ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MageAccessory แก้งจอมเวทวุ่นป่วนซ่า!!<ปิดรับสมัครตัวละครแล้ว

    ลำดับตอนที่ #4 : ศึกอลวนในป่าแห่งความฝัน และการปรากฎตัวของชายชุดดำ

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 53


    ในเช้าวันเสาร์ที่พึ่งจะ7โมงเช้าเองซะด้วยซ้ำ หลังจากวันที่เปิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย

    นิงนอง! (ยาคูไหมค่ะ ไม่ใช่นะอันนี้แซวเล่น)

    เสียงกดออดดังขึ้นที่บ้านของตี๋ บ้านของตี๋นั้นพ่อแม่ไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศจึงจะกลับมาเยี่ยมบ้านแค่เดือนละครั้งจึงเหลือแค่ ตี๋กับลูกน้ำอยู่กันแค่2คน แต่เจ้าตัวยังหลับอยู่ที่โซฟาหลังจากที่โดนบังคับให้ดู คนเหล็กพากย์ภาษาอังกฤษ

    จึงทำให้ผู้เป็นน้องสาวอย่างลูกน้ำที่ยังอยู่ในชุดนอนที่เป็นแบบเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวลายลูกแมวสีชมพู่ทั้งชุด ซึ่งกำลังนั่งดื่มนมอยู่ในครัวต้องออกไปเปิดแทน

    (ถึงจะชื่อว่าลูกน้ำ แต่เธอก็ชอบทำตัวเหมือนแมว แต่เป็นแบบลูกแมวน้อยน่ารักนะ ในบ้างที่ตี๋จะหลุดปากเรียกจากหมายเป็นเหมียวในบ้างครั้ง)

    เมื่อลูกน้ำเปิดประตูออกไป เธอก็ได้เห็นผู้ที่มากดออดหน้าบ้านเธอแต่เช้าก็คือ”เมย์”นั้นเองซึ่งวันนี้เธอมาในชุดเสื้อสีเขียวอ่อนที่รัดไม่มากพอเห็นสัดส่วนของเธอ และกางเกงห้าส่วนสีเบจ

    “พี่เมย์ มาหาพี่ตี๋เหรอค่ะ”

    ลูกน้ำตะโกนถามจากหน้าประตูบ้าน ซึ่งคำว่า”เมย์”มันไปสะกิจหูของตี๋เข้าจึงทำให้เด้งพ้วดขึ้นจากโซฟา

    “ออ พี่ตี๋เขายัง...”

    “ตื่นแล้วครับ เดี๋ยวผมขอเวลาแต่งตัวแปบนึงนะครับ”

    ในขณะที่ลูกน้ำกำลังจะบอกว่าตี๋ยังนอนอยู่แต่ยังไม่ทันจบ ตี๋ก็เข้ามาล็อคตัวลูกน้ำได้ทันแล้วพูดแก้ตัวออกไป

    หลังจากนั้นตี๋ก็ปิดประตูบ้านแล้ววิ่งไปอาบน้ำ แต่งตัวโดยใช้เวลาแถบไม่ถึง5นาที กลับออกมาที่ประตูหน้าบ้านอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดสีเทา กับกางเกงยีนส์ที่พับขากางเกงเข้ามา(เพราะตี๋ตัวเตี๊ย)

    “โอ้โหพี่ตี๋ แปรงฟันยังเนี่ย”

    ลูกน้ำร้องแซวที่ตี๋ แต่งตัวลงมาไวเกิน

    “อย่าดูถูกพี่สิน้องรัก การพัฒนาของพี่มันเร็วกว่าแสงแล้ว”

    ตี๋พูดพลางทำท่าเก๊กหล่ออยู่ที่ประตูหน้าบ้าน

    “เฮ้อ..”

    เมย์กับลูกน้ำถอนหายใจพร้อมกัน แล้วเมย์ทำท่าเคาะที่นาฬิกาที่สวมไว้ที่แขนข้างซ้ายเพื่อบอกตี๋ว่าจะสายแล้ว ทำให้ตี๋สะดุ้งว่าตนลืมไปซะสนิท

    “หมวกเล็กพี่ไปก่อนนะ ดูแลบ้านดีๆล่ะ”

    ตี๋พูดจบก็วิ่งออกจากบ้าน ไปหาเมย์ที่หน้าทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่หน้าบ้าน

    “พร้อมซะที วันแรกก็สายซะล่ะ”

    เมย์พูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง

     

    ณ ป่าแห่งความฝัน ได้มีประตูปรากฏขึ้นมาแล้วเปิดออก ตี๋กับเมย์ก็ออกมาจากประตูนั้นก่อนที่มันจะปิดแล้วจางหายไป โดยที่ชุดของเมย์นั้นได้เปลี่ยนไปกลายเป็นชุดแขนยาวสีขาว(ยังไม่ใส่ผ้าคลุม) ทำให้ตี๋เกิดสงสัยว่าทำไมพอเมย์เข้าในประตูแล้วทุกครั้งชุดของเธอจึงเปลี่ยนไป

    “ทำไมพอเข้าประตูมาแล้ว เสื้อผ้าของเธอถึงเปลี่ยนไปล่ะ ทั้งๆที่เข้าประตูมาพร้อมกันเมื่อกี้นี้เอง”

    ตี๋เอยถามเมย์ด้วยความสงสัย (อย่างแรง)ว่าเมย์ไป

    “ออ จริงด้วยฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องอุปกรณ์อื่นๆในเธอฟังสินะ”

    เมย์พูดเหมือนจะพึ่งนึกได้ ว่าตี๋พึ่งเข้ามาใหม่ยังไม่รู้จักอะไรในโลกที่พวกเธอรู้จังมากนัก เธอจึงยกเข็มกลัดลูกใบไม้3ใบที่เป็นสัญลักษณ์ขึ้นมาให้ตี๋ดู

    “เรื่องชุดเอาก่อนล่ะกัน แต่ว่าเธอได้เอาเข็มกลัดอันที่ฉันให้ไปมาด้วยหรือป่าว”

    เมย์พูดถามให้ตี๋รู้ว่าของสิ่งนี้มีความสำคัญอยู่ ตี๋ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบขึ้นมาให้เมย์ดูทำให้หน้าเคร่งเครียดเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว

    (ถามจริงของที่คนที่ตัวเองแอบชอบให้มาใครจะไม่เก็บไว้)

    “เริ่มจากอันนี้ก่อนล่ะกันนะ เข็มกลัดอันนี้เรียกว่า Plate(เพลท) มีความสามารถในการบันทึกเวทมนต์ ซึ่งมนต์ที่บรรจุไว้ในนี้ก็มี

    1.White cloth ผ้าสีขาวที่ใช้เป็นผ้าคลุมของกลุ่ม มีความสามารถในการปิดบังพลังเวทมนตร์ไว้ใด้ด้วย

    2.Separate Dimensions ความสามารถที่แยกตัวที่ถือแผ่นเพลทนี้หรือผู้ที่รับอนุญาติจากผู้ใช้ ไปอยู่มิติที่4หรือโลกเสมือนจริง

    3.White Door มนต์ที่สร้างประตูสีขาว ที่ได้บันทึกพิกัดให้มาลงที่ป่าแห่งความฝัน แต่จะเข้าออกที่นี้ตามใจชอบได้ต้องทำสัญญากับบันทึกสีขาว

    4.Exit มนต์ที่จะเรียกประตูสีดำมาเพื่อเปิดกลับไปยังสถานที่ที่เปิดประตูสีขาว

    ซึ่งมนต์ทั้งหมดนี้จะถูกบันทึกไว้ให้สมาชิกทุกคนใน S.S.สามารถใช้ได้”

    เมย์พูดพลางโบยสะบัดเข็มกลัดแล้วผ้าคลุมสีขาวก็ออกมาก่อนที่เธอจะสวมมันแล้วกลัดมันด้วยเข็มกลัดที่เรียกว่า “เพลท” นี้

    “งั้นแล้วเรื่องป่าแห่งนี้ล่ะ เมื่อกี้เข้ามายังเช้าอยู่เลย เข้ามาที่นี้ก็มืดอีกแล้ว”

    หลังจากที่เมย์โชว์การใส่ผ้าคลุมที่ทำให้ตี๋ต้องอึ้งไปพัก ตี๋ก็เริ่มเอยปากพูดข้อสงสัยข้อต่อไปของตนเอง

    “ชั่งสังเกตจริงน่ะ”

    เมย์พลางยิ้มให้ก่อนที่เอยปากแซว แล้วเดินไปพูดไป

    “เมื่อก่อนก็เคยบอกไปแล้วนะ ว่าป่านี้เรียกว่า ป่าแห่งความฝัน มันเป็นในมิติหนึ่งจากโลกที่เราอยู่ แต่ก็อยู่ห่างกันไม่มากเท่าไร โลกต่างมิติทุกที่เวลาจะเดินต่างจากโลกแห่งความจริงตามระยะห่างระหว่างมิติที่อยู่ ส่วนของที่นี้เวลาจะเดิน3ต่อ1น่ะ หรือคือเราอยู่ที่นี้3ชั่วโมงแต่เวลาที่โลกแห่งความจริงจะเดินแค่1ชั่วโมงเท่านั้นเอง”

    เมย์พูดอธิบายสถานที่ระหว่างเดินไป หิน3กษัตริย์ซึ่งอยู่ตรงกลางสถานที่แห่งนี้ และตี๋ก็พยักหน้ารับตลอดทาง ซึ่งเดาไม่ถูกเลยว่าเข้าใจจริงหรือเปล่า

    ตรึง! ตรึง! ตรูม!!

    เสียงอึกกระทึกไปทั่วป่า เมย์กับตี๋จึงรีบวิ่งไปดูที่มาของเสียง พบว่าเจสันกำลังใช้ปืนสีเงินไล่ยิงไคเลอร์อยู่ แต่ไคเลอร์ก็ใช้ถุงมือสีขาวที่สร้างลูกบอลสีดำออกมารับเอาไว้แล้วสะท้อนกลับไปโดนกระสุนอีกนัดที่เจสันยิงมา

    “พวกเขาทะลกันแบบนี้ประจำเลยเหรอ”

    ตี๋เอยถามเมย์หลังจาก ยืนอึ้งที่ขนาดเล่นกันยังขนาดนี้เลยเหรอ

    “เหอะ ก็บางทีน่ะ”

    เมย์พูดพร้อมถอนหายใจแล้วเอามือกุ้มขะมัม

    “แบบนี้ยังเบาอยู่นะ รอบที่แล้วเล่นซะมิติเกือบแยกแนะ”

    ระหว่างนั้นเองเสียงของโมโนก็แทรกเข้า ซึ่งเธอที่อยู่สถานที่นี้ตลอด

    “ฉันว่ารีบหยุดดีกว่าไม่งั้น ถ้า2คนนั้นตื่นขึ้นมาเป็นเรื่องแน่”

    โมโนพูดด้วยใบหน้าที่เฉยเมิย

    ตรูม!!

    เสียงระเบิดที่ดังแปลกไปจากทุกที ได้ดังขึ้นมาพร้อมควันที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

    “ฉันว่าไม่ทันแล้วล่ะ หึหึ..”

    โมโนพูดต่อพลางทำหน้าตาเจ้าเล่ขึ้นมา

    “โมโน นี่เธอจงใจไม่ห้าม2คนนั้นเองใช้ไหมเนี่ย”

    เมย์พูดพลางทำทางเหนื่อยใจยิ่งกว่าเก่า

    เมื่อหมอกควันจางหายปรากฏ2เงาเงาหนึ่งเป็นของชายร่างสูงเกือบ2เมตร ค่อยๆเผยใบหน้าที่งามสง่าราวเทพบุตรและดวงตาสีเทาที่ดูสะลึมสะลือเหมือนพึ่งตึ่นนอนผมเปียยาวสีน้ำตาลพันไว้รอบๆคอ ใต้ผมเปียที่พันไว้เห็นผ้าคลุมสีขาวที่ปิดแค่ไหล่เขาเอาไว้เสื้อเชิ๊ตสีธรรมดากับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ถือระเบิดไดนาไมค์ไว้ในมือทั้ง2ข้าง เขาผู้นี้คือยามเอ้ยสมาชิกของกลุ่มS.S.อีกคนนามว่า “ชาร์เควล เด แมสคาเรเดอร์” แต่เพื่อนๆจะเรียกเขาว่า “ชาร์ค”

    และได้มีอีกเงาหนึ่งที่แพร่จิตสังหารอยู่ตลอดเวลา คือเงาของหญิงสาวอายุน่าประมาณเท่ากับเมย์และโมโน สวมชุดเสื้อคลุมและผ้าคลุมสีเทา ใบหน้าของเธอซีดขาวจนตาชั้นเดียวดวงตาสีดำเงาเหมือนอัญมณี ผมหยักศกสีน้ำตาลยาวปะบ่า ในมือกำง้าวที่มีคมบางจนดูจะตัดทุกอย่าง เธอคือ “ลิตชาเซ่ โยเว โคสบิลกาล” หรือ ”ลัลทรา ธัตยะ” ที่กำลังโกรธที่โดนขัดขวางการนอนของเธอ แต่จะรู้สึกได้ว่าเธอโกรธแต่เหมือนสีหน้าเธอจะเฉยมากเหมือนท้องฟ้าที่สงบก่อนจะมีพายุใหญ่

    “เฮ้ยนี้ พวกแกนะมาอาละวาดอะไรกันในนี้!!

    ชาร์คตะโกนไปทางที่เจสันกับไคเลอร์ ที่ยังตีกันไม่หยุด แล้วก็มีกระสุนลมที่เจสันกับที่ไคเลอร์สะท้อนกระเด็นมาใส่หน้าชาร์ค

    ฟรึบ!!

    แต่ก่อนจะถึงตัวชาร์คได้มีอะไรบ้างอย่างมาฟันให้กระสุนพวกนั้นหายไปแค่ช่วงพริบตา

    “ทางท่าจะไม่หยุดง่ายๆ”

    ลัลทราพูดพลางถือง้าววิ่งเข้าไปทางที่เจสันกับไคเลอร์ตีกันอยู่

    “ใช่จะมีแต่เธอจะหงุดหงิดที่โดนปลุกนะ ลัลทรา”

    ชาร์คพูดแล้ววิ่งตามลัลทราไป

    แล้ว ณ บัดนี้กลายเป็นมวยหมู่ไปเรียบร้อยแล้ว

    “อย่ามายุ่งน่าลัลทรา ยังไงวันนี้ฉันก็ให้เจ้าไคเลอร์ยอมก้มหัวให้ฉันให้ได้”

    เจสันพูดในขณะหลบง้าวของลัลทราที่โจมตีเจสันอย่างต่อเนื่อง เจสันก็กระโดดหลบแล้วยิงโต้กลับไป ลัลทราก็ฟันกระสุนพวกนั้นทิ้งแล้วไล่โจมตีต่อ

    ส่วนชาร์คที่วิ่งตามลัลทราก็ต้องเจอกับไคเลอร์ที่ยืนนิ่งอย่างสง่าในชุดสูทของเขา ชาร์คยืนจ้องมองไคเลอร์อย่างนิ่งๆเหมือนรอโอกาสโจมตี แต่สุดท้ายก็ยืนนิ่งเฉยๆทั้งคู่

    “โถ ใครก็ได้ช่วยหยุดพวกนั้นให้ฉันที่เถอะ”

    เมย์พูดตะโกนออกมา เหมือนไม่รู้จะทำยังไง จากปรากฏหญิงสาวรูปร่างเล็กสวมแจ็คเก็ตแขนยาวสีเขียวที่เปิดออกเห็นเสื้อสีดำเอวลอยและกางเกงขาสั้นสีเขียวสวมผ้าคลุมสีขาวกลัดเข็มกลัดรูปใบไม้3ใบ ผมยาวสีชมพู่ที่ปลายเส้นผมเป็นสีเขียวอ่อนดวงตาเธอสีม่วงอ่อนคล้ายดอกลาเวนเดอร์เดินจากข้างหลังที่พวกเมย์ยืนอยู่ แล้วเข้ามากอดเมย์ จึงทำให้ตี๋หน้าแดงขึ้น(อิจฉา)

    “ไงจ๊ะ หนูเอวาหุ่นอย่างดีไม่เปลี่ยนเลยนะ มีเรื่องเดือดร้อนอะไรเอย”

    ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเมย์ ราวกับสนิทกันมาก

    “อ่ะ! พี่มาการิต้า”

    เมย์ตกใจจึงรีบแกะมือออกที่จู่ๆมีคนเข้ามากอดระหว่างที่หัวเสียอยู่ แล้วมองไปที่ผู้หญิงที่มากอดเธอนั้นก็คือ “มาการิต้า ไล” หรือ..

    “ก็บอกแล้วไงให้เรียกฉันว่า บุปผา น่ะ”

    มาการิต้าหรือบุปผาได้บอกชื่ออีกชื่อหนึ่งให้เมย์รู้

    “พี่มาการิ.. เอ้ยพี่บุปผาช่วย ช่วยพวกคุณเจสันให้หน่อยได้ไหมค่ะ”

    เมย์พูดขอร้องให้บุปผาช่วยหยุดการอาละวาดของทั้ง4คนนั้น

    “โอ้ เรื่องกล้วยๆ”

    บุปผาพูดรับปากแล้ว เดินไปใกล้จุดที่ทั้ง4ตีกันอยู่ เธอเรียกพลังเวทย์ของเธอที่มีรูปร่างคล้ายใบไม้มารวมกันปรากฏเป็นปืนไรเฟิลที่มีรูปร่างประหลาดจนดูเหมือนหน้าไม้ ประดับด้วยใบไม้ แล้วเธอก็ยิงเข้าไปที่กลางวงที่ตีกันอยู่1นัด

    “เฮ้ย!! พวกนาย หยุดตีกันได้ไหม ท่านหัวหน้าเขาเครียดใหญ่แล้วน่ะ”

    บุปผาพูดพลางยกปืนขึ้นพาดไหล่ เสียงของเธอสะกิดเข้าไปในหูไคเลอร์

    “อ้าว สวัสดีครับคุณบุปผา”

    ไคเลอร์หันมาทักบุปผาด้วยเสียงที่ใสแจ่ม ชาร์คเห้นมีช่องว่างแล้วจึงปานระเบิดใส่ ไคเลอร์ก้มตัวหลบตามสัญชาตญาณ

    ตรูม!!

    ระเบิดโดนบุปผาเข้าอย่างจัง เมื่อควันจางหาย ดูท่าบุปผาไม่เป็นอะไรมาก แค่มีรอยไหม้ตามตัวนิดหน่อยเท่านั้น

    “นี้พวกนายจะยั่วโมโหฉันอีกคนเหรอไง”

    บุปผาพูดแล้วตั้งอาวุธเตรียมยิง แล้วก็ไปแจมเขาอีกคน

    “โถ พี่บุปผาไปร่วมกับเขาอีกคนซะล่ะ หึหึ..”

    โมโนพูดพลางหัวเราะขึ้นมา ทำให้เมย์นั่งสลดไปซะล่ะ แต่ว่ามันก็สนุกกันอยู่ได้ไม่นานเท่าไรนัก

    เงาสีดำที่ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นมายืนบนแท่นหิน3กษัตริย์ เป็นรูปร่างชายคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีดำที่คลุมหัวด้วยฮู้ดจากผ้าคลุมนั้น พวกเจสันที่ตีกันอยู่นั้นหยุดนิ่งจ้องมองไปที่ชายชุดดำ.....

     

    ณ ฐานใหญ่ของG.C. ประเทศสหรัฐอเมริกา

    เป็นเหมือนคฤหาสน์ตั้งอยู่บริเวณเขานอกเขตเมือง รอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และที่ห้องทำงานห้องหนึ่งของคฤหาสน์นั้นเอง

    “ให้ฉันเขาไปก่อนสิ” “แต่meมาก่อน ก็ให้meเข้าไปก่อนสิ”

    เสียงของฟรานกับฟีนิกส์ ที่ทะเลาะกันอยู่ที่ขอบประตู แล้วค่อยๆหลุดล้มเข้าประตูมาได้ทั้งคู่

    “พวกแก่ จะเล่นกันอีกนานไหม”

    เสียงของหญิงสาวที่เข้มจนเหมือนเสียงคนแก่ เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานค่อยๆหมุนมาข้างหน้าอย่างช้าๆปรากฏหญิงสาวหน้าตาสะสาวเหมือนพึ่ง20ต้นๆ ผมถักเปียยาวสีน้ำตาลในชุดทหารสีเขียวด้วยท่าทางที่น่าเกรงขามผิดหน้าตา เธอนั้นก็คือหัวหน้าของกลุ่มG.C.

     “พลเอก อิกนิส เดสแพร์” หรือ “จูดี้” แต่ที่ฟรานและฟีนิกส์เรียกก็คือ

    “โถ ป้าก็ไปหัวกบนี้มันมาขวางทางผมนิ”

    ฟีนิกส์ลุกขึ้นมาแก้ตัวก่อน

    “อะไรกันล่ะครับ ก็meเดินนำคุณมาตั้งครึ่งก้าวก็ถือว่าmeถึงก่อนไม่ใช่เหรอไงครับ”

    ฟรานลุกขึ้นมาพูดด้วยท่าทีเฉยๆแล้วขยับหมวกกบของเขา

    “กวนจริงนะแก่”

    ฟีนิกส์พูดด้วยท่าทีที่โมโห

    “นี้พวกแก่ หยุดบ้ากันซะที่ได้ไหม แล้วงานที่ฉันให้ไปทำ ทำไหมถึงได้ไปนานกันนัก”

    จูดี้ตะโกนด่าทั้งคู่ที่ทะเลาะโดนไม่สนเธอที่เป็นหัวหน้า

    “ครับจะรายงานเดียวนี้ล่ะครับ”

    ฟีนิกส์พูด พลางสะดุ้งขึ้นมา

    “ไม่ต้อง วีต้ารายงานผลมาสิ”

    จูดี้พูดห้ามฟีนิกส์ แล้วบอกผู้อื่นเป็นผู้รายงานแทนปรากฏเด็กหญิงอายุประมาณ15ปีเดินออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง

    หน้าตาของเธอสดใสดวงตาโตสีเขียวอ่อน ผมทรงทวินเทลสีเขียวอมฟ้ายาวจนเกือบถึงขา เสื้อคอปกแขนกุดสีเทา ผูกเนคไทสีเขียวอมฟ้า กระโปรงสั้นที่ยาวกว่าชายเสื้อเล็กน้อยสีดำที่ชายกระโปรงมีสีเขียวอมฟ้าเหมือนสีผม สวมปลอกแขนยาวแบบบานปลายสีดำขอบเขียวอมฟ้า และถุงน่องสีดำขอบสีเขียวอมฟ้า สวมหูฟังอยู่ตลอด เธอคือเลขาธิการและมือขวาของจูดี้ มีชื่อว่า ”ลอร์ด ดีเอส เคทิสโอน่า” หรือที่จูดี้เรียกสั้นๆว่า “วีต้า” (เหนื่อยจริงอธิบายตัวเนี่ย)

    และเธอเดินมาพร้อมรายงานในมือ ฟรานกับฟีนิกส์ทำหน้าเหมือนงานเข้าซะแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×