คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -Chapter 7-
เนื้อเรื่องเข้าสู่ช่วงดราม่าแล้ว อยากให้คนอ่านเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ซับเลือดและน้ำตาด้วยค่ะ *วิ่งหนี*
Male Pregnant
-Chapter 7-
กรุงโซลวันนี้มีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง ทำให้สภาพอากาศโดยรวมถือว่าหนาวจัด ถึงด้านนอกจะเป็นแบบนั้น แต่ภายในโรงละครเล็กๆแห่งนี้ที่จุทีมงาน นักแสดงและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 20 ชีวิต กลับอบอุ่นต่างจากภายนอกราวกับเป็นคนละมิติกันอย่างไรอย่างนั้น
“ แค่กๆๆๆ ” แต่ก็ยังไม่วายจะต้องมีบุคคลที่อ่อนแอผิดมนุษย์มนาโผล่มาให้เห็นอยู่ดี
มินโฮเพิ่งจับสังเกตได้เมื่อครู่ จากจุดที่เขานั่ง ด้วยระยะที่ไกลจากเวทีไม่มากทำให้ได้ยินเสียงไอของอีกคนชัดเจนพอสมควร ใบหน้าหวานที่เริ่มซีดลงๆทุกขณะทำให้เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าการฝึกซ้อมละครเวทีในครั้งนี้จะราบรื่นไปจนจบหรือไม่
“ เฮ้ย แทฮยอน ไหวเปล่า เดี๋ยวฉันไปขอยาแก้ไอจากห้องพยาบาลให้มั้ย ” แอคติ้งโค้ชหน้าตี๋ประจำทีมคนสนิทของแทฮยอนที่มินโฮจำได้แม่นว่าเขาคือซึงยุน คนที่โทรหาร่างบางเมื่อวันก่อนนี่เองที่เป็นคนตะโกนขัดขึ้นมา จนนักแสดงสามชีวิตที่อยู่บนเวทีจำต้องชะงักการต่อบทของตัวเองลงไปในบัดดล
“ ไอ้ซึงยุน ฉันบอกแกจนปากจะฉีกแล้วนะ ว่าอย่าทะเล่อทะล่าตะโกนแทรกขึ้นมากลางปล้องแบบนี้ ” สาวมั่นนามมินจีเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ผู้กำกับ พลางใช้มือซ้ายเท้าสะเอว มือขวาชี้หน้าไอ้คนตัวโตแต่สมองเล็กจิ๋วที่ทำงานด้วยกันมานานแต่ยังทำตัวไร้กาลเทศะได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน ก่อนด่าสวนกลับไปอย่างอดโมโหไม่ได้
“ ก็แทฮยอนทำท่าจะไม่ไหวจริงๆนะเว้ย แกไม่ดูเลยอะ ใจดำว่ะ ” ซึงยุนตัดพ้อ ก่อนหันไปหาร่างบางที่ยืนอยู่ตรงกลางเวทีอีกรอบ “ ตกลง เอายามั้ย แทฮยอน ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ข้างนอกหิมะตกอยู่ด้วย ” แทฮยอนปฏิเสธอย่างเกรงใจ แต่อีกเหตุผลที่ไม่สามารถบอกใครได้คือ เขาถูกหมอท็อปกำชับมาว่าห้ามซี้ซั้วทานยาส่งเดช เพราะยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง แล้วตัวเขาก็ดันฉลาดน้อยเกินกว่าจะจำแนกได้เอง ก็เลยได้แต่ปล่อยให้ตัวเองยืนซ้อมละครไป คันคอไป คัดจมูกไปตามยถากรรมทั้งอย่างนั้น
“ งั้นพักสิบนาทีก่อนแล้วกัน ” มินจีมองหน้าแทฮยอนอย่างพิจารณาก่อนตะโกนบอกทีมงานทุกคนผ่านโทรโข่งในมือ
“ อือ ดีแล้วล่ะ แทฮยอนจะได้พักซักหน่อย เมื่อกี้จับไปตัวอุ่นๆนะ นายต้องมีไข้แน่ๆเลย ” เจบีพระเอกหนุ่มหล่อของเรื่อง ดีกรีเดือนคณะนิเทศบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามนิสัย พลางช่วยพยุงร่างบางๆให้เดินลงจากเวทีอย่างระมัดระวัง แสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษเสียจนคนบางคนได้แต่หันมองตาขวางอย่างหมั่นไส้
“ มินโฮ น้ำฉันล่ะ ” จีอึนเรียกหากระบอกน้ำที่เธอพกมาใช้วันนี้ที่อยู่ในมือของมินโฮ พบว่าอีกฝ่ายกำมันไว้เสียแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน “ เป็นอะไรของนายน่ะ ” ดูเหมือนร่างสูงจะยังไม่รู้ตัวจนเธอต้องออกปากถาม
“ เปล่าหรอก เอ้านี่น้ำ เป็นไงเหนื่อยมั้ย ” มินโฮรีบหันกลับมาหาคนเรียกก่อนปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว
“ อือ ก็นิดหน่อยน่ะ ” จีอึนตอบพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผู้ชมตัวข้างๆมินโฮที่ดูเหมือนว่าสายตาของเจ้าตัวจะหลุดโฟกัสจากใบหน้าของคู่สนทนาอย่างเธอไปอีกหนแล้ว
จีอึนมองตาม พบว่าจุดที่ดึงสายตาแฟนหนุ่มของเธอไปคือหน้าหวานๆของคนที่นั่งถัดไปจากเก้าอี้ของเธอไม่เกินห้าตัวซึ่งถูกขนาบข้างไปด้วยซึงยุนและเจบี ซ้ายขวาตามลำดับ พร้อมผู้กำกับซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอที่ยังคงเดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆไม่ยอมห่าง
“ เป็นห่วงแทฮยอนเหรอ มินโฮ ” จีอึนถามเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วงเพื่อนร่างบางที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาสดๆร้อนๆเมื่อเช้านี้นี่เอง
“ เปล่าซะหน่อย จะเป็นห่วงไปทำไม คนเป็นห่วงมีออกเยอะแยะขนาดนั้นแล้ว ” มินโฮตอบเสียงเข้มอย่างอดหงุดหงิดไม่ได้
เรื่องน่าหงุดหงิดแรกของมินโฮคือตั้งแต่เขามาถึงที่นี่เมื่อช่วงเย็น ก็ยังไม่มีคำทักทายใดๆหลุดออกมาจากปากของแทฮยอนให้เขาได้ยินสักคำ ไม่แม้แต่จะหันมอง หรือสบตากัน ทั้งที่เมื่อเช้าตอนที่ไปรับออกจากโรงพยาบาลมามหา’ลัยก็ยังคุยกันเป็นปกติดีแท้ๆ
เรื่องหงุดหงิดต่อมาคือบทที่แทฮยอนได้รับ อันที่จริงเนื้อหาตอนต้นเรื่องมันก็ยังธรรมดาๆอยู่หรอก ก็แค่พระเอกได้เป็นร็อคเกอร์สตาร์ชื่อดังตามที่ได้ฝันไว้ วินาทีนั้นความสุขสบายทำให้ไอ้พระเอกหน้าโง่หลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับนายเอกตอนที่อยู่สถานสงเคราะห์ด้วยกันไปเสียสนิท สัญญาที่ว่าถ้าทำตามความฝันได้สำเร็จจะมารับไปอยู่ด้วยกัน แต่เรื่องยังดราม่าได้อีก เมื่อนายเอกดันประสบอุบัติเหตุจนตาบอด จึงกลายเป็นฝ่ายที่หนีออกจากสถานสงเคราะห์เสียเองเพราะไม่อยากให้พระเอกเสียใจและต้องมาเกี่ยวข้องกับคนพิการอย่างตัวเอง หารู้ไม่ว่าไอ้พระเอกมันลืมสัญญาที่ให้กับตัวเองไว้ตั้งนานแล้ว แถมยังมีเมียไปเรียบร้อยอีกต่างหาก
เนื้อเรื่องยิ่งดราม่าเข้มข้นเมื่อตัวอิจฉารับนายเอกเข้าทำงาน พระเอกจึงเพิ่งระลึกชาติถึงสัญญานั้นได้ ทำให้รู้สึกผิดมาก ก็ได้แต่ดูแลนายเอกอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ จนตัวอิจฉาสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของแฟนหนุ่ม จึงคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งตัวต้นเหตุอย่างนายเอกสารพัด วางแผนต่างๆนานาทำให้พระเอกเข้าใจนายเอกผิด ไปๆมาๆถึงขั้นจับมาข่มขืน นั่นแหละฉากที่แม่ยกรอคอย แต่มินโฮโครตจะไม่ปลื้ม!!
นอกจากจะน้ำเน่าแล้วเนื้อหายังรุนแรงไม่เหมาะสมกับเยาวชนเสียอีก ซงมินโฮรู้สึกต่อต้านจนอยากยกมือประท้วงให้ละครเวทีเรื่องนี้ตัดฉาก NC-17 ออกไปเป็นบ้า
รู้ตัวดีว่า ไอ้ความคิดสองบรรทัดก่อนหน้ามันอาจจะดูซึนเดเระไปหน่อย เพราะเอาเข้าจริง เขาก็แค่ไม่ชอบที่เจบีกับแทฮยอนเล่นสมบทบาทเกินไปเท่านั้นล่ะ ถึงเนื้อถึงตัวกันเกินไปจนเกือบเข้าข่ายอนาจาร เสื้อผ้าที่เปลื้องออกอย่างจริงจังของทั้งคู่ ถึงจะหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยปิดบังผิวขาวเนียนของแทฮยอนให้พ้นจากสายตาหื่นๆของคนดูได้เลยสักนิด
ที่ร่ายมายาวๆนั่นก็คือเรื่องหงุดหงิดที่ว่า ส่วนเรื่องที่ทำให้มินโฮหงุดหงิดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นไอ้ที่เห็นอยู่ตอนนี้นี่แหละ
“ ดื่มน้ำหน่อยนะแทฮยอน แล้วเอาผ้าโปะหน้าผากไว้แป๊บนึงจะรู้สึกดีขึ้น เชื่อฉัน ” ซึงยุนบอกก่อนจัดการเทน้ำลงบนผ้าขนหนู บิดหมาด ก่อนวางแหมะลงไปบนหน้าผากขาวของอีกคน
“ ให้ยืมไหล่ได้นะ แอบนอนพักสักงีบ คงไม่เป็นไรหรอกเนอะมินจี ” เจบีว่าพลางดันหัวกลมๆของแทฮยอนให้หนุนลงมาบนไหล่ของตัวเองอย่างไม่มีการถือตัวเลยสักนิด
“ ย่ะ งีบได้แต่ห้ามเกินสิบนาทีนะ เพราะยังเหลือซ้อมอีกหลายฉาก เดี๋ยวจะดึกไปกันใหญ่ ” มินจีอนุญาตแต่ไม่วายดักคอเอาไว้อย่างรอบคอบ
“ แทฮยอนนอนเถอะ สิบนาทีก็มีค่านะ เดี๋ยวปลุกให้ ไม่ต้องห่วง ” เจบีว่าพลางวางมือลงบนหัวกลมๆที่หนุนอยู่บนไหล่ของตัวเองแล้วลูบเบาๆเป็นการกล่อม
มินโฮโครตจะไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ผู้ชายสองคนนั้นมันถึงได้ดูแลประคบประหงมแทฮยอนดีเสียเหลือเกิน ทั้งที่มันก็ไอ้ผู้ชายเหมือนกันทั้งก๊วน แล้วก็ไม่เข้าใจอีกว่าทำไมแทฮยอนถึงได้ออเซาะฉอเลาะสนิทสนมกับทั้งคู่จนออกนอกหน้าซะขนาดนั้น แต่ที่ไม่เข้าใจที่สุดก็คือตัวเขาเองนี่แหละ
ทำไมซงมินโฮถึงละสายตาไปจากนัมแทฮยอนไม่ได้สักที(วะ)
น่าแปลกที่เขาเอาแต่มองแทฮยอนตั้งแต่มาถึง ทั้งตอนที่อีกฝ่ายซ้อมอยู่บนเวทีกับเพื่อนๆ จนตอนลงมานั่งพักข้างล่าง ไม่ว่าร่างบางจะทำอะไร จะเดินไปตรงไหนก็ดูเหมือนจะดึงดูดสายตาจากเขาได้ดีไปเสียหมด
“ มินโฮ วันนี้ไปส่งฉันที่บ้านได้รึเปล่า ” จีอึนถามเรียกให้มินโฮหันกลับมาสนใจได้ชะงัด
“ อืม ได้สิ ” เป็นเพราะรู้ว่าวันนี้แทฮยอนจะออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า เขาเลยถ่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปขอยืมรถของพ่อมาตั้งแต่เมื่อคืน กะว่างวดนี้คงขอยืมยาว เพราะคิดว่าคงต้องเอามาใช้คอยรับส่งคนท้องที่เจ็บออดๆแอดๆไปสักระยะ ผลดีจึงส่งให้เขามีรถขับไปส่งจีอึนในคืนนี้ด้วย
ซ้อมกันไปสักพัก เมื่อเข็มยาวและเข็มสั้นเดินมาบรรจบกันที่เลข 12 เสียงดังเหง่งหง่างของนาฬิกาแบบโบราณที่อยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ก็ดังขึ้น ราวกับเสียงร้องเตือนให้ซินเดอเรลล่ารีบกลับบ้านอย่างในนิทานปรัมปรานั่น
“ เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ทุกคนทำดีมาก กลับบ้านกันได้ ” มินจีตะโกนบอก เหล่าทีมงานร้องเฮลั่นอย่างดีใจที่จะได้แยกย้ายกลับบ้านกลับช่องกันเสียที หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมงแล้ว
“ นายกลับยังไง ไปส่งมั้ย ” เจบีถามร่างบางขณะที่ทั้งคู่เดินประคองกันลงจากเวที ฝ่ายหนึ่งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนอีกฝ่ายก็ทำตัวได้น่าทะนุถนอมยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆเสียอีก
“ แทฮยอนจะกลับกับฉัน ” กลับกลายเป็นมินโฮที่เป็นคนตอบคำถามนั้นของเจบีเสียเอง
“ พูดอะไรน่ะ ทำไมฉันต้องกลับกับนาย ” แทฮยอนถามอย่างไม่เข้าใจที่จู่ๆมินโฮก็มาคิดแทนเขาเสียอย่างนั้น
“ เพราะนายมากับฉัน ฉันพานายมาได้ ฉันก็พานายกลับเองได้ ” เหตุผลที่ฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่มินโฮก็เลือกที่จะพูดออกไปด้วยความมั่นใจเต็มพิกัด
“ แต่นายต้องไปส่งจีอึนไม่ใช่เหรอ ” แทฮยอนถาม เพราะบังเอิญได้ยินทั้งสองคุยกันก่อนหน้า
“ ใช่ แต่ฉันจะไปส่งนายหลังจากนั้น ” มินโฮตอบ
“ จะทำให้มันยุ่งยากทำไมวะ ” ร่างบางถามกลับอย่างอารมณ์เสีย หลังจากเริ่มมองเห็นความไม่สมเหตุสมผลของเรื่อง เพราะถ้าเอาให้ง่าย เขาก็แค่ขอเจบี หรือทีมงานสักคนติดรถไปลงหน้ามหาวิทยาลัย แล้วเดินข้ามสะพานลอยไปแค่นั้นก็ถึงหอของเขาแล้ว
“ เถอะน่า ฉันพอใจ ” ไม่รอให้มีคำพูดอะไรออกมามากกว่านั้นอีก มินโฮก็รีบจัดการฉุดแขนเรียวของแทฮยอนลากออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
‘ เนื่องจากหิมะตกหนัก ทำให้ไม่สามารถเดินรถไฟได้... ’ เสียงของผู้ประกาศสาวที่ถูกส่งมาตามสายในสถานีรถไฟเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เป็นเหตุให้คนคู่หนึ่งจำเป็นต้องเปิดห้องในโรงแรมใกล้ๆสถานีรถไฟเพื่อใช้เป็นที่หลับนอนในคืนนี้
“ พี่ขอโทษนะ ฮันบิน ” จีวอนนั่งคุกเข่ากับพื้นข้างเตียงอย่างรู้สึกผิดที่เขาชวนอีกฝ่ายมาดูหนัง แถมยังพาเที่ยวเล่นจนค่ำ โดยไม่รู้ตัวพอออกจากห้างมาอีกที หิมะก็ตกหนักมากถึงขั้นทำให้รถไฟใช้การไม่ได้ ผลสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพาฮันบินกลับหอไปส่งให้ถึงมือพี่ชายสุดที่รักของเจ้าตัวได้ตามแผนที่วางไว้
“ ไม่ใช่ความผิดพี่จีวอนสักหน่อย ” ฮันบินส่งยิ้มให้จากบนเตียง
“ พี่ควรจะโทรบอกแทฮยอนก่อนใช่มั้ย ” จีวอนถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย จึงกดโทรออก “ จะโดนด่ามั้ยเนี่ย ”
“ ระวังๆไว้ก็ดีฮะ ผมว่าพี่จีวอนหูชาแน่ๆล่ะ ” เด็กน้อยตอบพลางหัวเราะร่าอย่างรู้นิสัยของพี่ชายตัวเองดี
“ เอ่อ แทฮยอน พอดีฉันกับฮันบินมาดูหนังกัน แล้วหิมะเกิดตกหนัก รถไฟก็ใช้ไม่ได้ พวกเราที่ติดอยู่ที่นี่เลยต้องหาโรงแรมแถวๆนี้พักค้างคืนกันก่อน นายไม่ว่าอะไรใช่มั้ย เพราะมันจำเป็นจริงๆ ” พอแทฮยอนรับสาย จีวอนก็รีบรัวคำพูดของตัวเองใส่ปลายสายทันทีก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
‘ จะค้างทำไม กลับรถไฟไม่ได้ นายก็พาน้องฉันกลับรถแท็กซี่เซ่!! ’ อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน
“ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว อากาศข้างนอกก็หนาวมาก อีกอย่างฮันบินเริ่มมีไข้อ่อนๆแล้วด้วย ฉันไม่อยากให้น้องออกไปตรากตรำแบบนั้น ” จีวอนบอกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดห้องที่โรงแรมนี้
‘ นอนคนละห้อง ’ แทฮยอนยื่นคำขาด
“ แล้วใครจะดูแลฮันบินเล่า ”
‘ งั้นนายต้องสัญญากับฉันว่าจะนอนที่พื้นนะ จีวอน ’
“ เออ จะพยายามรักษาสัญญา ” อันที่จริงเขาทำได้แน่นอน แต่อารมณ์หมั่นไส้ในความหวงน้องเกินจำเป็นของอีกคน จีวอนจึงแกล้งทำเสียงเหมือนไม่มั่นใจ
‘ เฮ้ย แก เอาดีๆดิ ’ น้ำเสียงของแทฮยอนที่เริ่มจริงจังจนเข้าข่ายวิตกจริตทำเอาจีวอนแอบหัวเราะในใจ
“ เออน่า แค่นี้นะ ฉันขอตัวไปดูแลฮันบินก่อน บายเว้ย ” และแล้วจีวอนก็ตัดความรำคาญโดยการตัดสายทิ้งไปเฉยๆเสียอย่างนั้น
“ ไอ้เชรี่ยจีวอน ” แทฮยอนสบถด่าเพื่อนเลวของตัวเองดังลั่นรถ จนสารถีรูปหล่อข้างๆถึงกับหันขวับมามองอย่างตกใจ เพราะร้อยวันพันปีจะได้ยินคำพูดหยาบคายหลุดออกมาจากปากของลูกผู้ดีจ๋าอย่างนัมแทฮยอน
“ ทำไม กลัวจีวอนมันจะงาบน้องนายเหรอ ” มินโฮถามอย่างพอคาดเดาเนื้อหาได้ หลังจากที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดกับปลายสายเมื่อครู่
“ พาฉันไปหาสองคนนั้นเร็วเข้า ฮันบินกำลังตกอยู่ในอันตราย ” แทฮยอนบอกพลางกระตุกแขนเสื้อมินโฮอย่างร้อนรน
“ ตลกน่า แทฮยอน นี่ฉันขับมาถึงหน้าหอแล้วเหอะ ” มินโฮพูดพร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าลานจอดใต้หออย่างไม่ไยดี
“ งั้นฉันไปแท็กซี่ก็ได้ ” แทฮยอนว่าด้วยน้ำเสียงงอนๆ ก่อนเปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
“ อย่ามาบ้าเลย นี่จะตีหนึ่งแล้วนะ ไม่ต้องห่วงฮันบินให้มากนักหรอก เป็นห่วงตัวเองดีกว่า ” มินโฮรีบตามไปฉุดข้อมือของอีกฝ่ายพร้อมกับรั้งเอาไว้ด้วยประโยคที่ฟังดูคล้ายคำถากถาง แต่หากวิเคราะห์กันจริงๆแล้วจะพบว่าข้อความเหล่านั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงใยมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น
“ ฮันบินไม่ใช่น้องนาย นายไม่เข้าใจหรอก ” แทฮยอนพยายามสะบัดมือทิ้งแต่ก็ช่างเป็นเรื่องยากเย็นเสียเหลือเกิน
“ จีวอนมันไม่ทำอะไรหรอกน่า ” ถ้าคิดจะทำจริง มันคงเสนอให้ฮันบินเป็นคนกินยา Male Pregnant นั่นตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆก็คือหมอนั่นคนเดียวที่จะสามารถมีอะไรกับฮันบินได้โดยไร้ข้อครหาจากคนรอบข้าง แถมแทฮยอนก็ห้ามไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย แต่เพื่อนเขามันกลับไม่ทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า จีวอนมีความเป็นสุภาพบุรุษต่อฮันบินโครตๆ ณ จุดนี้ มินโฮจึงค่อนข้างมั่นใจในคำพูดของตัวเองอยู่พอสมควร
“ มันไม่มีอะไรมารับประกัน ” แทฮยอนบอกด้วยสีหน้าจริงจังจนคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
“ ถึงจะยังไงก็เถอะ ตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนของฉันแล้ว ” มินโฮพูดด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน ก่อนฉุดอีกฝ่ายให้เดินฝ่าความหนาวเย็นยะเยือกเข้าไปด้านในตัวหออย่างรวดเร็ว
“ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นายจะอยากพักก็พักไป แต่ฉันไม่ ” แทฮยอนยังคงรั้น ดิ้นรนจะออกจากหอเสียให้ได้
“ หัดดูสารรูปตัวเองซะบ้าง คนท้องที่ไหนเค้านอนดึกกันขนาดนี้ ” เพราะพละกำลังที่แตกต่างกันมาก และแทฮยอนก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแอเกินกว่าจะต่อต้านเขาได้ มินโฮจึงจัดการดันร่างของอีกฝ่ายให้เข้าไปในลิฟต์ได้อย่างง่ายดาย
“ ฉันจะออกไปหาฮันบิน!! ” แทฮยอนหวีดเสียงใส่หูร่างสูงดังลั่น
“ อย่าดื้อให้มันมากนัก เชื่อฟังกันบ้างเถอะ แทฮยอน ” มินโฮตะโกนกลับไปอย่างอดโมโหไม่ได้ เพราะความรู้สึกเป็นห่วงจากใจของเขาดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงอีกฝ่ายเลยสักนิด
“ แล้วทำไมฉันจะต้องเชื่อฟังนาย ” ร่างบางสวนกลับทันที
“ เพราะนายเป็นเมียฉัน ” ความจริงมินโฮไม่ได้อยากพูดแบบนี้เท่าไหร่ เพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะสม แต่เขาก็ไม่รู้จะใช้สิทธิ์อะไรที่ทำให้แทฮยอนจำเป็นต้องมาเชื่อฟังเขาเหมือนกัน
“ ฉันไม่ใช่! นายก็รู้ดีว่านั่นมันก็แค่งาน ” ถึงจะโกรธในคำพูดของอีกฝ่ายมากมายแค่ไหน แต่แทฮยอนก็เลือกที่จะปฏิเสธด้วยเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์
“ อ่า จริงสินะ เหมือนฉันจะลืมไปว่าฉันไม่ใช่เจบีอะไรนั่นสักหน่อยนี่ ” ไม่รู้ว่าทำไมมินโฮถึงได้พูดออกไปแบบนั้น แต่ที่รู้ๆคืออารมณ์ของเขาตอนนี้มันขึ้นเสียจนหาทางลงได้ยากแล้ว อาจจะตั้งแต่ตอนที่ได้ยินว่า ‘ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นแค่เรื่องงาน ’ จากปากของอีกฝ่าย
“ เกี่ยวอะไรกับเจบี ” แทฮยอนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ พวกนายดูสนิทกันดีนี่ ฉันก็นึกว่านั่นจะใช่สามีของนาย ” ณ วินาทีนี้มินโฮเริ่มไม่รู้สึกตัวแล้วว่าเขากำลังพูดอะไรออกไป
“ เพี๊ยะ!!!! ” เสียงดังจากฝ่ามือขาวที่กระทบกับใบหน้าหล่อคมจนคนโดนกระทำถึงกับหน้าหันไปอีกทาง “ อย่าเที่ยวพูดจาพล่อยๆแบบนี้อีก อย่าลืมว่าฉันเป็นผู้ชาย ไม่มีใครมาเป็นสามี แล้วก็ไม่มีทางไปเป็นเมียใครได้ทั้งนั้น จำใส่กะโหลกกลวงๆของนายเอาไว้ซะ ” แทฮยอนพูดอย่างเดือดดาลก่อนก้าวออกจากลิฟต์ทันทีเมื่อถึงชั้นของเขา กะว่าจะหนีหมาบ้าเข้าไปสงบใจในห้องก่อนแล้วค่อยออกไปหาฮันบินทีหลัง
“ แต่นายก็เป็นไปแล้วไม่ใช่เหรอ ” มินโฮพูดขัดขึ้น พลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มของตัวเองตรงจุดที่โดนอีกฝ่ายซัดเอาเมื่อครู่นั่น
“ อะไรอีก ” แทฮยอนหันมองร่างสูงที่เดินตามหลังตัวเองมาอย่างหงุดหงิด
“ เมียฉันน่ะ ”
“ ดูเหมือนนายจะเริ่มฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ” แทฮยอนหันกลับไปกระชากคอเสื้อของร่างที่สูงกว่าตัวเองอย่างรุนแรง “ นายไม่ได้เป็นอะไรกับฉันทั้งนั้น ไม่ได้เป็นและไม่มีวันเป็น!! ”
คำพูดที่เป็นยิ่งกว่าลูกกระสุนถูกยิงสวนตรงไปยังกลางใจของร่างสูงเข้าอย่างจัง ทั้งเจ็บและจุกจนพูดอะไรไม่ออก ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับซงมินโฮขนาดนี้ ปกติตัวเขามีคนมากมายคอยตาม ไม่เคยสักครั้งที่จะต้องเป็นฝ่ายตามใคร ทั้งที่คิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายอาจพอมีใจให้เขาบ้าง แต่เมื่อฟังประโยคนั้นแล้ว มินโฮก็ตระหนักได้ในทันทีว่าตลอดมาเขาคิดผิด
เสียใจที่ได้ยินแบบนั้น ผิดหวังที่ไม่ได้อย่างที่หวัง
“ สงสัยฉันคงต้องทบทวนความจำให้นาย จะได้เข้าใจถูกซักทีว่าเราเป็นอะไรกัน ” แทนที่จะถอยกลับอย่างคนพ่ายแพ้ แต่มินโฮกลับเลือกที่จะดับเครื่องชนให้ถึงที่สุดตามนิสัยไม่ยอมใครของตัวเอง
“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ มินโฮ ” ดวงตาคมกร้าวฉายแววดุดัน พร้อมกับร่างสูงที่ค่อยๆเดินย่างสามขุมเข้าหา ทำให้แทฮยอนร้องตวาดออกไปด้วยความหวาดหวั่น
อีกฝ่ายกำลังโกรธจัด ทั้งที่แทฮยอนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอะไร หากแต่ร่างบางก็สัมผัสถึงความอันตรายจากด้านมืดในจิตใจของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ จะหนีไปไหนล่ะ เก่งนักไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้ยังกล้าตบฉันอยู่เลยนี่ ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะหนี มินโฮก็รีบตะครุบตัวเอาไว้ทันที
“ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!! ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยเขาแน่ แทฮยอนจึงตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างคนไร้ทางสู้
รูปร่างเล็กกว่า เรี่ยวแรงก็น้อยกว่า แถมร่างกายตอนนี้ก็ใช่ว่าจะแข็งแรงอะไร จะเอาแรงที่ไหนไปรบกับอีกคนได้
มินโฮแสยะยิ้มพลางใช้มือหนาบีบต้นแขนร่างบางเอาไว้แน่นก่อนฉุดลากไปตามทางเดินของหอพัก เมื่อถึงจุดหมายก็ผลักอีกฝ่ายเข้าไปข้างในอย่างไม่ไยดี
“ หุบปากแล้วเข้าห้องไปซะ ” มินโฮออกแรงไม่มาก ร่างบางก็กระเด็นไปไกลจนเกือบจะล้มอยู่รอมร่อ
“ ไอ้มินโฮ แก ” แทฮยอนปรี่เข้าไปหมายจะชกหน้าของอีกฝ่าย แต่ร่างสูงกลับรู้ทันรับหมัดเอาไว้ได้
“ พยศเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยนี่ ” ร่างสูงถากถางพลางส่งยิ้มเยาะให้อีกคน
มินโฮลากข้อมือเรียวพาอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอน ก่อนข่มร่างที่พยายามขัดขืนเขาอย่างเต็มกำลังให้นอนลงบนเตียง แล้วตามเข้าไปคร่อมทับเอาไว้ พลางปลดเสื้อของทั้งตัวเองและอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว
“ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ นายโมโหที่ฉันตบนายใช่มั้ย ฉันขอโทษก็ได้ ” เมื่อแน่ใจแล้วว่ามินโฮเอาจริง แทฮยอนจึงพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายใจอ่อนปล่อยเขาไป ยอมลดตัวขอโทษก่อนทั้งที่อีกคนเป็นฝ่ายปากพล่อยพูดจาเหยียดหยามเขาก่อนแท้ๆ
“ หึหึ ” เหมือนเห็นความหวาดกลัวของอีกคนเป็นเรื่องสนุก มินโฮมองร่างขาวๆที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดกำลังด้วยความขบขัน
“ นายทำอะไรฉันไม่ได้นะ ฉันกำลังท้องอยู่ ” แทฮยอนบอกเหตุผลที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดออกไปเพื่อฉุดรั้งสติของอีกฝ่าย
“ นายเป็นผู้ชาย ถึงจะมีเซ็กส์ที่ต่อให้รุนแรงแค่ไหนก็ไม่มีทางกระเทือนถึงเด็กในท้องได้หรอก เพราะงั้นวางใจได้ ” มินโฮว่าพลางฉวยเสื้อเชิ้ตตัวบางของแทฮยอนมาใช้มัดข้อมือเรียวสองข้างให้ติดกันเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างตรงหน้าขัดขืนเขาได้
หลังจากพบว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดติดกันแน่นหนาชนิดพยายามบิดออกเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แทฮยอนก็เริ่มถอดใจ เพราะถึงดิ้นรนไปก็คงเปล่าประโยชน์แล้วในเวลานี้
“ ฉันขอถอนคำพูด ”
“ หืม?!? ” มินโฮเงยหน้าขึ้นจากการขบเม้มที่ซอกคอของอีกฝ่ายพลางส่งเสียงเป็นเชิงถามด้วยความงุนงง
“ ฉันไม่ขอโทษนายแล้ว นายเป็นฝ่ายผิด สมควรโดนยิ่งกว่าตบซะอีก นายพูดจาไม่ให้เกียรติฉันนั่นก็ไม่น่าให้อภัยแล้ว แต่เจบีเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน ฉันยอมให้นายมาว่าร้ายเขาไม่ได้ ”
ถึงจุดที่ความอดทนทั้งหมดทั้งมวลขาดสะบั้นลง ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าจะอ่อนโยนกับอีกฝ่ายแท้ๆ แต่พอได้ยินประโยคนั้นแล้ว มินโฮก็ถึงกับระงับความพลุ่งพล่านในใจของตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
เจบีเป็นเพื่อนคนสำคัญ ถึงกับต้องออกตัวปกป้องกันขนาดนี้ก็แปลว่าสำคัญมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้น ตัวเขาที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรอยู่แล้วก็คงสามารถลงมือทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่สินะ
เพราะสุดท้ายแล้ว เจบีก็ยังเป็นคนสำคัญ และมินโฮก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของแทฮยอนไม่เปลี่ยนแปลง
“ กล้าพูดแบบนี้ แปลว่าเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ”
“ ก็ถ้าฉันขอร้องนาย นายจะหยุดมั้ยล่ะ ”
“ ไม่มีทาง ” พูดจบ มินโฮก็ก้มลงประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับเรียวปากนุ่มของอีกฝ่ายทันที แต่แทฮยอนกลับเม้มปากเอาไว้แน่นต่อต้านการบุกรุกจากร่างสูงเต็มที่ เขาจึงจัดการบีบปลายคางมนอย่างแรงจนคนโดนกระทำทนความเจ็บปวดไม่ไหวต้องเผยอปากอ้าออก เป็นจังหวะดีให้เขามีโอกาสได้สอดลิ้นของตัวเองเข้าไปทักทายลิ้นอุ่นๆในปากของอีกคน
“ โอ๊ย!!! ” มินโฮผละออกมาแทบไม่ทัน เพราะแทฮยอนแสบกว่าที่คิด อีกฝ่ายเล่นใช้ฟันคมๆกัดลงบนลิ้นของเขาอย่างจัง คาดว่าแผลมันคงไม่เล็กนัก วัดได้จากปริมาณเลือดที่อยู่ในปากของเขาส่วนหนึ่ง และยังมีอีกส่วนที่ไหลลงคอไปแล้วเมื่อครู่ก็นับว่ามากพอควร
“ ท่าทางนายจะชอบความเจ็บปวด ” มินโฮพ่นของเหลวที่อยู่ในปากทิ้งบนพื้นก่อนจับร่างกายขาวๆให้พลิกคว่ำหน้าลงกับหมอน “ งั้นฉันก็คงเข้าไปในตัวนายโดยไม่ต้องเบิกทางก่อนได้สินะ ” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ยบอกข้อความที่ทำเอาคนฟังถึงกับผวาจนแทบสิ้นสติ
-ขออนุญาตตัดฉากเอ็นซีออกนะคะ-
ตัวละครใหม่
เจบี ซึงยุน มินจี
TALK:
ตอนก่อนมีหลายคนบอกหมั่นไส้นัมแท อยากตบแบบจีวอนในเรื่อง(กร๊าก) อยากย้ายทีม หวังว่าตอนนี้น่าจะเปลี่ยนใจแล้ว(มั้ย?)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ กำลังใจ ช่วยแท็ก ช่วยแชร์ มากๆเลยค่า ♥ หวังว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนเนาะ อยู่ด้วยกันไปนานๆน้า
ปล. ฉาก cut อยู่ใน FAV นะคะ ---> @LeadNamDaebak หรือ #นัมแทท้อง
◊
ความคิดเห็น