การเดินทางข้ามภูเขาลูกใหญ่ - การเดินทางข้ามภูเขาลูกใหญ่ นิยาย การเดินทางข้ามภูเขาลูกใหญ่ : Dek-D.com - Writer

    การเดินทางข้ามภูเขาลูกใหญ่

    เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเรา

    ผู้เข้าชมรวม

    145

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    145

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ต.ค. 50 / 23:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เคยมีหลายต่อหลายคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ชีวิตคืออะไร

    ชีวิตอาจเปรียบเสมือนเกมส์กีฬา  บ้างก็ว่าชีวิตอาจเปรียบเหมือนละครหรือนิยาย

    บางคนเกิดสมบูรณ์พร้อม บางคนเกิดมาพร้อมกับโชคและวาสนา บางคนอาจจะมี

    โอกาสดีๆหรือสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตเสมอ บางคนเกิดมาพร้อมด้วยสติปัญญา

    ความสามารถ หรือบางคนเกิดมาพร้อมกับความยากลำบากที่ต้องกัดฟันต่อสู้ไป

    และบางทีโชคชะตา ยังพลอยเล่นตลกกับเราด้วย ....... เหล่านี้เป็นแค่การ

    สะท้อนถึงต้นทุนของแต่ละคนที่อาจจะต่างกันไปไม่มากก็น้อย ...... เราทุกคน

    ถ้ายังอยู่ในกับดักของทุนนิยมนั้นแล้ว ก็คงไม่มีทางหลีกพ้นได้เช่นกัน ...... ใน

    เมื่อสังคมนี้วัดค่าของคนด้วยเงินตรา ....ถึงจะมีคนบอกว่าอาจจะไม่ใช่ทั้ง

    หมด ..... แต่ก็คงต้องยอมรับนะ ว่าเงินสร้างโอกาส คนมีเงินมากก็ยิ่งมีโอกาส

    มากกว่าคนอื่น ..... ในสังคมนี้เงินอาจจะซื้อได้เกือบทุกอย่าง

    แต่ไม่สามารถซื้อเวลาได้ .......สำหรับฉัน ..... ถ้าชีวิตเป็นเหมือนนิยาย .....
    มันคงจะเป็นนิยายน้ำเน่าหลังข่าว ......บอกความรันทนนาๆ ประการ ......

    แต่ละครนั้นเราพอจะเดาตอนจบได้ว่าคงต้องแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ชีวิตเรามันคงไม่

    สามารถรู้ล่วงหน้าได้เหมือนละคร ...... เพราะคงไม่มีใครคิดจะบอกว่า

    ปล่อยมันไปตามแต่บุญ แต่กรรมและให้สวรรค์ลิขิตเอา ..... ถ้าดวงบอกว่าเราไม่

    มีทางรวยคงไม่ดิ้นรน ...... มันก็คงไม่ใช่ ...... ฉันเองคิดว่าเราสามารถลิขิต

    ชีวิตของเราเองได้ .....ว่าเราจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง ....... ซึ่งไม่ว่าผิดหรือ

    ถูก มันก็คงโทษใครไม่ได้ .......เพราะเราเลือกเอง ...... ในจังหวะชีวิตช่วงนั้น

    คงไม่มีใครอยากจะเลือกสิ่งเลวร้ายให้กับตัวเอง จริงมั๊ยล่ะ .... ฉันคิดว่าชีวิตของ

    ฉันนั้นเหมือนการเดินทางไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ ที่ตัวเราเองเป็นนักเดินทาง

    ท่องไปตามเส้นทางต่าง ๆ ถึงแม้จะมีแผนที่ ..... แต่บางครั้งเราอาจจะเจอเส้น

    ทางที่ไม่มีอยู่ในแผนที่ ..... และในแผนที่มันไม่เคยบอกเราถึงความยากลำบาก

    ของเส้นทางนั้น ๆ เราคงต้องเดินทางต่อไป ไม่ว่าจะเจอแม้น้ำสักกี่สาย เข้าป่าสักกี่

    ครั้ง ข้ามเข้าสักกี่ลูก เจอะเจอทางแยก ให้เราต้องตัดสินใจอยู่ก็คงหลายครั้ง ซึ่งผล

    ของการเลือกมันมักจะมี 2 คำตอบ คือ ไม่ถูกก็ผิด คงไม่มีกลาง ๆ มั๊ง และถึงยังไง

    ไม่ว่าเราต้องเดินอ้อมหรือเดินย้อนกลับมาสักแค่ไหน .... มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เรา

    ต้องกลับมาสู่เส้นทางปกติเพื่อที่จะไปให้สู่เป้าหมาย ..... อุปสรรคมีให้เราพบเห็น

    อยู่ตลอดเส้นทาง ..... เหมือนกับชีวิตเราที่อาจจะมีน้อยคนที่โรยเอาไว้ด้วยกลีบ

    กุหลาบแล้วให้เดินบนพรมแดงอยู่เสมอ ..... บางครั้งเราอาจแบกสัมภาระและ

    สัมภารกเกินความจำเป็น .... เมื่อเราเจอภูเขาลูกโตๆ สักลูก 2 ลูกติดต่อกัน เรา

    อาจจะล้าและท้อถอย ..... อาจจะจำเป็นต้องสละทิ้งบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำเป็น

    ในขณะนั้นทิ้งซะบาง เพื่อทำให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ..... บางคนอาจจะ

    โชคดีหน่อยที่เจอภูเขาแค่ไม่กี่ลูก ...... แต่ไม่ใช่กับบางคนที่เลือกทางเดินที่ต้อง

    เจอภูเขาใหญ่ๆ ติดๆ กันหลายลูกซ้อนๆ กัน มันท้อแท้แน่นอน ..... แต่ถ้าอดทน

    กัดฟันก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปไม่นาน ก็คงมีที่พักให้เราบางแหละและเราคงได้ชาร์ต

    พลังใหม่ต่อไป ...... เมื่อวานฉันได้ดูรายการตีสิบ ..... น้องเบิร์ดผู้พิการ

    ทางสายตามาออกรายการโชว์ความสารถในการร้องเพลง ..... ที่คำโบราณกล่าว

    ไว้ว่า ......ชั่วเจ็ดที .... ดีเจ็ดหน ...... คงเป็นคำที่จะบอกกับเราทุกคนได้ว่า

    ในโลกนี้คงไม่มีใครสมหวังไปซะทุกอย่าง ..... และเช่นกันโลกนี้คงไม่มีคนที่โชค

    ร้ายผิดหวังไปซะทุกเรื่อง ......ชีวิตคนมีขึ้นก็ย่อมมีลงเป็นสัจธรรม ..... ถ้าเรา

    ไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายจนเกินไป ..... มันน่าจะมีอะไรดีๆ ส่งมาให้เราได้รับ

    บาง ...... เพราะท้องฟ้ามีมืด  ก็ยังมีสว่าง ..... วนเวียนอยู่อย่างนี้ ..... ถ้า

    เราทำใจยอมรับมันได้ เชื่อแน่ว่าเราจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ...... อยากจะ

    ฝากกลอนส่งท้ายนิดนึงนะ

        
    คนจะงาม งามน้ำใจใช่ใบหน้า

        
    คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน

        
    คนจะแก่ แก่ความรู้ใช่อยู่นาน

        
    คนจะรวย รวยสินทานใช่บ้านโต

    เคยได้ยินข่าวก็ออกจะเยอะไป ที่คนรวยแต่ไม่มีความสุข หรืออายุไม่ค่อยจะยืนสัก

    เท่าไหร่ แต่กับครอบครัวคนจนที่ไม่มีบ้านของตัวเอง ...... มีลูกเป็นโขลง แต่ก็ยัง

    อยู่อย่างมีความสุขได้ เงินอาจจะจำเป็นในการดำรงชีวิตในสังคมนี้ ..... แต่คำว่า

    รวยไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดสำหรับการใช้ชีวิต ..... หากแต่ควรจะเป็นคำว่า

    "
    เพียงพอ หรือ พอเพียง" มากกว่า

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เคยมีหลายต่อหลายคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ชีวิตคืออะไร

      ชีวิตอาจเปรียบเสมือนเกมส์กีฬา  บ้างก็ว่าชีวิตอาจเปรียบเหมือนละครหรือนิยาย

      บางคนเกิดสมบูรณ์พร้อม บางคนเกิดมาพร้อมกับโชคและวาสนา บางคนอาจจะมี

      โอกาสดีๆหรือสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตเสมอ บางคนเกิดมาพร้อมด้วยสติปัญญา

      ความสามารถ หรือบางคนเกิดมาพร้อมกับความยากลำบากที่ต้องกัดฟันต่อสู้ไป

      และบางทีโชคชะตา ยังพลอยเล่นตลกกับเราด้วย ....... เหล่านี้เป็นแค่การ

      สะท้อนถึงต้นทุนของแต่ละคนที่อาจจะต่างกันไปไม่มากก็น้อย ...... เราทุกคน

      ถ้ายังอยู่ในกับดักของทุนนิยมนั้นแล้ว ก็คงไม่มีทางหลีกพ้นได้เช่นกัน ...... ใน

      เมื่อสังคมนี้วัดค่าของคนด้วยเงินตรา ....ถึงจะมีคนบอกว่าอาจจะไม่ใช่ทั้ง

      หมด ..... แต่ก็คงต้องยอมรับนะ ว่าเงินสร้างโอกาส คนมีเงินมากก็ยิ่งมีโอกาส

      มากกว่าคนอื่น ..... ในสังคมนี้เงินอาจจะซื้อได้เกือบทุกอย่าง

      แต่ไม่สามารถซื้อเวลาได้ .......สำหรับฉัน ..... ถ้าชีวิตเป็นเหมือนนิยาย .....
      มันคงจะเป็นนิยายน้ำเน่าหลังข่าว ......บอกความรันทนนาๆ ประการ ......

      แต่ละครนั้นเราพอจะเดาตอนจบได้ว่าคงต้องแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ชีวิตเรามันคงไม่

      สามารถรู้ล่วงหน้าได้เหมือนละคร ...... เพราะคงไม่มีใครคิดจะบอกว่า

      ปล่อยมันไปตามแต่บุญ แต่กรรมและให้สวรรค์ลิขิตเอา ..... ถ้าดวงบอกว่าเราไม่

      มีทางรวยคงไม่ดิ้นรน ...... มันก็คงไม่ใช่ ...... ฉันเองคิดว่าเราสามารถลิขิต

      ชีวิตของเราเองได้ .....ว่าเราจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง ....... ซึ่งไม่ว่าผิดหรือ

      ถูก มันก็คงโทษใครไม่ได้ .......เพราะเราเลือกเอง ...... ในจังหวะชีวิตช่วงนั้น

      คงไม่มีใครอยากจะเลือกสิ่งเลวร้ายให้กับตัวเอง จริงมั๊ยล่ะ .... ฉันคิดว่าชีวิตของ

      ฉันนั้นเหมือนการเดินทางไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ ที่ตัวเราเองเป็นนักเดินทาง

      ท่องไปตามเส้นทางต่าง ๆ ถึงแม้จะมีแผนที่ ..... แต่บางครั้งเราอาจจะเจอเส้น

      ทางที่ไม่มีอยู่ในแผนที่ ..... และในแผนที่มันไม่เคยบอกเราถึงความยากลำบาก

      ของเส้นทางนั้น ๆ เราคงต้องเดินทางต่อไป ไม่ว่าจะเจอแม้น้ำสักกี่สาย เข้าป่าสักกี่

      ครั้ง ข้ามเข้าสักกี่ลูก เจอะเจอทางแยก ให้เราต้องตัดสินใจอยู่ก็คงหลายครั้ง ซึ่งผล

      ของการเลือกมันมักจะมี 2 คำตอบ คือ ไม่ถูกก็ผิด คงไม่มีกลาง ๆ มั๊ง และถึงยังไง

      ไม่ว่าเราต้องเดินอ้อมหรือเดินย้อนกลับมาสักแค่ไหน .... มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เรา

      ต้องกลับมาสู่เส้นทางปกติเพื่อที่จะไปให้สู่เป้าหมาย ..... อุปสรรคมีให้เราพบเห็น

      อยู่ตลอดเส้นทาง ..... เหมือนกับชีวิตเราที่อาจจะมีน้อยคนที่โรยเอาไว้ด้วยกลีบ

      กุหลาบแล้วให้เดินบนพรมแดงอยู่เสมอ ..... บางครั้งเราอาจแบกสัมภาระและ

      สัมภารกเกินความจำเป็น .... เมื่อเราเจอภูเขาลูกโตๆ สักลูก 2 ลูกติดต่อกัน เรา

      อาจจะล้าและท้อถอย ..... อาจจะจำเป็นต้องสละทิ้งบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำเป็น

      ในขณะนั้นทิ้งซะบาง เพื่อทำให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ..... บางคนอาจจะ

      โชคดีหน่อยที่เจอภูเขาแค่ไม่กี่ลูก ...... แต่ไม่ใช่กับบางคนที่เลือกทางเดินที่ต้อง

      เจอภูเขาใหญ่ๆ ติดๆ กันหลายลูกซ้อนๆ กัน มันท้อแท้แน่นอน ..... แต่ถ้าอดทน

      กัดฟันก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปไม่นาน ก็คงมีที่พักให้เราบางแหละและเราคงได้ชาร์ต

      พลังใหม่ต่อไป ...... เมื่อวานฉันได้ดูรายการตีสิบ ..... น้องเบิร์ดผู้พิการ

      ทางสายตามาออกรายการโชว์ความสารถในการร้องเพลง ..... ที่คำโบราณกล่าว

      ไว้ว่า ......ชั่วเจ็ดที .... ดีเจ็ดหน ...... คงเป็นคำที่จะบอกกับเราทุกคนได้ว่า

      ในโลกนี้คงไม่มีใครสมหวังไปซะทุกอย่าง ..... และเช่นกันโลกนี้คงไม่มีคนที่โชค

      ร้ายผิดหวังไปซะทุกเรื่อง ......ชีวิตคนมีขึ้นก็ย่อมมีลงเป็นสัจธรรม ..... ถ้าเรา

      ไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายจนเกินไป ..... มันน่าจะมีอะไรดีๆ ส่งมาให้เราได้รับ

      บาง ...... เพราะท้องฟ้ามีมืด  ก็ยังมีสว่าง ..... วนเวียนอยู่อย่างนี้ ..... ถ้า

      เราทำใจยอมรับมันได้ เชื่อแน่ว่าเราจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ...... อยากจะ

      ฝากกลอนส่งท้ายนิดนึงนะ

          
      คนจะงาม งามน้ำใจใช่ใบหน้า

          
      คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน

          
      คนจะแก่ แก่ความรู้ใช่อยู่นาน

          
      คนจะรวย รวยสินทานใช่บ้านโต

      เคยได้ยินข่าวก็ออกจะเยอะไป ที่คนรวยแต่ไม่มีความสุข หรืออายุไม่ค่อยจะยืนสัก

      เท่าไหร่ แต่กับครอบครัวคนจนที่ไม่มีบ้านของตัวเอง ...... มีลูกเป็นโขลง แต่ก็ยัง

      อยู่อย่างมีความสุขได้ เงินอาจจะจำเป็นในการดำรงชีวิตในสังคมนี้ ..... แต่คำว่า

      รวยไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดสำหรับการใช้ชีวิต ..... หากแต่ควรจะเป็นคำว่า

      "
      เพียงพอ หรือ พอเพียง" มากกว่า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×