คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อดีตของเอวา
(หลังจากที่ตี๋และพรรคพวกในกลุ่มSilver Seraph ขับไล่ชายชุดดำนามว่า “ซิลเวอร์” ออกจากป่าแห่งความฝันได้สำเร็จ ตี๋ก็ได้นอนหลับไป เขาได้พักอยู่ในป่าแห่งความฝัน)
ณ ป่าแห่งความฝัน เวลาในที่แห่งนั้นได้ผ่านมาเกือบ2วันแล้ว หน้าหนังสือแห่งสัญญาสีขาวที่บรรทัดที่เป็นชื่อของตี๋นั้นเอง
“Resurrection 30%”
ตัวอักษรที่ปรากฏซ้อนทับอยู่บนชื่อของตี๋นั้นได้เปลี่ยนไป มันมีความหมายอะไรกันแน่นะ
ตี๋ได้ฝันถึงสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ที่นั้นทำให้รู้สึกว่างเปล่าและไร้น้ำหนัก ท้องฟ้าเป็นสีขาวอมม่วงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความว่างเปล่าในที่แห่งนั้น ได้ปรากฏร่างของตี๋ที่อยู่ในชุดสีดำกำลังล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย
“ที่นี้มัน...”
ตี๋พูดกับตัวเองในขณะล่องลอยอยู่ รอบตัวเขามีแต่แสงสว่างสีม่วงอ่อนๆที่ส่องมาจากท้องฟ้าในสถานที่แห่งนั้น เขาได้มองลงไปเบื้องลง เห็นพื้นที่วงกลมที่ทำจากศิลาที่เหมือนหลุดมาจากซากโบราณที่ไหนซักแห่ง ตรงกลางมีรูปปั้นผู้ชายที่พยายามออกมาจากพื้นศิลานั้น รูปปั้นนั้นเอื้อมมือออกมาจากพื้นได้ครึ่งตัวที่หลังของรูปปั้นนั้นมีปีกถึง3คู่
ตี๋พยายามจะเข้าไปดูใกล้ๆแต่ยิ่งเข้าใกล้ พื้นศิลานั้นก็ยิ่งห่างออกไป ก่อนเขาจะได้ยินเสียง
“มันยังไม่ถึงเวลา...”
เสียงนั้นคล้ายเสียงของเขามาก ก่อนจะมีแสงสว่างขึ้นจนแสบตาจนทำให้ตี๋ตื่นขึ้นมาจากความฝันที่ประหลาดนั้น
ตี๋นอนอยู่บนเตียงในสถานที่แห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายถ้ำกว้างๆที่มีแสงสีเขียวอ่อนๆส่องเข้ามาจากรูต่างเพดานและมีรูใหญ่อยู่ตรงกลาง ในที่แห่งนั้นมีอุปกรณ์ต่างๆมากมายและจัดเหมือนกับห้องโรมแรมหรูๆ เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินไปกลางที่แห่งนั้นซึ่งถูกล้อมด้วยหินที่ทำเป็นกำแพงไว้รอบด้านมีทางเข้าไปได้จาก4ทิศทางและเป็นพื้นต่างระดับขึ้นมาเล็กน้อย ที่นั้นมีโต๊ะรูปวงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งแสงส่องมากลางโต๊ะพอดี เขามองขึ้นดูบนเพดานเห็นเหมือนน้ำสีเขียวๆลอยอยู่ข้างบนซึ่งมีแสงส่องผ่านลงมา
“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”
เสียงหวานๆจากหญิงที่เข้ามาทักตี๋ หญิงสาวรูปร่างเล็กนั่งอยู่บนรถเข็น ผมยาวสลวยสีทองในชุดกระโปรงสีขาวอมชมพู และใส่ต่างหูรูปปลาโลมา
ตี๋หันไปมองเธอด้วยสายตาทีมึนงง
“จริงสิเราพึ่งกันครั้งแรกนิ สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อ แอเรียว วารีนเซีย เรียกฉันว่า แอเรียว เฉยๆก็ได้”
หญิงสาวนาม แอเรียว พูดแนะนำตัวต่อหน้าตี๋
“วารีนเซีย? รู้สึกคุ้นๆจังเหมือนเคยได้ยินที่ไหน”
ตี๋พูดออกมาเบาๆ เพราะสะกิดใจกับนามสกุล “วารีนเซีย”
“ฉันเป็นน้องสาวของเจสันน่ะ”
แอเรียวจึงบอกว่าจริงๆเธอคือน้องสาวของเจสัน เพราะเห็นตี๋สะกิดใจเรื่องนามสกุลของเธอ ตี๋จึงพยักหน้ารับ และก็หันไปมองรอบๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องรูปวงกลม
“ที่นี้ที่ไหนกันเหรอครับ”
ตี๋เริ่มถามถึงสถานที่ๆเขาอยู่
“ออ ที่นี้คือฐานลับใต้ดินของพวกเรา ซึ่งอยู่ใต้ธารน้ำ ป่าแห่งความฝันพอดี”
แอเรียวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน จึงทำให้ตี๋นึกถึงเมย์
“ที่นี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ เอวาขึ้นเป็นมาสเตอร์ มันก็ได้5ปีแล้ว โดยที่เอวาเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด”
แอเรียวพูดต่อ และหันรถเข็นไปอีกด้านหนึ่ง
“แล้วเมย์..เอ้ย เอวาอยู่ไหนล่ะครับ”
ตี๋ได้เอ่ยถามหาเอวา แอเรียวหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“เธอคงเรียกเอวา ว่าเมย์สินะคงไม่มีใครเรียกเธอแบบนั้นนักเหรอ เราไม่เรียกเธอแบบนั้นเพราะเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตปกติซักเท่าไร แต่ถึงยังไงถ้ายังมีนายซักคนช่วยปรับทุกข์ในเธอได้ก็ยังดี”
แอเรียวพูดเหมือนจะทำหน้าทุกข์ใจ จึงทำให้ตี๋ไม่อยากเอ่ยถามอะไรอีก
“อะ โทษที่ฉันเผลอพูดอะไรแปลกๆออกไปอีกแล้ว เอาล่ะตามฉันมา ฉันว่าเอวาน่าจะอยู่ที่โซลโรงอาหาร”
แอเรียวพูดเสร็จ รถเข็นที่เธอนั่งอยู่ก็เคลื่อนไปได้เองโดยที่แอเรียวนั่งอยู่เฉยๆ ตี๋เห็นประกายแสงสีฟ้ารางๆดูรูปร่างเหมือนคนอยู่หลังรถเข็นนั้น รถเข็นของแอเรียวเงามืดเพียงแค่ช่วงเสา ปรากฏภาพหญิงสาวผมยาวสีฟ้าอ่อนสวมผ้าคลุมสีฟ้าเหมือนสีผมของเธอกำลังเข็นรถให้แอเรียวอยู่ ก่อนร่างของเธอจะจางหายเป็นแค่ประกายแสงดังเดิมเหมือนพ้นจากเงา
ถ้าเป็นคนปกติก็คงวิ่งป่าราบไปแล้วแต่ ตี๋ก็เริ่มชินกับเรื่องแปลกๆรอบตัวเขาแล้วจึงไม่ค่อยตกใจซะเท่าไร
แอเรียวพาตี๋ผ่านออกไปทางขวาจากพื้นที่กลางห้อง ซึ่งเป็นทางไปโรงอาหารที่อยู่ฝั่งตะวันตกของฐานใต้ดินแห่งนี้
ฐานใต้ดินแห่งนี้แบ่งเป็นโซล4โซลด้วยกัน โดยทิศเหนือเป็นที่พักอาศัยของผู้หญิง ทิศใต้เป็นที่พักอาศัยของผู้ชาย ทิศตะวันออกเป็นโรงอาบน้ำซึ่งแยกชายหญิงเช่นกัน ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นโรงอาหาร ซึ่งจัดเหมือนกับร้านอาหารในต่างประเทศที่จัดเป็นโซลบาร์กับเคาเตอร์ และโซลที่นั่งคล้ายที่นั่งในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และทางขึ้นลงจะอยู่ในโซลนี้เช่นกัน
แอเรียวพาตี๋มาถึงโรงอาหาร แล้วชี้ไปที่มุมที่นั่งที่เป็นแบบโซฟา ตี๋เดินไปดูใกล้ๆเห็นร่างของเมย์ที่นอนห่มตัวด้วยผ้าคลุมสีขาวในมุมนั้นเอง
“ฉันบอกให้เธอกลับไปก่อนแต่เธอก็ไม่ยอมกลับ เธอค่อยเดินไปดูนายเป็นระยะๆแล้วก็หลับไปแบบนี้ล่ะ”
แอเรียวพูดในขณะที่ รถเข็นของเธอเคลื่อนเข้ามาหาตี๋ใกล้ๆ เห็นแววตาของตี๋ที่จ้องมองเมย์อย่างอ่อนโยน
คู้ด~!
แต่บรรยากาศทุกอย่างก็เสียไป เมื่อมีเสียงเหมือนใครพยายามดูดน้ำขึ้นมาจากก้นแก้วด้วยหลอดทจนทำให้เกิดเสียงดัง
ตี๋กับแอเรียวจึงหันไปมอง เห็นเจสัน ไคเลอร์และโมโน นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งแบบเรียงหน้ากระดาน
“อุ้ย! น้ำหมด” คู้ด~!
โมโนพูดขึ้นมาเหมือนทำท่าจะไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังจะดูดน้ำที่ติดอยู่ก้นแก้วเพียงเล็กน้อยขึ้นมาอีก
“ไม่ใช่ฉันนะ ฉันแค่ดื่มกาแฟเฉยๆ”
ไคเลอร์พูดแก้ตัวก่อนคนอื่น ที่โต๊ะเบื้องหน้าเขาก็มีถ้วยกาแฟวางอยู่จริงๆ
แต่หน้าเจสันกับโมโนมีแก้วทรงสูงที่มีหลอดเสียบอยู่และในแก้วก็เหลือแต่น้ำแข็ง
“เจ้าไคเลอร์ กาแฟนั้นมันของฉันนะ”
เจสันพูดกับไคเลอร์กดจะหยิบแก้วกาแฟมาวางไว้หน้าเขา แล้วหยิบแก้วที่เหลือแต่น้ำแข็งนั้นไปวางไว้หน้าไคเลอร์
“ยังหิวน้ำอยู่เลย ขอตัวไปเติมน้ำก่อนล่ะ”
โมโนพูดพลางหยิบแก้วแล้วเดินหนีไป
“คอแห้งเหมือนกันเลย ขอไปด้วยคนนะ”
ไคเลอร์หยิบแก้วแล้วเดินตามโมโนไป
ในตอนนี้ที่นั้นก็เหลือแต่ เจสัน ตี๋ แอเรียว และเมย์ที่นอนหลับอยู่
“แอเรียว ไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จะดูแล2คนนี้ต่อเอง”
เจสันทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูดให้แอเรียวไปพักผ่อน
“ค่ะพี่”
แอเรียวรู้นิสัยของพี่ชายเธอดี เธอจึงรับคำแล้วก็ออกไปจากโรงอาหาร ระหว่างทางได้ผ่านเงาของเสาอีกครั้ง ก็ได้ปรากฏร่างของหญิงผมสีฟ้าขึ้นมาแล้วก็หายไปเมื่อเดินพ้นเงานั้นไป
“เก่งนิ ที่เห็นแบบนี้แล้วไม่มีอาการซักนิด”
เจสันพูดชมตี๋ที่ยืนดูแอเรียวที่นั่งรถเข็นที่มีหญิงผมสีฟ้าค่อยเข็นให้ค่อยๆออกไปโซลโรงอาหาร
“มาถึงขั้นนี้จะเห็นอะไรก็ไม่แปลกแล้วล่ะ”
ตี๋พูดตอบกลับไปเมื่อกันเขาปรับตัวได้แล้ว
“เนว นายมานั่งนี้สิ”
เจสันพูดแล้วเชิญให้ตี๋มานั่งร่วมโต๊ะกับเขา
“เนวเหรอ?”
ตี๋พูดพลางยกมือข้างขวาขึ้นมามองไปที่แหวนหัวกระโหลกของเขา ด้วยความแปลกใจที่เขาไม่เคยบอกใครเรื่องเขาตกลงกับแอคว่าจะใช้ชื่อ “เนว”
“ข้าเป็นคนบอกให้เขาเรียกเจ้าแบบนั้นเอง”
เสียงของแอคดังขึ้นมา ในขณะที่ตี๋กำลังค่อยใจ
“เนเวอร์ลอส ชื่อแกยาวจะตายให้เขาเรียกว่า เนว ก็พอแล้ว ยังไงก็ตามสัญญาที่เจ้าทำไว้กับข้าก็คือการไปใช้ชื่อว่า เนว นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะต้องใช้นี้กับข้าคนเดียว”
แอคพูดขึ้นมาอีกที่ฟังแล้วเหมือนกับคำสั่งเผด็จการออกมา จึงทำให้ตี๋ได้แต่ทอดถอนใจ แล้วเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับเจสัน
“ไงรู้สึกยังไงที่ใช่เวทมนต์ครั้งแรก”
เจสันพูดถามตี๋ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนนักข่าว
“รู้สึกมึนๆหัวและก็ยังกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง”
ตี๋พูดขึ้นมาพร้อมกับเอามือเกาหัว
“น่าจะเป็นเพราะสายพลัง แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวใช้บ่อยๆก็ชิน”
เจสันพูดพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอย่างช้าๆ
“คุณเจสันครับ คือว่าตัวนั้นผมได้ยินเสียงที่คุณห้ามเมย์ เอ้ย.เอวาไม่ให้ต่อสู้กับชายชุดดำคนนั้นเพราะอะไรเหรอครับ ทั้งๆที่ตอนนั้นเอวาก็น่าจะสู้กับชายคนนั้นได้”
ตี๋พูดถามเจสันที่ในตอนที่เผชิญหน้ากับชายชุดดำเจสันก็ทำท่าทีแปลกๆ เจสันได้ฟังก็ตีหน้าเครียจขึ้นมาจนเห็นชัด
“นายพึ่งเข้ามาก็คงยังไม่รู้อะไร จริงๆแล้วพวกเรารู้จักชายคนนั้น เขามีชื่อว่า “ซิลเวอร์ อีซ เนเกล” เขาเคยอยู่ที่นี้อยู่มาก่อนที่เอวาจะขึ้นเป็นมาสเตอร์ซะอีก”
เจสันพูดพลางค่อยๆวางแก้วกาแฟที่ดื่มจนหมดถ้วยแล้ววางบนจานรองแก้ว
“แล้วทำไมเขาถึงทำท่าจะเป็นศัตรูกับเราละครับ”
ตี๋พูดถามเรื่องชายชุดดำนั้นเพราะเขาอยากจะรู้เรื่องให้มากกว่านี้
“งั้นฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันพอจะรู้ให้ฟังก็แล้วกัน เมื่อ7ปีก่อนฉันกับแอเรียวถูกชักชวนให้เข้าร่วมกับกลุ่มS.S. ฉันก็เห็นชายคนนั้นกับหนูเอวาอยู่ที่นี้แล้ว แล้วได้รู้มาว่า หนูเอวาได้เข้ากลุ่มตอนอายุ7ขวบ โดยการเลือกจาก อีฟ แม่มดแห่งจันทรา แล้วให้ถือครองสิทธิ์ว่าที่มาสเตอร์คนต่อไป เอวาเลยต้องถูกฝึกอย่างหนัก โดยคนที่เป็นอาจารย์ของเธอก็คือ ซิลเวอร์ “
เจสันพูดจบ ตี๋ก็นิ่งอึ้งไป
“งั้นที่คุณไม่ให้เอวาสู้กับชายที่ชื่อ ซิลเวอร์ นั้นก็เพราะว่าเขาเป็นอาจารย์ของเธอเหรอ”
ตี๋พูดถามขึ้นมากเหมือนกับบ้างอย่างมันขัดกัน เจสันได้ฟังพูดดังนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะมือแตะที่กระเป๋ากางเกงของเขา
“ฟังให้จบก่อนสิ ถึงแม้การฝึกของเอวาจะโหดแต่เธอไม่เคยบ่นเพราะเธอกลับหลงใหลในเวทมนต์มากขึ้น จนเมื่อเอวาอายุได้12ปี แล้วได้ขึ้นเป็นมาสเตอร์คนใหม่ ซิลเวอร์ก็หายตัวไป”
“แล้วนายรู้ประวัติของกลุ่มS.S.มาบ้างเหรอยัง”
เจสันเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมา แต่เหมือนจะเกี่ยวข้องกัน
“หึ ไม่เคยเลย”
ตี๋พูดตอบกลับพร้อมกับส่ายหน้า
“ตอนที่จอมเวททั้ง7ปิดผนึกพลังเวทมนต์ทั้งหมด พวกเขาก็ได้ตั้งสมาคมจอมเวทป่าแห่งความฝันขึ้นมา โดยผู้ที่กองตั้งขึ้นมาคือ3กษัตริย์จาก3โลก และ4มหาจอมเวทพวกยิ่งใหญ่แห่งยุคด้วยสัญญาว่าจะคุ้มครองมนุษย์โดยไม่ให้มนุษย์หลงเดินทางไปในการทำลายตนเอง”
เจสันพูดจบ แต่ก็ยังทำให้ตี๋ไม่เข้าใจอยู่
“แล้วมันเกี่ยวกับที่เอวาจะสู้กับชายคนนั้นไม่ได้ตรงไหน”
ตี๋ลุกขึ้นมากระแทกโต๊ะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห เพราะที่เจสันพูดมาไม่ได้ตรงกับที่เขาต้องการเลย เจสันก็นั่งนิ่งไปพักหนึ่ง
“จริงๆฉันก็อยากรู้ว่าซิลเวอร์เข้ามาในS.S.เมื่อไหร่ก็เลยไปเปิดหนังสือสัญญาสีขาวดู นายเองก็รู้ใช่ไหมว่า ถ้าคนตายไปแล้วชื่อจะเป็นสีเทา และคนที่ออกจากกลุ่มไปชื่อก็จะถูกเว้นว่างไว้โดยที่ชื่อนั้นจะหายไป แล้วนายคิดว่ายังไง?”
เจสันพูดด้วยท่าทีที่ดูจริงจังมากขึ้น ตี๋ยืนด้วยท่าทีที่สงบลงโดยที่จะฟังประโยคต่อไปอย่างตั้งใจ
“ฉันดูรายชื่อที่เขียนขึ้นมาตลอดตั้งแต่ตั้งกลุ่มไม่เคยมีรายชื่อผู้ที่แยกตัวออกมาเลยซักคน มีแต่ชื่อ6บรรทัดบนสุดของหน้าแรกเท่านั้นที่หายไป นั้นมันจะหมายความว่ายังไงนายก็ลองคิดดูเองแล้วกัน”
เจสันพูดน้ำเสียงที่ดุดันใส่ตี๋ ตี๋ก็ได้แต่นิ่งไปราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
ทั้ง2เงียบกันไปได้พักใหญ่ๆ ก่อนเจสันจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ที่เราไล่เขาออกไปได้ ใช่ว่าพลังของพวกเราจะเอาชนะเขาได้ ฉันคิดว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้เอาจริงเลยซะด้วยซ้ำ”
เจสันพูดย้ำขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ตี๋อยากได้ยินที่สุด ตี๋ก็ได้แต่ยืนนิ่งไปอย่างนั้น
“พี่ค่ะ เกิดอะไรขึ้น”
แอเรียวก็เข้ามาเพราะสงสัยถึงเสียงสนทนาที่ดังเกินไป
“นายนะ แอบชอบเมย์อยู่สินะ”
เจสันพูดด้วยเสียงที่เบาเพื่อให้ได้ยินกับตี๋แค่2คน คำพูดนั้นทำให้ตี๋สะดุ้งขึ้นมา เจสันยิ้มออกมาเล็กน้อย
เจสันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้ว เอามือไปจับไหล่ของตี๋แล้วดึงเขาเข้ามาใกล้ๆแล้วกระซิบกับตี๋ว่า
“โชคชะตาของเอวาต้องพึ่งให้นายช่วย ดูแลเอวาให้พวกเราด้วย”
แล้วเจสันก็เดินไปหาแอเรียว ทิ้งให้ตี๋ยืนคิดถึงสิ่งที่เขาพูดทิ้งท้ายไว้
“ถึงไม่ต้องยังไงฉันก็ต้องทำอยู่แล้วล่ะน่า”
ตี๋หันหลังมองตามหลังเจสันไป แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ้วเบา
บทสนทนาของทั้งคู่ถึงเขาจะคุยและรู้กันแค่2คน แต่เนื้อหาทั้งหมดหารู้ไม่ว่า เมย์นั้นได้ตื่นขึ้นมาได้ยินการสนทนานั้นทั้งหมด..
ในอีกสถานที่ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นที่ใด ในที่แห่งนั้นมีแสงส่องมาจากทางที่เป็นทางเข้ารูปสามเหลี่ยม ส่องเห็นข้างในที่ดูเหมือนจะเป็นวิหารที่มีพื้นหินสีขาวที่ดูเรียบเนียน เมื่อมองบนเพดานก็เหมือนกับท้องฟ้าที่มืดมิดไม่มีแม้แต่แสงดาว กลางห้องแห่งนั้นมีแท่งผนึกสีดำสนิท เมื่อมองเข้าไปข้างในนั้นเห็นหมอกสีดำกับแสงสีม่วงเข้มอยู่ข้างในนั้น แต่ผนึกอันนี้จะมีรอยร้าวปรากฏออกมาแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กลุ่มเงาสีดำก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาข้างๆที่ตั้งของผนึกสีดำ ปรากฏขึ้นมาเป็นร่างของชายชุดดำที่ใช้ฮู้ดคลุมศรีษะไว้ แสงที่ส่องเข้ามาจากทางเข้าเพียงเล็กน้อยนั้นกระทบกับร่างของชายชุดดำ ส่องเข้าไปเห็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ของเขาพายใต้ผ้าคลุมนั้น
“ปฐมบท เริ่มขึ้นแล้วช่วยทำให้ฉันสนุกขึ้นหน่อยนะ จอมเวททั้งหลาย”
คำพูดสุดท้ายของชายชุดดำนั้นก่อนที่ตัวเขาจะหายไปในความมืดที่ค่อยๆออกมาจากรอยร้าวของผนึก...
ความคิดเห็น