ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทางสายใหม่

    ลำดับตอนที่ #2 : ทางสายใหม่2

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 49


    ธารดาวเดินไปตามถนนปูนสายลมยามเช้าตรู่พัดผ่านหน้าหญิงสาวไป เสียงนกร้องแข่งกับเสียงรถตามท้องถนน ธารดาวเดินไปเรื่อยๆสายตามองไปข้างหน้าหากแต่ไม่ได้ใส่ใจกับถนนหนทางข้างหน้าเลย วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เตี่ยก็คงเป็นคนไปส่งเธอเหมือนที่มันควรจะเป็นอย่างทุกๆเช้า แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว และธารดาวจำต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้ว่า เตี่ยกับแม่ได้จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับอีกแล้ว และเธอก็ต้องอยู่บนโลกแห่งความจริงนี้ให้ได้ ต่อแต่นี้ไป เธอก็จะต้องช่วยตัวเองอีกหลายๆเรื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ธารน้ำมากขึ้น ตอนนี้ธารน้ำก็ยังไม่ได้งานทำเป็นหลักเป็นฐานเลย เงินที่ใช้อยู่ทุกวันก็มาจากเงินส่วนที่เตี่ยกับแม่เก็บไว้เท่านั้น ดังนั้นทุกวันนี้จึงต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัด ธารดาวอยากหางานทำแต่ก็ถูกธารน้ำห้ามไว้และขู่ว่าหากธารดาวออกไปทำงานจะไม่คิดว่าเธอเป็นพี่น้องกันอีกต่อไป
    “ น้องคนเดียวทำไมชั้นจะเลี้ยงไม่ได้ “ ธารน้ำพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่อวันที่ธารดาวบอกว่าวันนี้ออกไปหางานทำแต่ก็ยังหาไม่ได้เลย ธารดาวรู้ดีว่าพี่น้ำต้องไม่ชอบใจแน่ที่เธอออกไปหางานทำ แต่ธารดาวเองก็รู้สึกผิดที่ปล่อยให้พี่สาวหาเงินอยู่คนเดียว ทั้งที่เธอเองก็พอช่วยเหลือได้ “ ถ้าหากว่าอยากทำงานนักล่ะก็นะ ก็เชิญเลย แต่ต่อไปนี้แกอย่ามาเรียกชั้นว่าพี่อีกนะ “ และประโยคนี้เองที่ทำให้ธารดาวไม่กล้าที่จะออกไปหางานทำอีกเลย
    “ ดาว ดาว รอด้วย” เสียงลิ้นจี่ดังขึ้นข้างหลัง ธารดาวหันกลับไปตามเสียงเรียกนั้น ลิ้นจี่กำลังวิ่งมาอย่างกระหอบกระหืด
    “ เรียกตั้งนานกว่าจะหันมา เดินเร็วเป็นบ้าเลยอ่ะ “ ลิ้นจี่ยืนหอบตัวงอ
    “ ขอโทษที คิดอะไรเพลินไปหน่อย “ ธารดาวแกมขำแกมสงสารเพื่อนสาวที่ยืนหอบอยู่ข้างๆ ตลอดเดือนที่ธารดาวย้ายมา ก็มีลิ้นจี่นี่หล่ะที่คอยเป็นเพื่อนคุยกับเธอ “ เราสองคนมีอะไรคล้ายๆกันเนอะ “ ลิ้นจี่พูดขึ้นหลังจากที่พูดคุยกันมาหลายวัน การที่ธารดาวอยู่กับลิ้นจี่ตลอดเดือนมานี้ทำให้เธอรู้ว่า ลิ้นจี่เป็นคนน่าคบมากคนหนึ่ง และเธอเองก็คิดเช่นเดียวกับลิ้นจี่ที่ว่าเธอกับลิ้นจี่มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ลิ้นจี่มักชอบเล่าเรื่องที่เวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน ว่าเธอทำอะไรบ้าง และลิ้นจี่ก็เป็นคนแนะนำให้เธอได้รู้จักโลกในอินเตอร์เน็ต ธารดาวรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น ลิ้นจี่มักบ่นให้ฟังอยู่เสมอว่าพ่อกับแม่มักไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย เพราะว่าเป็นช่างภาพอิสระด้วยกันทั้งคู่ นานๆทีจะกลับมาบ้าน แต่ก็มักจะส่งอีเมล์มาหาอยู่บ่อยๆ ลิ้นจี่แนะนำเธอให้รู้จักกับพ่อ แม่ทางอินเตอร์เน็ต และเธอคิดว่าครอบครัวของลิ้นจี่ช่างวุ่นวายดีเสียจริง
    “ คิดอะไรอยู่ดาว “ ลิ้นจี่ถามขึ้นเมื่ออยู่บนรถเมล์
    ธารดาวค่อยๆหันมา “เปล่าจ๊ะ มองวิวน่ะ “
    “ วิว ..เนี่ยนะ วิว มีแต่รถกับควัน ดีนะเนี่ยที่เราไม่ได้อยู่ในตัวกรุงเทพฯจริงๆ น่ะ ไม่งั้นเราต้องเป็นมะเร็งควันรถเมล์ไปตามๆกันแน่เลย”
    “เป็นไงเหรอ ? มะเร็งควันรถเมล์ “
    “ ไม่รู้เหมือนกัน “ ลิ้นจี่ตอบพลางส่ายหน้าแบบขำๆ ธารดาวอดขำไปด้วยไม่ได้
    ธารดาวก้าวลงจากรถเมล์ มองโรงเรียนใหม่ที่เธอกำลังจะเดินเข้าไป โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ ชีวิตใหม่ ลิ้นจี่สะกิดให้เธอเดินเข้าไปในโรงเรียน ธารดาวเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียน มองไปรอบๆ เห็นหยงกำลังโบกไม้โบกมือให้เธอกับลิ้นจี่เดินเข้าไปหา ข้างๆมีหวานกับอิฐยืนอยู่เช่นกัน
    “ หวัดดีดาว เราได้อยู่ห้องเดียวกันด้วยหล่ะ หวานก็อยู่ห้องเดียวกับเราด้วยนะ “หยงรีบบอกอย่างกระตือรือร้น
    “ ฮึๆ ทักแต่เพื่อนใหม่ เพื่อนเก่าไม่ทักกันเลยนะแก “ ลิ้นจี่แกล้งพูดขึ้นลอยๆ
    หยงมองตาหรี่ “ หวัดดี ..ยาย!”
    “ ว่าเค้าเป็นยาย ตัวเองก็ใส่แว่นเหมือนกันแหละ “ ลิ้นจี่สวนกลับ
    “ แต่เค้าน่ะใส่แว่นสายตาสั้น แต่ยายน่ะใส่แว่นสายตายาววววแสดงว่าแก่….มากแล้วนั่นเอง “ หยงลากเสียงยาวในประโยคท้าย
    ลิ้นจี่ค้อนใหญ่ “ เฮ้ย!! ไอ้พวกนี้นี่ชอบกัดกันเองเรื่อยเลย “ หวานพูดขึ้นแล้วรวบผมหยักสกสีน้ำตาลอ่อนขึ้น
    “ มันกัดฉันก่อนอ่ะ “ ลิ้นจี่พูดเสียงงอนๆ
    “ นี่แล้วฉันอยู่ห้องไหนเนี่ย “ ลิ้นจี่พูดขึ้นจะก้าวไปดูที่บอร์ด
    “ ไม่ต้องดูแล้วจี่อยู่ห้องเดียวกับเรา “ อิฐพูดขึ้นแล้วเริ่มมองหาที่นั่ง เสียงออดเรียกเข้าแถวก็ดังขึ้นพอดี
    จากวันผ่านไปเป็นเดือน ธารดาวเริ่มรู้สึกปรับตัวได้บ้างกับรอบตัวที่เปลี่ยนไป ธารดาวและเพื่อนๆได้สมาชิกใหม่เข้ากลุ่มอีกสองคน คือ “ปิ่นประดับ” กับ ” ไม้แก่น “ ปิ่นประดับเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาคล้ายหยงมากและยังใส่แว่นเหมือนกันอีกยิ่งทำให้ดูคล้ายกันมากยิ่งขึ้น ทำให้ทั้งเหล่าอาจารย์และเพื่อนๆเริ่มสับสน และทั้งสองเองก็ดูเหมือนจะคุยถูกคอเสียด้วย เหมือนเป็นเพื่อนกันมาก่อนอย่างงั้นแหละ หยงเริ่มห่างจากหวานแต่ถึงเวลาเรียนก็ยังนั่งด้วยกันอยู่ แต่หวานเองก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะไม้แก่นก็ได้ เพราะพักหลังมานี้ดูเหมือนสองคนจะสนิทกันมากขึ้นและดูเหมือนจะเริ่มมากกว่าเพื่อนสนิททั่วไป แต่หวานเองก็บอกว่าไม่มีอะไรมากกว่าเพื่อนหรอก
    “ ดาวคิดมากไปหรือเปล่า เราก็สนิทกับไม้เหมือนกับเพื่อนทุกคนนั่นแหละ อีกอย่างไม้เค้าเป็นฝ่ายเข้ามาชวนหวานคุยทุกครั้งเองนะใช่ว่าหวานจะหาเรื่องคุยกับเค้าเมื่อไหร่ แล้วเค้าก็รู้ว่าหวานมีมอสอยู่แล้วด้วยเรื่องนั้นดาวเองก็รู้นี่นาแล้วเค้าจะมาจีบหวานทำไม เราว่าดาวคิดมากเกินไปนะ เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก แต่ก็ขอบใจนะที่เป็นห่วง “ หวานมักพูดแบบนี้ที่ธารดาวเตือนให้ระวังตัวเพราะอาจจะไม่ดีนักในสายตาของคนอื่น แต่ดูเหมือนหวานจะไม่สนใจสิ่งที่ดาวพูดมากนัก ธารดาวคิดว่าควรจะเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วเพราะเห็นว่าเตือนมากไปอาจทำให้เพื่อนเริ่มอึดอัด เพราะตัวเธอเองก็อึดอัดเช่นกันเวลาเตือนเพื่อน
    วันนี้ธารดาวต้องกลับบ้านเพียงคนเดียวเพราะว่าลิ้นจี่ต้องไปเรียนพิเศษตอนเย็น
    “ ดาวไปเรียนด้วยกันนะเราจะได้มีเพื่อน “ ลิ้นจี่ออกปากชวนขึ้นมา
    “ ไม่ได้หรอกลิ้นจี่เราไม่ค่อยมีเงิน เรียนตอนนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ พี่น้ำเองก็ยังหางานทำไม่ได้เลยลิ้นจี่ก็เองก็รู้”
    ลิ้นจี่หน้างอมองอย่างเสียดาย “ ขอโทษด้วยนะลิ้นจี่ เราไปเรียนด้วยไม่ได้จริงๆ “ ธารดาวยิ้มบางๆ ให้ เธอเองก็อยากเรียนแต่ก็อย่างที่บอกเพื่อนสาวออกไปว่าไม่มีทุน ถ้าเธอจะเรียนแค่ออกปากถามธารน้ำยังไงพี่ก็ต้องให้เรียนอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ธารดาวถึงได้รักพี่สาวคนนี้มาก ธารน้ำไม่เคยนึกถึงความลำบากของตัวเธอเลย ตั้งแต่ เตี่ยกับแม่จากเราไป ธารน้ำก็พยายามทำหน้าที่เหมือนเตี่ยกับแม่ ธารดาวรู้ว่าพี่สาวของเธอต้องการให้เธอมีทุกสิ่งที่คนอื่นเค้ามีกัน จนบางครั้งธารดาวรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบพี่สาวอยู่บ่อย ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องในบ้านธารดาวจึงเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง เพื่อแบ่งเบาภาระของพี่สาว
    ธารน้ำเงยหน้าจากกล่องพิซซ่าเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา “ ดาวกลับมาก็ดีเลย วันนี้พี่ซื้อพิซซ่ามา วันนี้แกไม่ต้องทำกับข้าวหนึ่งวัน “ ธารน้ำฉีกยิ้มให้น้องสาว
    “ แล้วทำไมวันนี้พี่น้ำกลับมาเร็วจังเลย “ ธารดาวถามขึ้น วางกระเป๋านักเรียนไว้บนโต๊ะแล้วชโงกหน้าเข้าดูกล่องพิซซ่าที่วางอยู่บนโต๊ะ “หือ…..น่ากินจังเลยพี่น้ำ แต่ว่าพี่น้ำซื้อมาทำไมมันแพงไม่ใช่เหรอถาดนึงก็ใช่ว่าจะยี่สิบสามสิบเสียเมื่อไหร่ “ ธารดาวอดตำหนิพี่สาวไม่ได้
    “ บ่นมากเป็นยายแก่เชียวเรา ก็ซื้อมาให้กินน่ะซิถามได้ ซื้อมาทำไม ลองกินดูทีหลังเวลาไปเห็นคนอื่นเค้ากินจะได้ไม่อยากกิน แล้วถ้าชอบวันหลังจะได้พาไปกินที่ร้านอีก “ ธารดาวค่อนน้องสาวเล็กน้อย แต่สีหน้าก็ยังยิ้มแย้ม
    “ แต่ว่าเราไม่ค่อยมีเงินนะพี่น้ำทำแบบเนี๊ยะไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยเหรอ “ ธารดาวพูดเตือนพี่สาว แต่ก็อดมองพิซซ่าในถาดไม่ได้ แหม…กลิ่นมันก็ห้อม….หอม..ชวนน่ากินเสียจริง “ เอ้อ! พี่น้ำยังไม่ตอบเลยว่าทำไมวันนี้กลับเร็วจัง “
    ธารน้ำยิ้มอย่างมีเลศนัย “ ไม่ทายหน่อยเหรอ “
    ธารดาวครุ่นคิดสักครู่แล้วก็ยิ้มหน้าบาน “ พี่น้ำได้งานทำแล้ว “ ธารดาวถามอย่างเร็ว
    ธารน้ำผยักหน้า “ ถูกต้อง ชั้นได้งานทำแล้ว ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะว่าชั้นมีงานทำแล้ว มีงานทำแล้ว มีงานทำแล้ว!!!!!” ธารน้ำพูดซ้ำไปมาอย่างดีใจ
    ธารดาวเองก็อดยิ้มไปกับความสำเร็จของพี่ไม่ได้ ตอนนี้หัวใจของธารดาวพองโตขึ้นอีกครั้งในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา อะไรจะมีความสุขมากกว่าการเห็นคนที่เรารักมีความสุข และเป็นวันแรกในรอบหลายเดือนอีกเช่นกันที่ธารดาวไม่ได้ฝันร้าย….


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×