู่หัวเราะลั่น
“ตำหนักข้าตอนเข้ามีลมหายใจ ตอนออกไร้ลมหายใจแต่ถ้าเป็นเจ้าเข้าออกไม่มีทางหมดลมหายใจ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

3p 3p