ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MageAccessory แก้งจอมเวทวุ่นป่วนซ่า!!<ปิดรับสมัครตัวละครแล้ว

    ลำดับตอนที่ #3 : Black Chain โซ่สีดำแห่งความมืดที่บีบรัดโลก

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 53


    ในความมืดมิดที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรให้หยิบจับหรือมองเห็น มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อโค้ดสีดำที่เปิดเห็นเสื้อสีขาวข้างในกางเกงตัวใหญ่สีดำ ผมสีบลอนและตาสีเทา กำลังล่องลอยอยู่ในความมืด อย่างไม่รู้สึกตัวเขาผู้นี้คือ “ริโทรเฟน วอน เอธไรส”

    “สวัสดีครับ”

    มีเสียงชายอีกคนดังมาจากความมืด

    “เสียงใครนะ”

    ริโทรเฟนตอบกลับไป และพยายามมองไปรอบๆ ก็มีแต่ความมืด แต่แล้วก็มีร่างชายในชุดผ้าคลุมสีดำที่มีออร่าเป็นแสงอ่อนๆ ผมสีขาวและสีผิวใบหน้าที่ซีดขาว ตัดกับดวงตาสีแดงราวโลหิตกับรอยสักรูปตัวJ  เขาคือ”ไซแอม”

    “ท่านคือพระเจ้าเหรอ”

    ริโทรเฟนเอยถามไซแอม ที่ปรากฏตัวออกมาจากความมือราวกับจะเป็นแสงส่องนำทางให้

    “ผมขอแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อ ไซแอม เอ็กซ์ เอนเดอร์ ผมนะไม่ใช่ทั้งพระเจ้า และมนุษย์ที่คุณเกลียดชังด้วย”

    ไซแอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จนขนลุก

    “ความมืดในจิตใจคุณ เรียกให้ผมมาที่นี้ คุณริโทรเฟน วอน เอธไรส”

    ไซแอมพูดต่อ เหมือนจะโน้มน้าวจิตใจของริโทรเฟน

    “ความมืดในจิตผมงั้นเหรอ”

    ริโทรเฟรนพูด เพราะติดใจกับคำว่าความมืดในจิตใจ มากกว่าทำไมไซแอมถึงรู้จักชื่อของเขา

    “พลังที่คุณมีจำเป็นกับผม เพื่อสร้างโลกใบใหม่ ที่ไม่มีมนุษย์ชั้นต่ำที่ชอบช่วงชิงและหักหลัง”

    ไซแอมพูดด้วยประโยคที่กระแทกเข้าไปในใจของริโทรเฟนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวมนุษย์

    “มากับผมสิ”

    ไซแอมพูดพลางยื่นมือออกมาให้ริโทรเฟน....

     

    ณ กรุงบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เวลาโดยประมาณ8โมงเช้า (เวลาห่างจากไทย11ชม.)

    โครม!!

    เจสันออกมาจากตรอกมืดๆแล้วแกะอมยิ้มขึ้นมาอม หลังจากมีเสียงอะไรซักอย่างตกลงบนเหล็กอย่างจัง

    “เล็ง ได้แม่นมากไคเลอร์ กลับไปต้องขอบคุณแรงๆซักหน่อยละ”

    เจสันพูดเสร็จก็วิ่งไปข้ามไปยังตึกฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นตึกเก่าๆ แต่ข้างหน้าเป็นกระจกเป็นร้านขายของโบราณ เข้าเดินไปเข้าทางหลังร้านมีประตูเหล็กอยู่ข้างตึก

    “อลันอยู่เหรอป่าว”

    เจสันเข้ามาไปในตึก แล้วร้องเรียกเจ้าของร้านที่ชื่อ “อลัน”

    “เอาเจสัน ทำไมซะเช้าเลย”

    ชายผู้หนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากชั้นบนตอบกลับมา เขาอายุประมาณ40ผมสั้นไว้หนวดเคราสีน้ำตาล ใส่แว่นหนาๆ สวมเสื้อเชืดสีเขียวที่สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน

    “ข่าวมาว่า คุณได้หน้าคัมภีร์แห่งOccursมาจริงเหรอป่าว”

    เจสันพูด ถึงอะไรสักอย่างที่พวกเขาอาจจะรู้กันอยู่

    หน้าคัมภีร์แห่งOccurs หน้าใบปริศนาที่โผล่ก่อนหรือหลังเกิดเหตุไม่นานมีจำนวนที่ไม่แน่นอน มันจะทำนายอนาคตที่จะเกิดขึ้นหรือบอกเหตุที่เกิดขึ้นไปแล้ว และเมื่อเหตุใหม่จะเกิดขึ้นมันก็จะหายไปเพื่อบอกเล่าเรื่องราวใหม่ที่เกิดต่อไป

    “อ่อใช่ ฉันได้มันมา3หน้า กว่าจะหาเจอไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมันอยู่ได้ทุกที่ อยู่ได้ทุกแห่ง และผู้ที่จะเจอมันจะต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของมันเท่านั้น”

    อลันพูดพลางเดินเข้าไปรื้อของที่ห้องใต้บันได จนฝุ่นตลบแล้วหยิบกล่องไม้สีเลือดหมูออกมา

    “นี้ไง ชะตาของพวกนาย”

    อลันพูด แล้วยื่นกล่องไม้ให้เจสัน

    เจสันเปิดกล่องไม้นั้นออก พบกระดาษที่ดูเก่าๆด้วยตัวอักษรโบราณ แต่ชัดเจนเหมือนพึ่งเขียนมาไม่นาน

    “บ้าที่สุด ฉันยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้”

    เจสันอ่านดูหน้ากระดาษทั้ง3แผ่น แล้วถึงกับตกใจจนต้องร้องตะโกนออกมา

     

    อีกด้านของโลก ที่ฐานวิจัยลับของรัฐบาลโลก ประเทศอิสราเอล เวลาตี3 (เวลาห่างจากไทย6ชม.)

    ชายผู้หนึ่งเดินออกมาจากเงาต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากฐานวิจัยนัก ร่างกายสูงและกล้ามที่สมส่วนดูน่าเกรงขามผมสีขาวแทรกดำด้วยทรงที่ดูยุ่งๆ สวมเสื้อโค้ดสีเทาที่เปิดเห็นเสื้อสีดำข้างใน และเมื่อเดินออกมาจนพ้นเงาก็เห็นกางเกงสีดำกับรองเท้าผ้าใบสีเทาของเขา แล้วเขาค่อยๆเอามือมาขยับแว่นตากรอบสีเงินใช่แล้วชายผู้นี้คือ “ไอแซค”

    ฐานวิจัยแห่งนี้ดูเผลินๆแล้วอาจจะดูเป็นฐานวิจัยพลังงานทั่วไปแต่จริงๆแล้วที่นี้ก็เป็นหนึ่งในฐานวิจัยศาสตร์ลับที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลและสังกัดหน่วยรบพิเศษG.C.

    “ภารกิจคือการไปนำชายผู้หนึ่งออกมาจากฐานวิจัยของG.C.ที่อิสราเอส ให้ผมหน่อย”

    ไอแซคคิดถึงคำสั่งของไซแอม พลางนั่งยองๆเพื่อหลงจากสายตาทหารแล้วคิดแผนที่จะบุกเข้าไป

    “เวรยามเบาบานเพราะว่าใกล้รุ่งสาง แถมมีแต่ทหารกระจอกเต็มไปหมด ภารกิจนี้ง่ายกว่าที่คิด”

    ไอแซคคิดแผนที่ตนจะบุกเข้าไปได้แล้วพร้อมจะบุก

    ตรูม!!

    เสียงอะไรบ้างอย่างตกมายังที่ๆไอแซคอยู่จนเป็นรูเบ้อเรอ แต่ไอแซคกระโดดออกมาทัน

    เมื่อฝุ่นจางหายไป เห็นอสูรที่หัวเหมือนสิงโตแต่ยืน2ขาและตัวใหญ่เหมือนกอลิล่าสีขนทั้งตัวมันเป็นสีน้ำตาลเข้ม(อิฟริส)

    “แม้ๆ อุสามาเยี่ยมถึงที่แล้วไม่ไปทักทายกันหน่อยครับ มิสเตอร์ ไอแซค”

    เสียงหวานๆที่พูดออกมาแบบนิ่งๆของเด็กผู้ชายดังมาจากในป่าบริเวณใกล้ๆกับที่ไอแซคอยู่ ไอแซคหันไปทางที่มาของเสียง เห็นเด็กผู้ชายที่หน้าหวานเหมือนกับผู้หญิง หัวมีหมวกรูปกบใบใหญ่ สวมเสื้อโค้ดสีดำลายขาว และใส่รองเท้าบูทที่ยาวมาถึงเข่า กำลังเดินเข้ามายืนต่อหน้าไอแซคและยกมือที่มีแหวนที่สลักเลข ”666” ที่ลุกไหม้ด้วยไฟสีน้ำเงิน(โชว์) เขาคือ “สิบโท แบล็คชอร์ต พี.เค ราเวน” หรือที่คนอื่นเรียกสั้นๆว่า “ฟราน”

    “นอร์ธ ซัตคลิฟต์”

    ไอแซคพูดเรียกชื่อคู่หูของตนด้วยเสียงที่แผ่วเบา ปรากฏโซ่เหล็กลายกระดูกงูที่ยาวกว่าเห็นด้วยการมองดูปกติออกมาแล้วพริบตานั้น ไอแซคก็ฟาดโซ่ไปฟันกับตัวอิฟริสแล้วเหวี่ยงไปทางที่ฟรานยืนอยู่

    ตรึง!!

    อิฟริสโดนเหวี่ยงฟาดกับพื้นอย่างแรง ข้างๆที่ฟรานยืนอยู่ อิฟริสสลายกลายเป็นควันสีเงินหายไปเหลือเพียง ลูกกบตัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งนอนตาลายอยู่ กบตัวนี้คือ “ทามามะ” คู่หูของฟรานที่ใช้พลังจากแหวนทำให้กลายเป็นอสูรด้วยภาพมายา

    โซ่เหล็กของไอแซคก็ดีดกลับไปที่ไอแซคอย่างรวดเร็ว ราวกับมันสามารถยืดได้และหดได้แล้วไปพันกับอยู่กับมือของไอแซคเพื่อพร้อมจะโจมตีต่อ

    “น่าตกใจจริงๆ ที่โจมตีเพียงที่เดียวทำให้อสูรของmeต้องกลายร่างเดิมได้แบบเนี้ย”

    ฟรานพูดพลางมองทามามะที่นอนหมดสภาพอยู่

    “สงสัยอิฟริสจะอ่อนแอเกินไปสำหรับคุณ”

    ฟรานพูดพลาง เร่งไฟที่แหวน

    “ทามามะ จะมัวนอนไปถึงไหน”

    ฟรานเรียกทามามะที่กำลังค่อยๆลุกขึ้นมา แต่รู้สึกจะมีอาการมึนหัวอยู่นะเนี่ย

    meจะให้คุณดี อสูรตัวโปรดของme ออกมาเลยBehemost!!

    สิ้นเสียงของฟราน ไฟสีน้ำเงินจากแหวนลุกไหม้ตัวของทามามะ กลายร่างเป็นสัตว์4ขาขนาดใหญ่มโหผิวสีม่วงเข้มขนสีทองที่กลางหลังและเขาที่แหลมคมยื่นออกมาข้างหน้า หางของมันยาวดูมีเกล็ดแข็งคลุมอยู่

    ( ช่วงเกร็ดความรู้เล็กน้อย เบเฮโมทเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์มีคล้ายสัตว์หลายประเภทในปัจจุบันเช่น ควายน้ำ แรด วัวและช้าง และที่ยอมรับมากที่สุดคือ ฮิปโปโปเตมัส เพราะการพระคัมภีร์ของอิศยา แปลตามตัวอักษรว่า Bahamat Negeb หรือว่าอสูรแห่งทิศใต้ คำบรรยายของมันคือขนาดตัวที่ใหญ่มโหฬาร กระดูกแข็งเหมือนท่อนเหล็ก กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและหางที่แกว่งเหมือนไม้สนซีดาร์)

    เสียงคำรามราวราชสี ของเบเฮโมทดังลั่นไปทั่วทั้งป่า ก่อนมันจะวิ่งเข้าใส่ไอแซค ไอแซคฟาดโซ่ไปฟันกับต้นไม้ก่อนจะให้มันดีดตัวเขาขึ้นไปให้กระโดดได้สูงกว่าขนาดตัวของเบเฮโมทแล้วฟาดโซ่ไปฟันคอมันไว้ เพื่อจะให้โซ่ปั้นกลับด้วยความเร็วสูงให้ความคมจากโซ่ของเขาปลิดชีพเบเฮโมทในครั้งเดียว แต่เบเฮโมทกลับกัดโซ่ไว้ได้แล้วกระชางตัวไอแซคลงมาแล้วใช้แรงอันมหาศาลนั้นกระแทกตัวไอแซคจนปลิวเข้าไปในฐานวิจัย

    “อุ๊บ รู้สึกจะเล่นแรงไปหน่อยแหะ”

    เสียงของฟรานบ่นกับตัวเราที่ดันส่งศัตรูเข้าไปในฐานแทนที่จะปกป้องไม่ให้เข้าไปได้

    (ต่อจากไหนไปจะเป็น บทบรรยายไทยของทหารอิสราเอล)

    “มีผู้บุกรุกๆ ทหารทุกหน่วยเตรียมพร้อมรบ”

    เสียงทหารในฐานวิจัยค่อยๆวิ่งเข้ามาล้อมไอแซคเอาไว้

    ไอแซคลุกขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นออกหลังจากโดนเบเฮโมทเล่นงานแล้วหลุดเข้ามาในฐานวิจัย ไอแซคกวาดสายตามองดูทหารรอบๆ ที่พยายามพูดกับเขาว่า “แกเป็นใคร มาจากไหน” แต่เขาฟังไม่รู้เรื่อง จนทำให้ไอแซครำคาญ

    Grim

    เสียงร่ายมนต์อันแผ่วเบาของไอแซค ก่อนจะทิ้งโซ่กระดูกงูลงบนพื้น โดยที่พวกทหารคิดว่าเขายอมจำนนจึงไม่ทันระวังตัว ก็ฝูงงูที่ตัวเป็นเหล็กหลายร้อยตัวเข้ามาทำร้ายทหาร จนวงที่ล้อมไอแซคอยู่แตกฮือกันออกไป แล้วไอแซคก็วิ่งพยายามไปที่ตึกศูนย์วิจัยโดยไม่สนใจฟราน ที่ขี่เบเฮโมทวิ่งไล่ตามมาโดยไม่สนฝูงงูที่ทำร้ายทหารอยู่เช่นกัน

    แต่แล้วเบเฮโมทก็กลับคืนร่างทามามะเดิม

    “ไม่ไหวแล้วครับ สิบโทผมเหนื่อยมากเลยครับ”

    เสียงทามามะ ที่ยังมีอาการจากการเล่นงานครั้งแรกของไอแซคอยู่จนไม่ได้สามารถขยับตัว

    “เฮ้อ ดูท่าจะต้องพักยกกันซะก่อนล่ะ”

    ฟรานพูดพลางหยิบทามามะขึ้นแล้วเดินไปหลบมุมอยู่ในพุ่มไม้ ทหารที่วิ่งมาสมทบที่หลังเห็นหัวกบที่เลยพุ่มไม้ออกมา

    “ท่านฟรานทำอะไรอยู่เหรอครับเนี่ย”

    ทหารหน่วยหนึ่งสังเกตเห็นก็เลยพูดถามเลย

    “กำลังแอบซุ่มโจมตีอยู่ครับ เอาล่ะคุณช่วยไปต้อนเป้าหมายที่วิ่งเข้าไปในตึกวิจัยออกมาให้ที่ได้ไหม เดี๋ยวmeจะรออยู่ตรงนี้ล่ะ”

    ฟรานพูดด้วยหน้าตาที่เฉยเมื่อย แล้วสั่งให้ทหารไปไล่ล่าไอแซคที่อยู่ในตึกออกมา

    ทหารผู้ซื่อๆที่มาสมทบใหม่ก็วิ่งเข้าไปยังศูนย์วิจัย ซึ่งระหว่างทางก็มีงูเหล็กพุดขึ้นมาจากดินโจมตีเข้าใส่

    “แม้มีกับดักอยู่จริงๆซะด้วย แบบมีหวังโดนคุณป้าด่ายับอีกแน่”

    ฟรานพูดบทถึงใครบ้างคน ที่ใช้สรรพนามเดียวกับฟีนิกส์

    ทางด้านไอแซควิ่งเข้าไปในศูนย์วิจัยก็ยังเจอทหาร จึงได้ปลอมตัวเป็นนักวิจัยเพื่อไม่ให้เตะตาและงานต่อการหลบซ่อน

    ข้างในศูนย์วิจัยนี้เต้มไปด้วยการวิจัยเคมี และเทคโนโลยีมากมายแต่ดูไม่ค่อยจะเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไร

    ไอแซคเดินเข้ามาเรื่อยๆก็ยังไม่เจอสถานที่วิจัยเรื่องเวทมนต์หรือศาสตร์ลับเหนือธรรมชาติเลย แต่เมื่อเดินผ่านห้องทดลองห้องหนึ่งชื่อว่า”ProjectM” เขารู้สึกประหลาดจึงเดินเข้าไปดู

    ทั่วทั้งห้องทำจากพลาสติก อะไรซักอย่างเหมือนหม้อพลังงานอยู่กลางห้องมีสายระโยงรยางค์เต็มไปหมด

    ไอแซคจึงไปกดสวิตซ์เปิดออกดู พบชายผมสีบลอนด์นอนอยู่ในนั้นซึ่งอยู่ในสภาพชุดที่เหมือนถุงนอน ไอแซควิ่งไปปิดสวิตซ์เครื่องในหยุดทำงาน

    ดวงตาของชายผมสีบลอนด์ค่อยๆเปิดออกเห็นดวงตาสีเทา แล้วเขาก็ได้ฉีกชุดที่เหมือนถุงนอนนั้นออกพบว่าข้างในเต็มไปดูสายไฟที่เอาไว้ตรวจวัดค่าอะไรบ้างอย่างจากตัวเขา

    “ท่านไซแอมส่งผมมา คุณคือริโทรเฟน วอน เอธไรส ใช่ไหมครับ”

    ไอแซคบอกกับชายผมบลอนด์ที่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ

    “ใช่ ข้าคือริโทรเฟน”

    ริโทรเฟนพูดตอบกลับไอแซค พลางยืดตัวเพราะไม่ได้ขยับมานานแล้วยื่นมือมาข้างหน้า เครื่องที่เก็บหลอดแก้วขนาดใหญ่ที่มุมห้องก็สั่นแล้วก็มีเหรียญรูปกางเขนพุ่งออกมา หยุดอยู่ที่มือเขา

    “ไม่เจอกันนานเลย เพื่อนยาก”

    ริโทรเฟนพูดจบก็มีโลหะจากอากาศค่อยๆประกอบกันที่เหรียญรูปกางเขนเป็นสร้อยห้อยคอ เหมือนริโทรเฟนค่อยๆสวมมันพร้อมๆกับมีเงาสีดำจางๆมาปกคลุมทั่วร่างริโทรเฟน แล้วค่อยๆชัดขึ้นจนเป็นเสื้อโค้ดสีดำคลุมร่างริโทรเฟนจากร่างกายที่เปลือยปล่อย

    “ข้าพร้อมแล้ว เชิญนำทางข้าไปได้เลย”

    ริโทรเฟนพูดบอกไอแซคที่ยืนค่อยอยู่

    ทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง ไอแซคถอดชุดออกแล้วโยนทิ้งไป แล้วเสื้อโค้ดสีเทาก็ปรากฏออกมาแทน

    ตรูม!!

    ริโทรเฟนดันเหล็กในกำแพงออก ทำให้แตกออกเป็นรูเบอเร้อ เป็นทางออกให้พวกเขา

    พวกเขาเดินออกมาที่หน้าตึกวิจัยอีกครั้งร่างทหารนอนบาดเจ็บล้มตายจากการสู้กับงูเหล็กเป็นจำนวนมาก แล้วงูทั้งหลายนั้นก็ค่อยๆมารวมกันแล้วต่อกันกลับเป็นโซ่ที่มือของไอแซคเช่นเดิมจนดูเหมือนทำภารกิจเสร็จแล้ว

    “ลืมอะไรกันไปหรือป่าวครับ พี่น้อง”

    ฟรานพูดในขณะที่ เบเฮโมทกำลังคำรามแล้วเข้าจู่โจมจอมเวททั้ง2ทันที่

    ริโทรเฟนเรียกไม้เท้าออกมาแล้วใช้พลังของเขาบีบด้านไม้เท้าให้เป็นดาบเรียวยาวเกือบ2เมตร

    “โห เรียกดาบที่เล็กเป็นเส้นหมี่แบบนั้นมาก็ทำอะไร

    ฟรานพูดยังไม่ทันจบในขณะที่เบเฮโมทวิ่งผ่านจอมเวททั้ง2 ริโทรเฟนสวัดดาบไป1ครั้งในขณะยืนอยู่นิ่งเฉยๆ

    ขาหน้าของขาดวิ่น เบเฮโมทล้มลงแล้วสลายไป กลายเป็นนอนกลิ่งอยู่บนพื้น

    “เจ็บๆ จังเลยเจ็บเลย ยังกะแขนโดนตัดจริงๆแนะ”

    ทามามะนอนร้องตะโกนลั่น ทั้งๆที่แขนตนเองก็ยังอยู่ ฟรานกระโดดมาทางที่ทามามะนอนกลิ้งอยู่

    “โอ้โหแหะ กระดูกของเบเฮโมทที่เป็นเหล็กยังตัดได้ง่ายๆ กลับไปตอนนี้โดนคุณป้าดุเอาแน่ๆแต่ชั่งเถอะ ไว้เจอกันใหม่โอกาสนานนะคับ”

    ฟรานพูดบ่น แล้วก็เปลี่ยนตนเองเป็นหมอกแล้วหายตัวไป

    “ฝีมือของคุณไม่ใช่เล่น เหมือนกันนิครับ”

    ไอแซคเอยปากชมริโทรเฟน

    “แค่ภาพมายายังไงก็ไม่ใช่ของจริง โลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่แท้จริง”

    ริโทรเฟนพูดพลางจับไม้เท้ารูปหัวนกอินทรีด้วย2มือ ยืนรับสายลมยามเช้าในขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า

    “พวกB.C.ได้พวกเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว ไม่ธรรมดาซะด้วยสิ แต่หนูเมย์บอกว่าสมาคมเราก็ได้สมาชิกใหม่มาด้วยเหมือนกันนิน่า อยากเห็นหน้าไวๆจังแหะ”

    เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดกับตนเอง ลักษณะของเธอ ผมของเธอสีชมพูอ่อนละมุนนุ่มที่ปลายเป็นเขียวของใบไม้ ซอยยาวถึงกลางหลัง หน้าม้าซอยให้ตรงกลางยาวมาจรดปลายจมูกเว้นตรงช่องให้ตัดเสมอปลายตาเป็นสันแหลม มีปอยผมซอยเป็นเส้นๆถึงคาง บนกึ่งในเขตป่าลึกกำลังส่องกล้องส่องกล้องทางไกลมองดูพวกไอแซคอยู่….

     

    “พลังอันยิ่งใหญ่มาพอภาระที่ใหญ่ยิ่ง”

    เสียงหนังเรื่องสไปเดอร์อแมนจากทีวี ที่ตี๋เช่ามาจากร้านหน้าหมู่บ้าน หลังจากที่กลับมาจากป่าแห่งความฝัน และได้รับรู้เรื่องราวต่างๆจากปากของเมย์จนนอนไม่หลับ

    ไฟสีดำลุกไหม้จากความมืด ปรากฏร่างโครงกระดูกไม่มีไฟสีม่วงอยู่ที่อกในชุดผ้าคลุมสีดำมาโผล่ขวางหน้าทีวีที่ตี๋ดูอยู่

    “เอาคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปจะเอาไรกับผมเนี้ยเฮีย แถมรอบนี้มาซะครบตัวเลย”

    ตี๋ที่กำลังนอนดูหนังอยู่โซฟา ก็บ่นเป็นชุด หลังจากที่เจ้าหัวกะโหลกได้หายไปหลังจากเสร็จพิธีบันทึกชื่อในหนังสือเวทที่ป่าแห่งความฝัน

    “ข้าบอกเจ้าไปแล้วกำไลนั้นคือตัวของข้า และข้าก็บอกไปแล้วว่าหลังจากนี้ ไม่มีความอดทนเอาซะเลยนะ เนวเจ้าคนก่อนนิสัยใจเย็นกว่านี้เยอะ”

    เจ้าหัวกะโหลกที่รอบนี้มาแบบครบตัว พูดในลักษณะกวนประสาทอีกเช่นเคย

    “ก็บอกแล้วไปว่า ชื่อตี๋ไม่ใช่เนว”

    ตี๋พูดด้วยอารมณ์ที่ชักเริ่มเดือดอีกละ

    “งั้นก็เปลี่ยนชื่อซะสิ”

    เจ้าหัวกะโหลกพูดก่อนจะลุกไหม้แล้วหายไป

    “กลัวจะเถียงทันอ่ะดิ รีบหนีไปก่อนจังเลย เหอะดูหนังต่อดีกว่า”

    ตี๋บ่นทิ้งทวนไป แล้วก็นอนดูหนังก่อนที่ อยู่ดีๆมันก็เป็นเปลี่ยนเป็นเรื่องคนเหล็ก ยังเป็นเป็นพากย์ภาษาอังกฤษอีกด้วยกดเปลี่ยนช่องไม่ได้อีกด้วย

    “อ้าวเฮ้ยเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย โถโว้ยตูฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง!!

    ตี๋บ่นอย่างประสาทเสียหลังจากทีวีเปลี่ยนเรื่องไปโดยไม่มีสาเหตุ สำหรับเขาตอนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่เปลี่ยนแล้วล่ะมั่ง

    แหวนรูปหัวกะโหลกอ้าปากเอาควันสีดำออกมาลางๆ แล้วแสยะยิ้มออกมาเหมือนกับจะบอกว่า “สะใจ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×