ตอนที่ 14 : คนตายต้องเห็นศพ
หลังจากเกิดคดีโจรบุกรุกจวนแม่ทัพเวินผ่านไป 2 เดือน เมืองหลวงแคว้นฉานกลับสู่ภาวะปกติถนนกลับมาเงียบสงบเพื่อรอต้อนรับงานฉลองสมรสพระราชทานจวนแม่ทัพเวินที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า
“เค้าคนนั้นยังคงส่งคนตามหา?” แม่ทัพเวินถามทหารที่เขาส่งไปสืบข่าวยังแคว้นตะวันตก
“เรียนท่านแม่ทัพองค์ชายฉู่หลังจากกลับไปจัดการเรื่องภายในแคว้นก็ยังให้ตามหาคนผู้หนึ่งขอรับ” แม่ทัพเวินพยักหน้ารับทราบ
“แล้วข่าวที่ให้พวกเจ้าไปสืบ...”
“เรียนท่านแม่ทัพยังไม่พบคนตามที่ท่านแม่ทัพให้ตามหาขอรับ” แม่ทัพเวินยกมือให้ทหารสืบข่าวออกไปทำงานสืบข่าวต่อไปทิ้งให้เขานั่งนึกถึงคนผู้หนึ่ง
“ฝูชิงเจ้าหายไปที่ใดกัน”
หลังจากการปะทะกองกำลังองค์ชายรองเมื่อ 2 เดือนก่อน เพียงสองวันแม่ทัพเวินที่โดนธนูยิงก็ลุกขึ้นมาเดินเหินได้เป็นปกติ เมื่อคราแรกตื่นขึ้นมาเขาสะดุ้งเฮือกเข้ากับสายตาลึกซึ้งของคนเฝ้าไข้ข้างเตียง หนวดเคราองค์ชายฉู่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ย้ายตัวเองออกห่างจากเตียงเขาเลยตั้งแต่ต้น ร่างกายที่ขยับไม่ได้ดังใจหัวใจเต้นโครมครามนักที่เห็นใบหน้าหนวดสกปรกรุงรังยื่นเขามาใกล้ เขาแทบอยากหาดาบมาแทงบุรุษตรงหน้าไม่ให้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่านี้ แต่แล้วชายผู้นั้นเมื่อจ้องมองดวงตาของเขาก็สะดุดนิ่งแล้วเขยื้อนตัวออกไป
“เจ้าเป็นใคร เวินอยู่ไหน!”
“ข้าคือแม่ทัพเวิน” เขาจ้องมององค์ชายฉู่นิ่ง
“นี่ซินะที่เคยจะคุยกับข้าครั้งก่อน” เขาลุกขึ้นยืนก่อนสะบัดเสื้อคลุมตัวหันหลังคิดเดินจากไป ข้านึกสงสารองค์ชายฉู่จึงอดไม่ได้รั้งตัวเขาเพื่อพูดเรื่องหนึ่ง
“รอเดี๋ยวองค์ชายฉู่...หากต้องการหาคนที่ท่านและข้าต้องการพบควรตามหาข่าวลือผู้ยืมศพคืนชีพ” และหลังจากนั้นมาองค์ชายฉู่และข้าก็ส่งคนตามหาข่าวคนตายแล้วฟื้นคืนชีพ
“ฝูชิงเจ้าจะกลับมาทันงานสมรสของข้าหรือไม่” แม่ทัพเวินมองออกไปนอกหน้าต่างจวน นางเคยสัญญา
งานมงคลสมรสระหว่างองค์หญิงสิบและแม่ทัพเวินใกล้เข้ามาทุกที ข่าวองค์หญิงสิบเสียสละตัวเองเข้าไปช่วยแม่ทัพเวินผู้เป็นที่รักเล่าลือในหมู่ชาวบ้านให้เป็นนิยายรักประจำโรงน้ำชาเรื่องหนึ่ง หลังจากการปะทะครั้งนั้นองค์หญิงสิบตื่นขึ้นมากริยาท่าทางคล้ายผู้พึ่งตื่นจากความฝัน หวงกุ้ยไท่เฟยร้องห่มร้องไห้ให้แม่ทัพรับผิดชอบ คราแรกหวงกุ้ยไท่เฟยคิดว่าแม่ทัพคงไม่ยอมรับปากสมรสง่ายๆไม่คิดว่าแม่ทัพเวินจะยิ้มยอมรับสมรสพระราชทานแต่โดยดี ที่สำคัญดูให้ความเอาใจใส่จนลูกหญิงของนางยิ้มแก้มปริไม่หุบไปหลายวัน งานสมรสพระราชทานจึงถูกกำหนดให้มีขึ้นหลังจากนี้ไป 3 เดือน
“ยังไม่พบอีก!” เสียงตวาดดังขึ้น ทหารพากันอกสั่นขวัญแขวนราวยืนอยู่หน้าพยัคฆ์
“เรียนรัชทายาทยังไม่พบขอรับ”
“หาต่อไป เป็นต้องพบคน ตายต้องมีศพ ข้าไม่เชื่อว่าจะหาเจ้าไม่เจอ” ฉู่เหวินมองฝ่ามือตัวเอง เมื่อ 2 เดือนก่อนยังได้โอบร่างคนผู้หนึ่ง
เหล่าบ่าวในตำหนักพากันตัวสั่น ตั้งแต่องค์ชายฉู่กลับมาจากแคว้นฉานและได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทก็ไม่เคยหยุดส่งคนไปตามหาคนตายผู้หนึ่ง
“เรียนรัชทายาท” พ่อบ้านตำหนักรัชทายาท พ่อบ้านเป้ยผู้เลี้ยงและเป็นครูแก่องค์ชายเก้าเดินเข้ามาหารัชทายาทเด็กน้อยของตน
“พ่อบ้านเป้ยมีเรื่องอะไร?”
“เหล่าอนุ ชายา ตำหนักหลังของท่านจะให้ข้าน้อยจัดการเช่นไรขอรับ” ฉู่เหวินนิ่งคิดซักครู่
“ของที่พวกท่านพี่ส่งมาเพื่อเป็นสายลับให้ส่งกลับไปคืนพวกเขา” พ่อบ้านเป้ยส่ายหน้าส่งคืนพวกนางให้เจ้าของเก่าไม่ใช่ให้กำจัดหรอกหรือในเมื่อเจ้าของเก่าพวกนางล้วนตายไม่ก็ถูกคุมขังไปหมดแล้ว
“ขอรับ” พ่อบ้านเป้ยกำลังจะเดินออกไปก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้วพระชายาฝูเสิง...” พ่อบ้านนึกขึ้นได้ว่ามีสตรีผู้หนึ่งที่ซวยโดนลูกหลงเข้าไปอยู่ระหว่างสงครามตบกันของสตรีตำหนักองค์ชายเก้าจนโดนถีบลงสระ วันนั้นองค์ชายฉู่เพื่อกลั่นแกล้งสตรีที่เหล่าพี่ชายส่งมา เขาตัดสินใจแกล้งประชดตั้งยายผู้หญิงตัวประกันเมืองแคว้นข้างๆยืนตัวสั่นเปียกปอนจากการถูกถีบลงสระเป็นชายาเอก นี่ถ้าพ่อบ้านเป้ยไม่เตือนเขาก็คงลืมการมีอยู่ของสตรีผู้นี้เสียแล้ว
“หากนางทำตัวเงียบๆก็ปล่อยให้หายใจต่อไป แต่ถ้าวุ่นวายนัก...ก็ให้ออกจากตำหนักไป” พ่อบ้านเป้ยก้มหน้ารับคำสั่ง ตำหนักองค์ชายเก้ายามเดินเข้ามีชีวิตยามเดินออกไร้ลมหายใจ!
ระหว่างพ่อบ้านเป้ยเดินออกไปเพื่อทำตามคำสั่งนายนั้น ฉู่เหวินก็ยังเฝ้าคำนึงถึงผู้หนึ่ง
เวินข้ายังไม่ทันทำความคุ้นเคยกับเจ้าเลย ใยชิงหนีข้าไป
ชิ่ว เสียงจามดังขึ้นเบาๆ สตรีผู้หนึ่งที่ถูกลืมกำลังยืนจามกลางสวนใหญ่ตำหนักรัชทายาท
“จะใหญ่โคตรไปถึงไหน!” นี่เธอเดินหาทางออกมาร่วมชั่วโมงแล้วนะ
คนที่กำลังโวยวายผู้นี้คือพระชายาเอกของฉู่เหวิน ผิวสีน้ำผึ้งผิดกับสตรีชาวแคว้นตะวันตกทำให้เธอโดนบรรดาสตรีของเจ้าของตำหนักจิกกัดตลอด บางครั้งก็โดนผลักตกสระ บางครั้งก็แกล้งให้คนครัวส่งข้าวปลาให้น้อยแทบเท่าแมวกิน แต่ใครสนเมื่อปลาในบ่อเจ้าของตำหนักกินได้งานนี้ไม่นกค่ะ
องค์หญิงฝูเสิงตัวประกันแคว้นผู้นี้เมื่อสองเดือนก่อนล้มป่วยหนักจากการกลั่นแกล้งของเหล่าชายาอนุเจ้าของตำหนัก นางล้มป่วยหนักจนบ่าวรับใช้คิดว่าคงหมดลมหายใจไปเสียคืนนี้ เรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นทุกคนคิด ยามเช้าพระชายาเอกฝูเสิงผู้น่าอนาถกลับเดินเหินปกติ แถมกลับมาด้วยความแรงเกินร้อย
ฝูชิงหลังจากออกจากร่างของแม่ทัพเวิน ตัวเธอคิดว่าคงจะได้กลับไปโลกเดิมของเธอ แต่ทำไมยังถูกดึงมาอยู่ในร่างนี้อีกละ? ฟื้นมาแรกๆเธอแทบตกใจกับใบหน้าของตนเองช่างเหมือนใบหน้าเดิมของเธอเหลือเกินไม่สวยแต่ไม่อัปลักษณ์ รัชทายาทรสนิยมแปลกชายาสวยมากมายไม่เลือกมาเป็นชายาเอกกลับเลือกเจ้าของร่างนี้มาเป็นแถมไม่เคยมาดูดำดูดีปล่อยให้ถูกรังแกดูอนาถยิ่งกว่าผู้ป่วยไร้ญาติที่โรงพยาบาล เธอควรหนีออกไปทวงเงินตาองค์ชายฉู่แล้วให้ส่งเธอไปนอนสุขสบายที่ตำหนักแม่ทัพเหมือนเดิม อย่างน้อยแม่ทัพเวินคงเห็นแก่ความเป็นสหายเก่าช่วยเลี้ยงดูสตรีตัวเล็กๆซักคนและหาที่ทางให้เธอค้าขาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

องค์หญิงสิบดวงจิตไปอยู่ที่ไหนมาล่ะตอนแม่ทัพเข้ามาอยู่ในร่างนางนะ คู่นี้แม่ทัพคงเห็นอกเห็นใจนางตอนมาอยู่ร่างนี้ได้รับรู้ถึงความรักมีให้ตน เห็นว่านางเนื้อแท้ก็ไม่ได้ร้ายกาดอะไร
รู้สึกว่าสำนวนงามล่มเมืองคงต้องเปลี่ยนซะแล้ว เปลี่ยนเป็นไม่งามปานนางฟ้าแต่ก็ล่มเมืองได้นะเคอะ 555
งานนี้มีศึกฟาดฟันกันแน่ถ้าแม่ทัพเวินรู้เข้าว่าตอนนี้ฝูชิงกลายเป็นภรรยาชาวบ้านอดีตศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจเรียบร้อยแล้ว
เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ 5555
อยากรู้จังจะเป็นไงต่อ มาต่อเร็วๆนะไรท์ ^^
ปล.พอรู้ความจริงแล้วคงสนุกพิลึก //มโนไปไกล
ขอบคุณไรท์มากๆนะคะสำหรับงานเขียนดีๆ