ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักเรือนใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ทำไม? แพ้ตลอด

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 57


    เล่ห์รักเรือนใจ

    บทที่ 1

                    นิ้วเรียวเคาะเป็นจังหวะอยู่นาน ขณะสายตาของเจ้าของจับจ้องโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหม่เอี่ยมหลังจากไปถอยมาจากห้างสรรพสินค้า การรอคอยอะไรบางอย่างมันทำให้นางสาวการบูร ทิพไพศาล ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย วันนี้โรงแรมของเธอมีเสนองานสถานที่จัดงานปีใหม่ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ ตอนแรกเหมือนจะไม่มีคู่แข่ง แต่มาโค้งสุดท้ายกลับมีโรงแรมปัณณ์ของนายเมฆาร์ ปัณณ์จีรทีปต์กุลมาเข้าร่วมเสนองานให้เลือก ทางบริษัทยักษ์ใหญ่จึงนัดฟังผลวันนี้ เธอส่งลูกน้องคนสนิทไปฟังแทน เพราะกลัวจะผิดหวัง งานนี้เธออยากได้มันมาก มันจะเป็นงานที่กอบกู้สถานการณ์การเงินที่เริ่มง่อนแง่นของโรงแรม

                    โทรศัพท์ส่งสัญญาณสายเข้า การบูรไม่ได้สังเกตุว่าเป็นเสียงเรียกเข้าของใครเธอรีบรับพร้อมยิ่งคำถามทันที

                    “เป็นไงบ้างคุณอร”

                    แต่ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ย

                    Hi darling” เมื่อได้ยินคำทักทาย แม้การบูรจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ปรับอารมณ์ได้อย่างเร็ว ก่อนจะทักทายปลายสายกลับว่า

                    Hi Ben”

                    หลังทักทายและสนทนาจนรับรู้เรื่องราว การบูรขอร้องให้เพื่อนชายวางสายก่อน เพราะจำเป็นต้องรอสายสำคัญ ส่วนเรื่องที่ชายหนุ่มจะบินมาเมืองไทยเพื่อมาหาเธอ การบูรไม่ขัดข้องและจะต้อนรับเป็นอย่างดี และบอกเขาว่า หากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้วจะไปรับที่สนามบิน  

                    การบูรกลับมากังวลจนนั่งไม่ติดอีกครั้ง เธอลุกขึ้นเดินไปเดินมารอบห้องอยู่กว่าสิบห้านาที เสียงสัญญาณสายเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอรีบไปรับโทรศัพท์ทันทีไม่ต้องการให้มันดังซ้ำเป็นครั้งที่สองหรือสาม เพราะใจที่เป็นกังวลมันรอไม่ไหว

                    “เป็นไงบ้างคุณอร”

                    “สบายดีจ๊ะ ปูน” คนรับปลายสายตอบรับเสียงใส ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะปกติเพื่อนสาวคนนี้ไม่เคยรับโทรศัพท์ไวปานสายฟ้าแลบแบบนี้สักครั้ง มักจะปล่อยให้โทรศัพท์ดังเกือบสองนาทีหรือบางครั้ง โทรแล้วโทรอีกถึงจะยอมรับ “รอสายสำคัญอยู่หรือเปล่า งั้นเดี๋ยวโทรมาใหม่จ๊ะ”

                    “ไม่เป็นไหร่จ๊ะ แม่พระ มีอะไรหรือเปล่า” การบูรรีบตอบเพราะปกติเพื่อนคนนี้หากไม่มีเรื่องสำคัญมักจะไม่โทรมารบกวนเธอเวลาทำงาน คราวนี้เห็นคงจะมีเรื่องสำคัญ

                    “ยัยเกตุ กับยัยรัตน์ อยากนัดรวมพลกันนะ ปูนว่างหรือเปล่าเย็นนี้”

                    “ว่างสิจ๊ะ สำหรับแม่พระ และเพื่อน ๆ ปูนว่างเสมอ ที่ไหนบอกมาเลย” การบูรมักใช้คำหวานอ้อนเพื่อนคนนี้เสมอ วิมาดา กิจรุ่งเจริญไกล หรือในหมู่เพื่อนตั้งฉายาว่า “แม่พระ” เพราะวิมาดาเป็นคนเรียบร้อย หัวอ่อน ใจเย็น สุขุมที่สุดในกลุ่ม ใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไรพึ่งพาได้เสมอ เธอเป็นบุตรสาวคนสวยเพียงคนเดียวของพ่อเลี้ยงบุญชัย เจ้าพ่อสถานบันเทิงยักษ์ใหญ่ ธุรกิจของบิดาขัดกับนิสัยใจคอของบุตรสาวอย่างรุนแรง ช่วงแรกที่วิมาดาต้องเข้าไปบริหารกิจการของบิดา หญิงสาวโทรมาบ่นให้ฟังเสมอ พอผ่านไปได้สามเดือนทุกอย่างเริ่มลงตัว เพื่อนสาวเธอทำใจได้ บริหารกิจการสถานบันเทิงของบิดาเจริญก้าวหน้า แถมยังแบ่งกำไรส่วนหนึ่งนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสตามสถานรับเลี้ยงต่าง ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสอีกด้วย ทุกครั้งก็จะใช้ชื่อบิดามารดาเป็นเจ้าภาพ ส่วนตัวเองเป็นลูกมือคอยประสานงานและเตรียมการทุกอย่าง

                    “ปูน เจอกันที่ร้านเดิมนะ เวลาหนึ่งทุ่มจ๊ะ”

                    “อ้าววันนี้ไม่ดูแลกิจการให้ป๋าเหรอจ๊ะแม่พระ” เธอสวนเพราะต้องการแหย่เพื่อนเท่านั้น

                    “วันนี้ขออนุญาตป๋าแล้ว เจอกันตอนหนึ่งทุ่มนะจ๊ะ”

                    “โอเคจ๊ะ เจอกันตอนหนึ่งทุ่ม” การบูรตอบรับเพื่อน ขณะกดตัดสาย เธออดบ่นกับตัวเองไม่ได้ว่า วันนี้เป็นวันโทรศัพท์แห่งชาติสำหรับเธอหรือไง สายที่ต้องการให้โทรมาก็ยังไม่ยอมโทรมาสักที และแล้วการบูรก็ไม่ต้องรออีกนานเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอรู้ว่าต้องใช่ ก่อนรับสายเธอถอนหายใจก่อนหนึ่งครั้ง

                    “เป็นไงบ้างคุณอร”

                    “คุณการบูรคะ” เสียงลูกน้องปลายสายเอ่ยแค่ชื่อแล้วเงียบไป ยิ่งทำให้คนรอสายอยู่เป็นชั่วโมงอย่างการบูรร้อนรน จนอดถามขึ้นไม่ได้ และมันเป็นคำถามที่แม้จะไม่อยากถาม แต่ก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน

                    “คุณอร อย่าบอกนะว่า เราแพ้”

                    “ค่ะ เราแพ้” คำตอบที่ได้ยินทำให้หูการบูรหูอื้อไปชั่วขณะ สรรพสิ่งรอบตัวทั้งนิ่งและเงียบโดยอัตโนมัติ  แต่อดป้อนคำถามด้วยความอยากรู้ไปทันทีไม่ได้

                    “เราแพ้ใคร?

                    “เจ้าเดิมค่ะ โรงแรมปัณณ์ของคุณเมฆาร์”

                    “อีกแล้วงั้นเหรอ” การบูรหลุดคำพ้อออกไปอย่างลืมตัว แม้จะเตรียมใจไว้ครึ่งหนึ่งสำหรับความพ่ายแพ้แล้วก็ตาม แต่ที่มันน่าเจ็บใจคงเป็นการแพ้ใครสักคนอยู่ร่ำไป แถมตั้งแต่เธอเข้ามาบริหารโรงแรมของบิดาซึ่งป่วยกระทันหันด้วยสาเหตุเส้นเลือดในสมองแตก ขณะกำลังนั่งประชุมงาน เลขาคนสนิทพาท่านส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ถึงกระนั้นบิดาของเธอมีอาการอัมพฤตขยับส่วนล่างไม่ได้ จึงต้องนอนรักษาตัว และทำกายภาพบำบัดมากว่าหกเดือนแล้ว (อันนี้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะคิดเอาเอง)

    คู่แข่งรายนี้เธอพ่ายแพ้ให้เขาทุกงาน ไม่รู้ว่าเขาใช้กลยุทธ์อะไร ผูกใจลูกค้าได้ทุกราย เท่าที่รวบรวมข้อมูล ความพ่ายแพ้ของเธอไม่ได้เกิดจากการเสนอราคาสูงกว่า เขาต่างหากที่เสนอราคาให้ลูกค้ามากกว่าของเธอเกือบห้าเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจลูกค้ามากขึ้น หรือว่าจะมีนอกมีใน เขาใส่ซองพิเศษให้ฝ่ายจัดซื้องั้นเหรอ ไม่น่าใช่ เพราะคำตัดสินมาจากคณะกรรมการตั้งหลายสิบคนของบริษัท ยิ่งคิดการบูรก็ยิ่งปวดศีรษะหาเหตุผลมาสนับสนุนไม่ได้เลย

    นอกจากความพ่ายแพ้ในแต่ครั้งแล้ว เขามักจะมีอะไรแถมกลับมาด้วยทุกครั้ง เธออดที่จะอยากรู้ไม่ได้อีกเช่นกันว่า ครั้งนี้นายปีศาจเมฆดำนั่นฝากอะไรมา แม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่มันเหมือนเป็นการถูกสะกดจิตอย่างหนึ่ง หรือเป็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างความพ่ายแพ้กับคำพูดเย้ยหยันบางประโยคที่จะฝากมาให้เธอได้เจ็บใจเล่นทุกครั้ง มันทำให้เธออยากรู้ว่า ครั้งนี้เขาฝากคำพูดอะไรมาบ้าง

    “อร แล้วนายนั่นฝากอะไรมาบ้าง”

    “งานนี้คุณเมฆาร์ไม่ได้มาด้วยตัวเองค่ะ เป็นคุณปกรณ์เลขาส่วนตัวมาแทน แต่ก็มีฝากคำพูดมาถึงคุณการบูรด้วยค่ะ” ลูกน้องรายงานมาตามสาย แต่ก็ยังไม่ทันใจคนใจร้อนอย่างการบูร

    “ว่ามาเลย นายนั่นฝากคำพูดอะไรมาเยาะเย้ยปูน”

    “คุณปกรณ์บอกว่า เออ.. คุณเมฆาร์ฝากมาว่า ถ้าคุณการบูรต้องการได้งานบ้างให้ไปหาเธอที่โรงแรมปัณณ์ค่ะ” ลูกน้องบอกอย่างเกรงใจเพราะรู้ว่า นายสาวคงรู้สึกเสียใจยังไงบ้าง

    “อะไรนะ ให้ไปหายังงั้นเหรอ อรกลับมาเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ออฟฟิศแล้วกัน”

    “ได้ค่ะ”

    จากที่เคยกระวนกระวายใจรอคำตอบเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดจากคำตอบที่ได้รับแทน จนกระทั่งตอนนี้อารมณ์ของเธอมันกลายเป็นโกรธจนตัวสั่นไปแล้ว นายปีศาจเมฆดำสบประมาทเธออย่างแรง คงยิ้มเยาะความพ่ายแพ้ครั้งนี้และครั้งอื่น ๆ ที่ผ่านมาอยู่ล่ะซิ เธอเผลอใช้กำปั้นทุบเปรี้ยงที่พนักวางแขนของเก้าอี้อย่างแรง ดีที่มันห่อหุ้มอย่างดีมันไม่ทำให้คนทุบเกิดความรู้สึกเจ็บ แต่มันช่วยให้ส่งผ่านความหงุดหงิดไปยังเก้าอี้ได้บางส่วน แม้จะไม่หมดเสียทีเดียวก็ตาม

    “นายปีศาจเมฆาร์ นายเห็นดีแน่ ฉันจะไม่ยอมแพ้นายอยู่ร่ำไปหรอกนะ”

    ร่างบางลุกจากเก้าอี้มาเป็นเดินไปเดินมาราวเสือติดจั่น ความหงุดหงิดพุ่งพล่านภายใน แม้จะพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงด้วยการหยุดยืนมองภาพภายนอกหน้าต่างของโรงแรมแล้วก็ตาม มันก็ยังคงไม่สามารถบรรเทาลงได้ จนต้องเปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นนั่งอีกครั้ง พร้อมเริ่มทบทวน

    ทุกครั้ง..ทุกงาน..มีโรงแรมปัณณ์เมื่อไหร่ โรงแรมทิพไพศาลของเธอชวดทุกงาน

    ที่น่าแปลก..โรงแรมของนายปีศาจนั่นเสนอราคาแพงกว่าเธอ แต่ทุกงานเขาได้ไป

    นายนั่นใช้เงินยัดใต้โต๊ะหรือเปล่า?

    ไม่น่าใช่ อีกหนึ่งเสียงภายในสมองโต้ตอบขึ้น และมีอีกหนึ่งเสียงตั้งคำถามต่อ

    แล้วเขาชนะใครต่อใครได้ยังไงทุกครั้ง และทุกงานที่ลงแข่งขันได้ไง

    แต่เอ๊ะ! ความคิดบางอย่างแวบขึ้นมา ก่อนจะไปหาเหตุผลว่านายนั่นชนะเพราะอะไร ครั้งนี้นายปีศาจนั่นฝากอะไรมานะ?

    ถ้าอยากได้งานให้ไปหาเหรอ

    การบูรเผลอเชิดหน้าสะบัดพรืดอย่างลืมตัวราวกับว่า คนที่เธอกำลังเครียดแค้นยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า เธอหยุดหมุนเก้าอี้ไปมาก่อนจะพยายามคว้านหาของบางอย่างในลิ้นชัก  

    นามบัตรคู่กรณี

    เมฆาร์ ปัณณจิรทีปต์

     

    โรงแรมปัณณ์

    เบอร์ติดต่อ 08x xxx xxxx

    ครั้งแรกที่ได้รับการบูรเคยนึกสงสัยเสมอว่า นามบัตรนายนี่แปลก มีแค่ชื่อกับที่ทำงาน ไม่มีตำแหน่งงาน ไม่รู้เป็นใครในโรงแรม เป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือเปล่า เพราะตอนได้รับนามบัตรนี้มา เธอมีเรื่องกับเขา

    เธอถอยรถออกจากที่จอด ส่วนนายนั่นขับด้วยความเร็วเพื่อเข้าจอดที่ว่างด้านข้าง วันนั้นเสียงรถเบรคสนั่นลานจอดรถ ไฟท้ายเธอแตกส่วนเขาไฟหน้าแตก แม้นายปีศาจจะผิดเต็มประตู แต่ไม่มีคำขอโทษแถมยังต่อว่าเธออีก นึกถึงทีไหร่ภาพเหตุการณ์วันนั้นก็ผุดขึ้นราวกับกดรีโมทเปิดเครื่องรับ

    นี่คุณ!! ขับรถเป็นหรือเปล่าการบูรลงมาดูท้ายรถของเธอก่อนเดินไปยังรถคู่กรณีซึ่งไม่ยอมลงพร้อมตั้งคำถาม

    ผมรีบ

    รีบแล้วไง

    จะเอายังไงคุณผู้หญิง ไม่บาดเจ็บ ไม่เสียหาย จะเรียกร้องอะไร ผมรีบนายปีศาจไม่ยอมลงจากรถ มีแต่คำพูดที่เมื่อเธอได้ยินแล้วอยากหาอะไรฟาดสักที นอกจากนั้นยังทำให้เธออารมณ์ปรี๊ดขึ้นอีกเมื่อเขายื่นนามบัตรมาให้ เอานามบัตรผมไป จะคิดค่าเสียหายอะไรก็ติดต่อมา แล้วรบกวนไปเลื่อนรถคุณด้วย

    ขณะที่เธอก้มลงอ่านชื่อในนามบัตร เขาถือโอกาสนั้นบีบแตรเสียงดัง การบูรหันไปมองรอบด้าน มีรถมาต่อท้ายเขาอีกหลายคัน จึงไม่อยากจะมีเรื่องจึงยอมกลับไปที่รถและขับออกไป

    สรุปวันนั้น ... นายปีศาจลอยนวลไปอย่างหน้าตาเฉย แต่ทฤษฎีโลกกลมมันขลังจริง หลายวันต่อมาเธอเจออีกครั้ง ตอนไปเสนองานให้กับลูกค้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่ต้องการจัดงานประชุมพนักงานประจำปี ทุกขั้นตอนผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี แต่เมื่อวินาทีสุดท้าย ลูกค้ามาปฎิเสธเธอโดยมีนายปีศาจเดินลอยหน้าลอยตาออกมา แถมเมื่อเห็นเธอนายนั่นทำเป็นอยากทำความรู้จัก

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณ... นายปีศาจนั้นแกล้งหยุดเมื่อจะเอ่ยชื่อเธอ หันไปส่งหน้าตาตั้งคำถาม จนลูกค้าต้องเป็นฝ่ายแนะนำให้เขารู้จัก

    คุณเมฆาร์ครับ นี่คุณการบูนจากโรงแรมทิพไพศาล

    ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณการบูร

    ค่ะการบูรมัวตะลึงกับคำตอบปฎิเสธของลูกค้า และขอตัวจากไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ได้ซักถามเหตุผล วันนั้นเธอรู้สึกหงุดหงิดคนที่ทำเป็นทักทายเธอด้วยท่าทางสบาย ๆ เมื่อจุดสนใจของสายตาเปลี่ยนจากลูกค้ามาจับจ้องคู่แข่งตรงหน้า การบูรเผลอค้อนเขาแล้วต้องโกรธชายหนุ่มมากขึ้น เมื่อเขาเอ่ยคำพูดส่งท้ายแบบสุดแสบ

    ยินดีต้อนรับนะครับคุณการบูร คู่แข่งคนใหม่ที่ไม่น่ากลัวก่อนเดินไปเขาทำท่าจะยืนมือมาทำความรู้จัก เมื่อเธอสะบัดหน้าหนี เขาแค่ยิ้มก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินจากไป เธอโกรธพยายามยืนนิ่งระงับอารมณ์อยู่กับที่ พอจะหันกลับเพื่อไปยังรถที่จอดข้างตึก เธอเกือบชนเข้ากับผู้หญิงหุ่นบางสูงเพรียวคนหนึ่ง แต่งกายแบบประหยัดเสื้อผ้า ใบหน้าแต่งเติมสีสันอย่างสวยสดงดงาม พอเดินผ่านไป เธอคนนั้นรีบเรียกนายนั่นให้หยุดรอ พอทันเธอคนนั้นก็เข้าไปกอดแขนฉอเลาะฝ่ายชายอย่างน่าเกลียดไม่อายสายตาใครต่อใคร การบูรยักไหล่ให้แล้วเดินไปที่จอดรถก่อนจะขับออกไปอย่างเร็วด้วยความหงุดหงิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×