คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มิสทรานสเลเตอร์
หญิงสาวร่างเล็กในชุดสูทกางเกงสีน้ำเงินเข้มผลักประตูกระจกบานใหญ่ของตึกสูงออกมาเผชิญอากาศร้อนอบอ้าวภายนอก อุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่า 37 องศาตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุ เธอถอดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดถึงการสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที มีเพียงคำพูดให้ความหวังเช่นเดียวกับทุกที่ว่า
“ทางเราจะติดต่อกลับไปใหม่นะคะ”
ข้อความนี้ทำให้เธอรู้ทันทีว่า บริษัทนี้ไม่รับเข้าทำงานแน่ แต่ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร คำถามทุกคำถามที่ถาม เธอก็ตอบได้ทุกข้อแถมยังบวกความคิดเห็นของตนเองเข้าไปด้วย มันอาจจะสุดโต่งไม่หน่อย แต่เธอคิดว่า มันคือความถูกต้อง
หรือเพราะท่าทางห้าว ๆ ผมยาวประบ่าที่ไม่รวบมาก่อนเข้าสัมภาษณ์ แถมไม่ยอมแต่งหน้าตาให้มีสีสันสะดุดตา ก็คนมันชอบแค่ทาปากด้วยลิปกรอส นี่อุตส่าห์เลือกที่มันออกสีชมพูแล้วนะ ยังไม่ถูกใจกันอีกหรือไง
ก่อนออกจากบ้านมารดาเขี่ยวเข็ญให้แต่งหน้าให้เข้มกว่านี้ ไม่ใช่แค่ลงแป้งเล็กน้อย กับลิปกรอสสีชมพูเท่านั้น เธอไม่เคยทำ ไม่ใช่ไม่ฟัง แต่มันไม่ชอบ เธอยังเคยเถียงมารดาหลายครั้งที่ถูกบังคับว่า
‘มันหนักหน้าจะตายไปแม่’
“เฮ้อ! ทำไม? งานมันหายากหาเย็นขนาดนี้” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะกำลังเดินตามฟุตบาธอย่างไร้จุดหมาย
นางสาวกอหญ้า รักษ์ชัยชนะ นักศึกษาจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง ร่อนจดหมายสมัครงานผ่านเวบไซต์มานานกว่าสามเดือนแล้ว มีแต่เรียกสัมภาษณ์แต่ยังไม่มีใครคิดเรียกตัวไปทำงาน จนเธอเองบางครั้งท้อใจ จนคิดจะยึดอาชีพเสริมสมัยเรียนหาเลี้ยงตัวเอง แต่เพราะความรู้สึกหยั่งรู้ของเธอมันไม่ได้มีตลอดเวลาเหมือนมารดา มันนึกจะออกมาเมื่อไหร่มันก็ออกไม่เคยบอก ราวกับเธอต้องง้อ
ตอนดูให้เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะจดรายละเอียดลงในสมุดพกติดตัวไว้ก่อน เมื่อความรู้สึกเกิดขึ้นก็หยิบขึ้นมา ดูตามที่ความรู้สึกมันเกิดแวบภาพของผู้ชายของเพื่อนบอกมา แล้วพอภาพเกิดเธอก็จะตั้งคำถามว่า เขาจะเป็นแฟนกับเพื่อนคนที่อยากรู้ได้หรือเปล่า ก่อนที่จะหลับตานิ่ง ถ้าใช่ภาพคำตอบจะเป็นสีขาวแต่ถ้าไม่ใช่ภาพคำตอบจะเป็นสีดำ จากนั้นก็จดไปบอกเพื่อน แต่สิ่งที่รู้และมักจะแม่นยำมากที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับความรักเสียมากกว่า
สิ่งนี้เธอได้รับการตกทอดมาจากมารดา ซึ่งดูได้ทุกด้าน แต่มารดาไม่ชอบดูให้ใครเก็บความสามารถพิเศษนี้ไว้ นาน ๆ ครั้งจะดูให้เธอ
อย่างเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน มารดาบอกว่าวันนี้เธอจะได้งานแน่นอน เธอจึงมีความมั่นใจออกจากบ้านมาอย่างคนมีความหวัง เพราะปกติแล้วมารดามักจะทักไม่เคยผิดเลยสักครั้งเดียว
‘สงสัยคราวนี้ความรู้สึกหยั่งรู้ของแม่จะไม่แม่นก็คราวนี้แหละ’
ขณะกำลังเดินมุ่งไปยังป้ายรถประจำทาง ภาพผู้ชายร่างใหญ่ คิ้วดกหนา ดวงตาโตเข้ม คางมีรอยบุ๋มปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง บวกกับใจเธอเริ่มสั่น กอหญ้ารีบใช้มือขวาทาบอกข้างซ้ายรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น จนเธอเองถึงกับบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ใครว่ะ? หน้าตาแบบนี้ไม่เคยเห็น”
“รับสายหน่อย อย่าปล่อยให้คอยนาน”
สัญญาณโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน กอหญ้าหยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอปรากฎชื่อเพื่อนรัก “รสริน” หนรือเธอมักจะเรียกว่า “ที่รักจ๋า”
รสรินเป็นผู้หญิงอ่อนหวานไม่ห้าวเหมือนเธอ และมีอะไรที่ตรงข้ามกับเธอเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลัง ทั้งสองคนมักจะไปไหนไปด้วยกันติดกันราวปาทังโก้ จนเพื่อนมักชอบแซวเธอกับแก้วว่า เป็นคู่ทอมดี้กัน แต่ความจริงมันไม่ใช่
“ว่าไงจ๊ะ ที่รักจ๋า”
“หญ้า ได้งานทำหรือยัง”
“ยังเลย งานมันหายากหาเย็นจัง” กอหญ้าตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงติดอ้อนนิด ๆ
“งั้นดีเลย” แก้วพูดยังไม่ทันจบก็ถูก กอหญ้าค้านขึ้น
“อ้าวเห็นเพื่อนตกงานแล้วดีใจเหรอ รักกันหรือเปล่าเนี้ย”
“หญ้าก้อ แก้วยังพูดไม่ทันจบ พูดแซงขึ้นมาอีกแล้วนะ” แก้วพูดเสียงขุ่น ทำให้หญ้าต้องรีบอ้อน
“โทษทีจ๊ะ”
“แก้วจะโทรมาบอกว่า แขกของคุณพ่อต้องการล่าม วันนี้ว่างไหม?” เสียงหวานปลายสายบอกจุดประสงค์ที่โทรมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนคนฟังอดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ และขณะกำลังจะตอบเพื่อน ก็ต้องเปลี่ยนคำตอบเป็น
“โอ๊ะ เฮ้ย! อย่าเพิ่งไป” กอหญ้าหันมาตะโกนไล่หลังรถยนต์ที่วิ่งผ่านและทำน้ำขังบนพื้นถนนกระเด็นถูกเธอ แต่คนขับคงไม่ได้ยิน เพราะความเร็วของรถยังคงสม่ำเสมอ และจากไป กอหญ้าตะโกนได้อีกเพียงคำเดียว เพราะรถคันนั้นหายลับตาเธอไปแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าหญ้า” ปลายสายรีบถามเพราะได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของเพื่อน และนั่นทำให้กอหญ้าหันเหความสนใจกลับมายังคู่สนทนา
“อ้อ ไม่มีอะไรแก้ว ไอ้คนบ้ามันขับรถน้ำกระเซ็นใส่นะ” ขณะตอบ สายตาของกอหญ้าก็กำลังขมักเขม้นจดจำบางสิ่งบางอย่างของคู่กรณี
“หญ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ปลายสายเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไหร่จ๊ะ สรุปว่า ให้หญ้าไปหาที่ไหน”
“ที่โรงแรม อีกชั่วโมงแขกคุณพ่อจะมาตามนัด”
“งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงหญ้าไปหาแก้วที่โรงแรมนะ” กอหญ้าตอบพร้อมกดปิดมือถือก่อนจะสบถกับตัวเองถึงคู่กรณี “อย่าให้เจอตัวนะไอ้คนไม่รับผิดชอบ ทำเขาเดือดร้อนแล้วรีบหนี จะรีบไปไหนฮะ” บอกปลดปล่อยอารมณ์ไปแล้ว เธอก็สูดลมหายใจเพื่อเรียกสติให้กลับมา
ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงข่าวดีจากเพื่อน และไม่ลืมที่จะนึกแก้คำพูดที่เคยบอกว่า ความรู้สึกหยั่งรู้ของแม่ไม่แม่น นับถือเลย!
ความคิดเห็น