ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Identity V Fanfic ] My darling is Hunter

    ลำดับตอนที่ #2 : คุณหว่านเสน่ห์เก่งนะ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 61



                     


                        เเสงยามเช้าส่องกระทบเหล่าดอกไม้เป็นสิ่งเเรกที่ฉันเห็นเมื่อมองไปนอกหน้าต่างในเช้าวันรุ่งขึ้น น้ำค้างบนใบไม้ระยิบระยับสวยงาม ฉันกินอาหารเช้าอย่างสงบเงียบ เมื่อคืนนี้ฉันนอนไม่หลับเอาซะเลยเเม้จะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เสียงลมเเละฝนดังครืนสนั่นไม่หยุดหย่อนบนหลังคา กว่าจะหลับได้ก็เกือบเที่ยงคืนเมื่อเสียงฝนเบาลงอย่างช้าๆนั่นเเหละ

    ฉันคว้าผ้ากันเปื้อนตัวเก่งมาสวม มัดผมสีน้ำตาลให้เรียบร้อยก่อนมองตัวเองในกระจก ฉันมีตาสีฟ้าใสเหมือนพ่อ ใบหน้ามีกระจางๆ ผิวขาวเเม้จะคล้ำลงบ้างเพราะเเสงอาทิตย์เเต่ก็เข้ากับผมสีน้ำตาลโอ๊คดี วันนี้งานของฉันไม่มีอะไรมาก เพราะเมื่อคืนฝนตกเลยไม่ต้องรดน้ำ ฉันคิดว่าจะถอนหญ้าซะหน่อยก่อนจะจัดช่อดอกไม้ส่งขาย ฉันขยันทำงานอยู่นะ เเต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเพราะฉันชอบมัน


    "อรุณสวัสดิ์ มิสเตอร์สเเคโรว์"


    ฉันยิ้มทักทายหุ่นไล่กาที่รัก เขาดูเปียกไปทั้งตัว เเน่นอน เพราะเมื่อคืนฝนตก เมื่อหลายเดือนก่อนฉันเคยพยายามย้ายมิสเตอร์สเเคโรว์เข้าไปในบ้านในวันที่ฝนตก ผลที่ได้คือทั้งฉันเเละเขากลิ้งโคโร่ไปตามสนามหญ้า เรี่ยวเเรงอันน้อยนิดของฉันไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย


    "ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัยฉันที่ทิ้งคุณไว้คนเดียว"


    "แล้วคุณล่ะ จะให้อภัยผมได้รึเปล่า"


    เสียงหนึ่งตอบกลับมา เเละเเน่นอนว่าไม่ใช่มิสเตอร์สเเคโรว์ ฉันหันไปมองต้นเสียงทันทีเเละรู้ด้วยว่าใคร เเจ๊คยืนอยู่ตรงนั้น เป็นอีกวันที่เขาหล่อเกินมนุษย์มนา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาให้ความรู้สึกเป็นกันเองกว่าเมื่อวาน ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับบางๆอยู่เช่นเคย 


    "คุณคุยกับหุ่นไล่กาหรอ?" เเจ๊คมองมิสเตอร์สเเคโรว์อย่างสงสัย


    "คุณมาทำไมอีก" ฉันเมินคำถามเเละมองเขาอย่างระเเวง "ยังไงฉันก็ไม่ขายที่นี่นะ"


    "ผมไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้น" เขาพูด ฟังดูเหมือนกำลังขำ "ผมมาขอโทษ เมื่อวานผมเสียมารยาทกับคุณจริงๆ"


    "ฉันจะให้อภัยคุณได้ต่อเมื่อคุณตอบคำถามฉัน" ฉันเชิดคาง "ทำไมคุณถึงไม่อยากให้มีคนอาศัยอยู่ใกล้บ้านคุณด้วย"


    "ผมเป็นนักเเต่งเพลงน่ะ" เขาตอบ "ที่อยู่เก่าผมมีเสียงดังรบกวนค่อนข้างมาก ก็เลยคาดหวังจะได้อยู่บ้านเดี่ยวๆที่สงบเงียบ พอข้อตกลงมันไม่เหมือนที่คิดไว้ก็เลยหงุดหงิดขึ้นมา"


    "อย่างงั้นหรอคะ" ฉันลังเล เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เเจ๊คเอียงคอเล็กน้อย ยิ้มบางรอคำตอบจากฉัน
     

    "ก็ได้ค่ะ" ฉันถอนหายใจ "ฉันไม่ทำเสียงรบกวนคุณหรอก สบายใจได้ ฟาร์มฉันไม่มีสัตว์น่ะ ขอโทษนะคะที่โมโหใส่
    คุณ"


    "ไม่หรอก ผมสิต้องขอโทษ" เขายิ้มบางก่อนมองไปรอบๆเเปลงดอกไม้ "คุณชอบดอกไม้หรอ ผมเห็นสวนของคุณตั้งเเต่คราวที่เเล้ว"


    "ใช่ค่ะ" ฉันยิ้มตอบ ในที่สุดหัวข้อสนทนาที่น่าอึดอัดก็จบลงเสียที เเจ๊คย่อตัวลง มองดอกโรสเเมรี่ที่ฉันพึ่งถอนหญ้าเสร็จ


    "ดอกโรสเเมรี่" เขากล่าว " 'เมื่อคุณเข้ามาในชีวิตผม ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวา' "


    "คุณรู้ภาษาดอกไม้ด้วยหรอ?" ฉันประหลาดใจเเละรู้สึกประทับใจ เเจ๊คหัวเราะเบาๆอย่างมีเสน่ห์ "รู้เเค่บางชนิดน่ะ ผมเคยอ่านบทกวีเกี่ยวกับดอกไม้---นี่คือดอกเลมอนเจเรเนี่ยมสินะ"


    "ใช่ค่ะ" ฉันตอบอย่างผ่อนคลาย " 'ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเราจะได้มาเจอกัน' ก็เหมาะกับฉันดี"


    "ผมน่าจะเหมาะกับดอกนัทเม็คเจเรเนี่ยมมากกว่า 'คิดไว้เเล้วว่าจะต้องได้เจอกัน' " เเจ๊คหันมามองฉัน ยิ้มมุมปาก
    อย่างเก๋ จนฉันได้เเต่จ้องเขาเหมือนคนปัญญาอ่อน


    "คุณจะพาผมชมสวนของคุณได้รึเปล่า" รอยยิ้มจางไป เขาคงสงสัยอยู่เเน่ๆว่าฉันยังสติดีอยู่รึเปล่า

     
    "อ-เอ่อ..ได้สิ" ฉันบอกหน้าเเดงพลางมองพื้น "คุณหว่านเสน่ห์เก่งนะ" 

    "ไม่หรอก" เเจ๊คว่า เสียงหัวเราะเเผ่วไพเราะราวกับเสียงดนตรี ฉันพาเขาไปชมสวนตามที่เขาว่า ไม่ค่อยมีคนมาที่บ้านฉันเท่าไหร่ เอ่อ เอาจริงๆฉันไม่มีเพื่อนเเละเข้ากับใครไม่ค่อยได้ แม้เเต่คุณเฟรดดี้เเละคุณเอมิลี่ที่รู้จักมาตั้งเเต่เด็กๆก็เข้ากับฉันได้ไม่ลงตัวเหมาะเจาะ เหมือนเรากำลังอ่านหนั่งสือเล่มเดียวกันเเต่อ่านคนละหน้าอะไรอย่างงั้น เเถมคนในหมู่บ้านยังมองฉันเพี้ยนอีก จบข่าว


    "คุณดูเเลต้นไม้เก่งนะ" เเจ๊คพูดเรียกสมาธิที่เเตกซ่านของฉันให้กลับคืนมา เขาดูสนใจดอกไม้มากจนฉันสงสัยโง่ๆว่าเขาทำตามมารยาทรึเปล่า 


    "ขอบคุณ มันยากเหมือนกัน" ฉันยิ้มตอบก่อนถามต่อ  "คุณชอบดอกไม้หรอ"


    "ก็ใช่ เเต่จริงๆเเล้วผมกำลังมองหาเเรงบันดาลใจ" 


    "อ๋อ คุณเป็นนักเเต่งเพลงนี่" ฉันคิด ดนตรีหรือศิลปะเเขนงอะไรก็เเล้วเเต่ช่างเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากคนหัวตื้นอย่างฉัน "ฉันอยากลองฟังเพลงของคุณ"


    "ถ้ามีโอกาสผมจะเล่นให้ฟัง" เเจ๊คยิ้มบางๆ เราเดินไปเรื่อยๆอย่างสงบท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ เป็นสถาณการณ์ที่มหัศจรรย์ที่สุดในรอบปี เมื่อวานฉันทำเรื่องขายหน้าใส่เขาไปตอนเช้า ตอนบ่ายเขาก็กลายเป็นเพื่อนบ้าน เเละตอนเย็นเขาก็ทำให้ฉันโกรธโดยการที่จู่ๆก็โผล่มาขอซื้อฟาร์ม จนตอนนี้เราเดินคุยเรื่องดอกไม้ด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ


    "กุหลาบสีดำ?" เเจ๊คหยุด มองดอกกุหลาบที่ฉันปลูกไว้ด้วยความประหลาดใจ "มันหายากมาก"


    "เเละปลูกยากด้วย" ฉันยิ้ม ตั้งใจจะอวดเขานิดหน่อย "นักเดินทางคนหนึ่งให้ถุงเมล็ดฉันไว้นานมาเเล้ว ใช้เวลานานมากกว่าจะทำให้มันงอกได้ สุดท้ายก็เหลือเเค่นี้เเหละ"


    "มันสวยงามมาก" เสียงเขาเหมือนหมายความว่าอย่างงั้นจริงๆ " 'ความเสียใจเเละโศกเศร้า' ความหมายไม่ดีเลยนะ"


    "มันมีมากกว่านั้น" ฉันยิ้มบางพลางมองหน้าของเขา นัยย์ตาสีเทาที่คาดเดายากมองมาที่ฉันอย่างประหลาดใจ


    " 'รักนิรันดร์  สีดำที่มิอาจเปลี่ยนไปเป็นสีอื่นใดได้อีก'


    "อย่างนั้นหรอ" เเจ๊คพยักหน้ารับเบาๆ เขามองไปทางอื่นด้วยสีหน้ายากจะคาดเดาก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มเหมือนกำมะหยี่


    "น่าเสียดายที่รักนิรันดร์นั้นอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นจริง"


    ***********


    เที่ยงวันอาทิตย์ คุณเอมิลี่เเละเฟรดดี้มาที่บ้านของฉันเพื่อทานอาหารร่วมกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ เอมิลี่เป็นคนสวยเเละฉลาด เธอทำงานอยู่ที่คลินิคในหมู่บ้าน ส่วนเฟรดดี้ก็เป็นทนายที่เก่งกาจ เขามักได้ทำงานร่วมกับพวกตำรวจบ่อยครั้งเพราะทักษะการอนุมานที่ยอดเยี่ยม ฉันเคยเเนะนำให้เขาไปเป็นนักสืบ เเต่เฟรดดี้บอกว่าชอบชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่า พวกเขาทั้งสองพยายามทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอ ความอ่อนโยนที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยเป็นคำพูดนั่นจับใจฉันเหลือเกิน


    "ได้ข่าวว่าเธอมีเพื่อนบ้านใหม่หรอ" เอมิลี่ถามขณะวางไก่อบลงบนโต๊ะ ฉันหัวเราะหึ  "ไม่รู้สิคะว่าเป็นเพื่อนรึเปล่า"


    "ที่หมู่บ้านมีเเต่คนพูดเรื่องเขา โดยเฉพาะสาวๆ" เอมิลี่หัวเราะคิก "หนุ่มปริศนาที่ทั้งหล่อทั้งรวยย้ายมาที่หมู่บ้านเล็กๆเเถบชนบทเเบบนี้ คงฮือฮากันเป็นเรื่องธรรมดา"


    "เขาคงป๊อปไม่เบา" ฉันเบ้ปากพลางจิ้มไส้กรอก ผู้หญิงทั้งหมู่บ้านคงต่อเเถวเข้าคิวขอเขาเต้นรำในงานเทศกาลฤดูไบไม้ร่วงที่จะมาถึง 


    "เฟรดดี้ คุณงานยุ่งหรอคะ?" ฉันถามคุณเฟรดดี้ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในกระดาษอย่างเคร่งเครียด รู้สึกกังวลว่าตัวเองเป็นต้นเหตุรบกวนเวลางานเขารึเปล่า เฟรดดี้เงยหน้าก่อนส่งยิ้มเชิงขอโทษให้ฉัน ใต้ตาเขาคล้ำเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน "นิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้คดีเเปลกเยอะ"


    "คดีที่ไวต์ชาเปลรึเปล่า" เอมิลี่เดา มีสีหน้าจริงจัง "ฉันตามข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ น่ากลัวมาก เเต่ตอนนี้ก็ไม่มีคนตายมาเดือนหนึ่งเเล้วนะคะ"


    "นั่นเเหละ เราถึงต้องรีบจับคนร้ายให้ได้ก่อนมีคนตายเพิ่ม" เฟรดดี้ถอนหายใจ "ช่วงนี้ผมเลยต้องเข้าลอนดอนเกือบทุกอาทิตย์ สกอตเเลนด์ยาร์ดเเทบลุกเป็นไฟ ถ้าพวกเขายังหาคนมาลงโทษไม่ได้ประชาชนคงเลิกไว้วางใจตำรวจ"


    ฉันนั่งฟังเงียบๆเพราะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์เท่าไหร่ เเต่ก็พอได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เฟรดดี้วางกระดาษ เขายิ้มก่อนจะพูดต่อ "เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงจับคนร้ายได้ ไม่ต้องห่วงไปหรอก มาทานอาหารกันเถอะ"


    "นั่นสิคะ" เอมิลี่พูดอย่างกังวล "ฉันหวังว่าหมู่บ้านเราจะไม่มีเรื่องเเบบนี้เกิดขึ้นนะ"


    จากนั้นพวกเราก็นั่งทานอาหารอย่่างสงบเงียบราวกับตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เอาจริงๆคดีนั่นไม่ได้อยู่ในหัวฉันเท่าเรื่องของผู้ชายข้างบ้าน ตั้งเเต่วันนั้นมาเขาก็ไม่เคยมาที่บ้านฉันอีกเลย ไม่รู้ทำไมเเต่นั่นทำให้ฉันรู้สึกเหงาเเปลกๆ


    "อ๊ะ ฉันซื้อขนมปังมาเกินชุดหนึ่ง"คุณเอมิลี่ว่าขณะหยิบถุงขนมปังมาจากห่อหลังจากพวกเราทานอาหารเสร็จ ฉันยักไหล่ "ฉันกินเองก็ได้ค่ะ"


    "เธอจะอ้วนเอาน่ะซี ผู้หญิงกินเยอะไม่ดีนะ"  เอมิลี่ดุก่อนยิ้มออกมา "เอ็มม่า เอาไปฝากคุณเพื่อนบ้านสิ"


    "อะไรนะคะ" ฉันมองหน้าเอมิลี่เเบบไม่อยากจะเชื่อ เธอหัวเราะคิก "การสานสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ดีนะ"


    "คุณเอมิลี่ก็เอาไปให้เองสิคะ" ฉันโอดครวญ เอมิลี่ส่ายหน้าลางยัดห่อขนมปังใส่มือฉัน "เขารู้จักฉันที่ไหนล่ะ อีกอย่างเฟรดดี้คงหึงเเย่


     "ผมทำไมนะ"  


    เฟรดดี้ที่พึ่งเงยหน้ามาจากหนังสือพิมพ์ถามอย่างงงๆ ฉันถอนหายใจ ถือห่อขนมปังออกจากบ้านก่อนมากดกริ่งหน้าบ้านเขาอย่างไม่มีทางเลือก คฤหาสน์สวยมากเเละคงสวยกว่านี้ถ้าเเจ๊คสนใจเเต่งสวนเเละซ่อมเเซมน้ำพุ  ดูเหมือนจะยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากกับคฤหาสน์หลังนี้


    "เอ็มม่า?" ไม่นานเเจ๊คก็เปิดประตูออกมา สีหน้าดูประหลาดใจ ฉันพยายามปั้นยิ้มให้ปกติที่สุดแม้จะรู้สึกประหม่าเต็มที "เอ่อ คือว่าน้าของฉันให้เอานี่มาให้น่ะ"


    "ให้ผม?" เเจ๊ครับขนมปังจากฉันไป ฉันรีบพูดต่อ "ของขวัญต้อนรับเพื่อนบ้านน่ะ อะไรทำนองนั้น"


    "อย่างงั้นหรอ" เเจ๊คยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงกันอย่างสวยงาม "น้าคุณเป็นคนดีนะ ฝากขอบคุณด้วย"


    "โอเค" ฉันรับ เเต่ยังไม่ขยับไปไหน เเจ๊คทำท่าเหมือนยืนรอฉันกลับบ้าน 


    "ฉันไม่ค่อยเห็นคุณเลย" ฉันพูดเสียงอ่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากำลังทำอะไรอยู่ 


    "คุณคิดถึงผมหรอ" เเจ๊คว่า สาบานได้ว่าฉันเห็นเขากำลังกลั้นหัวเราะ

     

     "หลงตัวเอง" ฉันทำหน้าบึ้ง "ก็เเค่สงสัยว่าคุณตายยัง"


    "ยังไม่ตายหรอก ก็เเค่ไม่มีเหตุผลให้ออกจากบ้าน" เขากล่าวพลางยิ้มขำ ฉันสูดลมหาย "บางวันเรามาดื่มชาคุยกันบ้างก็ได้"


    "ไม่รู้สิ เอ็มม่า" เเจ๊คยิ้มบาง "ผมว่าเราอย่าเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า"


    "ทำไมคะ" เสียงฉันเหมือนจะสำลัก  "คุณรังเกียจฉันหรอ"


    "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เอ็มม่า" เเจ๊คพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเเต่มีกะร่องกะรอยความกังวล "คุณเป็นคนที่น่าคบที่สุดที่ผมเคยเจอ เอ็มม่า คุณทำให้คนรอบข้างรู้สึกมีพลัง"


    "เเล้วทำไม" ฉันถาม ยังไม่หายช็อค เเจ๊คมองหน้าฉันด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย "ผมมีเหตุผลน่ะ"


    "อย่างงั้นหรอคะ เข้าใจตายล่ะ" ฉันกัดฟันกรอด ความรู้สึกโกรธเเละน้อยใจปะทุขึ้นมา "ก็ได้ ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก" ฉันว่าก่อนจะหันหลังกลับ ย่ำเท้าตึงๆด้วยความโมโหก่อนที่มือเย็นเฉียบของเเจ๊คจะมาจับข้อมือไว้  


    "คุณน่าจะอยู่ห่างๆผมไว้ จริงๆนะ" เขาเอ่ยเสียงนุ่ม ใบหน้าจริงจัง นัยย์ตาคมกริบนั้นจ้องมองมา ฉันเเทบหยุดหายใจ


     "ผมอันตรายกว่าที่คุณคิด"



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×