คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กลุ่มโจรและเบเฮมอท
ห่างจากจุดที่ทหารทั้งสองอยู่ในตอนนี้ไปไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านร็อควิลล์ซึ่งชาเร็ตและเลสเตอร์กำลังมุ่งหน้าไป บ้านหลายหลังในหมู่บ้านทำด้วยไม้ที่ตัดจากในป่า แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ตัวเมืองก็สว่างไสวด้วยคบเพลิงและตะเกียงที่ถูกจุดไว้ตามที่ต่างๆ
แม้ว่าขณะนี้บรรยากาศจะเงียบสงบ แต่ความจริงแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ร็อควิลล์ถูกโจมตีจากเหล่ากลุ่มโจรอยู่เป็นประจำทำให้ที่นี่จำเป็นจะต้องมีกำลังทหารส่วนตัวที่พอไว้ใจได้อยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีการสร้างป้อมปราการไม้ที่พอจะป้องกันได้เป็นปราการอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากเหล่าทหารที่คอยเวรยามและชาวบ้านที่ยังคงหลับสนิทแล้ว ก็ยังมีชายหนุ่มผมสีทอง ผู้มีตาสีแดงเพลิง ในเสื้อแขนกุดหนังสีดำคอยกำกับการเข้าเวรและตรวจตราของเหล่าทหารอยู่ตลอด
"จัดคนไปตรวจที่ตรงนี้ตามแผนที่ แล้วก็...." เขาเอ่ยกับทหารนายที่อยู่ข้างๆ และคอยออกคำสั่ง ขณะที่ชายผมสีเทาอ่อนในเสื้อคอปกสีดำแขนสั้น และ กางเกงขายาวสีดำ จะเดินเข้ามาหา
"ตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ คลาวด์" เสียงของชายคนที่สอง เรียกให้หนุ่มที่ชื่อว่าคลาวด์เงยหน้าจากแผนที่ในมือขึ้นมาดู
"ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพื่อความแน่ใจตอนนี้ก็ยังเดินตรวจอยู่" เขาตอบด้วยสีหน้าค่อนข้างเอาการเอางาน "ว่าแต่นายเห็นวินซ์ฟาลบ้างหรือปล่าว อาริโนะ"
"มีธุระอะไรกับชั้นรึ"
เสียงของหญิงสาวทำเอาทั้งสองสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆเธอก็มาอยู่ข้างๆพวกเขาแบบไม่รู้ตัว วินส์ฟาวเป็นผู้หญิงที่ดูดี ถึงแม้ว่าจะไม่มีหน้าอกหน้าใจก็ตาม เธออยู่ในชุดรัดรูปที่ทับด้วยเสื้อแขนสั้นแล้วทับด้วยแจ็กเกตตัวเล็กๆชั้นนอกอีกชั้น ซึ่งถ้าเป็นในช่วงเวลาบ่าย เธอคงจะใส่ชุดนี้ไม่ได้แน่ๆ
ดวงตาไร้แววสีมรกตขุ่นๆ จ้องทั้งสองเป็นเชิงสงสัย และยิ่งทำให้เธอยิ่งดูน่ากลัวในตอนกลางคืนเข้าไปอีก
"เอ่อ คือ ทางเธอเจออะไรบ้างหรือปล่าว" คลาวด์ถามอย่าง....เอ่อ บรรยายความรู้สึกไม่ได้( -_- )
"ไม่เจอเลย แม้แต่ร่องรอยการเดินผ่านก็ไม่มี คงจะไม่ได้อยู่แถวนี้"
คำตอบของวินส์ฟาล ทำให้ทั้งสองงงงวย ถ้าพวกนั้นไม่ได้เดินผ่านมาดูลาดเลา แล้วมันจะบุกมาได้ยังไง
แต่ความฉงนยังไม่ทันกระจ่าง หยดน้ำเล็กๆ ก็ตกกระทบบนใบหน้าของอาริโนะ หยดน้ำอีกหลายหยดตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง
ฝนเริ่มสาดซัดลงมา จากปรอยๆ และเริ่มหนักขึ้น และหนักขึ้น....
ใกล้กันนั้น ประตูบ้านหลังเล็กๆ ในร็อควิลล์ถูกเปิดขึ้นอย่างแรง ก่อนที่หญิงสาวผู้มีหูหมาจิ้งจอกจะเดินเข้ามา จาเคีย นั่นเอง เธอพูดด้วยเสียงสดใส "กลับมาแล้วจ้า~~~"
คนอีกสองคนที่อยู่ในบ้านมองเธออย่างตกใจเล็กน้อย คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับจาเคียที่มีผมยาวกระเซิงสีดำ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน ในเสื้อแขนสั้นสีครีม และอีกคนเป็นผู้หญิงสวยที่มีผมสีเขียวมรกต และตาสีเดียวกัน เธออยู่ในชุดผ้าคลุมสีเขียวอ่อน
"ไปทำอะไรเนี่ย มาช้าจิง" หญิงสาวถามจาเคียด้วยความเป็นห่วง "พี่กับรีเฟลคหาตัวเธอตั้งนาน อย่าทำให้เป็นห่วงได้ไหม"
"ช่างเหอะ พี่อลิเซีย ยังไงซะ จาเคียเองก็คงไปหาเรื่องกับมนุษย์ที่ไหนจนโดนเขาเอาเรื่องมาอีกน่ะแหละ" เด็กหนุ่มเอ่ย "เดี๋ยวซักวันก็ได้แฟนเป็นมนุษย์กับเขาหรอก"
เป๊าะ....เป๊าะ....เป๊าะ....
"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ" จาเคียมองดูรีเฟลคด้วยสายตาที่หน้ากลัวมากๆพลางหักข้อนิ้วดังลั่น จนเขาถึงกับหน้าถอดสี
"แหะๆ เมื่อกี้ฉันพูดเล่นน่ะ อย่าเพิ่งโกรธจิ >< " เด็กหนุ่มพูดแก้ตัวเสียงอ่อยๆแต่ไม่ทันแล้ว
"แกว่าชั้นจะมีแฟนเป็นมนุษย์ใช่มั้ย หา!? อยากตายใช่มั้ยยยยยยยย!" จาเคียตะโกนดังลั่นก่อนที่จะเริ่มวิ่งไล่รีเฟลค
"จ้ากกกกกกกก พี่อลิเซีย หยุดยัยนี่ที"
"..........เฮ้อ" อลิเสียถอนหายใจ สงสัยคืนนี้จะอีกยาวนาน
แม้ว่าสภาพอากาศจะไมเป็นใจ เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามอยู่ก็ไม่ได้ละเว้นจากหน้าที่ พวกเขายังเดินตรวจตราอยู่ตลอด โดยคลาวด์จะทำหน้าที่ออกคำสั่ง ส่วนอาริโนะกับวินส์ฟาลจะคอยทำหน้าที่คุมหน่วยหลักออกลาดตระเวน แต่ด้วยฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ ไม่หยุด ทำให้ทัศนวิสัยในการสำรวจยากลำบากเหลือเกิน
"พวกเราดูนั่นสิ!" นายทหารคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของคลาวด์ เรียกคนอื่นๆให้มาดูสิ่งผิดปกติตรงหน้า
"เฮ้ย นั่นมัน" นายทหารอีกคนพูด น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ
"เกิดอะไรขึ้น" คลาวด์รีบวิ่งเข้าไปถาม กลุ่มทหารหลีกทางให้เขา และสิ่งนั้นก็ประจักแก่สายตา
"พระเจ้าช่วย........" ดวงตาสีแดงดั่งเพลิงของชายหนุ่ม ส่องประกายราวกับว่ามีไฟอยู่ข้างในจริงๆ "ได้สนุกล่ะทีนี้" น้ำเสียงใฝ่การต่อสู้เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าทางวินส์ฟาลกับอาริโนะเองก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามา พวกเขารวบรวมกองกำลังทั้งหมดกลับมาที่กำแพงเมือง พอดีกับที่สิ่งนั้นปรากฏออกจากป่าทึบแห่งวู้ดดาเรีย
มันเป็นสัต.ว์ประหลาดสูงใหญ่ประมาณสามเมตร รูปร่างคล้ายกับมังกรผสมกับกระทิง ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบึกบึนหุ้มด้วยขนสีม่วงน้ำเงิน เขาขนาดใหญ่ร่วมครึ่งเมตรซึ่งดูแล้วแข็งแรง และเสียงคำรามอันกึกก้อง ยิ่งไปกว่านั้นบนหลังของพวกมันยังมีคนในชุดผ้าคลุมปิดทั้งตัวคอยบังคับอยู่ด้วย
มันคือ เบเฮมอท......
"พวกนั้นไปหาเบเฮมอทมาจากไหนกันตั้งสี่ห้าตัว!?" อาริโนะอุทานทันทีที่เห็นเหตุการณ์ด้านนอกซึ่งไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะว่าเบเฮมอทเป็นมอนสเตอร์ที่เก่งกาจมาก ผิวหนังแข็งแกร่งและยังมีความอดทนสูง นอกจากนี้ยังมีพลังเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยและนิสัยดุร้าย ทำให้แค่การจะจัดการกับมันก็ยากมากๆ แต่นี่กลับทำให้มันเชื่องได้
วินส์ฟาลเพ่งดวงตาสีขาวขุ่นเพื่อเพิ่มระยะมองเห็น เธอคลุกคลีกับป่ามาทุกสภาพอากาศตั้งแต่เด็กจึงสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าคนอื่นๆมาก
"ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่โตเต็มวัยนะ" เธอเอ่ยไร้สีหน้า แต่แค่นั้นก็พอช่วยให้ทุกคนเบาใจลงได้บ้าง "แต่ก็อย่าประมาทล่ะ ลูกเบเฮมอทตัวนึงก็พังเมืองได้เป็นแถบๆแล้ว" และทำให้ความเบาใจตะกี้หายวูบไปหมด
"นี่ไม่เวลาจะมานั่งคุยกันเรื่องเบเฮมอทนะ" คลาวด์พูดขึ้นกระชากสติของทุกคนกลับมา "ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมได้แล้ว"
"จากนี้ไปเราจะเข้าโหมดสงครามเต็มรูปแบบกันล่ะ"
ทางด้านชาเร็ตกับเลสเตอร์ ทั้งคู่ยังคงหลบฝนอยู่ภายใต้เต็นท์ขนาดย่อมที่พวกเขาพกมาด้วย อากาศในป่าที่เคยร้อนจัดในตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว มันกลับหนาวจัดจนทำให้ชาเร็ตเองต้องเอาเสื้อมาใส่เพิ่มอีกชั้น
"แล้วเราจะไปถึงทันวันนี้ได้ยังไง" เลสเตอร์ซึ่งใส่เสื้อหลายชั้นอยู่แล้วบ่นกับสภาพอากาศที่ไม่อำนวย "ฝนตกหนักอย่างนี้ เดินป่าปลอดภัยที่ไหนกัน"
ชาเร็ตได้เพียงแต่เงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่นอนลงไปกับถุงนอน เลสเตอร์เองก็เริ่มเข้าใจว่าบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจึงเอนหลังลงไปด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มผมดำหลับตาลงหวังจะให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปเร็วๆ เผื่อว่าฝนบ้าๆนี่จะได้หยุดตกซะที
(ทำไมรู้สึกไม่ดีอย่างงี้นะ) ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาราวกับว่ามาจากส่วนลึกในสุดของจิตใต้สำนึก
และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
"เลสเตอร์ ชั้นจะล่วงหน้าไปก่อนนะ นายคงไม่หลงป่าหรอกใช่มั้ย" เขาพูดกับเพื่อนสนิทที่นอนอยู่ข้างๆ เลสเตอร์ได้ยินสิ่งที่เขาไม่ค่อยจะเชื่อหูเท่าไหร่ก่อนจะถามกลับ
"นายจะไปที่นั่นตอนนี้ทำไม ทำอย่างกับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ"
"ชั้นสังหรณ์น่ะ" ชาเร็ตตอบด้วยคำตอบง่ายๆแบบไม่มีเหตุผล แต่มันก็ทำให้เลสเตอร์ลุกขึ้นทันที
"อะไรที่ทำให้นายสังหรณ์ได้นี่ ชักขำไม่ออกแฮะ" เขาพูดพลางรีบจัดของที่จำเป็นใส่กระเป๋าสะพาย
_____________________
ตูม!
กำแพงไม้เนื้อแข็งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันหมู่บ้านถูกทำลายลงด้วยลำแสงสายฟ้าสีม่วงของเบเฮมอท เหล่าโจรทั้งพวกที่เดินเท้าและขี่ม้าและพาหนะอื่นๆ รวมถึงเบเฮมอทด้วย ลุกฮือกันวิ่งฝ่าซากปรักหักพังเหล่านั้นเข้าไป พวกทหารทุกคนล้วนจับอาวุธเข้าสู้ เหลือแต่เพียงรอคำสั่งเท่านั้น
"ทุกคน! ป้องกันหมู่บ้านไว้ให้ได้!" เสียงของคลาวด์ เรเวนดังกึกก้องไปทั่ว เพิ่มกำลังใจให้เหล่าทหาร ก่อนที่ทุกคนจะดาหน้าบุกเข้าไป
"วินส์ฟาล ฝากจัดการเรื่องคนในหมู่บ้านด้วย" อาริโนะหันขวับมาคุยกับหญิงสาวก่อนจะกระโดดเข้าใส่เบเฮมอทตัวหนึ่งด้านหน้า วินส์ฟาลพยักหน้ารับก่อนที่จะฟันโจรคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาด้วยมีดสั้นด้วยมีดสั้น แล้วยิงธนูใส่อีกคนที่กำลังเล็งไปที่คลาวด์ จากนั้นก็วิ่งกลับเข้าไปในหมู่บ้าน
คลาวด์วิ่งเข้าประจํญหน้ากับเบเฮมอทอีกตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว เขาชักดาบเรียวเล็กแบบประเทศตะวันออกออกมา พลางกระโดดหลบกรงเล็บของเบเฮมอทที่ตะปบเข้ามาตามแนวขวาง เจ้าเบเฮมอทเองก็ไม่ยอมแพ้ มันยันตัวพุ่งเอาเขาแกร่งเข้าใส่คลาวด์ต่อ เขาใช้ดาบรับอย่างแม่นยำแล้วใช้แรงส่งนั้นตีลังกากลับขึ้นไปบนหัวของมัน แล้ววิ่งขึ้นไปตามลำคอ จนถึงตัวโจรที่ควบคุมอยู่
เพียงดาบเดียว คนบังคับเบเฮมอทก็สิ้นชีพ ศีรษะลอยหลุดจากบ่า คลาวด์กระโดดลงจากหลังของมันอย่างตายใจว่าคนควบคุมไม่อยู่แล้ว หากเพียงแต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด เพราะเจ้าเบเฮมอทกลับอาละวาดหนักกว่าเดิม มันพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็วมากกว่าตอนที่มีคนบังคับเสียอีก คลาวด์เอาดาบรับเขาของมันไว้ได้อย่างหวุดหวิดก่อนเขาจะโดนมันเสยขึ้นกลางอากาศ ชายหนุ่มเสียจังหวะอย่างไม่น่าเชื่อ เขาออกแรงรับพลังของมันก่อนจะมองลงไปด้านล่าง
ปากของเบเฮมอทส่องประกายสำแสงสีม่วง
"อึก.....เฮ้ย!"
แวบ! ตูม!
ลำแสงพุ่งชนเป้าหมายอย่างแม่นยำ ก่อนที่มันจะระเบิดกลางอากาศ
ไกลออกไปจากศึกชุลมุนที่หมู่บ้านร็อควิลล์ ยังมีอีกสองร่างที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ร่างหนึ่งเป็นมนุษย์วัยกลางคนที่ไว้เคราเหมือนกับสิงโต ผมสีดำสนิทถูกหวีให้เสยไปด้านหลัง และอีกร่างหนึ่งเป็นร่างสูงใหญ่ของมนุษย์หมาป่าสีดำสนิทที่มีดาบสีดำห้อยอยู่ที่เอว
"ดูเหมือนว่าแผนจะไปได้สวยนะ" ชายคนนี้พูดขึ้นกับมนุษย์หมาป่าที่อยู่ด้านหลัง
"ใช่แล้ว คนที่ข้าส่งเข้าไปน่ะ ฝีมือดีทั้งนั้นแหละ" เจ้ามนุษย์หมาป่าตอบพลางแสยะยิ้ม
"ถ้าแผนนี้สำเร็จละก็ ทวีปอีอันก็จะอยู่ในมือเรา" แววตาสีดำสนิทส่องประกายอำมหิตวาวโรจน์
"พวกมันมาแล้วววว" เสียงร้องป่าวประกาศ ถูกตะโกนไปทั่วหมู่บ้าน ความแตกตื่นโกลาหลเกิดขึ้นในทันใด หลายคนต่างวิ่งหนีอลหม่านและอีกหลายคนรีบเก็บสัมภาระของตนเพื่อหาที่หลบภัย แม้ว่าตอนนี้พวกทหารหน้าเมืองจะคอยต่อสู้ป้องกันเอาไว้แต่ก็ยังมีกลุ่มโจรบางส่วนหลุดเข้ามาได้อยู่ดี
ตอนนี้สิ่งที่วินส์ฟาลทำได้ก็คือคอยคุมกำลังทหารส่วนหนึ่ง ป้องกันพวกชาวบ้านเอาไว้ให้ได้
เฟี้ยว! ธนูอีกดอกพุ่งออกจากคันธนูในมือของหญิงสาว พร้อมกับอีกหลายดอกที่พุ่งเข้าจุดตายอย่างแม่นยำ โจรคนหนึ่งหลุดเข้ามาฟันตัวเธอได้ แต่ก็ได้แค่จ้วงอากาศ ก่อนที่หญิงสาวจะเตะโจรคนนั้นทิ้งแล้วชักมีดไปฟันอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามา
เสียงคำรามดังกึกก้องมาจากทางด้านหลังหมู่บ้านซึ่งชาวบ้านใช้เป็นทางหลบหนี วินส์ฟาลตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นก่อนจะหันขวับกลับไปมอง
เบเฮมอทอีกตัวยืนขวางทางหนีเอาไว้
"บ้าจริง!" เธอพุ่งตัวออกไปเพื่อจัดการกับมันทันที
ทางด้านพวกอลิเซีย พวกเธอเองไม่อยากจะสนใจสงครามระหว่างมนุษย์กันซักเท่าไหร่ จึงตั้งใจว่าจะหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างเงียบๆ
"ตีกันอยู่ได้ อะไรก็ไม่รู้เบื่อ" จาเคียบ่นแกมคำรามอย่างไม่พอใจ ระหว่างที่เดินลัดป่าออกมาจากหมู่บ้าน
"เอาน่าๆ จาเคียก็ ยังไงเราก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้วนี่ สงครามของมนุษย์เราก็ไม่ต้องยุ่ง อย่ามายุ่งกับเราละกัน" รีเฟลค พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมีเหตุผล แต่รอยช้ำดำเขียวและบวมบนใบหน้ากลับทำให้มันดูตลกมากกว่า
"ให้พี่รักษาให้ไหม" อลิเซียถามเด็กหนุ่มอย่างห่วงใย แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะตอบ จาเคียก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
"ถ้าพี่อลิเซียรักษาให้หมอนั่นล่ะก็ หนูก็จะอัดมันให้เจ็บหนักกว่าเดิมอีก" เด็กสาวพูดประชด แต่อลิเซียรู้ว่าเธอพูดและทำจริงแน่
"หืม"
ใบหูเรียวยาวของอลิเซียกระดิกรับรู้ถึงอันตรายบางอย่าง เสียงบางอย่างที่เดินผ่านเข้ามาใกล้ จำนวน...1...2.....8ตัว ที่สำคัญ กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆก็มาจากทิศทางเดียวกัน แล้วเธอก็สัมผัสถึงจิตสังหารที่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเธอ
"จาเคีย รีเฟลค หลบไป!" เธอพูดพลางรีบหยิบคธาเวทย์ออกมา
โฮกกกกก!
มนุษย์เสือสีดำ กระโดดออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับพุ่งกรงเล็บเข้าหาอลิเซีย และอีกหลายตัวที่จู่โจมจาเคียกับรีเฟลค เด็กหนุ่มหยิบดาบสองเล่มที่ไขว้ไว้ที่หลังออกมาปัดกรงเล็บของสองตัวแรกทิ้งไป ก่อนจะโดนอีกตัวพุ่งกระแทกใส่ ส่วนจาเคียเธอก้มหลบกรงเล็บของเสีอที่พุ่งผ่านศีรษะตัวหนึ่ง ก่อนจะกระโดดหลบตัวที่ สอง และสามได้อย่างคล่องแคล่ว
แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นตัวที่สี่ เด็กสาวหันไปพอดีกับที่กรงเล็บของมันห่างจากตัวเธอไม่ถึง
"ระวัง!"
แสงสีเงินพุ่งตัดขาดมนุษย์เสีอตัวนั้นเป็นสองส่วน หลายตัวหันไปมองก่อนจะกระโจนใส่เป้าหมายใหม่ที่เพิ่งปรากฏ แต่พวกมันไม่ทันได้ทำอะไรทั้งนั้น สี่ตัวแรกศีรษะก็หลุดจากบ่า และอีกสี่ตัวโดนกระสุนปืนลูกปรายเข้ากลางสมอง
"ชั้นบอกแล้วว่าให้รีบมา เป็นไงล่ะ" ชายหนุ่มผมดำผู้มีด้วยตาสีส้มเอ่ยท่ามกลางกองซากศพเหล่านั้น ในขณะที่สหายผมสีขาวอีกคนเดินออกมาจากความมืดของป่าใหญ่
"เออ สังหรณ์แกมันแม่นของจริง" เลสเตอร์พูดตอบชาเร็ตที่สะบัดเลือดและเศษเนื้อที่เลอะบนดาบของเขาทิ้งไป
ไม่รู้เมื่อไหร่กันที่ฝนได้หยุดตกและท้องฟ้าเริ่มสงบ
ลำแสงสีม่วงจากปากของเบเฮมอทระเบิดใส่เป้าหมายติดต่อกันอีกหลายลูก ทุกลูกที่มันระเบิดทำให้พื้นถูกทำลายเป็นหลุมใหญ่ อาริโนะพุ่งตัวหลบหลีกลำแสงที่พุ่งมายังเขาอย่างช่ำชองและพยายามหาจังหวะจู่โจมกลับ เบเฮมอทเปลี่ยนมาใช้เขาพุ่งเข้าขวิดเขาแทน แต่ชายหนุ่มกระโดดหลบไปด้านข้างจนมันวิ่งชนบ้านที่อยู่ด้านหลัง
"ได้โอกาสล่ะ!" อาริโนะคิดในใจพลางรวบรวมเปลวเพลิงเข้าสู่มีดทั้ง 13 เล่มแล้วขว้างใส่โดยใช้พลังจิตควบคุมให้มันพุ่งด้วยความเร็วสูงจนเห็นมีดไฟเป็นเพียงลำแสงสีแดงเท่านั้น
แก๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
มันไม่ได้ผลกับผิวหนังแข็งแกร่งของเบเฮมอทแม้แต่น้อย แม้ว่าพลังของเปลวเพลิงจะทำให้ไฟไหม้บนขนของมันแต่ก็ได้แค่ทำให้มันโกรธมากขึ้นเท่านั้นเอง
ลำแสงสายฟ้าสีม่วงพุ่งใส่อาริโนะอีกครั้ง เขาตีลังกาหลบออกทางขวา ลำแสงที่พลาดไป พุ่งไปโดนบ้านอีกหลังจนพัง
"ดีล่ะ คิดออกแล้ว" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองหลังจากที่คิดอะไรออก แต่เขาเผลอลืมไปว่าศัตรูไม่ได้มีแค่ตัวเดียว และการต่อสู้ยังไม่จบ กรงเล็บขนาดยักษ์ตะปบเขาจากด้านบนอย่างรวดเร็วจนเขาเกือบหลบไม่พ้น เบเฮมอทอีกตัวที่พึ่งปรากฏออกมาไม่หยุดแค่นั้น มันยืดคอไล่ตามกัดเขาเร็วปานสายฟ้าแลบ อาริโนะรีบกระโดดหลบขึ้นด้านบน พอดีกับที่เจ้าเบเฮมอทตัวแรกรวบรวมลำแสงเพื่อยิงใส่เขาซึ่งลอยอยู่บนอากาศ และไม่สามารถหลบได้
แซฟไฟร์ รีปเปอร์!!! (Sapphire Reaper)
แต่มันก็ไม่ทันได้ยิงเมื่อใบดาบยาวแบบตะวันออกซึ่งอาบพลังจิตเต็มที่จนกลายเป็นสีน้ำเงินพุ่งเข้าใส่ลำคอของมัน พลังทำลายที่เพิ่มมากขึ้นจากจิตที่ใส่ลงไป ทำให้สามารถทะลุคอหอย ก่อนที่เจ้าของดาบก็ตวัดดาบที่ยาวร่วม 50 เมตรตัดคอของมันจนมันขาดใจล้มลงตรงนั้นเอง แล้วตวัดไปตัดคอเบเฮมอทอีกตัวที่อยู่ไกลๆ ก่อนที่ตัวดาบจะหดสั้นลงเหลือแค่ 1 เมตรเหมือนเดิม
"คลาวด์?!" อาริโนะมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคู่หูของเขาจะยังมีชีวิตรอดจากลำแสงมาได้
ความจริงแล้ว ในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนหน้าที่ลำแสงจะปะทะตัวเขา คลาวด์ใช้พลังจิตเรียกก้อนหินก้อนใหญ่พุ่งขึ้นมาบังไว้ได้พอดี แต่เนื่องจากโดนแรงระเบิดในระยะประชิดทำให้เขาสลบไปพักหนึ่ง
"อาริโนะ อย่าเผลอสิฟะ" คลาวด์ตะโกนเตือนเพื่อนของเขาสุดเสียง ชายหนุ่มเองก็พึ่งเห็นว่าเจ้าเบเฮมอทที่อยู่ด้านล่างของเขากำลังอ้าปากรอเขาตกลงไปให้มันขย้ำ
"ใครจะยอมให้แกกินกันง่ายๆเล่า" เขาพูดอย่างมั่นใจ ดวงตาสีฟ้าฉายแววมุ่งมั่น "ชั้นยังมีน้องสาวที่ต้องกลับไปดูแลอยู่นะเฟ้ย" พลางคว้ามีดอันสุดท้ายที่ใหญ่และคมที่สุดก่อนจะผนึกพลังไฟทั้งหมดลงไปบนมีด
ตรงนี้ล่ะ!!
แฟลร์ แดกเกอร์!!!! (Flare Dagger)
มีดในมือกลายเป็นสีแดงฉานด้วยความร้อนจากพลังงานที่สะสมอยู่ภายใน ก่อนมันจะถูกขว้างออกไปในปากของเจ้าเบเฮมอท
เกิดระเบิดสีส้มแดงอย่างรุนแรง พร้อมเสียงดังกึกก้องจนพื้นดินสั่นสะท้าน พลังงานที่เกิดขึ้นทำให้ร่างของเจ้า!ประหลาดสีม่วงค่อยๆถูกกลืนหายไป หายไป แล้วหายไปในที่สุด พอดีกับที่อาริโนะร่วงถึงพี้นพอดี
ชายหนุ่มทั้งสองทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน และหมดแรงเนื่องจากใช้พลังไปกับการจู่โจมทั้งหมด
"ชะ....ชั้นได้ 2 ตัว ชั้นชนะ แฮ่ก แฮ่ก เฮ้อ" คลาวด์เอ่ยและพยายามสูดอากาศให้เต็มปอด
"พะ....พูดมากน่า ฮั่กๆ นอนอยู่เฉยๆแล้วเล่นทีเผลอยังจะทำเป็นเก่งอีก" อาริโนะเถียงทั้งๆที่ยังหอบ และทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมๆ กัน
"อะ ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
_____________________
ที่ด้านหลังของหมู่บ้าน วินส์ฟาลใช้ความเร็วและความแม่นยำของเธอหลบหลีกการโจมตีของมังกรครึ่งกระทิงอย่างง่ายดาย เนื่องจากเธออยู่ในป่ามาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ จึงทำให้ประสาทการโต้ตอบสูงมากจนน่าตกใจ
คนบังคับเบเฮมอทเองเห็นว่าการโจมตีของตนไม่ได้ผลก็โกรธแทบสิ้นสติ ทางซ้ายก็แล้ว ขวาก็แล้ว จะบนล่าง หน้าหลัง หรีอแม้กระทั่งยิงลำแสงใส่ แต่วินส์ฟาลเองก็ใข้ความเร็วทำให้มันจ้วงอากาศเสียทุกดอก เธอไม่ประมาทการต่อสู้ครั้งนี้เนื่องจากความรู้เรื่องสัต.ว์ประหลาดที่อยู่ในสมองเป็นตัวบอกเธอเอง
คราวนี้กรงเล็บพุ่งเข้าหาเธอด้วยวิธีเดิมๆ วินส์ฟาลเพียงแต่หลบออกด้านซ้ายก็สามารถหลบได้สบาย
ทัศนวิสัยของหญิงสาวกลายเป็นสีม่วง เธอตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนทีจะเอนหลังหลบไปได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
หางนั่นเอง การจู่โจมเมื่อครู่คือการใช้หางฟาด หากเธอไม่มีประสาทตอบโต้ที่ดีกว่าคนธรรมดา ศีรษะคงจะหลุดตามหางนั้นไปแน่ๆ
เบเฮมอทคำรามอย่างอย่างชอบใจ แต่มันซึ่งประมาทเพิ่งจะรู้ว่าความตายกำลังจะมาถึง
"แกคิดผิดแล้วที่คำรามดีใจออกมา" วินส์ฟาลมองด้วยดวงตาสีมรกตขุ่นมัว เธอง้างธนูขึ้นสามดอกและประจุพลังเวทลมลงไปอย่างรวดเร็วจนเกิดพายุขนาดย่อมๆบนธนู เพื่อไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดรอดไปได้
เวิร์ล ทวิสเตอร์!!! (Whirl Twister)
ธนุสามดอกพุ่งเข้าไปในปากของเบเฮมอทอย่างแม่นยำ ลมหมุนเป็นเกลียวตามทางที่ลูกธนูพุ่งผ่าน ทำให้เกิดห้วงอากาศบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ร่างของเบเฮมอทกระตุกอย่างรุนแรงและถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆจากด้านในอย่างง่ายดาย โดยเหลือแต่เพียงซากก้อนเนื้อสีแดงม่วงๆกองอยู่เต็มพื้น
"ความประมาทจะทำให้นายตาย จำไว้ตอนไปเกิดภพหน้าด้วยละกัน" วินส์ฟาลพูดด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะปาดคราบเลือดที่อยู่บนหน้า
_________________
"นี่มันอะไรกันละเนี่ย" รีเฟลคพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เมื่อพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าครึ่งคนครึ่ง!ที่ปรากฏออกมาไม่หยุดหย่อน ดาบคู่สีเทาเงินของเขาเองตอนนี้มันกลับชุ่มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้มันมาจากไหนมากมายกันแน่ ในขณะที่เหล่าพลพรรคทั้งชาเร็ต เลสเตอร์ อลิเซีย และจาเคียเอง ก็ไม่ต่างกันนัก
มนุษย์แมวสีส้มตัวหนึ่งพุ่งเข้าตะปบอลิเซียอย่างรวดเร็ว ม่านเวทย์มนตร์สีเขียวรูปโล่ถูกสร้างขึ้นป้องกันการโจมตีได้อย่างเหมาะเจาะ แล้วมนุษย์แมวตัวนั้นก็โดนมีดของจาเคียปาดคอทิ้งไปอย่างง่ายดาย ชาเร็ตตวัดดาบใหญ่สีเงินของเขาด้วยความเร็วระดับเสียง จนมองเห็นเป็นเพียงแค่ลำแสง โดยมีเลสเตอร์คอยยิงสนับสนุนเบื้องหลัง ซึ่งมันก็ทำเอาศัตรูตายไปหลายตัว ส่วนรีเฟลคเขาเน้นฉายเดี่ยว แม้ว่าอลิเซียจะไม่ได้ใช้เวทมนตร์คอยช่วยเหลือ แต่ว่าถึงกระนั้นเขาก็สามารถต่อสู้กับพวกศัตรูได้อย่างทัดเทียมเช่นกัน
เสียงหมาหอนดังมาแต่ไกล เพียงเสียงหมาหอนเท่านั้น เหล่าไลแคนโทรปก็หยุดกึก แล้วกระโดดหายไปกับพงหญ้า
"อะไรของมันน่ะ" ชาเร็ตเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ
"ดูเหมือนว่าจะผิดแผนไปหน่อย" เสียงพูดแหบๆต่ำๆฟังดูสยองหูก่อนที่จะปรากฏร่างของผู้ชายซึ่งอยู่ในชุดสูทอามานี่สีดำสนิท ใบหน้าซูบตอบสีขาวและจมูกเป็นสันโด่ง ผมสีออกเขียวอ่อนนิดๆ ถูกหวีไปด้านหลังอย่างผู้ดี มีเพียงดาบเซเบอร์ที่เหน็บไว้ข้างเองและกุหลาบขาวในกระเป๋าอกเท่านั้นที่เป็นสีขาว เขาปรากฏตัวขึ้นราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของความมืดก็ไม่ปาน
"ดันมีไลแคนโทรปกับสไปรท์หลุดมาสามคน" เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ยังไงซะกระผม แวมไพร์ เสตียรอส เซไฟโรเซน คงจะต้องขอนำทางทุกคนไปสู่ปรโลกเสียแล้ว"
พูดจบรังสีอำมหิตก็แผ่กระจายกว้างจนพวกชาเร็ตขนลุกเกรียว แสดงให้ถึงความแข็งแกร่งของชายคนนี้ แม้ว่าสีหน้าจะดูเรียบเฉยและไร้อารมณ์ แต่กลับแฝงด้วยไปความน่ากลัวลึกล้ำอยู่ภายใน
"แกน่ะแหละที่จะต้องไปลงนรก" ชาเร็ตกับจาเคียพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ทั้งคู่เองก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่พุ่งเข้าจู่โจมศัตรูตรงหน้า โดยมีรีเฟลคเคลื่อนที่ตามไป และเลสเตอร์กับอลิเซียคอยหนุนหลัง
ร่างกายของจาเคียส่องประกายแสงสีขาว และเกิดการเปลี่ยนแปลง ใบหน้ายาวขึ้น และตามตัวเริ่มมีขนสีน้ำตาล รีเฟลคก็เช่นกัน แผงคอสีเหลืองคล้ำเริ่มงอกขึ้นมาพร้อมกับขนสีเหลืองทั่วร่าง ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นครึ่งจิ้งจอกและครึ่งสิงโต การกลายร่างเช่นนี้ทำให้พลังของทั้งคู่เพิ่มสูงขึ้นมาก
อาวุธทั้งสี่เล่มถูกฟันเขาใส่เป้าหมายพร้อมกัน แต่เสตียร์ไม่ได้หลบหลีกแม้แต่นิดเดียว
เคร้ง!!!
ปีกสีดำสนิทขนาดใหญ่โอบคลุมล้อมรอบตัวของเขา มันปัดเอาอาวุธของทุกคนกระเด็นออกไป
ชายชุดดำสะบัดมือตามแนวขวางเพียงเบาๆ
ตูม!!! เกิดคลี่นสีดำขนาดใหญ่ พัดพาทุกคนกระเด็นออกจากกัน ความรุนแรงถึงขนาดที่ว่าต้นไม้ข้างทางโค่นลงมาทันที ทุกคนบาดเจ็บหนักล้มลงไปกองกับพื้น
เสตียร์ยิ้มอย่างน่ากลัว เผยให้เห็นเขี้ยวสองคู่ของปีศาจดูดเลือด เขาลอยขึ้นกลางอากาศเล็กน้อย เพียงพริบตาเดียวก็เคลื่อนย้ายไปอยู่หน้าเลสเตอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะยกชายหนุ่มผมขาวที่สลบขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวแล้วเลียริมฝีปาก
"แก.....จะทำอะไรกับ.....เลสเตอร์...." ชาเร็ตพยายามยันตัวขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีแต่อย่าว่าแต่จะดันตัวขึ้นมาเลย แค่จะพูดก็ลำบากแล้ว
"เผอิญว่าตอนนี้ข้ากำลังหิวน่ะ" แวมไพร์ตอบชายหนุ่มผู้มีตาสีส้มด้วยสีหน้าเหยียดหยาม "ยังไงพวกแกก็จะตายอยู่แล้ว เป็นเหยื่อของข้าซักคนจะเป็นอะไรไป"
"ลองแก....ทำดูสิ....ชั้นเอาแกตายแน่" ชาเร็ตรวบรวมกำลังอีกครั้งเพื่อที่จะช่วยเพื่อนรักของเขา เลือดสีแดงถูกกระอักออกมาจากปาก
เสตียร์ได้ยินดังนั้นก็เหยียดยิ้มชอบใจ "ทำได้ก็เอาสิ เจ้าคนอ่อนแอ" เจ้าตัวไม่พูดปล่าว ค่อยๆง้างปากออกอย่างช้าๆ
"แก.......ไอเลว" ชาเร็ตกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่ยังฝืนร่างกายของตนลุกขึ้นยืน
"ปล่อย.......เขาซะ" เขาสั่งร่างกายตนเองให้ขยับไปหาแต่มันไม่ทำตามคำสั่ง
"ชั้น......บอกให้ปล่อยเขา....." คมเขี้ยวขาวอยู่ห่างจากลำคอไม่กี่เซนเท่านั้น ชาเร็ตรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนขึ้น
เมฆที่บดบังดวงจันทร์ ถูกสายลมพัดหายไป
"ปล่อยเพื่อนชั้นนะว้อยยยยยยยยยยย"
ร่างกายของขายหนุ่มเริ่มส่องแสงสีขาวสว่างตา ทำให้เสตียร์เองถึงกับชะงัก พริบตาจากกลางคืนก็แปรเปลี่ยนเป็นกลางวัน ร่างกายของชาเร็ตถูกหุ้มด้วยแสงสีขาว จาเคียที่สลบไปรอบหนึ่งรู้สึกตัวเนื่องจากแสงจ้า
"เจ้าหมอนั่น" เธอพูดขึ้นพลางยันตัวลุกอย่างช้าๆ เธอเองเป็นคนที่ได้รับอาการบาดเจ็บน้อยที่สุดเนื่องจากพลิกตัวหลบคลื่นสีดำให้พ้นจุดตายได้ทันท่วงที
ผมสีเทาเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินและยาวขึ้น
ขนสีขาวงอกขี้นแทนที่ผิวหนัง
มือและเท้าแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บทรงพลัง
นัยน์ตาสีส้มกลายเป็นสีเหลืองของอสูร
ใบหน้าแปรสภาพเป็นหน้าของหมาป่า
และเสียงหอนคำรามกึกก้อง
โบร๋ว~~~~~ฮู้ว~~~~~
"ไม่จริงน่า แกเองก็เป็นไลแคนโทรป!?" เสตียร์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
มนุษย์หมาป่าสีเงินพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูงจนตามองไม่ทัน ปีกสีดำสองข้างกางออกเพื่อปกป้องผู้เป็นเจ้าของ แต่มันก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ชาเร็ตพุ่งฝ่าเข้ามาด้านในของวงล้อมปีก ก่อนที่จะซัดกำปั้นใส่
เพียงแค่หมัดลุ่นๆหมัดเดียวที่กระทบกับใบหน้าเท่านั้น
ตูม!!!!!!!!!!
ก็ซัดให้เสตียร์พุ่งทะลุต้นไม้ด้านหลังไปเป็นแถบๆ
แวมไพร์ในสูทดำลุกขึ้นอย่างเคียดแค้นแต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คู่มือ จึงหายตัวหนีไปกับความมืดอีกครั้ง
ชาเร็ตคำรามเสียงดังราวกับได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากพันธนาการอันยาวนาน เสียงดังก้องกังวานไปจนถึงหูของคลาวด์ อาริโนะ และวินส์ฟาล ที่อยู่ในหมู่บ้าน
ประกายในดวงตาสีเหลืองดับวูบลง....
แสงสีขาวปกคลุมร่างของชาเร็ตอีกครั้งก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับร่างกายที่เป็นปกติ
ชายหนุ่มล้มลงกับพื้น ลมหายใจบางเบา และสิ้นสติอยู่ตรงนั้นเอง
ความคิดเห็น