คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สมาคมจอมเวทผู้พิทักษ์ความฝัน Silver Seraph
ในเวลาค่ำของวันเดียวกันนั้นเองที่ตี๋ได้แหวนประหลาดมา เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมันมากนักเพราะในวันเดียวกันนั้น ผู้หญิงที่เขาแอบมองมาตลอดได้เข้ามาคุยกับเขาเอง ทำให้เมื่อลงจากรถเมล์ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว เขาก็ลืมรถจักรยานที่จอดไว้ซะสนิทแล้วเดินเท้าไปจนถึงบ้าน
หมู่บ้านที่ตี๋อยู่นั้นเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่ดูท่าทางจะมีกินไม่ใช่น้อย บ้านของเขาเองนั้นจะอยู่กลางๆซอยเลยสวนสาธารณะไปหน่อยนึงเท่านั้นเอง
“พี่ตี๋กลับบ้านดึกอีกแล้วนะ เมื่อไรพี่จะเลิกในหนูอยู่เฝ้าคนเดียวซะที”
เสียงเด็กผู้หญิงอายุประมาณ15ปี ผมดำยาวหน้าออกหมวยๆสวมเสื้อชืดสีชมพู่กางเกง3ส่วนสีขาว เธอคือ “ลูกน้ำ” น้องสาวของตี๋ ที่ออกมายืนด่าตี๋ที่พึ่งเดินเข้าผ่านประตูรั้วเข้ามา แต่น้องสาวคนนี้ตี้ชอบเรียกเธอว่า...
“โถ หมวยเล็กพี่ติดกิจกรรมชมรมอยู่เลยกลับช้าเนี่ย”
ตี๋ตอบด้วยทางทีรำคาญ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมาด่าแต่วันนี้นึกคึกอะไรขึ้นมา
“ไม่ต้องมาโกหกเลยพี่ตี๋ พี่เมย์เขามาหาเมื่อตอนเย็นเห็นบอกพี่ไปถ้ำๆมองๆอยู่หน้าโรงเรียนเขาแทบทุกวัน”
ลูกน้ำพูดทำให้คำค้านของตี๋ตกไป แต่ตี๋กลับหูพึ่งขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่า “เมย์”
“เมย์ เมย์ไหนเหรอ”
ตี๋พูดถามด้วยความสงสัย และตะหงิดๆว่าจะเป็นชื่อสาว
“ก็พี่เมย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านเราไง พี่ชีวิตพี่เคยรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย”
ลูกน้ำด่าต่ออีกราวจะบอกว่า นี้ไม่รู้จริงๆเหรอ
แต่เมื่อลูกน้ำพูดจบ สาวเจ้านามว่า “เมย์” ก็เดินออกมาจากบ้านพอดีด้วยชุดกันหนาวแขนยาวจนเลยมือสีขาวมีฮู้ดกับกางเกงขาสั้นสีดำที่โดนชายเสื้อของเสื้อกันหนาวปิดสนิท (แต่ตอนนี้ไม่ได้ใส่แว่นนะ)
“นั้นไง พี่เมย์”
ลูกน้ำพูดพลางชี้นิ้ว ให้ตี๋ดูว่าคนที่พวกเขาพูดถึงอยู่เป็นใคร เมื่อตี๋หันไปมองก็ถึงกับตาค้างเพราะผู้หญิงที่เขาแอบมองมาตลอดจะอยู่แค่ตรงข้ามบ้านเขาเท่านั้นเอง แถมในรูปลักษณ์ที่เซ็กซี่ ต่างจากรูปลักษณ์เด็กเรียนที่เขาเห็นประจำอีกด้วย
เพราะที่จริงแล้วตี๋นั้นตื่นสายเอาเรื่อง แถมเมย์ก็ออกไปเรียนตั้งแต่เช้าโดยที่มีพ่อแม่พลัดกันไปส่ง แถมตอนเย็นตี๋ก็กลับบ้านดึกแทบทุกวัน และในวันหยุดเมย์ก็จะไม่อยู่บ้าน(ไปทำภารกิจ) ส่วนตี๋ก็เอาแต่นอนจนตื่นอีกที่ก็ตอนเย็น
“พี่ตี๋ พี่ตี๋”
ลูกน้ำร้องเรียกตี๋ ที่หันไปมองเมย์ที่พึ่งเดินออกจากประตูรั้วหน้าบ้าน
“รถจักรยานอยู่ไหนอ่ะพี่”
ลูกน้ำพูดต่อเพราะ ตี๋ไม่มีที่ท่าว่าจะตอบกลับ
“เฮ้ยลืมจักรยานไว้หน้าหมู่บ้าน”
ทำให้ตี๋สะดุ้งแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าตนลืมจักรยานไว้ที่หน้าหมู่บ้าน
“กลับไปเอามาเลย”
ลูกน้ำพูดเสร็จก็ดันตี๋ออกไปหน้าบ้านแล้วก็ปิดประตู ในจังหวะที่เมย์กำลังปิดประตูรั้วพอดีเหมือนกัน
“ออ กลับบ้านดึกจังเลยนะค่ะ ทะเลาะกับลูกน้ำอีกแล้วเหรอ”
เมย์เป็นฝ่ายพูดทักก่อน และดูเหมือนจะรู้จักลูกน้ำดีซะด้วย
“คุณเมย์ รู้จักหมวยเล็กด้วยเหรอครับ”
ตี๋ตอบกลับด้วยอาการเขินอาย
“เรียกเมย์เฉยๆก็ได้ค่ะ ก็เคยพูดคุยกันบ้างบางครั้งนะค่ะ”
เมย์พูดด้วยวาจาที่สุภาพ และรอยยิ้มที่ทำให้ตี๋ร้อนไปทันตัว
“ว่าแต่คุณ..เอ้ย เมย์จะไปไหนตอนดึกๆแบบนี้เหรอครับ”
ตี๋เริ่มพูดคุยแบบรวมความกล้าสุดชีวิต
“ว่าจะไปซื้อของให้พ่อที่หน้าหมู่บ้านอะค่ะ แล้วคุณเอ่อ..”
เมย์ตอบกลับ พลางทำท่านึกชื่อของตี๋ ที่แม้จะคุยกันก็ยังไม่เคยเลย
“ผมชื่อตี๋ครับ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณด้วยก็ได้ครับ”
ตี๋บอกชื่อ อย่างเต็มใจด้วยความหวังในชีวิตวัยรุ่นที่ชื่นบาน เมย์ก็ยิ้มตอบกลับมาเหมือนบอกให้รู้ว่าเธอได้รับรู้แล้ว
“ยังไงก็ให้ผมเดินไปด้วยนะครับ เพราะยังไงผมก็ต้องไปเอารถจักรยานที่หน้าหมู่บ้าน”
ตี๋พูดด้วยอาการที่เหงื่อไหลออกเต็มหน้า
“อ่อคะ มีคนเดินไปเป็นเพื่อนด้วยก็ดีเหมือนกัน”
เมย์พูดรับคำขอ ของตี๋แล้วก็เดินไปด้วยกัน
ค่ำคืนในหมู่บ้านที่ผู้คนกลับจากการทำงานที่เหนื่อยล้าก็ต่างพักผ่อนอยู่ในบ้านของตน เหลือเพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังเดินไปตามทางโดยมีเพียงแสงไฟทาง ดวงจันทร์และดวงดาวค่อยนำทาง ด้วยสายลมที่หนาวเย็นค่อยพัดอ่อนๆตลอดทาง
“เมย์ครับ ผมอยากถามเรื่องอะไรซักเรื่องหนึ่ง”
ตี๋เอยถามขึ้นมาในระหว่างที่เดินอยู่
“ถามมาสิค่ะ”
เมย์พูดตอบกลับมา ระหว่างที่เดินโดยเอามือไขว้หลังไว้
“ทำไม เมย์ถึงเห็นแหวนวงนี้ แต่เพื่อนผมบอกว่ามองไม่เห็นมัน”
ตี๋พูดจบก็ยกมือที่สวมแหวนหัวกะโหลกที่เก็บได้ให้เมย์ดู
“แล้วตี๋ได้มายังไง เหรอค่ะ”
แต่เมย์กลับถามย้อนกลับมา ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ตอนบ่ายๆวันนี้ละครับ พอดีระหว่างทางไปตลาดไม่รู้ใครปานมาโดนหัวผม”
ตี๋ก็พูดตอบอย่างซื่อๆ แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องชายหัวกะโหลก
“ตี๋เชื่อเรื่องเวทมนต์ หรือป่าวค่ะ”
เมย์เอ่ยถามเมื่อตี๋พูดจบ
“ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เหรอครับเพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใช้เวทมนต์เลย”
ตี๋พูดพลางหัวเราะไปด้วย เหมือนจะบอกกับเมย์ว่า ถามอะไรตลกไปได้
“ผู้ที่จะมองเห็นพวกนี้ ต้องเป็นที่คัดเลือกแล้วเท่านั้น ผู้ที่ครอบครองแล้วจะต้องดูแลไปตลอดชีวิตดังดวงวิญญาณของตน”
เมย์พูดแล้วก็หยุดเดิน ตี๋ก็หยุดมองในท่าทีของเมย์ที่เปลี่ยนไป
“ตี๋คะ ช่วยไปที่ที่หนึ่งกับฉันหน่อยได้หรือป่าว”
เมย์พูดท่าทีจริงจัง ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง ตี๋ได้ฟังคำพูดนั้นแล้วรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที
“ไปที่ไหนเหรอครับ ดึกๆแบบนี้แล้วไม่ไปซื้อของให้คุณพ่อแล้วเหรอ”
ตี๋เห็นท่าไม่ดี เลยพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่เสียเวลาเท่าไหร่เหรอค่ะ ถึงไปที่นั้นเวลาก็ไม่เดินต่อ”
เมย์พูดในประโยคที่ให้ความหมายแปลกๆพอพูดจบลง บานประตูสีขาวก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นแล้วเปิดออกแสงสีขาวส่งออกมาจากข้างในประตู แต่แสงนั้นอ่อนจึงไม่แสบตา
“เข้ามาสิค่ะ เข้ามาพบกับพวกเรา”
เมย์เดินไปที่หน้าประตู แล้วพูดชวนตี๋เข้าไปในประตู ทั้งที่ตี้ตอนนี้มึนไปหมดแล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่ก็ยอมตามเข้าไปโดยดี
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในประตู ประตูก็ปิดแล้วหายไป
ทั้งคู่ผ่านประตูมา ณ สถานที่ที่เหมือนกับเป็นป่าที่มีใบสีเขียวส่องแสง และมีดวงไฟสีเขียวคล้ายหิ่งห้อยลอยขึ้นมาจากพื้นตลอดเวลา เมย์เดินผ่านประตูมาเสื้อกันหน้าที่ใส่อยู่เปลี่ยนเป็นเสื้อแจ็คเก็ตสีขาว และกางเกงก็เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วเธอก็หยิบเข็มกลัดสีเงินรูปใบไม้3ใบออกมาสะบัดออกมาเป็นใบคลุมสีขาวแล้วเธอก็สวมมัน
“อ่อ โทษทีตกใจเหรอป่าว”
เมย์หันกลับมามอง ตกใจล้มอยู่บนพื้น
(ไม่ตกใจก็แปลกแล้ว) ตี๋คิดในใจ
เมย์ก็ยื่นมือมาเพื่อที่จะช่วยดึงตัวตี๋ขึ้นมา แต่ตี๋ก็พยุงตัวขึ้นมาเอง(เพราะกลัวเสียฟอร์ม) เมย์เห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วเดินนำตี๋ไปธารน้ำที่อยู่ตรงกลางป่า ไม่ห่างจากจุดที่พวกเขาเข้าประตูมามากนัก
ธารน้ำนี้มีลักษณะเป็นวงกลมล้อมเกาะที่มีหิน3แท่นที่ไม่เท่ากันตั้งไว้แบบไม่เป็นระเบียบอยู่ตรงกลาง โดยจากริมธารน้ำจะมีแท่งหินเป็นทางเดินเข้าไปเกาะตรงกลางได้3ทิศทาง
“ที่นี้คือแดนต่างมิติเรียกว่า ป่าแห่งความฝัน และนั้นคือจุดรวมพลของพวกเราคือที่นั้น หิน3กษัตริย์”
เมย์อธิบายเรื่องสถานที่ให้ตี๋ฟัง แล้วชี้ไปหิน3ก้อนที่ตั้งเรียงกันไว้ แต่สภาพตี๋ในตอนนี้เอ๋อรับประทานไปซะล่ะ
เมื่อเมย์นำทางตี๋มาถึงหิน3กษัตริย์ ก็บุคคลอยู่ที่นั้น3คน
“ไงจ้ะ หนูเอวาวันนี้มาช้าจังเลยนะ”
เสียงที่ดุดันของผู้ชายดูมีอายุเดินเข้ามาทัก ชื่อผู้นี้คือ “แอรีเรียน กันมาเรียส หรือเจสัน วารีนเซีย” ลักษณะของเขาเป็นคนตัวสูงผิวคว่ำสวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงสีดำ สวมแว่นตากรอบเงินที่เลนส์ข้างซ้ายเป็นสีดำ ตาซ้ายมีรอยแผลจนตาปิดสนิท ผมหยักยาวปะบ่าสีทองมีเคราเล็กน้อย
“คุณแอวีเรียน ไม่ยอมใส่ผ้าคลุมอีกแล้วนะค่ะ”
เมย์พูดตัดบท ด้วยท่าทีจริงจัง
“เรื่องยุ๋มยิ๋มอย่าไปใส่ใจเลยน่า ว่าแต่เจ้าหนุ่มคนนี้เหรอผู้ครอบครองมังกรโลหะ”
เจสันเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วหันมาจ้องมองตี้อย่างสนใจ
“ตี๋ นี้คือคุณแอวีเรียน กันมาเรียส”
เมย์พูดแนะนำ ชายท่าทางดุดันให้ตี๋รู้จัก
“เอ่อ สะ..สวัสดีครับ ผมชื่อตี๋คับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแอวีเรียน”
ตี๋พยายามแนะนำตัวเองให้แอวีเรียนรู้จัก ด้วยหน้าตาท่าทางที่บอกว่า “ใครก็ได้บอกผมที่นี้มันเกิดอะไรขึ้น”
“เรียกฉันว่า เจสันก็ได้ ไอ้น้องชักชอบแก่แล้วสิ แกก็ชอบเจ้าหนูนี้เหมือนกันใช่ไหม แฟรย์”
เจสันกอดคอตี๋ ยังกับเพื่อนสนิทแล้วก็มี หนูตะเภาสีขาวนามว่า ”แฟรย์” บินผ่านไปผ่านมาหน้าตี๋
(หนูตะเภาบินได้ นี่มันอะไรกันเนี่ย)
ตี๋คิดในใจและก็ถึงกับตาลาย แถบจะสลบจากแรงแขนของแอวีเรียนที่ล็อคคอเขาอยู่
“เธอคิดว่าเจ้าไก่อ่อนนี้จะไหวจริงๆนะเหรอ เมย์”
หญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตาสีฟ้าอ่อนดังน้ำทะเลที่ใสสะอาด ผมหยักศกสีเขียวเข้มจนเกือบดำ สวมเสื้อสีฟ้าอ่อนกางเกงสามส่วนสีขาวและผ้าคลุมสีขาวที่มาถึงข้อศอก ดูเป็นเอกลักษณ์เธอผู้นี้คือ “เพอลิเซีย แคลลันเดีย หรือโมโน” เดินเข้ามาคุยกับเมย์ และจ้องมองตี๋อย่างไม่ชอบใจ
“หนูเอวา ไม่พาเจ้าหนูไปลงทะเบียนก่อนเหรอ”
เจสันพูดถามเมย์ที่ยืนคุยกับโมโนอยู่ คำพูดของเจสันทำให้เมย์นึกขึ้นมาได้
“แล้วพี่ มาการิต้าไปไหนละค่ะ”
เมย์เอยถามขึ้น ถึงผู้ที่หายไป
“ไปสังเกตการณ์ ที่อิสราเอลน่ะ”
เสียงนุ่มลึกของชายคนหนึ่งตอบกลับมา เขาคือสมาชิกอีกคนของสมาคมนี้นามว่า “อารค์ไลท์ ออฟ โซโลม่อน หรือ ไคเลอร์” ลักษณะของเขาถึงว่าเป็นชายหน้าตาดี ผมสีดำดวงตาสีแดงสวมชุดสูทสีขาวและผ้าคลุมสีขาว (ทำไมให้รู้สึกถึงจอมโจร คิดส์ น่า)
“งั้นใช้พยานแค่นี้ก็น่าจะพอละ เอาล่ะพาเจ้าหนุ่มนี้ไปลงทะเบียนกันดีกว่า”
เจสันพูดพลางลากตี๋ที่สภาพเหมือนคนใกล้ตายซะไม่มี
ทุกคนเดินข้ามธารน้ำด้วยทางทิศเหนือ เดินเข้าไปเรื่อยพบซากคล้ายซากวิหารที่ทำจากหิน มีแท่นวางหนังสือปกหนาเล่มใหญ่(ใหญ่มากๆ)อยู่ตรงกลางลานวิหาร
เมย์เปิดมันออกมาเนื้อหาของมันดูจะเป็นรายชื่อจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีเทาเหมือนหมึกมันหลุดออกไป
“นี้มันหนังสืออะไร งั้นเหรอครับ”
ตี๋จ้องมองหนังสืออย่างประหลาดใจ
“หนังสือสัญญาสีขาวแห่ง Silver Seraph ผู้ที่ทำสัญญากับหนังสือเล่มนี้เท่านั้นถึงจะเข้าที่นี้ได้อย่างอิสระ ชื่อที่สีดำนั้นคือ ชื่อของสมาชิกในปันจุบัน”
เจสันพูดอธิบายให้ตี๋ฟัง ตี๋ก็ทำหน้านิ่งตั้งใจรับฟัง
“แล้วไอ้ที่มีรอยเหมือนมีอะไรเคยเขียนไว้นั้นละครับ”
ตี๋เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็คือพวกที่ ตายไปแล้วยังไงล่ะ”
โมโนพูดด้วยเสียงเฉยชาชวนขนลุก พร้อมทำท่าวิญญาณล่องลอยประกอบ
“ตี๋มายืน หน้าหนังสือนี้สิ”
เมย์พูดบอกให้ตี๋มายืนอยู่ หน้าหนังสือที่ขนาดของมันจริงๆใหญ่เกือบเท่าตัวคน
“พูดชื่อของเธอกับ ชื่อของAccessory แล้วมั่งจะบันทึกเข้าไปในนั้นเอง”
เมย์พูดอธิบายวิธีการบันทึก หนังสือเล่มนี้
“เมย์ นี้เธอจะให้ผมทำสัญญาบ้าบออะไรโดยที่ไม่อธิบายให้ผมฟังเลยอย่างงั้นเหรอ”
ตี๋เริ่มรู้สึกไม่ดี และเหมือนตื่นกลัวที่จู่ๆก็ลากเขามาเป็นของเล่นโดยไม่พูดอะไรให้ฟัง และเล่นซะทุกคนหยุดนิ่งเงียบกันไปหมด
จู่ๆไฟสีดำก็พุ่งออกมาจากพื้น เจ้าหัวกะโหลกในชุดผ้าคลุมสีดำก็โผล่ออกมา
“เจ้าเป็นคนบอกเธอเองไม่ใช่เหรอว่าไม่เชื่อเรื่องเวทมนต์ หยุดพล่ามซะ เสร็จจากตรงนี้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง”
เจ้าหัวกะโหลกพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง ตี๋ได้ฟังดังนั้นจึงคิดจะทำตามแต่โดยดี
“Mage Neverlost transbreak,Accessory Assotik”
เจ้ากะโหลกพูด ชื่อของจอมเวทกับชื่อของตนเองให้ตี้พูดตาม
“เดี๋ยวๆ ไอ้หัวกะโหลกผี แกเล่นตั้งชื่อเล่นเลยงั้นเหรอ”
ตี๋พูดขัดขึ้นมา
“ว่าไป! ตามที่! ข้าบอก!!”
เจ้ากะโหลกพูดพลางทำให้ไฟลุกท่วมทั้งตัว
“ครับผม!!”
ตี๋กลัวตอบรับคำสั่งของเจ้าหัวกระโหลกแต่โดยดี
“เมจ เนเวอร์ลอส ทรานส์เบรก แอคเซสโซรี แอคโซติก”
ตี๋กล่าวตามที่เจ้าหัวกะโหลก
แต่แทนที่หนังสือจะบันทึกชื่อของเขาไปบรรทัดล่าสุด แต่กลับเปิดย้อนกลับจึงถึงหน้าแรกบรรทัดที่7 ชื่อที่เขากล่าวไปนั้นจากสีเทากลายเป็นสีดำ
Refresh memories!!
เสียงดังออกมาจากหนังสือ แล้วโซ่สีดำเล็กๆก็พุ่งออกมาจากหนังสือและมาพันกลายเป็นกำไลรอยโซ่เส้นเดียวสีดำที่ข้อมือขวาของตี๋ จากนั้นหนังสือก็เปิดกลับไปหน้าล่าสุดเหมือนเดิมแล้วก็มีข้อความ Mage Neverlost transbreak,Accessory Assotik ขึ้นที่บรรทัดล่าสุด ตี๋เห็นดังนั้นจึงหันไปมองเจ้ากะโหลก
“กำไลนั้นคือตัวของข้าเก็บไว้ให้ดีละ เอาล่ะเสร็จพิธีข้าไปละ”
เมื่อเจ้าหัวกะโหลกพูดจบ ไฟสีดำก็ลุกท่วมตัวมันแล้วหายไป
“เฮ้ยแล้วไหนบอกจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังไงเล่า”
ตี๋ตะโกนถ่วงสัญญาที่เจ้าหัวกะโหลกให้ไว้ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
“อะนี้”
เมย์เดินเข้ามาหาตี๋แล้วยื่นเข็มกลัดรูปใบไม้3ใบให้
“เอาล่ะๆ เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะเจ้าหนูไว้พรุ่งนี้เจอกัน”
เจสันมากอดคอพูดกับตี๋ ก่อนจะเดินออกไปเป็นคนแรก
“ยินดีต้อนรับนะ เนเวอร์ลอส”
โมโนพูดด้วยท่าทางที่เฉยชา ก่อนนะเดินออกไป ตี๋ก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ เท่านั้นเอง
“โย่ว เอ่อ เนเวอร์ลอสซินะ ไว้เจอกันนะ”
ไคเลอร์ทักทายก่อนจะเดินออกไปข้ามนอก
“ตี๋ เอ้ย ..ไม่ใช่สิ เนเวอร์ลอส”
เมย์พูดแล้วยิ้มให้ตี๋อีกครั้ง
“เหอะ”
(สงสัยมีคนเดียวที่ฉันคิดจะโกรธก็โกรธไม่ลง แต่กับไอ้หัวกะโหลกนั้นเจอคราวหน้าจะมันซะหมัด)
ตี๋เห็นรอยยิ้มของเมย์แล้วถอนหายใจ แล้วคิดอยากจะแก้แค้นเจ้าหัวกะโหลกที่ผิดสัญญากับเขา แล้วก็เดินไปพลางเอามือลองที่หัวเหมือนกับวันนี้จะไม่รับรู้อะไรอีกแล้วเดินตามเมย์และคนอื่นๆออกไป
แหวนเงินรูปหัวกะโหลกที่นิ้วกลางมือขวาของตี๋ แสยะยิ้มออกมา....
ไคเลอร์เดินออกมาเจอเจสันยืนรออยู่ที่ต้นหน้าทางเดินเข้าวิหาร
“ไคเลอร์ ช่วยเปิดgateที่จะไปบอสตันให้ฉันหน่อย ฉันมีเรื่องเอ่ออ..”
เจสันยังพูดไม่ทันจบ ไคเลอร์สร้างดูบอลสีดำแล้วกระแทกลงกับพื้นดัง
ตรึ่ง!! บอลสีดำซึมลงพื้นแล้วขยายตัวออกรอบที่เจสันยืนอยู่ ร่างของเจสันก็ค่อยๆจมลงไปก่อนที่มันจะดิ่งลงไป
“ไคเลอร์ เมื่อไรแกจะสร้างประตูแบบชาวบ้านเขาซะที่!!”
เสียงของเจสันที่หลงเหลงออกจากประตูมิติสีดำ ที่ค่อยๆปิดลง
“ก็ฉันเป็นจอมเวท ไม่ใช่ชาวบ้านซะหน่อย และตอนนี้ก็ง่วงละด้วย ราตรีสวัสดิ์นะ”
ไคเลอร์พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป....
ความคิดเห็น