ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SCL Project (VanaN'ice)

    ลำดับตอนที่ #1 : ภาค Imitation Black (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 447
      3
      30 พ.ค. 60

    Imitation Black *Rewrite*


              ชายหนุ่มสองคนทั้งคู่ก้าวเดินฉับๆ เหมือนกำลังเดินเร็วแข่งกันอยู่ คนหนึ่งผมซอยสั้นสีฟ้าคราม อีกคนผมสีม่วงยาวรวบเป็นหางม้าสูงแล้วปล่อยจอนยาวลงมาข้างๆ ใบหน้า  ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงเพราะทั้งคู่เดินเร็วตีขนาบข้างกันไปส่วนมือของทั้งสองก็ผลัดไหล่อีกฝ่ายบ้างหรือดึงชายเสื้ออีกฝ่ายให้หยุดชะงักบ้าง แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายพวกเขาก็เดินมาถึงหน้าห้องหนึ่งพร้อมกันอยู่ดี

              "ฮู่..คิดว่าจะชนะเราสินะ" ชายผมสีครามก้มตัวหอบแฮ่กๆทั้งเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง

              "แน่นอน" ชายผมม่วงไม่ยอมแพ้เช่นกัน แต่เพราะความเหนื่อยที่เดินเร็วแข่งกันทำเขาพูดออกมาได้แค่สองคำเท่านั้น

              แต่เถียงไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ต้องปลุกเด็กน้อยคนนั้นก่อน ตะวันฉายแสงมามากแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันอาหารมื้อเช้า ชายผมฟ้าครามเอื้อมมือไปเคาะบานประตูข้างหน้าเขาสามที จากนั้นทั้งคู่รีบสำรวมตัว จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เฝ้ารอเสียงขานตอบกลับจากในห้อง...

              "ไคโตะ..เราว่านี่มันนานเกินไปแล้วนะ" ชายผมม่วงเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเพราะผิดสังเกต ต่อให้คนที่อยู่ในห้องต้องให้ตามปลุก แต่อีกฝ่ายเป็นคนตื่นง่าย ไม่น่าหลับสนิทเมื่อได้ยินเสียงเคาะบานประตูเมื่อครู่ ไคโตะเคาะค่อนข้างดังเสียด้วย

              "นั่นสินะ..งั้นเราทั้งคู่เข้าไปเลยละกัน ถือเสียว่าเราเคาะไปแล้ว"

              ไม่รีรออะไรทั้งนั้น สองหนุ่มถือวิสาสะผลักบานประตูออกเข้าไปในตัวห้อง ภายในเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง มีเตียงขนาดกลางที่เก็บจัดอย่างเรียบร้อยและมีผ้าคลุมเตียงหุ้มอยู่ภายนอกที่ทำจากผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มจนคล้ายสีนิล 

              ตรงข้ามกับเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กสามตู้วางเรียงกัน และตู้บานตรงกลางมีไม้แขวนเสื้อที่แกะสลักจากไม้อย่างประณีตแขวนไว้ที่ลูกบิดตู้ ข้างๆ ตู้มีโต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกทรงรีประดับด้วยลวดลายที่ทำจากคริสตัลหลากสีอย่างงามงดหมดจด  ตัวโต๊ะเองมีหวีสำหรับสางผมอันใหญ่ และริบบิ้นสีดำยาวเกือบสองเมตรม้วนพันและวางไว้จึงดูไม่รก พร้อมกับอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหลายที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ

              สองสายตาต่างมองรอบๆ ห้อง เหมือนหาใครบางคน เป็นไปได้อย่างไร ปกติจะต้องให้เรามาปลุกตลอดเสมอ หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำนะ? สองหนุ่มค่อยๆ ย่างเบาไปถึงหน้าห้องน้ำ ก็เห็นบานประตูห้องน้ำที่แง้มปิดไม่สนิทอยู่ ไคโตะทำท่ายึกยักๆ ให้เพื่อนอีกคนหนึ่งเปิดบานประตูนั่นออกแทน

              "จะดีเหรอ? เผื่ออาบน้ำอยู่" เขากระซิบกับไคโตะ

              "ปอดแหกน่า ตอนเช้านะไม่ใช่ตอนกลางคืน ไม่มีผีหรอก เห็นแล้วไงล่ะ..ก็แค่หลับตา"

              ไอ้พูดน่ะง่าย...ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะทำได้ไหมนี่อีกเรื่องนะ ไคโตะเองก็ทำเป็นปากเก่งไปก่อน แต่เอาเข้าจริงเขายังไม่รู้ตัวเลยว่าจะทำแบบนั้นได้ไหม

              ว่าแล้วไคโตะชิงหลับตาก่อน ส่วนอีกคนหนึ่งหันมาเจอเพื่อนผมสีครามหลับตาแน่นไปแล้ว ก็ได้แต่เลือดขึ้นหน้า ดูทำเข้า ที่แท้ตัวเองก็กลัวเหมือนกันนั่นแหล่ะ หึ! เอาน่ะ ก็แค่ผลักประตูไปเองนี่ ใจของชายผมม่วงเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าผู้ที่อยู่ในห้องน้ำนั้นจะอาบน้ำอยู่ เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวเลย เหมือนไคโตะเองจะไม่ได้สังเกตตรงจุดนี้ เขาหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จากนั้น...ผลักประตูออกจนสุด

              "กาคุโปะ! ไคโตะ! ดีจังที่พวกนายเข้ามา อ้ะ! เราคงไม่ได้ยินเสียงเคาะล่ะมั้ง รู้งี้นะคงออกไปเปิดให้แล้ว" 

              เบื้องหน้าของเขาเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็ก มีเส้นผมสีทองเปล่งประกายยาวเลยบ่าเล็กน้อย เขาสวมเสื้อสีดำเปิดไหล่ทั้งหมด ทั้งนี้เขาก็ผอมมากจนเห็นกระดูกไหปลาร้าขึ้นมาทั้งท่อน กระโปรงที่สวมอยู่ก็เป็นสีดำเช่นกันมีระบายลูกไม้อีกหลายชั้น แต่ข้างหลังเป็นกระโปรงที่ยาวจนสัมผัสกับพื้นในห้องน้ำ ตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้อยู่ในสภาพที่ไคโตะกับกาคุโปะคิดไว้ กาคุโปะเองจึงตบบ่าให้ไคโตะลืมตาขึ้นมา

              "ฮู่..ลุ้นดี" ไคโตะรำพึง

              "นายน่ะหลับตา แต่นี่เป็นคนผลักประตูออกนะ" กาคุโปะกระซิบต่อว่าไคโตะอย่างอดไม่ได้

              "นี่..ทะเลาะกันเหรอ?"

              ดวงตาสีเขียวอมฟ้ากลมโตของคนตัวจ้อยจ้องมองชายร่างสูงทั้งคู่ด้วยความสงสัยแบบไร้เดียงสา เขาสายตาบ่งบอกว่าอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเต็มที่ ร่างสูงทั้งสองคนเองก็ได้แต่เหล่ตามองกันแวบหนึ่งก่อนที่กาคุโปะจะลูบศีรษะเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู

              "เปล่าครับคุณหนูเล็น เรื่องของผู้ใหญ่นะครับ"

              "เรื่องของผู้ใหญ่เหรอ ก็ได้ อย่างไรก็ตามโตขึ้นคงรู้เองเนอะ?"

              เล็นเชิดหน้าตัวเองขึ้นจากนั้นเดินผ่านร่างสูงสองคนไปอย่างไม่ใส่ใจ แขนของเขาเหมือนโอบอะไรบางอย่างไว้อยู่ตรงอก ไคโตะสังเกตได้จึงจับไหล่ร่างบางให้หันมาเกือบทันที

              "อ๋อ...เราอยู่ในห้องน้ำเพราะจะมาใส่คอเซ็ทน่ะ ถ้าไม่ส่องกระจกแล้วผมจะใส่เบี้ยว"

                แล้วนั่นจะไปไหน? ทำไมไม่ใส่คอเซ็ทให้เรียบร้อยเสียก่อนล่ะ? กระจกในห้องน้ำใหญ่กว่าร่างบางถึงสามเท่าเลยด้วยซ้ำ นี่คือความคิดของไคโตะ

              แต่ราวกับอ่านใจกันได้ หนุ่มน้อยชิงพูดก่อนว่าเขายังไม่ใส่คอเซ็ททันที เพราะเวลาสวมถุงน่องตามมันต้องก้มตัว ทำให้อึดอัด ไหนจะต้องเตรียมรองเท้าอีก ไคโตะจึงเดินไปที่ตู้รองเท้าเล็กๆ ข้างประตูห้อง เปิดออกมาแล้วเลือกหยิบรองเท้าแก้วส้นสูงสีดำมาวางไว้ที่ปลายเตียงให้ ส่วนกาคุโปะรัดคอเซ็ทให้ร่างบางหลังจากเขาสวมถุงน่องแล้วดึงสายขึ้นมารัดกับกางเกงขาสั้นข้างในกระโปรง 

    "ยกแขนขึ้นทั้งสองข้างหน่อยนะครับคุณหนู"

              คุณหนูกางแขนขึ้นอย่างว่าง่าย กาคุโปะทำท่าคล้ายจะกอดเอวของอีกฝ่าย แต่เขาทำเพียงแค่เอื้อมมืออีกข้างของเขาไปหยิบชายคอเซ็ทอีกฝั่งมาเท่านั้น ใจจริงเขาก็อยากโอบกอดร่างเล็กๆ ดูสักครั้งเหมือนกัน

              และด้วยเหตุนี้ คะแนนจึงเทไปทางพ่อหนุ่มผมม่วงค่อนข้างเยอะ ตัวเขาเองก็ได้แต่ยิ้มกริ่มเพียงในใจ แต่ไคโตะเองไม่ใช่จับไม่ได้ เขาจะต้องเรียกคะแนนกลับมาบ้าง แต่..จะทำอะไรเรียกคะแนนดี 

              ไคโตะจึงก้มๆ เงยๆ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของคุณหนู ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว แต่ช่วงใบหน้าดูแปลกๆ แทน...

              "ขอบคุณมากนะกาคุโปะ รัดได้แน่นกำลังดีเลย ไม่อึดอัดด้วย"

              กาคุโปะเมื่อได้รับคำชมก็ส่งยิ้มหวาน จากนั้นเขากางแขนออกคล้ายจะบอกคุณหนูว่าขอกอด เด็กน้อยเองก็น่ารักและใสซื่อ แต่ในขณะเดียวกันเขาไม่รู้ว่ามีอีกบุคคลหนึ่งที่ยืนแผ่รังสีสีดำอัมหิตออกมาอย่างแรงกล้า เขาจึงโอบกอดกาคุโปะเต็มแขน ไคโตะที่ยืนอยู่หลังร่างบางได้เห็นสายตาเยาะเย้ยของกาคุโปะที่ส่งมาแนวว่า 'ฉันชนะแล้ว' ออกมา เรื่องอะไรจะยอมเล่า!
      
              "พอแค่นี้ก่อนนะกาคุโปะ เรายังไม่ได้ทำผมเลย"

              คุณหนูปล่อยการสวมกอดออกอย่างอ่อนโยน กาคุโปะไม่ได้น้อยใจหรืออย่างไร อย่างน้อยเข้าได้โอบกอดกับคนที่เขารักมากแล้ว ทางไคโตะเมื่อเห็นจังหวะที่ร่างบางพูดออกมาเมื่อครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าร่างบางยังไม่ได้ทำผมจริงๆ เส้นผมสีทองของเล็นไม่ได้เกล้าขึ้นแต่อย่างใด มันจึงเรี่ยบ่าเล็กนั่นชวนสัมผัสมัน เป็นโอกาสอันดีแล้วล่ะ

              "คุณหนูครับ...ผมขอทำผมให้นะ" ไคโตะเกริ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจ้าตัวเองมีหน้าม้าที่บังตาค่อนข้างเยอะ พอไคโตะถามว่าจะขอทำผมให้ เขาก็ยกฝ่ามือขึ้นมาทัดหน้าม้าที่ยาวทิ่มดวงตาไว้ที่ข้างหูทั้งสองข้าง พร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ แล้วส่งยิ้มให้ 

              เจ้าตัวเล็กเดินไปเลื่อนเก้าอี้ใต้โต๊ะเครื่องแป้งออก เป็นเก้าอี้ที่ไร้พนักพิง เล็นใช้สองฝ่ามือของเขาจับกระโปรงด้านหลังแล้วรวบมันลงข้างล่างก่อนที่จะนั่งลงอย่างเรียบร้อย เขานั่งด้วยท่าทีที่สง่า หลังตรง หน้าเชิด ลำขาทั้งหมดชิดกัน สมบูรณ์แบบจนเผลอนึกว่าเป็นตุ๊กตาที่ตั้งไว้หน้าตู้กระจกใสเสมอ 

              "เกล้าเหมือนเดิมนะ"

              "ครับ! ผมจำได้อยู่แล้วว่าคุณหนูชอบทรงไหน"

              คุณหนูยื่นหวีแปรงขนาดใหญ่ไปทางด้านที่มีไคโตะยืนอยู่ เขามองไคโตะผ่านกระจกทรงรีสวยพร้อมอมยิ้มน้อยๆ ให้ ดวงตาของเล็นส่องประกายเหมือนเด็กขี้เล่นเสมอ กาคุโปะเองเริ่มรู้สึกเหมือนกับไคโตะในช่วงต้นๆ เสียแล้ว คะแนนเริ่มจางหายไปทีละน้อย ไคโตะเหล่ใบหน้ามองเพื่อนเขาแล้วส่งยิ้มแห่งชัยชนะไปให้แล้วรีบหันกลับไปทำผมให้คนที่นั่งอยู่ กาคุโปะเองก็ได้แต่อาฆาตเงียบๆ ข้างหลังโดยการจิกฝ่ามือตัวเองข้างๆ ม่านผืนหนาของหน้าต่างบานใหญ่ในห้อง...

              ไคโตะลงหวีแปรงที่ศีรษะเล็นอย่างอ่อนโยนแล้วเริ่มหวีลู่มาทางข้างหลัง เส้นผมของเล็นนั้นเล็ก แต่เยอะและนุ่มลื่นมากๆ มีกลิ่นหอมอีกต่างหาก เขาไม่กล้าลงมือหนักเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ ไคโตะค่อยๆ เกล้าผมของร่างบางขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เล็นชอบเกล้าผมขึ้นมากกว่าทำทรงอื่นๆ อีกนัยหนึ่ง ทรงเกล้าสูงเป็นทรงที่เหมาะกับเขาที่สุดแล้ว แม้ว่าตามท้ายทอยจะมีบางส่วนที่รวบไม่หมดก็ตาม

              พอชายหนุ่มผมสีครามเกล้าผมให้เสร็จเรียบร้อย เด็กน้อยก็ยื่นหนังยางให้กับไคโตะ เมื่อมาถึงตรงนี้ ไคโตะยืนลังเลอยู่นานว่าจะทำให้ศีรษะของร่างบางเจ็บหรือเปล่า เขาไม่อยากให้เส้นผมดุจไหมนั้นเสียทรง

              "ไคโตะรออะไรเหรอ? นี่..ไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บหรอกนะ ไคโตะมือเบากว่าเราเยอะเลย เวลาเราหวีนะผมร่วงเป็นกระจุกเลยล่ะ!" 

              ทำไมถึงไม่ดูแลเส้นผมตัวเองดีๆ ทั้งไคโตะและกาคุโปะต่างคิดเหมือนกัน สุดท้ายแล้วไคโตะก็ต้องรวบรวมความกล้าแล้วรัดผมให้ร่างบางอย่างรวดเร็ว นี่จะเลยมื้อเช้าแล้ว ขืนช้ากว่านี้ร่างบางจะต้องหิวโหยมากแน่ๆ

              "เสร็จแล้วครับ"

              เล็นเงยหน้าขึ้นมองไคโตะพลางส่ายหน้า "ยังซะหน่อย อ่ะ..ไคโตะยังไม่ได้ผูกริบบิ้นให้เราเลยนะ" ร่างบางยื่นริบบิ้นสีดำที่ม้วนบนโต๊ะตั้งแต่ต้นให้ไคโตะ เขาลืมไปเสียสนิทว่าเล็นชอบผูกริบบิ้นมากๆ

              "หูกระต่ายเอาใหญ่มากไหมครับ?"

              "อืม...เอาที่ดูแล้วไม่น่าเกลียดละกัน"

              คุณหนูแสนสง่าเคยทำอะไรแล้วดูน่าเกลียดบ้างล่ะ เป็นความคิดของไคโตะแต่เพียงผู้เดียว ดูก็รู้ทันทีว่าหลงร่างบางหัวปักหัวปำ เล็นเป็นเด็กน่ารัก เวลาจะทำอะไรก็ดูเหมือนเด็กน้อยเสมอ แต่วันนี้มาแปลกกลับสวมชุดสีดำ

              "ชุดใหม่หรือครับ?"

              ไคโตะถามพลางผูกริบบิ้นให้สวยงามไปด้วย เล็นเองก็ส่งเสียงน้อยๆ ตอบกลับมาอย่างสดใส 

              "อื้อ! สวยไหม? หรือว่าไม่เหมาะอะ?" 

              สองหนุ่มซึ่งอยู่คนละฝั่งพูดว่า "เหมาะสิครับ!" พร้อมกันทันที ผิวของคุณหนูเนียนละเอียดอยู่แล้ว พอสวมชุดสีเข้มๆ อย่างสีดำลงไป ทำให้ชุดของนั้นดูโดดเด่นขึ้นมาทันที แบบนี้ก็คล้ายๆ ว่าจะแต่งตัวเหมือนโกธิคด้วยซ้ำ มันน่ารักมากๆ 

              เมื่อผูกริบบิ้นให้เสร็จแล้ว ไคโตะเดินไปหยิบรองเท้าแล้วคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นสวมรองเท้าให้กับอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม ครั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กาคุโปะผู้จืดจางไปชั่วครู่จำต้องเรียกคะแนนคืนก็เดินมาหาเด็กน้อยพร้อมทั้งยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งให้

              "คุณหนูครับ...ไปทานมื้อเช้ากันครับ"

              "อื้อ!"

              ไคโตะเองก็ไม่น้อยหน้า ในเมื่อเขาได้คะแนนดีอยู่แล้ว เขาก็ต้องเรียกมันมาเรื่อยๆ เขาจึงยื่นมือให้เล็นด้วยอีกคน เมื่อเล็นเห็นผู้ดูแลทั้งสองเรียกคะแนน ก็ขันออกมาน้อยๆ พอเป็นพิธี

              "นี่พวกนายมาเอาใจเกินไปแล้วนา ไม่ใช่สาวน้อยบอบบางเสียหน่อย"

               ก็อยากดูแลนี่นา... ร่างสูงนึกในใจพร้อมกันทั้งคู่ แต่นั่นทำให้เล็นหลุดหัวเราะออกมาเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป

              "ฮ่าๆๆๆ พวกนายนี่ตลกจัง งั้น..เอาแบบนี้นะ"

              เล็นจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนจ ากนั้นมายืนตรงกลางระหว่างชายสองคน มือซ้ายของเล็นจับกับมือของไคโตะ ส่วนมือขวาก็จับมือของกาคุโปะ เขาหันมองไคโตะทีและมองกาคุโปะที จากนั้นส่งยิ้มให้ทั้งคู่

              "แค่นี้ก็ได้จับมือด้วยกันทั้งคู่แล้วนะ" น้ำเสียงของเล็นนั้นนิ่มนวลจนสะกดใจของสองหนุ่มที่ยืนขนาบข้าง

              'น่ารักเกินไปแล้ว...' พวกเขาอดคิดในใจไม่ได้เลย

              ทั้งสามคนออกจากห้องนอน แล้วเดินจูงมือกันเป็นแพเพื่อเดินไปที่ห้องอาหาร แต่กว่าจะถึงห้องอาหารก็ต้องเดินผ่านโถงกลางของคฤหาสน์ที่ประดับไปด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน และผ่านระเบียงหน้าต่างที่ทำจากแก้วสีอ่อนๆ เสียงรองเท้าแก้วส้นสูงสีนิลของคุณหนูยามเดินผ่านพื้นหินอ่อนก็กระทบกันดังกุกกัก แต่จังหวะเสียงดูไม่น่าเกลียด แม้ว่าจะเดินเร็วแต่ก็ย่างก้าวด้วยความสุขุม มือเล็กที่กร้านน้อยๆ ของเขาถูกกุมด้วยฝ่ามือหยาบใหญ่ของชายทั้งสองอย่างอบอุ่น 

              เดินต่อไปอีกไม่นานนักก็มาถึงห้องอาหาร พนักงานสาวเปิดประตูให้ทั้งสามคนผ่านเข้าไป ข้างในเป็นโต๊ะอาหารสุดหรู แต่ไม่ใช่โต๊ะยาวใหญ่อย่างที่นึกภาพเอาไว้ และตัวห้องอาหารก็ไม่ได้กว้างอย่างที่คิดด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะการที่นั่งทานอาหารคนเดียวท่ามกลางโต๊ะยาวๆ มันดูเหงาไปเสียหน่อย

              "คุณหนูคะ เช้านี้เรามีอาหารญี่ปุ่นและฝรั่งเศสค่ะ" พนักงานสาวโค้งตัวถามอย่างสุภาพ

              "อืม...ญี่ปุ่นทานบ่อยแล้ว ขอเป็น..ฝรั่งเศสละกันครับ มีซุปหัวหอมไหมครับ?"

              พนักงานสาวพยักหน้ารับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลูบศีรษะเด็กน้อยทีหนึ่งก่อนเดินไปจัดเตรียมอาหารให้คุณหนู 

              ส่วนสองหนุ่มที่เหลือพวกเขาตื่นก่อนและทานอาหารก่อนมาหลายชั่วโมงแล้ว พวกเขาตื่นกี่โมงน่ะหรือ? ก่อนไก่ขัน 1 ชั่วโมงถ้าจะได้ เพราะเขาแข่งกันว่าใครตื่นเช้าสุดจะได้รับความเอ็นดูจากคุณหนู แรกทีไคโตะจะตื่นตีสาม แต่ตื่นไม่ไหว เขาพ่ายแพ้กับหมอนและเตียงจึงหมดสติก็กินเวลาไปสองชั่วโมงต่อมา ส่วนกาคุโปะเองจับไก่มาไว้ในห้องคาดหวังให้มันโห่ขันก่อนเวลาจริงๆ ก็กลับถูกไก่ตัวนั้นไล่จิกทั้งคืน และทำผ้าห่มขาดเป็นรูพรุน นอนไปหนาวสะท้านร่างกายไป สุดท้ายก็สะดุ้งตื่นทุกๆ 30 นาทีตลอดจนหมดแรงเลยตื่นตีห้าครึ่ง...

              ช่วงเวลาของอาหารมื้อเช้าเป็นช่วงที่เล็นจัดการกับอาหารเยอะและนานมากที่สุด สองหนุ่มจึงขอตัวออกไปรอในสวนหย่อมเสียก่อน ทางเล็นเองก็โบกมือเป็นนัยว่าเขาดูแลตัวเองได้ เมื่อสองหนุ่มหันหลังพนักงานหนุ่มสาวก็สามสี่คนก็มายืนออกันที่ข้างๆ เด็กน้อยทันที 

              "เมื่อคืนนายตื่นกี่โมงน่ะ ฮ้าว..." ไคโตะถามหยั่งเชิงไปแล้วหาวไปหวอดหนึ่ง โดยไม่ปิดปากที่อ้าจนกว้าง

              "หาวได้น่าเกลียดจริง หึ..ฉันตื่นหนนี้ก็ตีสามน่ะ"

              "แล้วนายก็หลับต่อ..." ไคโตะได้ทีจึงแซว

              "ใช่...เฮ้ย! ไม่ใช่นะ!" แล้วกาคุโปะก็ยอมรับอีก..

              แต่วันนี้กาคุโปะรู้สึกแปลกๆ มาตลอด เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีมาแต่เช้า ตั้งแต่ตื่นมาศีรษะของเขาก็กระแทกกับหัวเตียง พอเข้าห้องน้ำนิ้วเท้าก็ไปกระแทกกับขอบประตูก็เสียเวลานั่งทำแผลและห้ามเลือดอีก ตอนนี้เขาถือแก้วน้ำที่เป็นกระเบื้องใสใบจิ๋วที่มีไวน์องุ่นอยู่ในนั้น แต่ไม่รู้ว่าเกิดอาเพทอะไรขึ้น จู่ๆ ขอบแก้วน้ำนั่นกลับมีรอยร้าวเกิดขึ้นอย่างน่ากลัว และตามด้วยเสียงกรีดร้องของพนักงานสาวจากข้างใน

              "รู้สึกหวิวๆ ใจพิกล"

              กาคุโปะเองก็ไม่อยากยอมรับคำพูดของไคโตะว่าเขาก็รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วตัวเช่นกัน เขาพยักหน้ารับอย่างเข้มแข็งแล้วก้าวเท้าออกแรงวิ่งเข้าไปตามเสียงกรีดร้องนั่น แต่ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้า เพราะพนักงานหนุ่มสาวคนอื่นๆวิ่งกันวุ่นคฤหาสน์ จนมีเมดสาวนางหนึ่งชนกับแผ่นอกของไคโตะ เขาจึงสอบถามหล่อน

              "ไปหาคุณหนู!!...ฉันจะไปตามหมอมาค่ะ!"

              ไคโตะถามต่อว่าคุณหนูนั้นนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน เมดสาวชี้นิ้วไปทางข้างหน้าพร้อมเสียงสั่น 

              "ประตูใหญ่หน้าบ้านค่ะ" 

              หนุ่มทั้งสองรู้ดีว่าคนที่นี่เป็นห่วงเล็น คงรีบตามหมอมาแล้ว ตอนนี้ต้องไปดูอาการของเด็กคนนั้นเสียก่อนที่จะมีการบาดเจ็บไปมากกว่านี้ ทั้งคู่ยิ่งออกแรงในการวิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงประตูใหญ่หน้าคฤหาสน์ 

              ร่างของไคโตะและกาคุโปะเหน็บชาทั้งตัว ขาไคโตะสั่นอ่อนยวบจนก้าวไม่ออก กาคุโปะเองมีแรงแต่ไม่ถึงขั้นจะเดินได้เร็วๆ เบื้องหน้าของสองหนุ่มคือเล็นที่นั่งยวบลงกับพื้น แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมาปกปิดหน้าโดยเฉพาะตาข้างขวา ไหล่เล็กทั้งสองข้างสั่นน้อยๆ คล้ายว่าหวาดกลัวและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รอบข้างมีของเหลวสีแดงสดหยดเป็นบางจุดบนพื้นดินสีครีม ข้างๆมีก้อนกรวดน้อยๆ และเศษแก้วที่แตกหยาบๆ แต่แหลมคมกระจายรอบกระโปรงสีดำสนิทนั้น เหมือนจะเป็นแก้วน้ำเพราะมีก้านแก้วกลิ้งหลุนๆ อยู่ข้างๆ รองเท้าของเขา 

              "อึ่ก.."  ร่างบางส่งเสียงโอดโอยในลำคอออกมาอย่างน่าสงสาร ตกใจกลัวจนไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้ 

              ราวกับนิยาย เสียงสะอื้นแผ่วๆ นั้นปลุกสติให้สองหนุ่มนั้นหายจากการหวาดกลัว ทั้งคู่กระโจนโอบหลังคนที่ตัวเล็กกว่า สัมผัสได้ถึงหยาดเหงื่อที่ออกมาเพราะหวาดกลัว ริมฝีปาดซีด ตาซ้ายนัยต์ตาดำลู่จนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดว่าตื่นกลัว ทั้งสองหนุ่มโอบกอดเขาอย่างแผ่วเบา กาคุโปะอยู่ทางขวามือของเด็กน้อยก็ค่อยๆ ลดฝ่ามือเรียวเล็กของร่างบางลงช้าๆ

              "!!.."

              เมื่อเห็นใบหน้าของเล็นจริงๆ แล้ว ทั้งสองถึงกับชะงัก แม้ว่าอยากจะชักสีหน้าที่บ่งบอกถึงเห็นสิ่งของที่น่าหวาดกลัวก็จำต้องเก็บอาการไว้ให้มากที่สุด

              "คุณหนูครับ..อย่ากะพริบตานะครับ"  ไคโตะคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ แต่มันจะห้ามกะพริบตาได้จริงหรือ?

              "เดี๋ยวหมอก็มาแล้วครับ" กาคุโปะปลอบใจอีกคน

              เด็กน้อยค่อยๆ เอียงใบหน้าหันมามองไคโตะก่อน จากนั้นหันไปหากาคุโปะ สักพักร่างบางกัดริมฝีปากน้อยๆ มือทั้งสองจิกชายเสื้อสีเทาของสองหนุ่ม

              "ตา..ข้างขวามันมองไม่เห็นอะไรเลย.." เสียงของเล็นหายไปทีละน้อยพร้อมกับสั่นเทามากขึ้น

              ประโยคเมื่อครู่ทำให้หืดขึ้นคอสองหนุ่มอย่างหนัก ขออย่าให้เป็นไปตามที่คิดเลยเถิด พระเจ้าช่วยคุ้มครองด้วย ขอความเจ็บปวดและความทรมานนั้นมาลงที่พวกเขายังดีเสียกว่า 

              กว่าแพทย์จะมา ทั้งสองหนุ่มใช้พลังในการคิดหาวิธีปลอบร่างบางไม่ให้ตื่นตกใจไปมากกว่านี้ ไคโตะเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองชุบน้ำที่อ่างล้างมือกลางแจ้งแล้วมาเช็ดคราบเลือดที่ไหลไม่หยุดจากดวงตาของเล็น เขาทั้งสองฝืนร่างบางไม่ให้กระพริบตาเพราะกลัวว่าจะมีเศษกระจกค้างอยู่ในลูกตา พอแพทย์มาถึงร่างบางก็ถูกพยุงเข้าห้องนอนโดยคนรับใช้คนอื่นๆ 

              เมื่อถึงห้องแล้ว แพทย์ก็สั่งให้ทุกคนออกจากห้อง เล็นเองก็เหมือนจะทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ มันน่ากลัวกว่าอาการที่เขาเจ็บปวดอยู่ตอนนี้มาก เขาเริ่มดีดดิ้น ปัดป้องมือหมอที่ถือมีดผ่าตัดและเข็มฉีดยาอย่างหนักหน่วง แรงก็ยิ่งไม่มี ไหนจะต้องหวาดกลัวกับการผ่าตัดนี่อีก ร่างบางตะโกนลั่นเรียกชายทั้งสองที่เขาไว้ใจที่สุดออกมาอย่างไม่อายใคร ในเวลานี้ไม่หลงเหลือยางอายอีกแล้ว ความกลัวนั้นครอบงำทุกสิ่ง ทางฝ่ายคุณหมอก็รับมือค่อนข้างยาก คุณหนูช่างดิ้นแรงและไม่ยอมหยุด เขาจึงเรียกพนักงานสาวมาตรึงร่างของเด็กหนุ่ม

              เมื่อเล็นได้ยินเข้าก็ตะโกนกลับอย่างโกรธเกรี้ยวทันที  
    "อย่าเข้ามานะ! ไคโตะ! กาคุโปะ! ช่วยด้วย!" 

              คุณหมอเองไม่น้อยหน้าก็อ้างความบาดเจ็บของร่างบางมาเป็นเกราะให้พนักงานเข้ามาจนได้ 

              "คุณหนูคะ ขออภัยจริงๆ เพื่ออาการของคุณหนูนะคะ"

              "อย่ามาแตะต้องตัวเรานะ ปล่อยสิ!"

              สุดท้ายเขาก็ถูกตรึงทั้งสี่มุม ไม่อาจเขยื้อนกายได้เลย แม้แต่ศีรษะก็ยังถูกผ้ายาวรัดแล้วขึงกับขอบเตียงข้างๆไม่ให้เบือนหน้าหนี พนักงานทุกคนหลับตา บางคนอุดหูเตรียมกับเสียงโหยหวนที่กำลังจะมาถึง มีดหมอผ่าตัดสีเงินสะท้อนกับแสงแดดเป็นวิบวับ น่ากลัว..น่ากลัวเหลือเกิน 

              "ไคโตะ กาคุโปะ" เสียงเล็นสะอื้น น้ำตาไหลออกมาโดยไร้เหตุผล เสียงนั้นสั่นเครือมากๆ แม้แต่พนักงานที่นั่งหลับหูหลับตาเองยังสะท้อนใจกับเสียงนี้เลย "คุณหนู..ไม่เจ็บหรอกครับ เดี๋ยวหมอจะฉีดยาชานะครับ" หมอเริ่มยกเข็มฉีดยาขึ้น ปลายเข็มเล็กแหลมอีกทั้งยังยาว ช่างน่าสะพรึงกลัว แต่ยังไม่ทันจะจิ้มปลายเข็มทิ่มลงในลูกตาขาว เขาต้องดึงมือออก เพราะหน้าประตูมีเสียงดังโครมครามออกมา แล้วประตูก็เปิดออก

              "ถ้าทำให้คุณหนูกลัวขนาดนี้ดูท่าจะต้องเปลี่ยนหมอสินะครับ" ผมยาวสีม่วงของกาคุโปะที่มัดหางม้าถูกสะบัดสองสามที ไคโตะเองเดินตามหลังกาคุโปะมาติดๆ 

              เมื่อเล็นเห็นชายทั้งสองก็แย้มรอยยิ้มออกอย่างเริงร่าแล้วตะโกนเรียกชื่อทั้งสองไปมา แต่ก็ยังถามอีกว่าตอนที่เอ่ยชื่อไปแรกๆ นั้น ทำไมไม่มาทันที ปกติจะติดตามเขาอยู่ตลอด เรียกเมื่อไหร่ก็จะมาอย่างรวดเร็ว

              "อ๋อ..พอดีไปสืบเรื่องราวมาน่ะครับ" กาคุโปะเกริ่นพูดก่อน แล้วเขายักไหล่โยนหน้าที่ให้ไคโตะรายงานต่อ

              "เราสองคนเห็นกรวดหล่นอยู่กับเศษแก้วที่แตก ก็คาดว่าคุณหนูคงโดนใครปากรวดใส่ ก็เลยไปสืบมาก็รู้ว่าลูกของคนสวนเขาเล่นยิงกรวดกัน แต่ไม่ทราบว่าคุณหนูยืนตรงนั้น วิถีกรวดเลยพุ่งมาเต็มๆ"

              สถานการณ์เริ่มกลับกัน พนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องทั้งหมดก็ออกนอกห้องโดยไม่ต้องมีคำสั่งใดๆ พอออกไปกันจนหมด 

              ไคโตะเองก็เงื้อหมัดจะซัดหมอสักตั้ง แต่กาคุโปะก็ห้ามทันไว้อยู่ ทั้งยังเตือนสติให้ใจเย็นๆ ทำให้พ่อผมฟ้าครามที่หัวเสียอยู่สบถออกมาแล้วเดินไปหาคุณหนูที่เตียง ไคโตะคุกเข่าจากนั้นจับข้อมือของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน ข้อมือของเล็นที่นอนบนเตียงหนานุ่มนั้นแดงเถือก ยิ่งทำให้ใจของไคโตะขุ่นแค้นมากขึ้น เจ้าพวกนี้บังอาจทำให้ร่างของเล็นมีรอยตำหนิได้

              ไคโตะลูบเส้นผมสีทองอย่างแผ่วเบา ทางเล็นเองก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว เขาพลิกตัวนอนตะแคงหันไปทางขวาที่มีไคโตะนั่งมองอยู่ ทว่าได้เพียงครู่เดียว เพราะเขากะพริบตาแล้วแก้วตาที่เป็นแผลอยู่ก่อนหน้าทำให้เจ็บแสบอย่างบอกไม่ถูก เขาโอยครางออกมาอย่างโหยหวน กาคุโปะถือวิสาสะขึ้นเตียงมาโอบกอดร่างเล็กๆ ทางซ้ายไว้แนบอก มือของเขาต้องจับปลายคางและดวงตาขวาของเล็นเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแผลจะอักเสบมากกว่าเดิม  

              "ต้องทำแผลนะครับ ทนเจ็บได้ไหม?" กาคุโปะเอาคางเกยศีรษะคุรหนูแล้วถาม เด็กน้อยน้ำตาไหลนองแต่ก็สั่นสู้พยักหน้าน้อยๆ ไคโตะก็พูดเสริม 

              "คุณหนูครับ ถ้าเจ็บปวดอย่างไรมาลงที่พวกเราสองคนก็ได้ครับ แต่ต้องไม่ดิ้นนะครับ"

              การทำแผลผ่าตัดเริ่มต้นขึ้น เข็มฉีดยาเล็กแหลมค่อยๆผ่านวุ้นเคลือบลูกตาทะลุเข้าดวงตาสีขาวเข้าไป ห้องที่เงียบสงบเลยมีความกดดันอย่างมหาศาลจากหนุ่มทั้งสองที่ส่งสายตาข่มขู่คุณหมออย่าไม่วางใจ ทำให้คุณหมอกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างฝาดฝาน เขาค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งดันยาผ่านเข็มเข้าสู่ดวงตาของเล็นช้าๆ

              คุณหนูเองก็เจ็บปวดมิใช่น้อย แต่ครั้นจะดิ้นก็จะเจ็บหนักมากกว่าเดิม มือทั้งสองได้หยิกจิกมือของไคโตะและแขนเสื้อของกาคุโปะจนทั้งสองคนเสื้อยับยู่กับฝ่ามือเกือบมีเลือดตกยางออก แต่พวกเขาก็ทนได้ในเมื่อทั้งสองคนเป็นคนที่เล็นไว้ใจมากที่สุด

              เมื่อฉีดยาชาเสร็จ คุณหมอค่อยๆ ดึงเข็มเล็กแหลมออกจากดวงตาอย่างแช่มช้า เข็มเล็กๆ เย็นๆ ค่อยๆ ผ่านดวงตาออกไป อยากกะพริบตาใจจะขาด ตอนนี้ตาของร่างบางแห้งจนน้ำตาไหลออกมาเองโดยไม่ได้สั่ง เส้นเลือดฝอยลอยขึ้นมาปูดโปน เมื่อดึงเสร็จคุณหมอก็หยิบอุปกรณ์การแพทย์ออกมาอย่างช้าๆ เหมือนเป็นการฆ่าเวลาเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์

              กาคุโปะลูบศีรษะเด็กน้อยที่นอนทับอกเขาอย่างอ่อนโยน เขาใช้นิ้วทั้งห้าของเขาแทรกผ่านเส้นผมสีทองที่ในขณะนี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาซิบๆ พลางขยุ้มเบามือ ไคโตะโยนผ้าสีขาวสะอาดผืนขนาดกลางขึ้นไปหากาคุโปะ เขารับมันแล้วซับเหงื่อของเด็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณตาขวากับหน้าผาก

              "เจ็บไหมครับ?"

              "ไม่แล้ว...เหมือนตอนนี้ตาจะบวมมากกว่า"

              อาจเป็นเพราะผลของยาชา ไคโตะเองก็เริ่มเหน็บชาเกาะกิน เขาจึงขึ้นมานั่งตรงขอบเตียงด้วย แต่ฝ่ามือหยาบหนายังคงให้มือเล็กจับกุมไว้อยู่ คุณหมอหันมาพร้อมกับเอาคมมีดลนไฟจากเทียนไขที่ติดอยู่ในห้องแวบๆ แล้วเริ่มลงมือผ่าตัดดวงตาที่จำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน ถึงแม้จะฉีดยาชาก็ตามที แต่รับรู้ได้ถึงความเย็นและแสงสีเงินวิบวับของใบมีดกำลังกรีดทีละน้อยลงบนดวงตา คุณหมอเองอยากจะชวนสองหนุ่มที่เหลือพูดคุยเพื่อไม่ให้มีความตึงเครียด เดี๋ยวจะพาลพาผู้ป่วยเกร็งแล้วจะรักษาลำบาก แต่เขาคิดอีกทียิ่งเขาพูดมากจะโดนสองหนุ่มจับเชือดคอปิดปากอยู่ในห้องเป็นแน่แท้ คุณหมอจึงตัดสินใจทำหน้าที่ตัวเองต่อไป    



              เหงื่อไหลไคลย้อยกันราวกับไปเล่นน้ำตกมา ยิ่งคุณหมอยิ่งไม่ต้องนึกภาพเลย ทั้งตัวเหงื่อชุ่มเสื้อผ้าหมด โดยเฉพาะบริเวณหลัง เขาใช้ผ้าสะอาดเช็ดมีดผ่าตัดแล้วห่อมีดไว้ จากนั้นเก็บมันลงในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ ทางไคโตะกับกาคุโปะเองเห็นเล็นน้อยๅๅๅที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะและปิดตาหลายต่อหลายชั้น ก็อดถามหมอไม่ได้

              "นานเท่าไหร่ถึงจะหาย"

              คุณหมอเองปาดเหงื่อทีหนึ่ง เขายังไม่ให้คำตอบทันที ได้แต่บอกให้ร่างบางนอนพักรักษาตัว ห้ามแกะผ้าพันแผลนี้ออกจนกว่าจะครบหนึ่งเดือนเต็ม เด็กน้อยเองก็เชื่อฟังก็หงายหลังล้มตัวไปบนหมอนนุ่นนุ่มๆ สักพักก็มีเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ คุณหมอจึงส่งสัญญาณมือให้ออกไปคุยกันภายนอกห้อง 

              เมื่อยืนกันครบสามคนนอกห้องนอนแล้ว คุณหมอก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดเหงื่ออีกรอบ ทั้งหายใจเข้าลึกๆหลายที จนสองหนุ่มใจหายวาบว่าสิ่งที่ะพูดนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน...

              "งั้นเหรอครับ...แต่เธอยังคงเดินเล่นได้เหมือนเดิมนะครับ?" 

              ไคโตะหน้าเศร้าสลดลง กาคุโปะเองไม่อยากเชื่อหูถ้าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่หมอ แต่ตัวหมอเองก็ได้พยายามสุดสามารถแล้ว เขาก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่เทพยดาจากสรวงสวรรค์ชั้นใดทั้งนั้น ว่าแล้วหมอก็ยกหมวกขึ้นน้อยๆ เป็นการกล่าวลาแล้วขึ้นรถม้าจากไปอย่าเงียบเชียบโดยอยู่ในสายตาของสองหนุ่ม  


                        
              หลังจากคิดว่ารถม้าของคุณหมอเดินทางออกจากที่นี่ไปได้พักใหญ่ๆ สองหนุ่มก็สื่อสารกันทางจิตโดยการมองตากันครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มมุมปากออกมา

              "จะดีเร้อ หึหึ?" ไคโตะส่อแววตาชั่วร้ายออกมา ถึงคำพูดของเขาจะเป็นเชิงแนวห้ามแต่น้ำเสียงนั้นเจ้าเล่ห์มาก

              กาคุโปะพยักหน้าน้อยๆ เขาหักนิ้วมือดังเป๊าะหลายหน แล้วจับบ่าไคโตะไว้ จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในคฤหาส์นพร้อมกันทั้งคู่...


              อาทิตย์คล้อยต่ำลงมามากแล้ว ไคโตะถกแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อศอกแล้วล้างมือซ้ำๆ ไปมา กาคุโปะโยนของหนักๆ คล้ายจะเป็นกระเป๋าที่สามารถบรรจุเสื้อสำหรับย้ายบ้านออกไปนอกประตูตรงทางออกหน้าคฤหาสน์ แล้วมีเสียงฝีเท้าผู้คนข้างนอกวิ่งกันขวักไขว่และเสียงฮือฮาแว่วมาเป็นระยะ ไม่นานก็เงียบไป เงียบมาก...จนเหมือนไม่มีใครอยู่ในคฤหาสน์นี้อีกเลย

              "นี่! ฉันเจอของดีด้วย"

              ไคโตะที่เสื้อผ้าเหมือนไปคลุกฝุ่นก็เจอกับของชิ้นหนึ่งในห้องของพนักงานที่เขาเพิ่งไล่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่ เขาชูของสิ่งนั้นให้กาคุโปะดู กาคุโปะเองก็ยิ้มบางๆออกมา

              "ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องออกไปหาซื้อ"

              "แค่หวังว่าตัวเล็กของเราจะชอบไหมนี่สิ เลอะเชียว ฟู่!"

              ไคโตะปัดสิ่งสกปรกบนของที่ถืออยู่ออก ดูท่าจะไม่ได้ถูกหยิบมาเป็นเวลานาน เพราะฝุ่นหนาชั้นลอยล่องตามลมปากของเขา กาคุโปะเห็นก็ทำท่าเอามือปัดๆ เหนือจมูก แม้ว่าทิศที่เขายืนอยู่จะอยู่หลังไคโตะก็ตาม เส้นผมสีฟ้าครามซอยสั้นประบ่าเหมือนจะสัมผัสได้ว่าคนข้างหลังทำท่าทางรังเกียจฝุ่นใส่ก็หันทำตาช้ำตาเขียวให้หนหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน

              ทันทีที่ขยับกายขึ้นช้าๆ ไม่ให้เกิดการโซเซแล้วยืนให้มั่งคง กาคุโปะดันลำตัวของชายผมสีฟ้าครามที่ร่างเล็กกว่าเขาไม่เกินสองคืบติดกำแพงในห้อง ใบหน้าไคโตะแนบชิดกลืนไปกับลำคอของอีกฝ่าย เส้นผมสีม่วงเหมือนดอกพี้จั่นยามร่วงโรยของกาคุโปะถูกรวบขึ้นแบบมัดทรงสูงเกือบถึงกลางกระหม่อม เว้นไว้เพียงแค่จอนที่สั้นกว่าปล่อยออกมาข้างใบหู ใบหน้าของไคโตะตอนนี้ได้สัมผัสถึงเส้นผมส่วนข้างหูของอีกฝ่าย โดยปกติแล้วผู้ชายทั่วไปต่อให้ผมยาวเพียงใดเขาคงไม่บรรจงสระให้ส่งกลิ่นหอมแชมพูออกมาเหมือนผู้หญิง กาคุโปะเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

              ถึงกาคุโปะจะไม่ได้พิถีพิถันจะเส้นผมตัวเอง แต่ไคโตะก็สัมผัสถึงกลิ่มหอมอ่อนๆ จากเส้นผมของอีกฝ่ายได้ แต่กลิ่นน้ำหอมผู้ชายของกาคุโปะนั้นแรงกว่า แสดงว่าเขาได้แต้มน้ำหอมแถวช่วงคอด้วยแน่ ว่าแล้วจมูกที่เป็นสันของไคโตะค่อยกดลงต่ำ ริมฝีปากของเขาค่อยๆประทับไปกับช่วงคอแถวไหปลาร้าอีกฝ่ายลงอย่างแผ่วเบา แต่อย่างไรก็ตามกาคุโปะก็รู้สึกได้ เขาเองก็เริ่มใช้ลำแขนโอบตัวอีกฝ่ายด้วยข้างเดียว ฝ่ามือที่โอบอยู่นั้นค่อยๆกางนิ้วออกจากนั้นวางไว้ที่แผ่นหลังของคนลำตัวล็กกว่าตัวเอง ไอความร้อนจากฝ่ามือของกาคุโปะแผ่ซ่านผ่านทะลุเสื้อที่ไคโตะสวมอยู่จนรู้สึกอุ่นเป็นบางจุด ทำให้แก้มไคโตะแดงระเรื่ออย่างอดไม่ได้


               กาคุโปะเองก็ไม่ได้ทำเช่นนี้กับไคโตะมานานแล้วเช่นกัน พอเขาเห็นร่างเล็กมีอาการเขินอายตามคาด เขาก็ค่อยๆ ใช้แขนอีกข้างกอดไคโตะแล้วรัดเขาให้แนบกับตัวเขาเองมากขึ้น บริเวณลำตัวช่วงหน้าของทั้งคู่แนบชิดติดกัน ร่างสูงเริ่มขยับตัวออกห่างเล็กน้อยให้คลายความแนบแน่นออกไปบ้าง จากนั้นค่อยๆ ใช้นิ้วมือเชยคางไคโตะให้เงยหน้าขึ้นกึ่งบังคับก่อนที่จะโน้มหน้าเพื่อนำริมฝีปากไปประทับกันเพียงแค่ผิวเผิน แล้วไคโตะก็ผลักลำตัวของร่างสูงออกอย่างกระทันหัน

              "อย่าแหย่เล่นแบบนี่สิ ถ้าเจ้าตัวเล็กมาเห็นจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่"

              ไคโตะใช้แขนเสื้อเช็ดปากเสมือนว่ามีรอยจูบประทับอยู่อย่างไม่พอใจเท่าไหร่ กาคุโปะเองลดแขนลงอย่างปกติพลางยักไหล่เชิงยียวนว่า 'นิดหน่อยเองไม่ใช่รึ?'


              
              กลับมาที่ห้องนอนของคุณหนูที่เจ้าตัวกำลังหลับตานอนพริ้มอยู่ ไม่ช้าเขาก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น อยากจะลืมตามามองนาฬิกา ว่านี่กี่ยามแล้ว พลันนึกได้ว่าเพิ่งผ่าตัดตาดวงขวาไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่กล้าจะเปิดตาอีกข้างหนึ่งขึ้นเพราะกลัวจะกระเทือนแผลได้

              "ไคโตะ...กาคุโปะ...อยู่ที่นี่รึเปล่า?"

              เล็นเอ่ยออกมาหวังจะให้ช่วยพยุง แต่สิ้นเสียงคำถามของเขา ภายในห้องกลับเงียบสงัดจนรู้สึกน่ากลัว เส้นขนตามเรือนร่างลุกชันขึ้น ในใจก็จินตนาการเอาเองว่านี่มืดสงัดมาก ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจที่เข้าออกเท่านั้น

              "ม..มีใครอยู่ไหม?"

               ตัวน้อยเอ่ยถามอีกครั้ง เป็นดั่งเช่นเคย ไร้เสียงสำเนียงใดๆ ตอบกลับมา ลมหายใจเริ่มหอบและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ สองฝ่ามือน้อยค่อยๆ ลูบคลำหาขอบเตียง แต่เหมือนจะพลาดไป มือเขาร่างบางคว้าได้แค่เพียงอากาศที่อยู่ถัดจากขอบเตียง ทำให้เจ้าตัวหน้าทิ่มลงพื้นแล้วกลิ้งตกลงมา 


              เจ็บ...เจ็บจนปวดหัว มึนด้วย ศีรษะของเจ้าตัวเล็กทุ่มลงพื้นพรมอย่างจัง เลยออกอาการปวดตุ้บๆเรื่อยๆ ตัวน้อยกุมขมับแล้วนวดพลางๆ แล้วก็มีสองฝ่ามืออบอุ่นมากุมสองฝ่ามือของเขา ร่างบางที่ตามองไม่เห็น เขาแปลกใจที่ทำไมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่มายืนอยู่ ตัวน้อยสัมผัสได้แค่อย่างเดียว 

              "กลิ่นน้ำหอม...กาคุโปะเหรอ?"

              ตัวน้อยเอียงคอ น้ำเสียงเชิงหยอกล้อ 

              "เปล่าครับ...นี่ผมเอง...ไคโตะ"

              "ไคโตะเหรอ? ทำไมมีกลิ่นน้ำหอมของกาคุโปะล่ะ?"


              ไคโตะไม่อยากจะตอบ เขายิ้มบางๆ พร้อมกับหัวเราะแห้งๆ ออกมาทีสองทีก่อนที่จะช้อนตัวคุณหนูขึ้น แล้วพาเขาวางลงบนเตียงอย่างเบามือ

              "ไคโตะ...เมื่อกี้เรากลัวมากเลย เรียกใครก็ไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"

              "...."

              "ไคโตะ ไคโตะอย่างเงียบสิ คนอื่นหายไปไหนหมด!?"

              เจ้าตัวเล็กเริ่มโวยวายหนักขึ้น เขาฉุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของไคโตะไว้ เริ่มกำแน่นขึ้น อารมณ์เขาก็เริ่มเหวี่ยงขึ้นเรื่อยๆ เขาถามซ้ำๆ ไปมา แต่ฝ่ายที่ถูกถามกลับไม่เอ่ยวาจาตอบมาแม้แต่เพียงคำหนึ่ง

              "ผมมันแย่เอง..."

              "เมื่อกี้ไคโตะคุงพูดว่าอะไรนะ?...อึ่ก!"

              ยังถามไม่เสร็จไม่จบประโยค ริมฝีปากของตัวเล็กก็ถูกปิดเงียบด้วยริมฝีปากหนาอิ่มของไคโตะ ไคโตะโอบกอดร่างของคุณหนูเอาไว้แล้วพยุงขึ้นให้กระเถิบเข้าไปในตัวเตียงมากกว่านี้ จากนั้นโน้มตัวร่างเล็กๆ ที่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำใดๆ ได้ลงบนเตียง ผิวเนื้อที่เนียนขาวละเอียดของตัวน้อยบริเวณช่วงไหล่ที่ถูกเผยออกอย่างจงใจถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไปมาอย่างแช่มช้าและแผ่วเบา 

              ไม่นานนัก คุณหนูเริ่มหายใจไม่ออกเพราะค้างในท่าจูบที่เนิ่นนานเกินไป เขาใช้ฝ่ามือเล็กๆ ตบที่ต้นแขนไคโตะให้พอรู้สึกตัว อีกฝ่ายที่รุกอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจทำรุนแรงไปกับเจ้าตัวเล็ก เขาจึงถอนจุมพิตออกแล้วเคลื่อนใบหน้าตัวเองลงมาที่ซอกคอขาวๆ ของร่างบาง จากนั้นประทับริมฝีปากที่ต้นคออีกฝ่ายอย่างแนบเนียน

              "อ..อื่อ.."

              เสียงครางของร่างบางดังค่อยๆ เป็นเสียงที่น่าฟังเสียเหลือเกิน เล็นเองอารมณ์เริ่มคล้อยตาม เขาใช้แขนทั้งสองโอบเอวของไคโตะหนักพอให้เขารู้สึก ทางอีกฝ่ายเองก็รับรู้ได้ว่าอารมณ์เริ่มพาไป ลิ้นชื้นๆ ของไคโตะเริ่มโลมเลียต้นคอเล็กๆ บอบบางไล่ลงมาจนถึงกระดูกไหปลาร้า ทำให้ร่างบางมีปฏิกริยาตอบสนอง จนเขากำหลังเสื้อของไคโตะแน่นขึ้น ขาทั้งสองข้างที่วางราบกับเตียงเริ่มชันเข่าขึ้นมาน้อยๆ

              เวลาเหมือนผ่านไปเนิ่นนาน แต่แท้จริงแล้วไม่กี่นาทีที่แล้ว ทั้งสองบนเตียงหาสนใจไม่ ไคโตะมือเริ่มซุกซนไล่จับข้อเท้าร่างบางผ่านถุงน่องซีทรูสีดำขึ้นมาเรื่อยๆจนเหนือเข่า

              "ไคโตะ..อ..อย่านะ"

              เล็นเอ่ยทัก เขารู้สึกแปลกๆ ขนลุกชันจนฝ่ามือหนาของไคโตะสัมผัสได้ เจ้าหนุ่มผมฟ้าครามแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแลบลิ้นตรงมุมปากน้อยๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนมือเหนือเข่าร่างบางเข้าไปข้างในอีก 

              "อ..อ๊า..."

              รู้สึกแปลกจริงๆ เสียวซ่านไปทั้งส่วนล่าง แต่ทำไม ทำไมเขาถึงไม่ขัดขืน เขาก็เป็นผู้ชาย คนที่กำลังเล้าโลมเขาเองก็เป็นผู้ชาย เพศเดียวกันมาทำแบบนี้ ความจริงควรดิ้นควร..ด่าว่า ควรกล่าวตักเตือน แต่ทำไมกันล่ะ

              ไคโตะประทับริมฝีปากของเขากับเล็นอีกครา มันไม่หนักหน่วงเหมือนครั้งแรก ดูละมุนละม่อนมากขึ้น ตัวน้อยในอ้อมกอดของพ่อหนุ่มผมสีฟ้าครามย้ายแขนทั้งสองที่โอบเอวไคโตะมาเป็นโอบคอเอาไว้ ตาทั้งสองข้างของร่างบางที่หลับตาอยู่ตั้งแรกคราแรกที่ดูเหมือนจะฝืนใจ แต่ครั้งนี้ดวงตายามหลับนั้นกลับเคลิ้บเคลิ้มรสชาติอันหอมหวาน ขนตาที่หนาเป็นแพของเด็กน้อยยามหลับตาพริ้มดูเหมือนยิ้มอยู่

              "อื้ม..."

              'ห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วสิเรา'

              เสียงของไคโตะก้องอยู่ในใจเขาดังพอๆ กับหัวใจที่สูบฉีดโลหิตเพราะอาการตื่นเต้น แต่ก็คงจริงอย่างที่ไคโตะคิด อยากทำกับร่างที่บอบบางมากกว่านี้ อยากให้ร่างตรงหน้าเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว 



              ไม่นานนักไคโตะก็เขยื้อนริมฝีปากออกมาก่อนขบริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ แกมบังคับให้ตัวน้อยอ้าปาก ครั้นจับจังหวะได้เขาค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปยังปากของเด็กน้อย โหนกแก้มขาวเผือดของคุณหนูขึ้นสีแดงเรื่อๆ เสียวซ่านไปหมด...ร่างกายเสมือนไร้เรี่ยวแรงแล้ว 

              "อึ่ก..อา.."

              เล็นครางออกมาอีกหนแขนทั้งสองที่คล้องคอไคโตะอยู่เริ่มอ่อนแรงและค่อยๆ หย่อนลงมา แต่เขายังฝืนกำลังประสานมือตัวเองไว้ที่ท้าทอยของไคโตะ นิ้วบางนิ้วของตัวเล็กได้ขยุ้มเส้นผมสีฟ้าครามด้วยบางส่วน ลิ้นที่แฉะชื้นของไคโตะยังคงไล่เลียไปทั่วทุกมุมปากของร่างบางอย่างแผ่วเบา เมื่อไคโตะคิดว่าควรพอเพียงแค่นี้ เขาก็กดริมฝีปากจูบร่างบางหนักๆอีกทีหนึ่งก่อนที่จะถอนมันออกมา

              ".........."

              ".........."

              ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเป็นคำพูด มีเพียงแค่เสียงหายใจตะกุกตะกักของร่างบางที่ยังคงหลับตาอยู่ เขาอยู่ในท่าที่นั่งพับเพียบบนเตียงและใช้สองแขนตัวเองกอดไหล่ตัวเองไว้ 

              "ผมขอโทษ..."

              ไคโตะมีน้ำเสียงสำนึกผิด เขาโผกอดร่างบางที่กำลังกอดตัวเองไว้ เด็กน้อยอยู่ๆ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา แต่ความเจ็บของดวงตาทำให้ร่างบางจำต้องห้ามมิให้ไหลได้ 

              อุ่นจังเลย...ไคโตะช่วยกอดแบบนี้ไปอีกได้ไหม ตัวน้อยที่กำลังสั่นเทาอยากจะพูดออกมา แต่แปลกใจที่ลิ้นกลับแข็ง เขาขบฟันตัวเองเอาไว้จนเกือบเกร็ง ปฏิกริยาแบบนี้นี่เองสินะที่เรียกว่า 'ทำอะไรไม่ถูก'

              "นี่ก็เกือบจะดึกแล้ว...คุณหนูคงหิวสินะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ ได้โปรดรอสักครู่"

              ไคโตะปล่อยอ้อมกอด จัดท่าเด็กน้อยให้นั่งในท่าที่สบายก่อนจะกระเถิบตัวเองออกจากเตียง เขาเห็นคุณหนูพยักหน้าน้อยๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าจนหน้าม้าบดบังใบหน้ามิด ไคโตะคิดไว้อยู่แล้วว่าหากทำเช่นนี้แล้วเขาต้องถูกเกลียดตลอดไปแน่ๆ แต่มันแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว ไคโตะสะบัดหน้าทิ้งความฟุ้งซ่านแล้วเดินหนีออกมา



              ฝ่ามือหยาบของไคโตะผลักบานประตูออกไป เพลานี้ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงสีส้มจากท้องฟ้าค่อยๆ ลดลงลับขอบผืนดินไป เหมือนผลัดเวลากับกลางคืน ผืนท้องฟ้าสีนิลค่อยๆ ปกคลุมจนมืดมิดทั่วทุกบาง อา...ว่าแล้วทำไมคฤหาสน์ถึงดูมืดผิดปกติจากทุกครั้ง ก็เขากับกาคุโปะต่างไล่พนักงานออกจากที่นี่ไปหมดเลยนี่นา 

              "หืม?"

              ไคโตะอุทานน้อยๆ ขึ้นมา เขาเห็นดวงไฟสามดวงท่ามกลางความมืดมิด มันค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้เขา เจ้าตัวชักขาถอยหลังไปครึ่งก้าว เผื่อว่าเป็นสิ่งลี้ลับทางธรรมชาติเขาจะได้รับมือทัน

              "อ้าว...กาคุโปะเอง...ใจหายแทบแย่"

              "...."

              "เป็นอะไรรึเปล่า?"

              "...."

              กาคุโปะที่ยืนห่างจากหน้าห้องเล็นไปไม่กี่เมตร เขาไม่เอ่ยตอบคำถามที่ไคโตะถาม ใบหน้าของเขาไม่เชิงก้มหน้า แต่คงเป็นเพราะแสงจากเชิงเทียนสามแท่งมันอ่อน ทำให้เงาบดบังใบหน้าครึ่งบนจนมองไม่เห็นสีหน้าอาการของเจ้าตัว 

              "ฉันจะไปทำอาหารให้คุณหนู นายคงจะจุดเทียนรอบคฤหาสน์แล้วสินะ?"

              ไคโตะเดินไปหากาคุโปะ พอเขาเดินผ่าน เขาก็ตบบ่ากาคุโปะหนักๆ ตามแบบคนที่สนิทชิดเชื้อกันมานาน

              "ทำไมล่ะไคโตะ..."

              "หา..?"

              ไคโตะหันมองเส้นผมที่มัดทรงสูงของกาคุโปะ เขาอุทานออกมาทีหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ กาคุโปะต้องการอะไร? คำถามเมื่อครู่ไม่มีการเกริ่นนำมาก่อน จะเรียกเป็นวลีก็ไม่ถูกเสียทีเดียว 

              "เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?"

              ไคโตะถามย้อนกลับ ใช้น้ำเสียงที่ดังมากไม่ได้ เขาทั้งสองคนต่างรู้แก่ใจดีว่าหากอยู่ในระยะหน้าห้องของร่างบางจะพยายามไม่ใช้เสียงที่ดังจนทำเธอตกใจ กาคุโปะเองวางเชิงเทียนสามเล่มบนโต๊ะกลมตัวเล็กๆ ที่มีแจกันดอกไม้แห้งกรอบไว้ด้วยกัน

              ไคโตะอยู่ในสภาพที่จับต้นชนปลายไม่ถูก เขายกแขนเกาศีรษะอย่างงุนงงก่อนจะหันหลังกลับ แล้วเดินหายไปในความมืดของทางเดิน หลังจากนั้นเสียงพึมพัมจากกาคุโปะก็ได้ลอดออกมา

    "นายทำให้เธอคนนั้นเจ็บปวด"

              ระหว่างเดินทางไปห้องครัว ทางเดินสว่างด้วยแสงเทียนเป็นระยะๆ กาคุโปะคงจะมาจุดมันไว้ ที่จริงหากคนอื่นอยู่เหมือนเมื่อก่อนจะเปิดโคมไฟตรงโถงกลางใหญ่ด้วย แต่หนนี้เหลือเพียงแค่สามคน คงไม่ต้องใช้อะไรมากมาย ไคโตะเริ่มชินกับความมืดบ้าง ทำให้เขาเดินไม่ชนของที่ตั้งวางอยู่จนถึงห้องครัว

              "ว่าแต่...จะทำอะไรดีนี่สิ คุณหนูเหมือนจะมีไข้น้อยๆ เสียด้วย เป็นซุปกับขนมปังทาตับบดแล้วกัน"

              ไคโตะเปิดถังน้ำแข็งออก ไอสีขาวเย็นๆ พวยพุ่งออกมา เขาใช้ฝ่ามือปัดน้ำแข็งให้พ้นทาง แต่เมื่อหาของที่ต้องการไม่เจอ เขาก็เลือกใช้มือเขาล้วงคลำหาของที่การแทนจนเหน็บชาไปหมด เอาล่ะ..ได้เวลาลงมือทำแล้วสินะ..

              "ต้องเผื่อเจ้าหัวม่วงด้วยไหมเนี่ย?"

              ไคโตะอุทาน...



              ทางกาคุโปะเองเขายืนพิงกอดอกตัวเองที่ประตูห้องของเจ้าตัวน้อย เขารวบเส้นผมสีดอกพี้จั่นจากข้างหลังมาพาดไว้ที่ไหล่ซ้ายก่อนที่จะเล่นมันแก้เบื่อ 

              "กาคุโปะ..."
     
              กาคุโปะสะดุ้งตัวน้อยๆ เขาได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กเรียกจากในห้อง มันไม่ดังมาก แต่ในเวลาที่เงียบกริบเช่นนี้เขาได้ยินมันชัดเจน แล้วเจ้าตัวเล็กเรียกเขาทำไม

              "กาคุโปะ...ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมอยากลองลืมตาดูจัง"

              "!!!!"

              กาคุโปะสะดุ้งเฮือกอีกหน จำคำเตือนของคุณหมอได้ว่าห้ามลืมตาจนกว่าจะครบหนึ่งเดือนล่วงเลยไป กาคุโปะใจร้อนดันประตูเข้าไปในห้องของร่างบางอย่างร้อนรน

              "กาคุโปะ! เป็นอะไรไป!?"

              "เอ๋?"

              เจ้าตัวเล็กนี่น่าจับทำโทษ พูดก็พูดไม่หมด เพราะเจ้าตัวลืมตาแค่ตาซ้าย ส่วนตาที่ถูกผ่าตัดนั้นเขาเอาริบบิ้นที่มัดเป็นโบว์ตรงผมจุกมาพันไว้

              "คุณหนูครับ...จะพูดช่วยพูดให้กระจ่างด้วยสิครับ ผมนึกว่าจะลืมตาทั้งสองข้างแน่ะ"

              "เอ๋? เปล่าเสียหน่อยครับ ฮะๆๆ"

              กาคุโปะล้วงมือหยิบของจากกระเป๋ากางเกงของเขา สิ่งนั้นคือของที่ไคโตะหาเจอในห้องเมื่อตอนเย็น เขาได้มันมาตอนที่เขากับไคโตะอยู่ใกล้ชิดกัน พอไคโตะเคลิ้มเขาก็ดึงสิ่งนั้นออกมาจากมือไคโตะก่อนที่จะพลอดรักไปหน่อยหนึ่ง

              "อึ่ก!!"

                ความคิดนั่น เลยกาคุโปะสะอึกในลำคอสะบัดหน้าหนีหลายๆ หน อย่าคิดถึงตอนนั้นสิ!

              หลังจากสะบัดหน้าแล้วตั้งสติได้ เขาเห็นเจ้าตัวเล็กที่นั่งพับเพียบบนเตียงสีแดงจ้องมองเขาตาแป๋วไม่กระพริบ เด็กน้อยมองแล้วเอียงคอน้อยๆ มองกาคุโปะ ดวงตาสีเขียวมรกตใสข้างเดียวโตพอจะสื่อว่า 'เป็นอะไรน่ะ?' อยู่

              "ง่วงเหรอ? มานี่สิ"

              เล็นตบเตียงเบาๆ พลางเชิญให้อีกฝ่ายที่ตัวโตกว่าเขามากมานอนด้วย

              "เอ๋..เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้รู้สึกเพลียแต่อย่างใด"

              "มานอนเล่นกันหน่อยมั้ย?"

              น้ำเสียงขี้อ้อนปนเล่นๆ ของคุณหนู ทำให้กาคุโปะใจอ่อนแล้วเดินไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างว่าง่าย

              แต่เล็นบอกให้กาคุโปะนอนนะ ไม่ได้ให้มานั่ง หึ! ในเมื่อตัวโตไม่ได้ทำตามที่ขออย่างไม่ตั้งใจ เจ้าตัวเล็กก็งอนทำแก้มป่องหรี่ตาลง กาคุโปะก็ทำตัวไม่ถูก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้เจ้าตัวเล็กงอน

              "คุณหนูครั.."

              "หึ! งอนอะ.."

              "เหะ.."

              "งอนอะ..."

              อะไรเนี่ย...

              เจ้าตัวเล็กคลานเข่ามาหากาคุโปะที่นั่งตรงขอบเตียง เขาคลานมาหยุดที่แผ่นหลังของอีกฝ่าย กาคุโปะหันซ้ายมองหน้าคุณหนูว่าเขาจะถูกทำอะไร

              "นี่แน่ะ!"

              เล็นจับไหล่ทางข้างหลังของกาคุโปะแล้วดึงเข้าหาตัวเอง กาคุโปะแกล้งล้มหงายหลังหนักๆ ลงเตียงนุ่มนิ่มจนเล็นร้องอุทานเสียงเล็กเหมือนแมวน้อยยามตกใจ พร้อมกับที่เจ้าตัวเล็กตบบ่าเขาเหมือนเป็นการทำโทษที่ทำให้เขาตกใจ

              "เขยิบเข้ามาอีกสิ...นอนห้อยขาแบบนั้นเราว่ากาคุโปะคงต้องเกร็งแน่เลย"

              ฝ่ามือน้อยๆ ทั้งสองข้างไล้อยู่ที่ปลายคางของกาคุโปะ ร่างใหญ่ยันศอกดันตัวเองขึ้นแล้วเขยิบกายร่างใหญ่ไปที่กลางเตียงแล้วนอนลง

              "นอนแบบนั้นดูไม่สบายเลยนะ มานี่ม่ะ..."

              ตัวเล็กที่นั่งพับเพียบอยู่เหนือหัวของกาคุโปะ เขาตบหน้าตักตัวเอง แต่กาคุโปะส่ายหน้าเบาๆ พลางยกมือส่ายไปมา เลยมีการขึ้นเสียงของเด็กน้อยเอาแต่ใจน้อยๆ เหมือนยังไงก็ไม่ยอมสินะ ก็ได้...

              "ต้องแบบนี้สิ.."

              เล็นพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี กาคุโปะหลับตาพริ้มคล้ายว่ามีความสุขที่สุดในโลก เขาซุกไซร้ใบหน้าเขากับต้นขาเนียนๆ ของเด็กหนุ่มจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกจั๊กจี้เผลอหลุดขันคิกคักออกมา


                         
              ไม่รู้เพราะเหตุใดเวลาคุณหนูอยู่กับกาคุโปะแล้วรู้สึกสบายใจกว่าไคโตะ ทั้งๆ ที่ความจริงไคโตะตามใจเขามากกว่ากาคุโปะ และมากกว่าใครๆทั้งสิ้น

              "คุณหนูครับ..."

              กาคุโปะเอ่ยเรียกร่างบางหลังจากที่เขากึ่งหลับกึ่งตื่นมาได้สักพัก ร่างบางเองก็ตอบรับในลำคอ เขารอสิ่งที่กาคุโปะจะพูดในประโยคถัดมา จนทำให้เขาใจเต้นรัวแปลกๆ

              "ระหว่างผม...กับไคโตะ เลือกใครครับ?"

              ".........."

              ไร้เสียงจากการตอบรับของอีกฝ่ายที่ถูกถาม 

              กาคุโปะเองก็รู้สึกไม่ดีที่ถามคำถามนั้นไป รู้ว่ามันเป็นการกดดันอีกฝ่ายมาก เอาเข้าจริงเล็นเองมองแค่สองคนนี้เหมือนพี่ชายที่คอยดูแลเขามาตลอด กาคุโปะรู้เรื่องนี้ดี 

              "คุณหนูครับ...นี่ครับ ไคโตะเขาไปเจอมาในห้องนอนของพนักงานคนหนึ่ง"

              "นี่มัน..."

              "รังเกียจที่จะใช้มันไหมครับ?"

              กาคุโปะยื่นสิ่งที่เขาลอบเอามาจากไคโตะเมื่อเย็นยื่นให้เล็น มันคือผ้าปิดตาสีดำที่ผืนค่อนข้างหนา 

              เด็กหนุ่มรับผ้าปิดตาผืนนั้นมาอย่างสงสัย แต่แววตาข้างซ้ายส่อแววประกายมีนัยว่าเขาชอบมันสุดๆ เขาแก้ปมริบบิ้นที่พันตาขวาไว้ออกแล้วใส่ผ้าปิดตาผืนนั้นแทน เขารัดแน่นพอที่จะไม่ให้มันลืมตาขึ้นมาได้

              "อึ๊บ!!"

    กาคุโปะส่งเสียงอยากเด้งตัวเองให้ลุกขึ้นออกจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ยันลำตัวขึ้นถึงครึ่งมุมฉาก เขาก็ถูกมือบางๆกดไหล่ไว้ทั้งสองข้างจนต้องนอนต่อ

              "คุณหนูครับ ผมรบกวนมามากพอแล้วนะครับ ผมไม่ง่วงแล้ว"

              กาคุโปะพูดจบ แต่เด็กน้อยก็ยังเหมือนทำเป็นไม่ได้ยิน เขายังใช้ฝ่ามือบางๆ ไล้ใบหน้ากาคุโปะอยู่อย่างเดิม กาคุโปะคิดว่าถ้าพูดแล้วไม่ฟัง งั้นเขาลุกเองเสียเลยดีกว่า แต่ความคิดแบบนั้นก็พลันสูญหายไป เมื่อใบหน้าของร่างบางอยู่ประชิดกับอีกฝ่ายมาก หน้าผากของร่างบางวางบนหน้าผากกาคุโปะก่อนที่จะเลื่อนริมฝีปากของร่างบางมาจุมพิตที่หน้าผากของกาคุโปะเบาๆ 

              "หืม? เป็นอะไรหรือครับ..?"

              ตัวเล็กไม่โต้ตอบ เขายังคงไล้แก้มกาคุโปะต่อไป นิ้วเล็กๆ ที่ทาเล็บสีเหลืองทองค่อยๆ ไล้ริมฝีปากที่หนาอิ่มของกาคุโปะก่อนที่จะก้มหน้าประทับริมฝีปากซึ่งกันและกัน

              กาคุโปะเองคงเป็นฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวเสียเอง แต่ยังดีที่ร่างบางรุกอย่างนุ่มนวล เขาใช้ฝ่ามือของเขาสัมผัสใบหน้าของร่างบางก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนไปลูบที่หลังคอเล็กๆ

              "อือ..."

              เล็นครางในลำคอ กาคุโปะหยุดฝ่ามือไม่ให้ขยับไปไหนทั้งสิ้น เขาวางมือที่หลังคออีกฝ่ายต่อไป ไม่นานนักทั้งคู่ก็ถอนรอยจูบออก กาคุโปะจึงเด้งตัวเองออกจากเตียงของเจ้าตัวเล็ก แล้วหยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อแขวนให้ 

              เล็นเองก็นึกสงสัยว่ากาคุโปะกำลังทำอะไรอยู่ เขาเอียงคอน้อยๆ อยู่บนเตียง สักพักก็ได้ยินเสียงน้ำไหลทะลักแรงๆ เขาสัมผัสได้ว่ามีไอน้ำอุ่นๆ ออกมา ใครเป็นคนต้มน้ำไว้ให้ล่ะนี่ อาจจะเป็นไคโตะกระมัง...

              "เดี๋ยวไคโตะก็จะเอาอาหารมื้อค่ำมาให้แล้วนะครับ ผมเตรียมน้ำร้อนไว้ในอ่างให้แล้ว ทานเสร็จแล้วอาบน้ำทันทีเลยนะครับเล็นคุง"

              เหมือนมีคุณแม่คอยดูแลเลยแฮะ เล็นนึกแล้วขันในใจ



              พูดถึงอยู่ประเดี๋ยวเดียว ไคโตะก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมถือถาดแก้วใหญ่ที่มีจานอาหารอยู่หลายใบ ร่างบางมองหน้าไคโตะแล้วมองถาดที่เขาถือพร้อมยิ้มแป้นเป็นเด็กน้อย

              "หืม...ซุปครีมเห็ดกับขนมปังปิ้งทามันบดเหรอครับ?"

              "ใช่ครับ"

              "แต่ทำไมกลิ่นมันไม่คุ้นเอาเสียเลย...เปลี่ยนแม่ครัวหรือครับ?"

              นี่เจ้าตัวน้อยมีความช่างสังเกตได้ละเอียดลออขนาดนี้เชียวหรือ สองหนุ่มคิดในใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายอีกครา กับแค่กลิ่นอาหารก็รู้ว่าเป็นรายการใดยังไม่พอ ยังรู้อีกว่าคนทำไม่ใช่แม่ครัวคนเดิม นี่ถ้าเขาสองคน แล้วคนใดคนหนึ่งไปฆ่าฟันใครเข้าร่างบางดูท่าจะจับผิดได้ในเวลาอันรวดเร็วเป็นแน่

              ร่างบางทำจมูกฟุดฟิด หลับตาปี๋ คิ้วย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่จะลงจากเตียงแล้วเดินไปหาไคโตะเอื่อยๆ พลันก้มมองลงดูอาหาร ร่างบางก็เอียงคอ อะไรกัน ถึงไคโตะจะไม่ได้ทำอาหารเก่ง แต่อย่างน้อยก็เป็นอาหารที่ใช้ได้ในระดับร้านภัตตาคารเหมือนกันนะ

              "เอ่อ..คุณหนูครับ"

              "นี่ไคโตะ...ใครทำซุปกับตับบดเหรอ?"

              "เอ่อ..."

              ตอบดีไหม หรือเปลี่ยนหัวข้อดี จะทางไหนก็แย่ได้ทั้งนั้น ตอบตรงๆ ออกมาแล้วถ้าคุณหนูไม่ยอมทานล่ะ อีกแง่นึงหากเขาโบ้ยว่าคนอื่นทำหรือเปลี่ยนแม่ครัว เจ้าตัวน้อยก็คงจับโกหกได้ อาจถูกเกลียดมากกว่าเดิม เฮ้อ..เป็นไงเป็นกันนะไคโตะ บอกก็ได้

              "เอ่อ...ผมเองครับเล็นคุง"

              "ไคโตะทำเหรอ!?"

                หนุ่มผมครามเหงื่อแตกพลั่ก สงสัยวันนี้เล็นคงได้ทานอาหารแค่มื้อเช้ามื้อเดียวแน่ กาคุโปะพร้อมยิ้มเยาะไคโตะแทบทุกเวลาแล้วล่ะ 

                เล็นน้อยหยิบขนมปังฝรั่งเศษปิ้งที่หั่นหนาเกือบนิ้วหนึ่งแล้วมีตับบดสูตรที่ไคโตะทำขึ้นมามอง ก่อนที่จะกัดคำเล็กๆ ลงไป เสียงขนมปังปิ้งที่กรอบเวลาถูกเป็นเสียงกรุบๆ ดังขึ้น ใจไคโตะเต้นรัวและแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะถูกเฉดหัวไล่ออกไปอีกคนไหมนะ กาคุโปะถึงจะชอบแหย่ไคโตะมากแค่ไหน แต่เขาก็ยืนลุ้นคำตอบกับไคโตะเช่นกัน

              "...."

              คนที่กินอาหารเข้าไปไม่ตอบอะไร เขากลืนคำนั้นลงคอ ไคโตะที่ยืนแข็งทื่อใจได้หล่นไปที่ตาตุ่มเรียบร้อยจนแทบไม่มีแรง แต่ก็ยังอุตสาห์รวบรวมความกล้าถาม

              "พอทานได้ไหมครับ?"

              "...."

              เล็นก็ยังไม่ตอบอีกเช่นเคย ทำเอาใจแต่เดิมอยู่ที่ตาตุ่มไคโตะ มาหนนี้มันดิ่งทะลุพื้นดินไปแล้ว สีหน้ากาคุโปะเองก็เริ่มเลิกลั่ก ถึงร่างบางจะไม่ชอบก็จริง แต่ช่วยพูดออกมาหน่อยก็ยังจะทลายความเกร็งของเพื่อนเขาได้นะ

              "อืม..ยังไม่รู้รสเลยนะไคโตะ..ขออีกคำละกัน"

              เจ้าตัวเล็กยักไหล่ยียวนก่อนกัดขนมปังปิ้งดังกรุบอีกครั้ง คราวนี้คำมากกว่าเดิมเล็กน้อย เขาเกือบจะเคี้ยวจนแก้มตุ้ยออกมา แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแก่ไคโตะนัยว่าอาหารที่เขาทำผ่านแล้ว..แค่อย่างเดียว

              ไคโตะวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะใหญ่ในห้องนอน โดยปกติแล้วโต๊ะนี้มีไว้เพื่อวางน้ำชายามบ่ายของเล็นเวลาเขามานอนหลับช่วงกลางวัน แต่สงสัยจะต้องเปลี่ยนจากที่เรียกโต๊ะน้ำชาต้องเป็นโต๊ะอาหารแล้วล่ะ

              "กาคุโปะ...นายชิมซุปนี่หน่อยสิ"

              ไคโตะยื่นถ้วยซุปที่ตักไว้สำหรับกาคุโปะต่างหากให้ กาคุโปะรับมาแล้วยกซดโดยไม่ใช้ช้อนตัก

              "นี่นายพิเรนทร์มากถึงขนาดไม่ใช้มือทำเรอะไคโตะ?"

              "ไม่อร่อยจริงอะ!?"

              "คุณหนูครับ อย่าไปทานซุปนะครับ ไม่ได้เรื่องเลย อี๋.."

              "แรงไปแล้วนะ โฮ..."

              กลายเป็นเหย้าแหย่กันเองเสียแล้ว นั่นทำให้เล็นหัวร่อคิกคัก ก่อนใช้ช้อนซุปตักมันเป่าก่อนค่อยเข้าปาก สองหนุ่มที่มีปากเสียงกันเมื่อครู่กลับเงียบลงทันใดราวกลับถูกต้องมนต์

              "อืม...ว่าไงดีล่ะครับซุปนี้"

              "เอื้อก..." ไคโตะกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ 

              "ทำไมกาคุโปะถึงชอบพูดอะไรที่กลับกันเสมอเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ"

              วิญญาณหลุดออกจากร่างไคโตะแทบทันที คุณหนูทานอาหารที่เขาทำได้ ดูท่าคงจะถูกปาก เพราะเขาเอาแต่ทานซุปไม่พูดไม่จาจนซุปหมดถ้วย

              "คุณหนูครับ ปากเลอะแน่ะ"

              ไคโตะหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดตามมุมปากที่เลอะเปรอะของเล็น นี่ก็เกือบจะดึกมากแล้ว ต้องให้เจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำเสียแล้วสิ

              ว่าแล้วกาคุโปะก็ทำหน้าที่เตือนให้เด็กน้อยไปอาบน้ำ เขาแก้มัดทรงผมหางม้าของคุณหนูออกอย่างเบามือ เส้นผมสีเหลืองทองร่วงลงมาประบ่าเรี่ยๆ แล้วเขาก็แกะผ้าปิดตาออกพร้อมเดินเข้าไป แล้วก่อนที่จะปิดประตูห้องอาบน้ำ เจ้าตัวเล็กก็พูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยรอยยิ้ม

              "ขอบคุณทั้งสองคนนะที่ทำเพื่อเรา ขอบคุณสำหรับผ้าปิดตาผืนนี้ด้วย จะรักษาอย่างดี จะใส่ทุกวันเลย"

              เสมือนตายแล้วได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด สองหนุ่มต่างยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ยิ้มนานจนเมื่อยเชิงกราม



              หลังจากที่ยิ้มมานานพอสมควร ฉับพลันก็หุบยิ้ม กาคุโปะเดินเข้าประชิดตัวไคโตะอย่างเร็วก่อนที่จะเอ่ยกระซิบข้างใบหูไคโตะด้วยเสียงเย็นชาใส่

              "นายทำอะไรไป..ฉันรู้หมดอยู่หรอกนะ"

              "เห็นงั้นเหรอ? แล้วผ้าปิดตานั่น นายเอาไปตอนไหน!?"

              ไคโตะขึ้นเสียงน้อยๆ พลางก้าวถอยหลัง เขายิงคำถามไปชุดหนึ่ง กาคุโปะชักทำตัวไม่น่าไว้ใจมากขึ้นแล้วล่ะ เขาเหมือนจะรู้ทุกเรื่องทุกอิริยาบถที่เขาทำเลยด้วยซ้ำ

              กาคุโปะครั้นได้ฟังคำถามก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากขึ้นข้างหนึ่งก่อนดึงไคโตะมาแนบชิดกับตัวเอง ร่างที่เล็กกว่าเมื่อถูกแรงมหาศาลดึงแขนของเขาเข้ามาประชิดแนบกัน เขาแทบอยากจะผลักออกทันควัน ถ้าไม่ติดที่กาคุโปะสวมกอดเขาแน่นจนรู้สึกอุ่นขึ้นมา

              "ใช่..ฉันเห็นหมด ตั้งแต่นายรุกคุณหนูแล้วล่ะ อยากจะรู้ไหมล่ะว่าฉันเอาผ้าปิดตานายมาตอนไหน?"

               ประโยคคำถามนั้นเป็นเสียงที่ไคโตะไม่ชอบเอามากที่สุด เหมือนเขาพร้อมที่จะถูกขย้ำได้ทุกเวลา เขาส่ายหน้าแรงๆ ไปมาแต่ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ของกาคุโปะสอดนิ้วไประหว่างเส้นผมสีฟ้าคราม เส้นขนตามตัวลุกชันขึ้น

              "กาคุโปะ...เดี๋ยวคุณหนูจะสงสัยเอา ขอร้องล่ะ"

              "สงสัยอะไร?"

              รู้สึกกาคุโปะจะไม่ได้สังเกต หรือไม่ก็ลืมตัวว่าตัวเองเป็นคนฉีดน้ำหอม การที่เขาแนบชิดกับไคโตะก็สามารถทำให้น้ำหอมไปติดอีกฝ่ายได้ อีกอย่าง น้ำหอมผู้ชายกลิ่นจะหอมและติดทนนานกว่าน้ำหอมผู้หญิง

              "น้ำหอมไงเล่า!"

              "หืม?"

              "จะทำอะไรน่ะ! อย่านะ!"

              กาคุโปะก้มหน้าซุกไซร้จมูกของเขาไปตามตัวของไคโตะเริ่มจากซอกคอแล้วลงมาถึงหน้าอก อีกฝ่ายที่ถูกกระทำก็ยืนขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดน้อยๆ คล้ายกับหนูที่ติดกับแล้วพยายามดิ้นออก

              "มีกลิ่นน้ำหอมฉันติดอยู่จริงๆเสียด้วย งั้นต่อไปจะไม่ทำกับนายแบบนี้อีกแล้วล่ะ"

              "นายไม่ควรทำตั้งนานแล้ว นายควรคิดได้!"

              "งั้น...ขอวันนี้วันนึงนะ"

              "หา..?"

              ไคโตะงุนงงกับคำพูดของกาคุโปะ หมอนี่มันเป็นแมวกลับมาเกิดหรือไร ทำไมอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวก็หงุดหงิดเดี๋ยวก็ออดอ้อน

              ไคโตะยินยอมให้ร่างสูงใหญ่ของกาคุโปะลูบคลำตามใจ ในใจนึกสงสารเพราะโดยปกติกาคุโปะไม่เคยพูดขอร้องใคร เขาเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง

              "ไคโตะตัวนุ่มนิ่มน้อยกว่าคุณหนูจริงๆ ด้วย"

              กาคุโปะกอดไคโตะแน่นๆ ทีหนึ่งก่อนที่ปล่อยออก แต่ว่าประโยคเมื่อครู่นี้ทำไมฟังแล้วหงุดหงิดกันนะ 



              ภายในตัวห้องน้ำที่กว้างเป็นครึ่งหนึ่งของห้องนอน มีอ่างอาบน้ำที่ใหญ่เกือบกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของห้องน้ำ มีเรือนร่างที่เปลือยกายอวดผิวเนื้อสีขาวผ่องแช่น้ำอุ่นอยู่อ่างพลางเสยเส้นผมกับหน้าม้าขึ้นจนเปิดหน้าผาก 

              "อีกนานเท่าไหร่ถึงจะลืมตาได้กันนะ?"

              เล็นใช้นิ้วมือแตะที่เปลือกตาข้างขวาที่ปิดอยู่แต่มิกล้าลืมตาขึ้น ภายในดวงตายังปวดตุ้บๆ รางๆ อ่างอาบน้ำถูกผสมด้วยสบู่และน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ ยามสูดกลิ่นเข้าไปทำให้ผ่อนคลายขึ้นมา น้ำอุ่นทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายของร่างบางดีขึ้น ผิวขาวซีดกลับมีเรื่อสีชมพูอ่อนขึ้นมาตามโหนกแก้มและลำแขน

              "สระผมหน่อยละกัน"

              ร่างบางนานทีถึงจะได้แช่น้ำนานๆ เช่นนี้ เขาเทน้ำยาสระผมลงบนฝ่ามือ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ บนเนื้อครีม เขาถูฝ่ามือสองสามหนก่อนที่จะป้ายสองฝ่ามือลงบนเส้นผมแล้วค่อยๆ ขยุ้มมันเบาๆ ฟองเริ่มหนามากขึ้น เขาจึงสอดนิ้วและฝ่ามือผ่านหนังศีรษะและนวดมันเรื่อยๆ ครั้นชำระล้างสิ่งสกปรกบนหัวเสร็จสรรพ เล็นลดมือลงไปล้างมือในอ่าง ฟองน้อยๆ ลอยฟ่องในอ่างใหญ่แล้วค่อยๆ สลายหายไป ตัวน้อยลุกขึ้นก้าวออกจากอ่างอย่างระมัดระวังก่อนจะไปยืนที่หน้าฝักบัว บิดก๊อกให้น้ำไหลออกมาแรงพอประมาณก่อนที่จะยื่นส่วนศีรษะเข้าไปต้องกับละอองฝอยน้ำจากฝัก ฟองที่เกิดจากครีมสระผมละลายไหลผ่านลำตัวลงสู่พื้นแล้วไหลลงท่อระบายน้ำไป...

              หลังจากที่จับคลำเส้นผมแล้วไม่รู้สึกว่าหลงเหลือยาสระผมแล้ว เขาถึงบิดก๊อกน้ำให้น้ำหยุดไหล เส้นผมสีเหลืองทองหนาๆ ที่เปียกเรี่ยบ่ามีน้ำอมอยู่เต็มจนชุ่ม ร่างบางใช้สองฝ่ามือจับบิดเส้นผมแล้วสยายมันออก 

              "แช่นานไปหรือเปล่านะหนนี้ ทั้งสองคนจะเบื่อไหมนะ?"

              เขาพูดคุยกับตัวเองก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูที่กาคุโปะนำมาแขวนเตรียมไว้ให้แล้วพร้อมกับชุดนอนของเขา

              เล็นถอดชุดนอนออกจากไม้แขวนเสื้อแล้วกางออก เป็นเสื้อนอนที่ทำจากผ้าฝ้าย ตัวเสื้อเป็นเหมือนเดรส เป็นเสื้อชิ้นเดียวแขนยาว เขาสวมชุดอย่างง่ายดาย ไซส์ใหญ่กว่าเขาอยู่หนึ่งเบอร์ทำให้เขารู้สึกสบาย

              "ต้องออกไปสางผมด้วยสินะ"

              เล็นผลักประตูห้องน้ำออกไปพร้อมถือผ้าเช็ดออกมาด้วย เขาเห็นสองหนุ่มต่างก็อยู่ในชุดนอนแล้วทั้งคู่ แต่ชุดของสองหนุ่มจะแตกต่างจากของเขาเล็กน้อย ของตัวเล็กเป็นเหมือนเดรสโปร่งๆ สบายๆ แต่ของสองหนุ่มเป็นชุดนอนแบบผู้ชาย เป็นเสื้อตัวกางเกงตัว ไคโตะสวมเป็นขายาวและเสื้อสีดำแขนยาว ส่วนกาคุโปะเป็นกางเกงที่ยาวเพียงแค่เข่าของเขาส่วนเสื้อเป็นเสื้อไหล่กว้างแขนยาว เนื้อผ้าของทั้งสองคนดูนุ่มนิ่มใส่สบาย

              สองหนุ่มมองร่างเล็กๆ ตรงหน้าตาไม่กะพริบ เอาเข้าจริงทั้งคู่ไม่เคยเห็นเล็นในชุดนอนมาสักครั้ง ถึงเขาจะสนิทกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่การทำธุระส่วนตัวเป็นเรื่องเดียวที่สองหนุ่มไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้ผู้หญิงเท่านั้น

              "คุณหนูน่ารักจังเลย!"

              ไคโตะโผกอดหลวมๆ ทีหนึ่ง ตามมาด้วยกาคุโปะพยายามแงะมือไคโตะที่เกาะกันติดหนึบดุจตีนตุ๊กแกออกพร้อมเสียงตะโกนโหวกแหวกดุว่าไคโตะไม่หยุด

              "ฮ่าๆๆ คืนนี้ทั้งสองคนนอนกับผมสิครับ"

              เล็นเอ่ยชวนสองหนุ่มให้นอนด้วยกัน ตาของทั้งคู่ส่องเป็นประกายวิบวับ เขาดีใจเป็นล้นพ้น ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าร่างบางรู้อยู่แต่แรกแล้วสินะว่าที่นี่ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้วนอกจากพวกเขาสามคน

              "พอจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ มันก็ดูเงียบเหงามากกว่าปกตินี่นะ"

              ไร้ซึ่งคำโต้ตอบ...

              เมื่อถึงเวลานอน สองหนุ่มต้อนให้เจ้าตัวเล็กขึ้นเตียงไปนอนก่อน แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอม เขาหลับไม่ลงเพราะว่าเพิ่งหลับไปตอนที่ผ่าตัดดวงตาไปแล้วครั้งหนึ่ง ร่างบางจึงเสนอให้ทั้งสองเล่านิทานก่อนนอน ถ้านึกไม่ออกต้องชวนพูดคุยไปเรื่อยๆ 

              "ทำไมหนนี้ดูจะยากจังเลยครับ"

              ไคโตะหน้าถอดสี กาคุโปะก็ไม่ต่างกัน เขาเล่านิทานเป็นเสียที่ไหนเล่า แค่พูดคุยก็แทบจะนับประโยคได้แล้วล่ะ

              "เป็นอย่างอื่นมิได้หรือครับ?"

              กาคุโปะพยายามพูดช่วยทั้งเพื่อนและตัวเอง

              "อืม...งั้น! มานอนพร้อมกันกับเราเลยก็แล้วกัน"


              อะไรกันเนี่ย..นี่เรา(สองคน)ทำอะไรลงไป!!! 

              อยากจะกรีดร้องให้เสียงหายไปในทันที ตอนนี้สองหนุ่มกำลังนอนอยู่บนเตียงซึ่งมีเจ้าตัวเล็กนอนตรงกลางระหว่างพวกเขา บอกทีว่าพวกเขาสองคนฝันไป อยากจะหยิกแก้มตัวเองแล้วถามว่าเจ็บไหมมากๆ เลยล่ะ

              "นี่ล่ะ! ได้อุ่นๆ นอนกันสามคนดูซิว่าจะแตกต่างจากการนอนคนเดียวรึเปล่านะ"

              แล้วน้ำเสียงขี้เล่นมันคืออะไรครับ

              เล็นคุงดูตื่นเต้นมากกว่าเขินอายถ้าเทียบกับสองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ซ้ายขวาด้วยซ้ำไป


              สองหนุ่มมองหน้าสบตากันโดยมิได้นัดหมาย แล้วก็ยิ้มชั่วร้ายออกมาน้อยๆ ออร่ารังสีรุนแรงพอที่จะทำให้ร่างบางรู้สึกถึงมันได้จนต้องเอ่ยถาม

              "อ..เอ่อ...มีอะไรกันรึเปล่า?"

              สิ้นเสียงของตัวเล็ก สองหนุ่มก็ตะครุบกอดร่างบางในชุดนอนทั้งคู่ น่าฟัดเสียจริง ตัวนุ่มนิ่มเหมือนเด็กผู้หญิงก็มิปาน กลิ่นหอมมากด้วย ถ้าเป็นตุ๊กตาพวกเขาอาจจะกอดแรงกว่านี้

              "อุหวา!! ทั้งสองคน เป็นอะไรไป!!"

              "น่ารักจริงๆเสียด้วย"

              "อะไรกัน!?"

              เหมือนผู้ใหญ่ฟัดนัวเนียกับเด็กน้อย แต่แปลกที่ว่าแม้การพูดการจาของคนที่โดนฟัดจะดูไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย มิหน้าซ้ำยังหัวร่อออกมาชอบใจ พลางใช้สองแขนโอบหัวสองหนุ่มแล้วลูบเบาๆ



              ไร้สำเนียงใดๆเล็ดลอดออกมา หน้าต่างบานสูงใหญ่ที่ไม่ได้มีผ้าม่านปิดไว้ ซ้ำหน้าต่างนั้นได้เปิดไว้ด้วย เห็นดวงแขไขอยู่ลิบๆ แสงสีขาวนวลของดวงจันทราทำให้ผืนท้องฟ้าที่มืดส่องสว่างบ้าง หมู่ดาราดวงเล็กดวงน้อยแพร่งพรายบนผืนนภาประดับผืนท้องฟ้าที่มีเพียงแค่สีนิลให้ดูไม่ว่างเปล่า

              "เฮ้อ..."

              เล็นถอนหายใจ สองหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ เขาผล็อยหลับไปแล้ว ดูท่าวันนี้จะจัดการกับอะไรหลายจนใช้แรงกันไปเยอะพอสมควรสินะ ว่าแล้วก็ลูบหัวไคโตะทีนึงก่อนจะใช้หลังมือไล้แก้มกาคุโปะ

              เจ้าตัวเล็กเหลือบตามองดวงจันทร์ผ่านหน้าต่างที่เปิดให้อากาศเย็นเข้าห้องออกไป สวยจัง...วันนี้เป็นวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงสินะ ร่างบางพลิกตัวไปทางด้านหน้าต่าง เขามองกาคุโปะที่หลับปุ๋ยหน้าตัวเอง เมื่อมองข้ามพ่อหนุ่มผมสีพี้จั่นออกไป สายตาเล็นยังคงจดจ่อกับแขไขดวงกลมที่ส่องสว่าง ขนตัวเขาสังเกตเห็นบางสิ่ง

              "หืม..? นั่นมัน..."

              ข้างๆ ของดวงจันทร์นั้นมีดวงดาวอยู่ 2 ดวง ดาวสองดวงนี้ขนาบข้างของดวงจันทร์ ต่างก็เปล่งแสงเหมือนจะแข่งเพื่อให้ดวงจันทร์นั้นสนใจ เช่นเดียวกับกรณีของเขา

              "ท่านน่ะ...เป็นท่านล่ะก็ ท่านจะเลือกใคร?"

              เล็นเอ่ยถามลอยๆ ขึ้นมา เขาไต่ถามดวงแขไขที่อยู่ไกลโพ้น ถ้าเหนือจินตนาการเสียหน่อย ดวงจันทร์คงตอบกลับมา เพียงแต่เขามิอาจจะได้ยินเท่านั้นเอง



              เช้าวันรุ่งขึ้น แสงตะวันค่อยๆ ทยอยสาดส่องเปลี่ยนผลัดเวรกับเวลาสีนิลยามค่ำคืน พื้นที่สีทมิฬค่อยๆ หายไป มีแสงสีทองอมส้มไล่สว่างขึ้นเรื่อยๆ 

              "อืม..."

              บานหน้าต่างที่เปิดอยู่ยิ่งทำให้แสงสีส้มสาดเข้ามาได้มากขึ้น กลิ่นของดอกไม้หอมอ่อนๆ ลอยมาต้องจมูกของสองหนุ่ม ไคโตะสะลึมสะลือ แขนซ้ายของเขาเอื้อมไปหวังจะได้สัมผัสเจ้าตัวเล็กในผ้าห่มผืนนุ่ม แต่กลับพบแต่ความราบเรียบของเตียงแทน 

                แต่เพื่อความแน่ใจ ไคโตะคลำขึ้นๆ ลงๆ แล้วขยับตัวไปทางซ้ายมากขึ้น จนเขาสัมผัสถึงผิวคนที่นอนอยู่ใต้ฟ้าผ่ม แต่ทว่านั่นคือ...

              "เฮ้ย! จับอะไรของฉันตรงนั้นน่ะ เอามือออกไปซะ!"

              "หยึย!!"

              ไคโตะชักมือออกทันควัน จุดที่เขาจับไปนั้นคือสะโพกที่เลยไปทางก้นของกาคุโปะ มิน่าล่ะ...มันใหญ่คับมือไปเสียหน่อย ผิดหวังนิดๆ แฮะ

              ฉับพลันทั้งสองหนุ่มก็กระโจนออกจากเตียงเมื่อรู้ทันทีว่าเจ้าตัวเล็กไม่ได้นอนอยู่บนเตียง อะไรกัน...นี่มันยังเช้าตรู่อยู่เลย

              ทั้งคู่รีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าของร่างบาง แล้วทั้งคู่ก็ร้อนรนวิ่งออกจากห้องนอนไป เสียงปิดประตูที่ร้อนรนกระแทกดังสนั่น หน้าต่างและที่นอนยังไม่ทันเก็บให้เรียบร้อย

              "ตื่นแล้วสินะ...ทั้งสองคน"

              เล็นยังคงสวมชุดนอนผืนบางนั้นอยู่ เส้นผมสีทองก็ยังไม่ได้ถูกรวบไว้ มันเรี่ยบ่าและปลิวตามสายลมเป็นบางครา เขายืนอยู่บนพื้นดินปราศจากรองเท้า เท้าเล็กๆ ของเขาเหยียบย่ำดินจนเลอะหลังเท้าไปหมด พื้นดินยามอรุณช่างอ่อนนุ่มและเปียกชื้นเสียเหลือเกิน ร่างบางเงยหน้ามองบานหน้าต่างห้องนอนตัวเองที่เปิดออก หนุ่มสองคนนั้นคงไม่รู้สินะว่าตั้งแต่ทั้งคู่ตื่นมาร้องโวยวายว่าใครจับอะไรของใครจนถึงเสียงแตกตื่นวิ่งตามหาตัวร่างบาง เขาได้ยินหมดตั้งแต่ต้นแล้ว

              "นั่นสินะ...ตกลงความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบไหนกันนะ?"

              เมื่อคืนเล็นได้กลิ่นน้ำหอมของกาคุโปะบนตัวไคโตะจริงๆ ตกลงเขาควรเลือกที่จะรักใคร หรือว่าหากไม่มีเขาอยู่ ทั้งสองคนอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้ 

              เขาแตะผ้าปิดตาขวาที่กาคุโปะมอบให้ สิ่งนี้..ไคโตะหา กาคุโปะนำมาให้ ช่างลำบากใจเหลือเกิน กาคุโปะปฏิบัติกับเขาอย่างเบามือและให้เกียรติ ส่วนไคโตะปฏิบัติกับเขาอย่างเร่าร้อน รสของรอยจูบยังคงติดค้างไม่เลือนหาย

              "ตัดสินใจแล้วล่ะ..."

              เจ้าตัวแบฝ่ามือออก กลางฝ่ามือเล็กๆ นั่น มีขวดทรงรีคล้ายรูปหยดน้ำมีฝาเกลียวปิดของเหลวข้างในมิให้หก 

              ตามปกติแล้วคุณหนูของคฤหาสน์ตระกูลดังๆ ส่วนใหญ่ นายน้อยกับคุณหนูย่อมต้องพก 'ขวดยาพิษ' ติดตัวสำหรับวางยากับคนที่มุ่งร้าย โดยส่วนตัวของเล็น เขาไม่ค่อยศัตรู ดีไม่ดีไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อเสียงของเขาเสียเท่าไหร่ ยิ่งการก่อศัตรูแทบจะติดลบ

                แต่เขาก็หมุนฝาเกลียวขวดยาออก ก่อนที่จะยกมันขึ้นมาแตะริมฝีปาก แต่ก็ต้องชะงักเอามันเขยิบห่างออกมาจากริมฝีปากอย่างทันควันเพราะมีคนเรียกเขา แล้วโอบกอดร่างบางเอาไว้พลางกระซิบที่ข้างหู

              "ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย ขวดในมือนั่นมัน..."

              กาคุโปะถามไถ่ ร่างเล็กที่ถูกกอดด้วยสองหนุ่มก้มหน้านิ่ง ไม่เอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมา

              "พวกผมขอโทษ เพราะ 'ผม' รึเปล่าที่ทำให้เล็นคุงลำบากใจ?"

              เล็นยิ้มบางๆ น้ำตาคลอเบ้า สองมือน้อยๆ กุมขวดยาพิษที่เปิดอยู่ไว้ที่แผ่นอก เขาส่ายหน้าพลางพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แต่ก็ดังพอที่จะให้สองหนุ่มได้ยิน คำสั่งเสีย

    "ไม่ว่าจะกี่ชาติกี่ภพผ่านไป ช่วยจดจำไว้ด้วยว่าเราจะอยู่ด้วยกัน..สามคน ตลอดไป"

         
              ถ้อยคำที่พูดออกมาเหมือนจะเป็นคำสั่งเสียของคนรักที่กำลังจะตายจากไป ร่างบางกล่าวเสร็จก็กระดกขวดยาพิษเข้าไปอึกหนึ่งโดยที่สองหนุ่มไม่ทันที่จะเอ่ยห้ามหรือรั้งมือเธอไว้

                 ยาพิษนั้นเป็นยาพิษที่เข้มข้น ในไม่ช้าร่างเล็กๆ ก็กระอักเลือดออกมา แสบร้อนไปทั่วลำไส้ไปในตัว เหมือนเส้นเสียงก็ถูกกรดยาพิษกัดกร่อนไปด้วย กระเพาะดูท่าจะถูกทำลายลง ร่างกายเริ่มสั่นไหว เล็นทรุดลงฮวบภายในอ้อมกอดสองหนุ่ม ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้า แสงสีทองเริ่มจางหายแทนที่ด้วยท้องฟ้าสีหม่น วันนี้ฝนจะตกงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้พอดิบพอดีเช่นนี้นะ 

              สองหนุ่มยังคงประคองร่างที่กระตุกเอาไว้มิให้ผิวกายของเธอสัมผัสผิวดินจนกว่าจะถึงเวลาสิ้นลมหายใจ กาคุโปะรู้ว่าร่างบางใจแข็งพอที่จะยังไม่หมดลมหายใจทันที ในเมื่อไม่ได้รวบผมสีดอกพี้จั่นไว้ ด้วยความยาวแต่แรก ยิ่งพอเขาย่อตัวคุกเข่าลง เส้นผมก็ยาวละพื้นสีน้ำตาล เขารวบมันขึ้นมาแล้วพาดไหล่ซ้าย น้ำตาลูกผู้ชายของกาคุโปะหยดลงมาต้องแก้มร่างบางจนต้องกระพริบตาถี่ๆ เขากุมมือของคุณหนูตรงหน้าที่กุมขวดยาเอาไว้แล้วแงะมันออกมาดู

                        ไคโตะจ้องมองในตัวขวด ยังคงมีน้ำยาหลงเหลือในขวดอีกไม่ถึงครึ่ง ไคโตะก้มลงหอมหน้าผากร่างบาง หน้าผากของร่างบางเย็นซีด อีกไม่นานแล้วสินะ 

              "เตรียมใจไว้รึยัง?"

              กาคุโปะถามเพื่อความแน่ใจของไคโตะ ซึ่งไคโตะก็ทราบดีว่าต้องทำอะไรต่อ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว กับแค่วิญญาณที่จะตามเธอไปตลอดทุกชาติภพ

              กาคุโปะจึงกระดกยาพิษเข้าปากจนหมด แล้วเขาก็เชิดคางไคโตะให้เข้ามาใกล้กับใบหน้าเขา แล้วมอบรอยจุมพิตให้ ลิ้นที่เปื้อนยาพิษของกาคุโปะค่อยๆ แทรกเข้าปากของไคโตะมากขึ้น..มากขึ้น ไคโตะค่อยๆ กลืนมันลงหลอดคออย่างช้าๆ นี่แค่ครึ่งของครึ่งหลอดยายังทรมานเพียงนี้ ร่างบางเขากระดกไปครึ่งขวดจะทรมานเท่าไหร่กัน 

              ร่างที่เริ่มไร้สติของเล็นยังเห็นสองหนุ่มด้วยภาพที่พร่าเลือนราง อา...นี่คือสิ่งที่เจ้าสองคนตัดสินใจสินะ ขอบใจนะทั้งคู่ ขอบใจที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าฉันจะทำเรื่องงี่เง่าลงไปบ้าง เอาแต่ใจตัวเองบ้าง หงุดหงิดบ่อย 

              "ทั้งสองคน ร..รักทั้งสองคนมากเลยนะ"

              สิ้นเสียงประโยค ก็คือสิ้นลมหายใจของร่างน้อย ดวงตาสีมรกตที่เหลืออยู่ข้างหนึ่งค่อยๆ หลับตาลงคล้ายนอนหลับ สองหนุ่มเองก็เริ่มมีปฏิกริยายาพิษ เลือดเริ่มกระอักออกจากมุมปากเรื่อยๆ

              สองหนุ่มปล่อยร่างไร้วิญญาณของเล็นวางลงกับพื้นดิน กาคุโปะที่ประคองศีรษะเล็กๆ อยู่ทรุดหนัก ทำให้เขาปล่อยช่วงหัวของเล็นกระแทกลงพื้นอย่างจัง แม้ว่าร่างนั้นจะไม่มีชีวิตอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ร่างของเล็นก็ยังทำให้กาคุโปะเสียใจได้อยู่ ไคโตะทรุดลงในท่านอนแนบกับลำตัวของคุณหนูตัวน้อย ดวงตาของเขาค่อยๆ ลดต่ำลงจนปิดสนิทก่อนจะเหลือแค่ลมหายใจรวยรินแผ่วเบา แล้วก็เงียบหายไป

              แปะ..เปาะแปะ!!

              หยาดฝนเริ่มร่วงโรยเป็นฝอยลงมาจากท้องฟ้าสีหม่น มันหยดลงมาต้องกับหางตาของเล็นแล้วไหลลงมาคล้ายกับว่าเธอร่ำไห้อยู่

              "อย่าร้องไห้นะคุณหนู..แค่ก! คุณไม่ผิดหรอก พวกผมเองต่างหากที่ผิด"

              กาคุโปะปาดหยาดน้ำฝนที่ต่างน้ำตาของร่างเล็ก แล้วเขาก็โน้มตัวลงนอนแล้วสอดแขนซ้ายของเขาต่างหมอนให้ร่างบางหนุน ก่อนที่จะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

              น้ำฝนตกลงมาแรงขึ้นเหมือนเสียใจอย่างหนัก เส้นน้ำฝนตกลงมาไม่ขาดสายจนมองไม่เห็นของรอบกาย ลมฝนถ่าโถมเข้ามา เสื้อผ้าของร่างไร้วิญญาณทั้งสามคนเปียกชุ่ม แต่ที่น่าเสียแปลกใจคือการมีรอยยิ้มของทั้งสามประทับอยู่บนใบหน้าสามหนุ่ม มือของสองร่างใหญ่กุมฝ่ามือทั้งสองของร่างเล็กๆ แล้วนอนไปด้วยกันอย่างเป็นสุข 


    พบกัน..ในชาติภพหน้านะ...
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×