ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพพยศรัก_

    ลำดับตอนที่ #2 : มิสทรานสเลเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 56


    หญิงสาวร่างเล็กในชุดสูทกางเกงสีน้ำเงินเข้มผลักประตูกระจกบานใหญ่ของตึกสูงออกมาเผชิญอากาศร้อนอบอ้าวภายนอก อุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่า 37 องศาตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุ เธอถอดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดถึงการสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที มีเพียงคำพูดให้ความหวังเช่นเดียวกับทุกที่ว่า

    “ทางเราจะติดต่อกลับไปใหม่นะคะ”

    ข้อความนี้ทำให้เธอรู้ทันทีว่า บริษัทนี้ไม่รับเข้าทำงานแน่ แต่ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร คำถามทุกคำถามที่ถาม เธอก็ตอบได้ทุกข้อแถมยังบวกความคิดเห็นของตนเองเข้าไปด้วย มันอาจจะสุดโต่งไม่หน่อย แต่เธอคิดว่า มันคือความถูกต้อง

    หรือเพราะท่าทางห้าว ๆ  ผมยาวประบ่าที่ไม่รวบมาก่อนเข้าสัมภาษณ์ แถมไม่ยอมแต่งหน้าตาให้มีสีสันสะดุดตา ก็คนมันชอบแค่ทาปากด้วยลิปกรอส นี่อุตส่าห์เลือกที่มันออกสีชมพูแล้วนะ ยังไม่ถูกใจกันอีกหรือไง

    ก่อนออกจากบ้านมารดาเขี่ยวเข็ญให้แต่งหน้าให้เข้มกว่านี้ ไม่ใช่แค่ลงแป้งเล็กน้อย กับลิปกรอสสีชมพูเท่านั้น เธอไม่เคยทำ ไม่ใช่ไม่ฟัง แต่มันไม่ชอบ เธอยังเคยเถียงมารดาหลายครั้งที่ถูกบังคับว่า

    มันหนักหน้าจะตายไปแม่

    “เฮ้อ! ทำไม? งานมันหายากหาเย็นขนาดนี้” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะกำลังเดินตามฟุตบาธอย่างไร้จุดหมาย

    นางสาวกอหญ้า รักษ์ชัยชนะ นักศึกษาจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง ร่อนจดหมายสมัครงานผ่านเวบไซต์มานานกว่าสามเดือนแล้ว มีแต่เรียกสัมภาษณ์แต่ยังไม่มีใครคิดเรียกตัวไปทำงาน จนเธอเองบางครั้งท้อใจ จนคิดจะยึดอาชีพเสริมสมัยเรียนหาเลี้ยงตัวเอง แต่เพราะความรู้สึกหยั่งรู้ของเธอมันไม่ได้มีตลอดเวลาเหมือนมารดา มันนึกจะออกมาเมื่อไหร่มันก็ออกไม่เคยบอก ราวกับเธอต้องง้อ

    ตอนดูให้เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะจดรายละเอียดลงในสมุดพกติดตัวไว้ก่อน เมื่อความรู้สึกเกิดขึ้นก็หยิบขึ้นมา ดูตามที่ความรู้สึกมันเกิดแวบภาพของผู้ชายของเพื่อนบอกมา แล้วพอภาพเกิดเธอก็จะตั้งคำถามว่า เขาจะเป็นแฟนกับเพื่อนคนที่อยากรู้ได้หรือเปล่า ก่อนที่จะหลับตานิ่ง ถ้าใช่ภาพคำตอบจะเป็นสีขาวแต่ถ้าไม่ใช่ภาพคำตอบจะเป็นสีดำ จากนั้นก็จดไปบอกเพื่อน แต่สิ่งที่รู้และมักจะแม่นยำมากที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับความรักเสียมากกว่า

    สิ่งนี้เธอได้รับการตกทอดมาจากมารดา ซึ่งดูได้ทุกด้าน แต่มารดาไม่ชอบดูให้ใครเก็บความสามารถพิเศษนี้ไว้ นาน ๆ ครั้งจะดูให้เธอ

    อย่างเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน มารดาบอกว่าวันนี้เธอจะได้งานแน่นอน เธอจึงมีความมั่นใจออกจากบ้านมาอย่างคนมีความหวัง เพราะปกติแล้วมารดามักจะทักไม่เคยผิดเลยสักครั้งเดียว  

    สงสัยคราวนี้ความรู้สึกหยั่งรู้ของแม่จะไม่แม่นก็คราวนี้แหละ


    ขณะกำลังเดินมุ่งไปยังป้ายรถประจำทาง ภาพผู้ชายร่างใหญ่ คิ้วดกหนา ดวงตาโตเข้ม คางมีรอยบุ๋มปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง บวกกับใจเธอเริ่มสั่น กอหญ้ารีบใช้มือขวาทาบอกข้างซ้ายรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น จนเธอเองถึงกับบ่นพึมพำกับตัวเอง

    “ใครว่ะ? หน้าตาแบบนี้ไม่เคยเห็น”

    “รับสายหน่อย อย่าปล่อยให้คอยนาน”

    สัญญาณโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน กอหญ้าหยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอปรากฎชื่อเพื่อนรัก “รสริน” หนรือเธอมักจะเรียกว่า ที่รักจ๋า

    รสรินเป็นผู้หญิงอ่อนหวานไม่ห้าวเหมือนเธอ และมีอะไรที่ตรงข้ามกับเธอเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลัง ทั้งสองคนมักจะไปไหนไปด้วยกันติดกันราวปาทังโก้ จนเพื่อนมักชอบแซวเธอกับแก้วว่า เป็นคู่ทอมดี้กัน แต่ความจริงมันไม่ใช่

    “ว่าไงจ๊ะ ที่รักจ๋า”

    “หญ้า ได้งานทำหรือยัง”

    “ยังเลย งานมันหายากหาเย็นจัง” กอหญ้าตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงติดอ้อนนิด ๆ

    “งั้นดีเลย” แก้วพูดยังไม่ทันจบก็ถูก กอหญ้าค้านขึ้น

    “อ้าวเห็นเพื่อนตกงานแล้วดีใจเหรอ รักกันหรือเปล่าเนี้ย”

    “หญ้าก้อ แก้วยังพูดไม่ทันจบ พูดแซงขึ้นมาอีกแล้วนะ” แก้วพูดเสียงขุ่น ทำให้หญ้าต้องรีบอ้อน

    “โทษทีจ๊ะ”

    “แก้วจะโทรมาบอกว่า แขกของคุณพ่อต้องการล่าม วันนี้ว่างไหม?” เสียงหวานปลายสายบอกจุดประสงค์ที่โทรมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนคนฟังอดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ และขณะกำลังจะตอบเพื่อน ก็ต้องเปลี่ยนคำตอบเป็น

    “โอ๊ะ เฮ้ย! อย่าเพิ่งไป” กอหญ้าหันมาตะโกนไล่หลังรถยนต์ที่วิ่งผ่านและทำน้ำขังบนพื้นถนนกระเด็นถูกเธอ แต่คนขับคงไม่ได้ยิน เพราะความเร็วของรถยังคงสม่ำเสมอ และจากไป กอหญ้าตะโกนได้อีกเพียงคำเดียว เพราะรถคันนั้นหายลับตาเธอไปแล้ว

    “มีอะไรหรือเปล่าหญ้า” ปลายสายรีบถามเพราะได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของเพื่อน และนั่นทำให้กอหญ้าหันเหความสนใจกลับมายังคู่สนทนา

    “อ้อ ไม่มีอะไรแก้ว ไอ้คนบ้ามันขับรถน้ำกระเซ็นใส่นะ” ขณะตอบ สายตาของกอหญ้าก็กำลังขมักเขม้นจดจำบางสิ่งบางอย่างของคู่กรณี

    “หญ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ปลายสายเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไหร่จ๊ะ สรุปว่า ให้หญ้าไปหาที่ไหน”

    “ที่โรงแรม อีกชั่วโมงแขกคุณพ่อจะมาตามนัด”

                “งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงหญ้าไปหาแก้วที่โรงแรมนะ” กอหญ้าตอบพร้อมกดปิดมือถือ

                  ก่อนจะสบถกับตัวเองถึงคู่กรณี “อย่าให้เจอตัวนะไอ้คนไม่รับผิดชอบ ทำเขาเดือดร้อนแล้วรีบหนี จะรีบไปไหนฮะ” บอกปลดปล่อยอารมณ์ไปแล้ว เธอก็สูดลมหายใจเพื่อเรียกสติให้กลับมา

                 ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงข่าวดีจากเพื่อน และไม่ลืมที่จะนึกแก้คำพูดที่เคยบอกว่า ความรู้สึกหยั่งรู้ของแม่ไม่แม่น นับถือเลย
    !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×