คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ใคร? นอนละเมอ
“ไม่... ฉันไม่ไป... อย่านะ”
เสียงร้องดังลั่นลอยมากระทบโสตการได้ยินของหญิงสาวซึ่งเพิ่งจะได้เอนกายพักผ่อนได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทำให้ต้องสะดุ้งตื่นจากการเคลิบเคลิ้มหันรีหันขวางก่อนจะลุกออกจากเตียงนอนอันแสนอบอุ่นเดินผ่านม่านกั้นระหว่างสองห้อง เพื่อเข้าไปดูหญิงสาวอีกคน เธอเห็นร่างบอบบางบนที่นอนนุ่มกระสับกระส่ายมือทั้งสองข้างปัดไปมาเหมือนกำลังพยายามป้องกันตัวเองจากอะไรสักอย่าง ใบหน้าเพียงเศษเสี้ยวจากแสงสะท้อนของจันทราสาดส่องเข้ามานั่นมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้น พอขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้แน่ใจว่า คำพูดที่จะกระซิบเบาๆ นั่นจะไม่ทำให้หญิงสาวอีกคนซึ่งนอนหลับนิ่งได้ยิน
“พี่น้ำ ... พี่น้ำ... เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
มีเพียงความเงียบเท่านั้นเป็นเพื่อนคุ้นเคยกับเธอในยามนี้ ร่างพี่สาวซึ่งเห็นนอนกระวนกระวายเมื่อสักครู่กลับนิ่ง ทำให้เธอต้องยืนนิ่งคิดและตัดสินใจในการกระทำต่อไปของตนเองก่อนจะรำพึงรำพันออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นบางอย่าง
‘เอาอีกแล้วพี่น้ำ นอนละเมออีกแล้ว เฮ้อ! ถ้าปลุกขึ้นมาถามก็จะทำหน้างง แล้วก็เอ็ดเราอีกตามเคย ปล่อยให้นอนต่อดีกว่า’
เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่า คนละเมอหลับตามปกติจึงเดินกลับห้องแต่เหลือบไปเห็นผ้าแพรสีส้มหลุดร่วงลงกองที่พื้น ใบหน้าที่ไร้การแต่งเติมได้แต่ยิ้มและเดินกลับไปหยิบขึ้นมาห่มให้ตามเดิม ช่วงระยะเวลาสองสามเดือนนี้เธอต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงร้องตะโกนของพี่สาวคู่แฝดเกือบเจ็ดครั้ง แต่พอเข้ามาสอบถามกลับถูกดุ
‘ใยบัว น้องปลุกพี่ตื่นขึ้นมาฟังเรื่องไร้สาระอะไรจ๊ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นทำขนมแต่เช้า’
แม้นเธอจะพยายามทั้งเล่าและอธิบายเรื่องราวต่างๆ พี่สาวผู้ซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยนก็จะไม่เชื่อแถมฝากค้อนให้ทุกคืน และยังฝากคำพูดให้เธอได้กลับไปคิดก่อนนอนประจำ
‘ใยบัว พี่ว่าน้องนั่นแหละที่นอนละเมอมาปลุกพี่ แล้วนี่ก็ปลุกติดต่อกันหลายครั้งแล้วนะ ไป...ไปนอนได้แล้ว’
เธอแย้งอย่างไรพี่สาวก็ไม่เคยเชื่อ วันนี้ก็เช่นกันเสียงร้องตะโกนดังลั่นบ้านขนาดนี้ ดีนะที่ช่วงนี้พ่อกับแม่ไปฮันนีมูนรอบที่ร้อยกันสองคนปล่อยให้เธอและพี่สาวอยู่บ้านกันตามลำพัง เมื่อร่างระหงผ่านม่านพลาสติกที่กั้นระหว่างห้องกลับมานั่งตรึกตรองยังเตียงนอน เธออดนึกสงสัยตนเองเหมือนกันว่า
‘หรือจะเราที่นอนละเมอเอง แล้วเสียงตะโกนที่ได้ยินล่ะ? มันจะเป็นไปได้ยังไง’
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นระยะแต่ด้วยความอ่อนเพลียและความเหมื่อยล้าจากการทำงานทำให้ร่างกายของใยบัวทนความง่วงไม่ไหว แต่พอล้มตัวลงนอนกลับมีภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งแวบขึ้นมา
เสียงเพลงดังขึ้นเนิ่นนาน จนร่างกำยำซึ่งซุกตัวอยู่ในผ้าห่มพยายามแหวกให้พ้นจากผ้าอันหนาอย่างกุลีกุจอ เพราะรำคาญเสียงเพลงที่มันดังขึ้นมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พอคว้าเครื่องมือสื่อสารอันจิ๋วรูปทรงทันสมัยได้ ก็รีบกดรับพร้อมกรอกเสียงงัวเงียทันที
“ซาหวัดดีคราบบบบ ผมมม...เดียร์ มารับสายมายยยย… ด้ายยยย…. โปรดติดต่อมาใหม่”
“หยุดเลยนายเดียร์ ลุกขึ้นมาเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะกดออดให้มันพังไปเลย”
“อ้าวยาหยี” แม้ตอนแรกจะรู้สึกง่วงและยังไม่ตื่นตัว แต่พอรับรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นคนกรอกเสียงตอบกลับมา เขาก็สูบลมเข้าปอดอย่างเต็มทีก่อนจะระบายออกทางปากหนึ่งครั้ง “เดี๋ยวไปเปิดให้จ๊ะ”
แต่คงไม่ทันใจแม่เพื่อนสาวที่มักจะเอาแต่ใจตนเอง เสียงออดหน้าบ้านจึงเริ่มดังเป็นจังหวะยังดีที่แม่เจ้าประคุณกดเป็นจังหวะให้ไม่น่ารำคาญมาก ชาวบ้านคงเริ่มชินแล้วกับพฤติกรรมของเพื่อนสาว
“อ๊อด..... ติ๊งต๊อง.... อ๊อด.... ติ๊งต๊อง”
“มาแล้วครับ มาแล้ว หยุดกดได้แล้ว เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะเอาของมาฝากบ้านฉัน”
“ก็เร็วๆ ซิ รู้ไหม! เพื่อนร้อนใจขนาดไหน อุตส่าห์รีบมาแต่เช้า กลัวนายจะไปเดทกับสาว” ปากก็พร่ำบ่น แต่พอเห็นเขากำลังกดเครื่องรีโมทเพื่อเปิดประตูบ้าน ก็รีบแจ๋นไปขึ้นรถรอเพียงประตูเปิดได้ไม่ถึงครึ่งรถขนาดเล็กสีเหลืองของเจ้าหล่อนก็พุ่งทะยานเข้ามาจอดหน้าลานบ้าน ร่างบอบบางระหงของเพื่อนสาวก้าวลงมาพร้อมลากเขาให้เข้าบ้านอย่างรวดเร็ว แม้จะแย้งว่าขอปิดประตูก่อน เพื่อนสาวทำท่ารำคาญ และเร่งให้เขาเดินเข้าบ้านไวไว
“ชักช้าจริง”
เจ้าของบ้านอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าไม่พร้อมจะรับแขก หลังกดรีโมทปิดประตูอัตโนมัติจำเป็นต้องรีบก้าวเท้าตามเข้าไปทันที เพื่อนตัวแสบนั่งเอกเขนกสบายอารมณ์ไม่มีเดือดเนื้อร้อนใจเลย ใยบัวเป็นเพื่อนสาวที่เขาเคยคิดจะจีบ แต่ด้วยความเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและจับทางเขาได้ทุกอย่าง เขาจึงเลิกคิดจะจีบทิ้งจีบขว้างแต่พยายามสนิทชิดเชื้อจนกลายเป็นเพื่อนซี้มีอะไรเจ้าหล่อนก็ต้องแล่นมาหา หรือไม่เขาเองเวลาไม่รู้จะทำอะไร หรือเบื่อกับการนัดเดทกับสาวสาว เขาก็มักจะไปสิงอยู่บ้านสองสาวฝาแฝดที่มีบุคลิกต่างกันราวฟ้ากับดิน
คนหนึ่งเรียบร้อย สุภาพ อ่อนหวาน แต่อีกคนหาคำว่าเรียบร้อยหรืออ่อนหวานไม่เจอ ยิ่งคำว่าสุภาพแล้วไม่มี ไม่พอใจอะไรหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดไหน แม่ก็ผ่ากลางปล้องไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น แต่ก็มีข้อดีที่เป็นคนมีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือคนอื่น และเป็นหญิงสาวคนเดียวที่เข้านอกออกในบ้านเขาได้ทะลุปรุโปร่ง ด้วยความมาบ่อยทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้าน ซึ่งขึ้นชื่อความเข้มงวดและเจ้าระเบียบต้องยอมให้ ไม่ต้องถามไถ่หรือขอแลกบัตรอะไรทั้งนั้น พอเห็นรถยนต์ประจำตัวเจ้าหล่อนมาพากันยิ้มให้การต้อนรับกันเป็นแถว แม่คนนี้มีวิธีหว่านเสน่ห์โดยการหยิบขนมร้านพี่สาวมาเป็นของกำนัลทุกครั้งที่มาหาเขา
ก่อนแขกมาเยือนจะโวยวาย เจ้าของบ้านเมื่อเดินมาทันนั่งข้างๆ แล้ว จึงเอ่ยถามทันที
“ยาหยีมาทำไมแต่เช้าตรู่ครับ”
“ฉันมีเรื่องร้อนใจ อยากปรึกษานายนะซิ”
“มันร้อนใจขนาดต้องมาหาสุดหล่อแต่เช้าขนาดนี้เลยรึไง” ใบหน้ารูปไข่ที่มีดวงตากลมใส จมูกโด่งเป็นสันขนาดเล็ก และปากสีแดงแปร๊ดพยักงึงึให้เขารับรู้ว่า สิ่งที่เขาถามเป็นความจริง แต่คนโวยวายทีแรกกลับเอาแต่เงียบและนั่งจ้องหน้าผู้เป็นเจ้าของบ้าน ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ เขาก็เลยแกล้งทำเป็นจะล้มตัวลงนอนบนตัก จึงโดนเจ้าหล่อนใช้มือทั้งสองดันศีรษะเขาให้ออกห่าง
“อย่าเล่นซิ ฉันร้อนใจจริงๆ นะ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดี”
“เล่ามาเถอะยาหยี สุดหล่อจะรับฟังและพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ” เขาแกล้งตอบกวนเธอออกไป แต่แม่เจ้าประคูณส่งดวงตากลมโตที่ดุแสนดุกลับมา เขาจึงได้เพียงแค่ยิ้มประเลาะ แล้วเจ้าริมฝีปากได้รูปสีแดงแปร๊ดก็เริ่มที่จะขยับเจรจา
“เดียร์ นายว่าฉันชอบนอนละเมอรึเปล่า” คำถามออกมาจากเรียวปากสวยพร้อมใบหน้าเป็นกังวลยิ่งทำให้คนนั่งฟังอย่างเขาเกิดความสงสัย แต่ยังไม่อยากขัดเพราะรู้ใจเพื่อนสาวขืนไปถามขัดขึ้นมาตอนนี้มีหวังแม่โวยวายขึ้นมาอีก เขาแค่ขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้แขนโอบร่างน้อยๆ นั่นเข้ามาหา ก็ถูกว่าซะแล้ว
“นี่แกคิดลามกกับฉันอีกแล้วใช่มั้ย ไม่ละเว้นเลยนะแก เดี๋ยวเถอะ!”
“เปล่าซะหน่อย กำลังรอฟังยาหยีเล่าต่างหาก” เสียงออดอ้อนปนกลัวรนรานจากเจ้าของบ้านเปล่งออกมาห้ามทัพไว้ก่อน แต่แล้วศึกที่คิดว่าจะเกิดก็สงบลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ ฉันได้ยินพี่น้ำละเมออีกแล้ว”
“แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เขาเสริมประโยคให้หญิงสาวทันควัน
“อือ... จนฉันเริ่มสงสัยตัวเองแล้วนะว่า หรือเป็นฉันที่นอนละเมอไปปลุกพี่น้ำกลางดึกเสียเอง”
“เอางี้ สุดหล่อว่า ยอดยาหยีอย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลย กินอะไรมาหรือยัง”
เจ้าของบ้านลุกขึนเดินตรงไปยังส่วนห้องครัว แขกถึงกลับร้องตระโกนตัดพ้อตาม
“นายนี่ เพื่อนทุกข์ใจดันห่วงกิน”
“หิวโวย” เสียงตอบกลับดังออกมาจากด้านหลัง แขกเพียงแต่ระบายยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
หลังจากรับประทานโจ๊กฝีมือบริษัทปรุงสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านก็เริ่มรับฟังเรื่องราวที่เพื่อนสาวนำมาถ่ายทอดให้ฟัง เมื่อหลายเดือนก่อนคืนนั้นเธอนอนไม่หลับ กลางดึกได้ยินพี่สาวร้องตะโกนโวยวายจึงรีบเข้าไปปลุกขึ้นมาสอบถาม กลับถูกพี่สาวต่อว่า ปลุกขึ้นมาฟังเรื่องไร้สาระ แล้วจากนั้นมันก็จะเกิดขึ้นทุกเจ็ดวัน จนมาหลังๆ พอได้ยินเสียงตะโกนร้องเธอก็แค่เดินมาดูความเรียบร้อย แล้วก็กักเก็บความไม่สบายใจเอาไว้จนแน่น และเริ่มคิดสงสัยตนเอง แต่แน่ใจว่า ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน
เธอเริ่มสังเกตุและจดจำว่า คืนไหนที่พี่สาวมักจะตะโกนร้องออกมา จนพบว่า จะเป็นคืนวันพระทุกครั้ง มันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวเป็นกังวลอยากหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาว หรือกับตนเองกันแน่
“เรื่องของยาหยีเท่าที่ฟังมา สรุปยังไม่ได้ว่า ตกลงยาหยีละเมอหรือน้ำละเมอ ใช่เปล่า? ไม่เป็นไหร่นายเดียร์มีคำตอบ” ท่าทางกวนประสาทของเจ้าของบ้านมักจะแสดงออกทางสีหน้าว่า เขารู้ทุกเรื่องที่เธอมีปัญหา แต่เขาก็มักจะเป็นคนที่ให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด ไม่รอช้าเธอยิงคำถามตรงเป้าไปหาเพื่อนซี้ทันที
“บอกเลยใจร้อน”
“เดี๋ยวซิครับคุณผู้หญิง ก่อนอื่นวันนี้คุณพาผมไปเที่ยวเป็นรางวัลได้ไหม”
“อะไร แค่คำตอบแค่เนี้ยนายถึงกับจะเอารางวัลจากฉันเลยรึไง ไอ้เพื่อนงก” เธอต่อว่าแต่ก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่เคยเป็นอย่างเธอว่า เขาออกจะแสนดีกับเธอและพี่สาวฝาแฝดอย่างมาก ดูทำเป็นงอนจะให้ง้อเหรอ เชอะ .. ก็ได้ไอ้เพื่อนบ้า
“เดียร์อยากได้อะไรเหรอจ๊ะ เดี๋ยวใยบัวจัดให้ สาวคนไหนบอกมาเลยเดี๋ยวโทรนัดให้”
“ไม่เอา อยากไปเที่ยวกับยาหยี”
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เสียงอ่อนหวานเมื่อประโยคก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเข้มกล่าวถามย้ำอีกครั้ง ก็ปกติพ่อหนุ่มเนื้อหอมคนนี้ไม่เคยเลยที่อยากจะไปเที่ยวกับเธอ เพราะส่วนใหญ่จะไม่ว่างมีตารางนัดแน่นเอี๊ยด นี่คงเริ่มเบื่อแม่สาวคนล่าสุดที่ควงกันอยู่เป็นแน่ เอ้า! งอนเข้าไป น่ารักตายล่ะ
“ก็ได้ อย่าเพิ่งงอนนะ แล้วจะไปไหนกัน เอางี้ไปเดินจตุจักรกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว”
“วันธรรมดาอย่างงี้มันเปิดด้วยเหรอ” เขายิงคำถามอย่างรวดเร็วหลังจากปรับสีหน้าจากบึ้งตึงมาทำตาลุกวาวเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ
“จะไปไหมล่ะ ถ้าไปก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับ” เธอทำเป็นลุกขึ้นหลังจากแกล้งปล่อยคำถามหยั่งเชิง ผลก็คือนายเดียร์รีบลุกจากที่นั่งแล้ววิ่งแจ้นขึ้นบ้านไปทันที ระหว่างรอเธอถือวิสาสะเปิดทีวีดูฆ่าเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงชายหนุ่มเจ้าของบ้านโผล่ลงมาหน้าตาสุดหล่อเปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่ ผมเผ้าถูกตกแต่งอย่างเรียบร้อยเข้าทรงไม่ยุ่งเหยิง เสื้อยืดสีเหลืองอ่อนตัดด้วยเส้นสีชมพูตามขวางตรงบริเวณหน้าอก ด้านขวามีป้ายชื่อสินค้าติดหล้าให้ได้เห็นว่าเป็นยี่ห้อดัง ส่วนกางเกงเขาเลือกใส่กางเกงขาสามส่วนผ้ายีนส์สีขาวตกแต่งด้วยกระเป๋าอย่างลงตัว ชายหนุ่มมักแต่งตัวให้เข้ากับเธอเสมอเวลาที่ไปไหนด้วยกัน คราวนี้เขาก็พยายามแต่งให้เข้ากับเธอซึ่งใส่ชุดสบาย ๆ
“อือหือ หล่อระเบิดกินใจชะมัด”
“แล้วใจอ่อนบ้างไหมหล่ะ”
“ไม่หล่ะ นายไม่ใช่สเปคฉัน อย่างฉันมันต้องเจ้าชายรูปงาม ไปเถอะเดี๋ยวแดดร้อน”
หลังจากขับรถออกจากหมู่บ้านหรูย่านรังสิตได้ประมาณไม่ถึงชั่วโมง รถสีดำคันหรูของชายหนุ่มเลี้ยวเข้าจอดยังสถานที่ให้จอดรถด้านหลังสวนจตุจักร ทีแรกเธอจะขับมาคนละคันแต่เจ้าเพื่อนซี้แย้งว่าอย่าเลยเปลื้องน้ำมัน เขารณรงค์ให้ประหยัดแถมอาสาขับให้พร้อมไปส่งถึงบ้าน หญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าทนุถนอมอย่างเธอจึงตกลงมากับเขา แล้วปล่อยให้คนขับรถของชายหนุ่มขับรถของเธอไปส่งที่บ้านแทน เมื่อพยายามหาที่จอดรถที่สามารถเดินใกล้ที่สุดได้ ทั้งสองก็พากันเดินลัดเลาะเข้าเส้นทางที่เขาเขียนบอกไว้
“อือหือ ต้นไม้เยอะแยะไปหมด เดียร์ บัวขอซื้อสักต้นนะ”
“เอาซิจ๊ะ เดี๋ยวเปิดท้ายไปส่ง”
ต้นไม้ที่นำมาขายในสวนจตุจักรในวันธรรมดามักมาจากแหล่งต้นกำเนิดจริงๆ ของชาวสวน พันธุ์ไม้ต่างๆ เยอะแยะมากมายละลานตา ส่วนใหญ่ไม้ประดับที่พวกชาวสวนเอามามักจะนำต้นที่ออกดอกสวยงามมาจำหน่าย ใยบัวและธนดนย์ พากันเดินชื่นชมต้นไม้สีเขียว และเหล่าดอกไม้หลากหลายชนิด
จนมาถึงซุ้มซึ่งเป็นร้านจัดตกแต่งแบบทางเหนือ ด้านหน้าจั่วประดับด้วยกาแลอย่างสวยงาม แถมภายในร้านยังประดับด้วยตุงรูปแบบต่างๆ ด้วย เหมือนบรรยากาศความร่มรื่นจะดึงดูดให้ทั้งสองเดินเข้าไปชม ลุงคนเฝ้าแกใส่เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินคงเอกลักษณ์ทางเหนือ แต่หน้าตาแกดูดุๆ ยังไงไม่รู้ และรู้สึกเหมือนแกจะจ้องมองใยบัวตลอดเวลา ก่อนจะหายลับเข้าไปหลังร้าน มีหญิงสาวหน้าตาแฉล้มแช่มช้อยในชุดพื้นเมืองเข้ามาต้อนรับแทน
เจ้าเพื่อนซี้พอเห็นเด็กต้อนรับเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้าหน่อยปล่อยคำถามไม่ยอมหยุด
เฮ้อ! เพื่อนฉันไม่ทิ้งลายเลยนะแก
พอเดินเข้าไปจนเกือบหลังร้าน เธอได้กลิ่นดอกไม้บางอย่างหอมสดชื่น แถมเผลอสูดดมเข้าไป
“หอมจัง ดอกอะไรค่ะ”
“อ้อ ดอกกาสะลองเจ้า เหลือต้นเดียวถ้าคุณสนใจ๋ เดี๋ยวฮือราคาพิเศษเลยเจ้า”
“ขอดูหน้าตามันหน่อยซิ ถ้าใหญ่เกินไปฉันเอากลับไม่ได้”
“บ่ต้องห่วงเจ้า เดี๋ยวฮือคนงานไปส่งได๋ แต่ต้นนี้เฮาปลูกในกระถางบ่ใหญ่เจ้า”
พอเดินเข้าไปถึงหลังร้าน กระถางใบใหญ่ที่ใช้ปลูกต้นไม้ที่มีดอกหอมชวนฝัน ก็ตั้งเด่นตระหง่านดึงดูดสายตาจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยของเธออย่างไม่สามารถละได้ ดอกสีขาวนวลที่แลเห็นส่งกลิ่นหอมมาทักทายเป็นระยะตามที่สายลมจะพัดพามันมา แต่ดูเหมือนมันจะจงใจส่งกลิ่นมาทักทายเธอ ความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นย้ำในความคิดว่า อยากได้เจ้าต้นนี้ไปประดับไว้ที่บ้าน พอมาหยุดยืนหน้ากระถาง คนขายสาวสวยก็เริ่มบรรยายสรรพคุณ
“ปกติต้นกาสะลองเป็นไม้ยืนต้นใหญ่ แต่เฮานำมาปลูกในกระถางเพื่อบ่ฮือเปิ๋นโต๋มากเกินไป๋เวลาขนย้าย หากคุณเอาไปลงดิน มันก็จะโตสูงใหญ่ ดอกจะส่งกลิ่นหอม” คนยืนตะลึงกับความสวยงามและความหอมหันหน้ากลับมาหาเพื่อนชายทำหน้าตั้งคำถาม เธอแค่พยักหน้ารับ เขาก็ทำหน้าที่ต่อรองราคาทันที
แล้วเจ้าต้นไม้สีสวยนั้นก็ไปปรากฎอยู่หลังบ้านตรงกับหน้าต่างห้องของพี่สาวฝาแฝดของเธอทันที
ความคิดเห็น