คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชายแปลกหน้า
สามอาทิตย์ผ่านไป น้องสาวฝาแฝดของน้ำใสไม่ได้สนใจใยดีกับต้นไม้ที่ซื้อมา มีเพียงเธอที่เห็นว่าต้นไม้ที่น้องสาวซื้อมานั้นมีดอกหอมสดชื่น เธอจึงเป็นผู้คอยทะนุบำรุงรดน้ำ และเติมปุ๋ยให้เป็นบางครั้ง บางวันเธอรู้สึกตัวตื่นมาอีกทีมักจะพบตนเองนอนซบกับเก้าอี้ที่วางใกล้ ต้นไม้ที่ใยบัวบอกชื่อไว้ว่า กาสะลอง จนเธอเองเริ่มรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้บอกกล่าวให้ใครภายในบ้านรับทราบ
พ่อแม่เดินทางไปฮันนีมูนกันไม่รู้รอบไหนแล้ว ส่วนน้องสาวฝาแฝดตั้งแต่รับออกแบบโรงแรมหรูที่เพื่อนซี้ติดต่อหามาให้ก็กลับบ้านดึกเป็นประจำแถมบางวันก็หายไปหลายวัน ปล่อยให้เธอดูแลร้านเบเกอรี่เพียงลำพัง กับเด็กผู้ช่วยในร้านอีกสองสามคน ดีหน่อยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพักอยู่แถวร้านทำให้สามารถช่วยปิดร้านและเดินมาส่งเธอจนถึงหน้าบ้าน ก่อนจะเลยเข้าบ้านพักของตน
น้ำใสจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากตื่นนอนขึ้นมา นอกจากจำได้เพียงคร่าวๆ ว่า เธอได้รับกลิ่นหอมสดชื่นส่งไปทักทายถึงในห้อง และเห็นว่า ยังไม่ดึกมากจึงลงมาชื่นชมใกล้ๆ ด้วยการนั่งชมพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นเคล้าคลอกลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ ที่น่าแปลกอย่างหนึ่งก็คือ ดอกผลัดเปลี่ยนกันส่งกลิ่นหอม แม้จะมีบางดอกร่วงหล่น ดอกอื่นก็แบ่งบานขึ้นทดแทน แม้จะผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่หมด วันนี้ก็เช่นเดียวกัน กลิ่นหอมทำให้น้ำใสต้องลงมานั่งชมจันทร์เพียงลำพังอยู่พักใหญ่ และเผลอนั่งหวนคิดไปถึงใครบางคน
เสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ผูกติดไว้กับด้ามจับเปิดประตูด้านในดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้คนภายในร้านรู้ว่า มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มอีก น้ำใสในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนคอแหลม กางเกงลำลองสีขาว มีผ้ากันเปื้อนสีเขียวอมฟ้าสวมทับ เงยหน้ามองไปยังประตูที่ส่งเสียงสัญญาณ แขกคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรูปร่างสูงใหญ่ผิวเข้ม สิ่งเด่นสุดที่เห็นจากใบหน้าดูดุของเขาก็คือ คิ้วเข้มที่ประดับอยู่เหนือดวงตาสีดำเข้ม ส่วนประกอบอื่นบนใบหน้าของเขาเหมาะเจาะลงตัว
หากแยกออกเป็นส่วนส่วน จมูกเขาโด่งน่ามอง ปากหนาทั้งริมฝีปากบนและล่าง แต่พอดูรวมแล้ว ทั้งใบหน้าช่างน่ามองจนเธอเองลืมกระพริบตาเหมือนตกในภวังค์ ดีเจ้าจอมแสบประจำร้านยื่นมือมาสะกิดให้รู้สึกตัว เธอจึงหันไปส่งยิ้มเล็กๆ แบบมีค้อนแถมให้จอมแสบและเห็นรอยยิ้มแบบกวนประสาทส่งมาให้
“เชิญครับ ร้านของเรามีบริการนั่งทานพร้อมน้ำผลไม้สดเย็นๆ จะรับอะไรดีครับ”
“ได้ยินว่า ขนมที่นี้อร่อยเลยอยากมาลอง”
“อร่อยที่สุดเลยครับ ฝีมือคุณน้ำของพวกผมเป็นประกัน”
“เชิญนั่งก่อนครับ”
ตั้งแต่วันนั้นผู้ชายคนนั้นมาที่ร้านเป็นประจำทุกวัน เขามานั่งทานขนมวันละหนึ่งอย่างของร้าน และทริปให้เด็กในร้านทุกคน จนดูเหมือนว่า ทุกคนจะกลายเป็นพวกของเขาไปแล้ว เขามาที่ร้านในเวลาเดียวกันเป็นประจำทุกวันไม่พูดคุยอะไร นอกจากค่อย ๆ ทานขนมทีละนิดจนหมด จากนั้นก็ชำระค่าขนมและไม่รับตังค์ทอน
จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เขาเข้ามาพร้อมผู้ชายร่างสูงใหญ่อีกสองสามคนที่ดูเข้มงวดมากกว่าเขา ใส่เสื้อผ้าเป็นสูทสีดำ เมื่อเข้ามาถึงเพียงยืนคุมเชิงหน้าร้านสองคน และบริเวณที่เขานั่งอีกหนึ่งคน คราวนี้เขายิ้มให้เด็กในร้าน แอบกระซิบอะไรบางอย่าง จากนั้นเด็กก็เข้ามาเรียนเธอว่า เขาต้องการจะคุยด้วย เกี่ยวกับเรื่องขนมที่เขาทานเป็นประจำ
“สวัสดีค่ะ เด็กบอกว่า คุณมีธุระกับดิฉันเหรอคะ”
“ครับ ผมชอบฝีมือการทำขนมของคุณ จึงอยากเชิญคุณไปที่บ้าน เพื่อทำขนมให้นายท่านของผมทาน ไม่ทราบคุณจะรังเกียจหรือเปล่าครับ” สีหน้าปกติเมื่อไม่พูดคุยดูดุแต่คำพูดกลับอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ใบหน้าดุของเขากลายเป็นใจดีขึ้นมาทันที แต่ปกติน้ำใสไม่เคยต้องออกไปทำให้ใครทานถึงนอกร้าน จึงเสนอความคิดเห็นให้กับแขกประจำรับทราบ
“เออ...ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่า คุณน่าจะซื้อกลับไปทานจะดีกว่า ทางร้านเรามีบริการใส่กล่องให้ด้วย”
“ผมขอความกรุณาเถอะครับ ผมเคยซื้อกลับไปให้ท่านทานแล้ว แต่ท่านอยากเห็นหน้าเจ้าของฝีมือ” คำพูดที่อ่อนน้อม แถมด้วยดวงตาระห้อยที่แสดงออกมามันมาเกี่ยวหัวใจดวงน้อยของน้ำใสให้เต้นตุบตับและเริ่มไม่เป็นจังหวะที่เคยเป็นมา
“คงไม่ได้ค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวครับ ผมคงไม่ทำให้คุณไม่พอใจ ผมต้องขอโทษนะครับ”
น้ำใสหันไปมองใบหน้าเศร้าสร้อยของเขา และเห็นว่า ดวงตาที่ทอดมองมายังเธอเหมือนกำลังขอความเห็นใจ แต่เธอต้องใจแข็งเพราะไม่เคยทำแบบนี้สักครั้งเดียว และหลังจากนั้น ร้านเบเกอรี่ของน้ำใส-ใยบัว ก็ไม่ได้ต้อนรับเขาอีกเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ เด็กในร้านหลายคนบ่นหาเขา เธอเองก็เริ่มรู้สึกว่า
‘ทำผิดอะไรหรือเปล่า..ผู้ชายคนนั้นหายไป..นายท่านอะไรของเขาเป็นคนดุหรือเปล่า..ทำไม เขาหายไปเลย’
ก่อนแสงไฟหน้ารถสาดส่องมาตามทางกระทบรั้วบ้านมาเรื่อยๆ จนหยุดนิ่งหน้าประตูบ้าน ไม่นานเมื่อประตูอัตโนมัติเปิด รถยนต์คันงามของน้องสาวก็ทะยานเข้ามาจอดนิ่งหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว เสียงฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดีลอยมาล่วงหน้า ก่อนที่ร่างบอบบางระหงในชุดทันสมัยสีม่วงเข้มจะปรากฎแก่สายตาผู้เป็นพี่สาว และน้ำเสียงอันอ่อนหวานทักทาย
“พี่น้ำ ยังไม่นอนเหรอค่ะ”
“จ๊ะ กำลังนั่งดูดวงจันทร์ วันนี้สุกปลั่งสวยดี แถมดอกกาสะลองที่บัวหามาปลูก ก็ส่งกลิ่นหอมชื่นใจอีกด้วย”
“อือ เจ้าต้นไม้นี้เป็นไงบ้าง บัวไม่ได้สนใจใยดีมันเลยตั้งแต่ซื้อมา”
“เขาก็สบายดี แต่น้อยใจบัวที่ไม่สนใจใยดีเขา”
“โถ้พี่น้ำก้อ ช่วงนี้บัวยุ่งนี่ค่ะ มีพี่น้ำสนใจ เขาคงไม่สนใจบัวแล้วมั๊ง ไงวันนี้ขอชมจันทร์ด้วยนะคะ”
“เอาซิจ๊ะ มานั่งตรงนี้” พี่สาวใช้มือข้างหนึ่งตบลงบนเก้าอี้ข้างๆ ลำตัว พอน้องสาวลงมานั่ง ก็ใช่ว่าจะนั่งเฉย เพราะใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดพี่สาวพร้อมซบหน้าลงกับไหล่ “เหนื่อยไหมจ๊ะ เห็นไม่กลับบ้านมาหลายวัน แถมกลับดึกอีก”
“เหนื่อยแทบบ้าเลยค่ะ เออดอกเนี้ยหอมชื่นใจจัง แถมอยู่นานอีกต่างหาก” ระหว่างพูดโต้ตอบกับพี่สาว คนมานั่งทีหลังถือโอกาสค่อยๆ เอนกายลงนอนโดยใช้ตักพี่สาวต่างหมอน แถมหลับตาพริ้มสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ตนเองไปสรรหาเอามาจากร้านที่สวนจตุจักร ขณะที่ตาหลับปากก็เอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวอีก
“พี่น้ำขา ที่ร้านเป็นไงบ้าง ลูกค้ายังแน่นเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“จ๊ะ แต่..” หลังจากตอบคำถามกำลังจะเอ่ยเล่า แต่น้ำใสก็ไม่ได้ยินเสียงจากคนหนุนตัก พอก้มหน้ามองก็เห็นหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ คงจะเหนื่อยให้นอนต่ออีกเดี๋ยวค่อยปลุกขึ้นไปนอน
*ฝากติ...ด้วยจ๊ะ*
ความคิดเห็น