ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WINNER iKON #Namsong #DoubleB : Male Pregnant

    ลำดับตอนที่ #4 : -Chapter 4-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      6
      11 มี.ค. 58

     

     


     

    Male Pregnant

    -Chapter 4-

     

    มินโฮนั่งทำหน้าซังกะตายขณะที่ใครอีกคนกำลังนอนเอกเขนกเอนกายดูละครทีวีช่วงบ่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงนอน  นิ้วเท้าเรียวขาวซีดที่ยื่นพ้นจากปลายผ้าห่มออกมาเอาแต่กระดิกขึ้นลงเป็นจังหวะนั่นก็ชวนให้เขารู้สึกรำคาญใจยังไงบอกไม่ถูก

     

    มินโฮ เสียงหวานที่ติดจะแหบแห้งเล็กๆเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงพื้นข้างเตียง

     

    มีไรอีกล่ะ ร่างสูงถามกลับอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่เช้าแล้วที่แทฮยอนเอาแต่แกล้งใช้เขาให้ทำนู่นทำนี่ให้สารพัดอย่าง ตั้งแต่เสิร์ฟข้าว เสิร์ฟน้ำ ซื้อของ ลามไปจนกวาดถูห้องยันขัดห้องน้ำ

     

    นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นคนท้อง พ่อจะจับข่มขืนซะให้เข็ด

     

    พูดเพราะๆกับฉันหน่อยไม่ได้รึไง แทฮยอนถามพลางส่งสายตาตัดพ้อมาให้ด้วยความน้อยใจ

     

    คร้าบๆ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ มินโฮรับคำอย่างไม่ได้ใส่ใจ คิดเสียว่าที่ตัวเองยอมลงให้แทฮยอน มันก็ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาลดลงไปมากมายเท่าไหร่นัก เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนป่วยแถมยังท้องอยู่อีกต่างหาก

     

    ฉันเบื่อ แทฮยอนบอกพร้อมทำหน้าเหมือนว่าเหม็นเบื่อโลกใบนี้เสียเต็มประดา

     

    แล้วจะให้ผมทำไงล่ะคร้าบ อยากจะตะโกนสวนกลับไปใจแทบขาดว่า ตรูสิเบื่อยิ่งกว่า แต่ติดก็ตรงที่ทำได้แค่คิดเท่านั้น

     

    เล่นตลกให้ดูหน่อย แทฮยอนออกคำสั่ง

     

    อย่ามาบ้าเลย แทฮยอน เห็นฉันเป็นคนอารมณ์ขันขนาดนั้นเลยรึไง มินโฮทำหน้าเบ้เป็นเชิงปฏิเสธประโยคไม่เข้าท่าของอีกฝ่าย

     

    ก็ฉันเบื่อๆๆๆๆ ได้ยินมั้ยว่าเบื่อ เบื๊อ เบื่อ เบื่อๆๆๆๆๆๆๆ เสียงแหบๆร้องโวยวาย ก่อนจะลุกขึ้นมากระทืบเท้าใส่เตียงอย่างบ้าคลั่งเหมือนเด็กเล็กๆที่ยังไม่พ้นวัยเอาแต่ใจตัวเอง

     

    หยุดเดี๋ยวนี้นะ แทฮยอน ถ้าตกลงมาจะว่าไงห๊ะ!! ด้วยเกรงว่าความประมาทเลินเล่อของอีกฝ่ายจะทำให้เกิดอันตรายไปถึงเด็กในท้อง มินโฮจึงเผลอตวาดแทฮยอนเสียงดังลั่น

     

    ฮือ นายดุฉันอีกแล้ว ฮึก ใจร้าย ฮื่อออ แทฮยอนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเตียงแล้วเริ่มสะอึกสะอื้น ทำตัวง้องแง้งงี่เง่าเอาแต่ใจได้สมกับเป็นคนท้องเสียจนมินโฮอยากมอบโล่ที่สุดของคนท้องแห่งปีให้เลยทีเดียว

     

    ตั้งแต่แทฮยอนตั้งท้อง แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคืออาการแพ้ท้อง บางครั้งก็แพ้หนักถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อจนไปเรียนไม่ได้ เป็นๆหายๆเรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันไข้ พออาการทุเลาลง แทฮยอนก็ดันทุรังจะออกไปช็อปปิ้งเสียให้ได้ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง และผลสุดท้ายก็ต้องกลับมาป่วยใหม่เหมือนเดิม กลายเป็นวงจรอุบาทว์ วนๆเวียนๆซ้ำๆซากๆไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้

     

    ทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่หัวหน้าโครงการอย่างจินอูจะคิดได้ตอนนี้ก็คือ ให้พวกเขาสี่คนผลัดกันโดดเรียนเพื่อมาเฝ้าไข้ รวมถึงเฝ้าดูพฤติกรรมหนีเที่ยวของไอ้คนไม่เจียมบอดี้ไปในตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่เพื่อใคร แต่ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของคนท้องและลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง

     

    และโชคร้ายที่วันนี้เป็นเวร(กรรม)ของมินโฮที่ต้องมาเฝ้าไข้แทฮยอน แต่โชคร้ายที่สุดในโลกยิ่งกว่าที่แทฮยอนดันอาการดีขึ้นมากจนเกือบหายสนิทแล้ว ทำให้เจ้าตัวมีแรงลุกขึ้นมากวนใจมินโฮตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ๆและก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะง่วงนอนหรือผล็อยหลับลงเพราะฤทธิ์ยาเหมือนคนป่วยทั่วๆไปเลยสักนิด

     

    แอบเอายานอนหลับใส่ให้กินท่าจะดี!!

     

    ฉันอยากออกไปช็อปปิ้ง นั่นไงประโยคยอดฮิตที่มินโฮได้ยินแล้วถึงกับกุมขมับด้วยความหนักใจ

     

    ถ้าวันนี้นายยอมอดทนอยู่เฉยๆอีกวันจนหายไข้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ออกไปเองแหละ มินโฮว่าอย่างมีเหตุผล

     

    ก็ฉันอยากไปวันนี้นี่ ร่างบางพูดอย่างเอาแต่ใจ เสื้อผ้า รองเท้า รวมถึงแอคเซสเซอรี่ต่างๆถือเป็นปัจจัยที่ห้าสำหรับนัมแทฮยอนคนนี้ ถ้าใครไม่ใช่เขาก็คงไม่เข้าใจหรอกว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่ไม่ได้ออกไปพบเจอกับสิ่งเหล่านั้นเป็นเวลานานๆ

     

    กินยาแล้วนอนซะ ร่างสูงตัดบทอย่างเอือมระอา พลางยื่นยาลดไข้กับลดน้ำมูกให้อีกฝ่ายอย่างละเม็ดพร้อมกับแก้วน้ำ

     

    ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย แทฮยอนบ่ายเบี่ยง เพราะเขาไม่ถูกโรคกับของจำพวกยาหรือโรงพยาบาลมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาป่วย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะรอให้มันหายเองมากกว่า

     

    นายบอกฉันเองว่ากินอะไรไม่ลงอยู่แล้วนี่ มินโฮว่า นึกถึงมื้อเช้าที่พอเขาเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟ อีกฝ่ายก็ดันบอกว่าแค่ได้กลิ่นก็อยากอาเจียน แล้วก็ไม่ยอมกินมันไปซะเฉยๆอย่างนั้น

     

    แต่ฉันหิวนะ แทฮยอนค้าน เพราะที่บอกว่ากินอะไรไม่ลง เขาหมายถึงเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้นที่จะออกอาการคลื่นไส้มากหน่อย ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น ถึงรู้ว่ากินเข้าไปเดี๋ยวเดียวก็อาเจียนออกมาแล้ว แต่ยังไงก็ต้องพยายามกินเข้าไปอยู่ดี ไม่งั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ...คนท้องก็คนเหมือนกันนะ

     

    นายไม่ได้หิว แต่แค่ทำตัวมากเรื่องเพราะไม่อยากกินยา ฉันรู้ มินโฮตอกกลับทันควัน จะยอมกินเองดีๆหรือจะให้ป้อน... ร่างสูงยื่นข้อเสนอพร้อมๆกับยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้อความหลังจากนั้น “ …ด้วยปาก

     

    กินๆๆ ฉันจะกิน แทฮยอนแทบกรี๊ดใส่ไอ้คนหน้าหนาตรงหน้าด้วยความขัดใจ เหตุขัดใจแรกเพราะข้อเสนอทุเรศๆนั่น ส่วนอีกเหตุผลคือ เขาหิวจริงๆแต่อีกฝ่ายดันมาหาว่าเขาโกหกซะนี่

     

    มินโฮมองคนท้องนิสัยดื้อด้านค่อยๆหย่อนเม็ดยาลงในปากด้วยท่าทางฝืนๆแล้วต้องอมยิ้มกลั้นขำ ก่อนจะรับแก้วที่อีกฝ่ายกระแทกใส่ฝ่ามือเขากลับมาด้วยรอยยิ้มกวนๆ

     

    เก่งมาก เดี๋ยวจะลงไปซื้อของอร่อยๆมาให้กินนะ มินโฮนั่งยองๆ เอามือลูบหัวคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเอ็นดู

     

    อย่ามาลามปาม ฉันเกลียดคนอย่างแกที่สุดในสามโลก แทฮยอนรีบปัดมือของร่างสูงออกเป็นพัลวันด้วยความหงุดหงิด

     

    ทำอย่างกับฉันพิศวาสนายตายงั้นแหละ มินโฮย้อนก่อนยื่นมือไปแกล้งขยี้ผมร่างบางเล่น แล้วรีบเผ่นหนีออกมาจากห้องนอนของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

     

    ก่อนออกจากห้องพักเขาก็ไม่ลืมที่จะคล้องแม่กุญแจตัวใหญ่ไว้ที่หน้าบานประตู อันเป็นนโยบายใหม่ล่าสุดของคิมจินอูที่มีไว้เพื่อป้องกันคนป่วยไม่เจียมสังขารไม่ให้หนีออกจากห้องในยามที่ไม่มีคนเฝ้า

     

    มินโฮล่ะสุดแสนจะดีใจผสมสะใจลึกๆที่เขาจะเป็นคนแรกที่มีโอกาสได้ปฏิบัติตามนโยบายนี้

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

    มินโฮยืนเลือกอาหารสำเร็จรูปอยู่ที่หน้าตู้แช่ในมินิมาร์ทใต้หอ ตาโตๆกวาดมองของที่เขาคิดว่าคนแพ้ท้องอย่างแทฮยอนจะทานเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องมีอาการอิดออดมากเรื่องตามมาให้ปวดหัวกันอีก

     

    เขาพยายามเลี่ยงของที่มีเครื่องเทศกลิ่นแรงๆหรือกระเทียมเป็นส่วนผสม เพราะรู้ดีว่านั่นจะทำให้คนท้องคลื่นไส้หนักกว่าเก่า  

     

    อันนี้กะอันนี้แล้วกัน เขาสุ่มเลือกอันที่คิดว่าน่าจะถูกปากอีกคนไปชนิดละ 2 กล่อง เผื่อตัวเองทานด้วยกล่องหนึ่ง ส่งให้พนักงานนำไปเข้าไมโครเวฟ ก่อนจะเดินไปหยิบขนมปังแซนด์วิชตรงชั้นวางมา 3 ซองเผื่อเอาไว้ทานเล่น แล้วนำทั้งหมดไปวางไว้ที่หน้าเคาท์เตอร์ชำระเงิน

     

    ว้าว เพิ่งมาทำงานใหม่เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย ไม่แปลกที่มินโฮจะรู้จักหน้าพนักงานทุกคนในร้านค้าที่อยู่ใต้หอแทฮยอน เหตุผลง่ายๆนั่นก็เพราะตัวเขาเองก็อยู่ในหอพักนี้ด้วยเหมือนกัน และก็ไม่น่าแปลกใจอะไรอีกเช่นกันที่เขาจะต้องออกปากทักทายพนักงานหญิงคนใหม่ในวันแรกของการทำงานของเธอ ก็เขามันประเภทมนุษยสัมพันธ์ดีจัด เห็นสาวไหนน่ารักก็อดที่จะเข้าไปทำความรู้จักไม่ได้นี่นา

     

    มินโฮพูดเสียงหวานพร้อมกับเท้าข้อศอกไว้กับเคาท์เตอร์ ทำเอาพนักงานสาวน้อยได้แต่ยิ้มเอียงอายขณะที่กดยิงบาร์โค้ดคิดเงินไปด้วย

     

    มินโฮ

     

    ร่างสูงหันไปหาเสียงหวานๆที่เรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะผงะจนเผลอทำศอกวืดตกจากเคาท์เตอร์ เมื่อได้เห็นชัดๆว่าคนตรงหน้าเป็นใคร

     

    จ...จีอึน อีจีอึน หรือ ไอยู ดาวคณะนิเทศศาสตร์ 4 ปีซ้อน คนที่มินโฮเพิ่งตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเธอมายังไม่ครบครึ่งปีดี มีความสัมพันธ์ฉันท์คนรัก แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นภรรยา เพราะยังไม่เคยขึ้นเตียงด้วยกัน โดยเหตุผลลึกๆในใจของเขามีเพียงหนึ่งเดียวคืออีจีอึนคนนี้เขาถูกใจมากเป็นพิเศษ เลยอยากเก็บไว้ดูนานๆ อย่างน้อยก็ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้นั่นล่ะ

     

    ทำไมต้องทำหน้าอย่างกับเห็นผีแบบนั้น จีอึนถามพลางเท้ามือเข้ากับเอวด้วยแววตาดุๆ

     

    ป..เปล่า ก็ดีใจไง ความจริงเขาตกใจเพราะไม่คิดว่าจู่ๆจะมาเจออีกฝ่ายมากกว่า

     

    ประเด็นคือ มินโฮตกลงคบกับอีกฝ่าย แต่หลายเดือนที่ผ่านมา เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการ งานกลุ่มร่วมกับแทฮยอน เลยมีเวลาให้อีกฝ่ายน้อยไปนิด... เอาจริงๆก็ไม่นิดสักเท่าไหร่ เพราะเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายก็เกือบเดือนผ่านมาแล้ว คุยโทรศัพท์กันครั้งล่าสุด ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะอาทิตย์ก่อน ทั้งหมดทั้งมวลจึงกลายเป็นที่มาของท่าทางเหวอๆของเขาในตอนแรกนั่นเอง

     

    แล้วนายหายไปไหนมาตั้งนาน โทรไปก็ไม่ค่อยรับเลยนะ จีอึนถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

     

    ฉันยุ่งอยู่ เอ่อ ยุ่งมากเลย จินอูให้ทำอะไรสารพัดไปหมด ตั้งแต่หาข้อมูลวิจัยไปจนถึงขั้นทดลองเลย หน้าที่ฉันในนั้นเยอะม้ากมาก มินโฮเล่าพร้อมกับทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยประกอบให้ดูสมจริง พลางฉุดข้อแขนเรียวให้เดินออกจากร้านสะดวกซื้อ

     

    จริงเหรอ แววตาจับผิดที่เด่นชัดออกมาในดวงตากลมโตคู่นั้น ทำเอามินโฮต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเสียวไส้ บอกไม่ได้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาเขาเอาเวลาไปทำอะไรหมด

     

    ถ้าไม่ใช่คอยจ้องหาโอกาสฉุดแทฮยอนเข้าห้องตัวเองทุกวันหลังเลิกเรียน

     

    จริงๆนะ เอ่อ.. เดี๋ยวฉันต้องรีบเอาข้าวกลางวันขึ้นไปส่งพวกนั้นด้วยเนี่ย หิวกันแย่แล้วมั้ง ฉันไปก่อนนะ มินโฮตั้งใจจะหลบฉาก เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสซักไซ้ยืดเยื้อต่อไปอีก

     

    ถ้านายจะไปตอนนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกแล้วนะ จีอึนยื่นคำขาด

     

    มินโฮชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดินออกไปในทันที ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับคนตรงหน้าไปทั้งแบบนี้

     

    งั้นเราไปหาข้าวกลางวันทานด้วยกันซักมื้อดีกว่าเนอะ มินโฮฉีกยิ้มหวาน พลางส่งมือเข้าไปประคองร่างบางให้ออกเดินตาม

     

    อือ ก็ได้ จีอึนยอมตกลง ทำเอามินโฮแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายยอมใจอ่อนคล้อยตาม แม้จะดูเหมือนยังไม่ค่อยวางใจในตัวเขานักก็เถอะ

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

    ครึ่งชั่วโมงผ่านไป แทฮยอนที่กำลังรอคอยมื้อกลางวันจากมินโฮอย่างใจจดใจจ่อก็ได้แต่นอนพลิกตัวซ้ายทีขวาทีอย่างหงุดหงิดที่ทำยังไงก็ไม่สามารถหยุดเสียงโครกครากจากกระเพาะของตัวเองได้สักที

     

    มัวไปปลูกข้าวอยู่รึไงนะ ไอ้บ้านั่น คนสวยคำรามดังลั่นอย่างโมโหหิว ถ้าเป็นเมื่อก่อน ให้ทนหิวแค่นี้ ลำพังตัวเขาเองก็คงพอทนไหวอยู่หรอก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วนี่น่ะสิ

     

    แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ด้วยอาการไข้บวกเจ็บคอจนลิ้นขมเฝื่อน ทำให้เขาแทบไม่ได้แตะอาหารเลยในมื้อเย็นวาน ส่วนเมื่อเช้านี้ก็เป็นเพราะแพ้ท้องหนักมากจึงทำให้ทานอะไรไม่ลงอีกตามเคย

     

    สรุปหลังจากมื้อเที่ยงของเมื่อวาน นอกจากน้ำย่อยแล้ว ก็ยังไม่มีสารอาหารตัวใดตกถึงกระเพาะของเขาอีกเลย

     

    แล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้ตัวเล็กในท้องมันจะเป็นยังไงบ้าง

     

    ห้านาทีถัดมาก็ถึงจุดสิ้นสุดของความอดทน แทฮยอนจัดแจงสวมเสื้อแจ็คเก็ตทับเสื้อนอนตัวบางของตัวเอง วางแผนว่าจะลงไปหาของกินใต้หอ ไม่คิดอยู่รอรับน้ำใจจากมินโฮที่เอาแต่ทำตัวเถลไถลอีกต่อไป

     

    เฮ้ย ทำไมเปิดไม่ได้วะ ใครทำอะไรกับประตูห้องฉัน แทฮยอนโวยวายเกรี้ยวกราดใส่บานประตูที่มีแม่กุญแจคล้องเอาไว้ด้านนอก ทั้งที่เจ้าของห้องยังยืนหัวโด่อยู่ในห้องแบบนี้  ไอ้มินโฮ แกแน่ๆ ไอ้เชี่ยยยย

     

    พอคาดเดาต้นสายปลายเหตุได้ มือบางจึงไม่รอช้ารีบหยิบมือถือขึ้นมาไล่หาเบอร์ไอ้ตัวการที่ทำเรื่องชั่วๆทิ้งไว้กับเขาทันที รอไม่นานนักปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงกลับมา

     

    ฉันยุ่งๆอยู่นิดหน่อย เดี๋ยวโทรกลับนะ มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงขอความเห็นใจจากแทฮยอนอยู่ในที รู้ดีว่าตัวเองทำไม่ถูกที่ละเลยอีกฝ่าย ไม่ยอมเอาอาหารขึ้นไปส่งให้ทั้งที่เลยมื้อกลางวันมาพักใหญ่แล้ว แต่ทางจีอึนเองก็สำคัญกับชีวิตของเขาไม่น้อยไปกว่ากัน เขาจึงจำเป็นต้องตัดบทฝ่ายแทฮยอนไปก่อน

     

    ไอ้มินโฮ แกคิดจะขังฉันหรือไง กลับมาเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ แทฮยอนตวาดกลับทันทีอย่างไม่คิดสนใจจะรับรู้ความยุ่งเหยิงในชีวิตของอีกฝ่ายแม้สักนิด รู้อยู่อย่างเดียวว่าตอนนี้เขากำลังหิวจนแทบจะกินหัวไอ้คนที่อยู่ปลายสายได้อยู่แล้ว

     

    ไม่มีทาง มินโฮปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะเข้าใจว่าแทฮยอนแค่ต้องการจะออกไปช็อปปิ้งอย่างครั้งที่แล้วๆมา หารู้ไม่ว่านั่นถือเป็นการใส่ความอีกฝ่ายอย่างรุนแรงที่สุด

     

    ฉันหิว ถ้าแกไม่เปิดประตูให้ฉัน ฉันจะออกไปหาอะไรกินได้ยังไง แทฮยอนถามกลับอย่างต้องการหาคำตอบจริงจัง

     

    ก็ไม่ต้องออก ในห้อง ฉันเห็นมีบะหมี่อยู่ นายกินอันนั้นรอฉันไปก่อน มินโฮพูดอย่างเห็นว่านั่นคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอีกฝ่ายและตัวเขาเองที่กำลังมีภารกิจติดพันในตอนนี้

     

    ฉันไม่กินบะหมี่!! แทฮยอนค้านกลับอย่างทันท่วงที ทำเอามินโฮชักรู้สึกหงุดหงิดกับน้ำเสียงวีนๆของไอ้ตัวเหวี่ยงเจ้าประจำ

     

    แค่กินรองท้องไปก่อน อย่าเรื่องมากน่า เดี๋ยวฉันเอาข้าวตามไปให้ทีหลัง เพราะตอนนี้ฉันติดธุระอยู่

     

    ฉันกินบะหมี่ไม่ได้!! ” แทฮยอนเรียบเรียงประโยคเสียใหม่อย่างหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจ  

     

    อย่าเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ได้มั้ย นายไม่รู้หรอกว่าคนอื่นๆเขาเอือมระอากับความเอาแต่ใจของนายมากแค่ไหน ไม่ได้เป็นอย่างที่แทฮยอนหวัง เพราะนอกจากมินโฮจะไม่เห็นใจแล้วยังตวาดเขากลับมาให้เจ็บกระดองใจเล่นอีกต่างหาก

     

    ฉันไม่ได้เอาแต่ใจ ฉันแค่บอกว่าฉันกินบะหมี่ไม่ได้ ทำให้ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรจะกิน นายก็แค่มาเปิดประตูให้ฉันไปหาอาหารอย่างอื่น ส่วนหลังจากนั้นนายจะไปไหน มันก็เรื่องของนาย แทฮยอนบอกมินโฮอย่างใจเย็น พยายามไม่โกรธคำพูดแดกดันของอีกฝ่าย

     

    ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ว่างไง!!! แต่ถ้านายไม่กินบะหมี่ ก็เชิญหิวตายได้ตามสบาย เพราะฉันเองก็ไม่คิดจะตามใจคนที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างนายเหมือนกัน มินโฮพูดออกไปแบบนั้น เพราะเชื่อสนิทใจไปแล้วว่า แทฮยอนแค่พยายามหาเหตุผลร้อยแปดมาทำให้เขาคล้อยตาม เพื่อที่ตัวเองจะได้ออกไปช็อปปิ้งอย่างที่ต้องการ ไอ้ที่บอกว่ากินบะหมี่ไม่ได้น่ะ มันก็แค่ข้ออ้าง

     

    ไม่มีคนบ้าที่ไหนจะกินบะหมี่ไม่ได้ ต่อให้เป็นลูกคุณหนูไฮโซขนาดไหนก็เถอะ แค่บะหมี่ก็คงทำกินเองได้อยู่หรอกน่า เชื่อเขาสิ!!

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

    หลังจากถูกตัดสายพร้อมปิดเครื่องหนี แทฮยอนก็พาลเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือทิ้งลงกับเตียงด้วยความเดือดดาล หงุดหงิดจนแทบบ้าที่โดนอีกฝ่ายขังเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ทั้งที่หิวจนไส้แทบขาด น้ำย่อยที่ไม่มีอาหารอะไรให้ย่อยเริ่มทำหันมาทำหน้าที่ย่อยกระเพาะของเขาแทนเสียจนเจ็บแสบไปหมด หลังจากนั้นอาการคลื่นไส้ก็ตามมาติดๆ แต่ก็เป็นแค่การสำรอกเอาน้ำย่อยออกมาเท่านั้น

     

    ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ได้แต่รอความหวังจากมินโฮ รู้แต่ว่าเขาอาเจียนน้ำย่อยออกมาจนแสบปากแสบคอไปหมดแล้ว หัวก็เกิดหนักๆขึ้นมาเหมือนไข้จะกลับ สติที่เริ่มครองเอาไว้ไม่อยู่ส่งผลให้เขาต้องรีบพาตัวเองไปถึงเตียงให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะหมดลงในไม่ช้า

     

    ถ้าเขาหมดสติไปเลยจริงๆก็คงจะดีกว่านี้ แต่ที่มันไม่เป็นอย่างนั้นก็เพราะท้องที่เอาแต่ร้องประท้วง กับน้ำย่อยที่ทำงานได้ดีเกินไปนั่นแหละที่คอยฉุดรั้งสติของเขาให้ตื่นตัวเพื่อมารับรู้ความทรมานจากอาการปวดท้องจี๊ดๆอยู่ตลอดเวลา

     

    แทฮยอนนอนกุมท้องน้อยของตัวเองแน่น น้ำตาไหลพรากอย่างทรมาน ไม่ใช่ความผิดของเขาสักนิดที่เขากินบะหมี่ไม่ได้ ...กินไม่ได้ แปลว่ากินไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่อาการดัดจริตทำเป็นไม่ชอบบริโภคของถูก หรืออยากจะเอาแต่ใจอะไร แต่พนันได้เลยว่ามินโฮต้องคิดแบบนั้นแน่นอน ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่...

     

    ความจริงเขาก็แค่แพ้ผงชูรสที่อยู่ในบะหมี่ก็เท่านั้น

     

    แต่ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งนั่นก็ไม่เคยเข้าใจ ไม่แม้แต่จะไถ่ถามหาเหตุผล แต่กลับตีความไปเองตามทิฐิที่มีอยู่ในใจ

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

    นัมจ๋า โน่มาแล้วจ่ะ ไม่เอาๆ เก่าเกิ๊น เปลี่ยนเพลงดีกว่า นัมอยู่ไหน เค้าอยู่นี่ ที่รักจ๋า~ เก่ากว่าเดิมอีกนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ มินโฮหัวเราะกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี เพราะในที่สุดเขาก็ทำให้จีอึนผู้น่ารักกลับมานอนแน่นิ่ง สยบอยู่ในกำมือได้อีกครั้งโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจสงสัยในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย คุ้มค่าแก่การเสียเวลาทั้งไปกินข้าว ดูหนังและนั่งง้อ รวมเบ็ดเสร็จ 3 ชั่วโมงครึ่งจริงๆ

     

    ร่าเริงได้สักพักก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆภายในห้อง ปกติถ้าประตูห้องนอนเปิดแง้มเอาไว้จะต้องได้ยินเสียง TV ดังเล็ดลอดออกมาเสมอ เพราะคนขี้กลัวอย่างแทฮยอนไม่มีทางอยู่คนเดียวในความเงียบได้ แต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเลยสักนิด นอกเสียจากเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

     

    พอเดินมาถึงห้องนอน มินโฮถึงได้รู้ว่านอกจากห้องจะเงียบจนเข้าขั้นสงัดแล้ว เจ้าของห้องยังไม่คิดจะเปิดไฟอีกต่างหาก ทั้งที่ตอนนี้ก็ล่วงเข้าสู่ช่วงเย็นแล้ว ท้องฟ้าภายนอกจึงครึ้มลงไปถนัดตา ปกติคนนิสัยแบบแทฮยอนจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองต้องตกอยู่ภายใต้บรรยากาศขมุกขมัวมืดสลัวแบบนี้เป็นอันขาด

     

    เมื่อลงความเห็นกับตัวเองได้ว่ามีอะไรที่ผิดสังเกตมากไป มินโฮก็อดเป็นกังวลถึงอีกคนขึ้นมาไม่ได้ ความเป็นห่วงจึงกลายเป็นแรงผลักดันให้ช่วงขายาวรีบถีบตัวเองให้ไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็วที่สุด และในทันทีที่เขาเห็นร่างบางได้ชัดเจน ตาคมก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจกับสภาพอันย่ำแย่ของคนตรงหน้า

     

    แทฮยอนนอนตัวเกร็งจนสั่นไปทั้งร่างพร้อมกับใช้มือเรียวจิกเข้ากับหน้าท้องตัวเองเอาไว้แน่นเสียจนเล็บที่เคยมีสีอมชมพูกลับกลายเป็นสีซีด คิ้วตกๆขมวดเข้าหากันเหมือนกับพยายามระงับความเจ็บปวด ริมฝีปากบางขบเข้ากับฟันจนเลือดไหลซิบซึมติดลงไปบนหมอน ผ้าขนหนูสีขาวในมืออีกข้างก็เฉอะแฉะไปด้วยของเหลวที่เขาคาดว่าจะเป็นน้ำย่อยที่ถูกสำรอกออกมาของเจ้าตัว

     

    มินโฮไม่รู้ว่าแทฮยอนเป็นอะไรกันแน่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เห็นทำให้เขารับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังทรมานมากแค่ไหน

     

    แล้วในขณะที่คนตรงหน้ากำลังต่อสู้กับความทรมานที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง เขาเอาเวลาไปทำอะไรอยู่!?!

     

    ท...แทฮยอน มินโฮครางเรียกชื่อของอีกฝ่ายเสียงแหบแห้งเหมือนว่าเขาจะยังหาเส้นเสียงของตัวเองไม่เจอ ก่อนที่ร่างสูงๆจะทรุดนั่งลงข้างเตียงด้วยความรู้สึกผิด

     

    ...อืม... แทฮยอนลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกอย่างสะลึมสะลือ ทำให้มินโฮได้เห็นดวงตาแดงก่ำของร่างบางที่ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วงมาอย่างแน่นอน

     

    นายปวดท้องมากเลยเหรอ ร่างสูงถามอย่างรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ

     

     อื้อ... ร่างบางพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะพริ้มตาหลับลงไปอีกรอบอย่างอ่อนแรง ขณะที่หางตายังคงมีน้ำใสๆไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา

     

    กินยารึยัง มินโฮถาม

     

    แล้ว แทฮยอนตอบสั้นห้วน ไม่รู้มินโฮจะเข้าใจไปว่าเขาแกล้งทำเป็นกวนตีนใส่หรือเปล่า ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น เพราะตอนนี้ร่างกายอ่อนล้าของเขากำลังจะหมดแรงลง ด้วยสติที่มีอยู่เลือนลางนี้ แค่ฟังคำถามของอีกฝ่ายรู้เรื่องนั่นก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว

     

    ฉันว่าฉันควรพานายไปหาหมอ มินโฮบอก เพราะเมื่อประเมินจากสถานการณ์ตรงหน้าดูแล้ว แทฮยอนคงอาการหนักเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว

     

    ไม่!! แทฮยอนรีบปฏิเสธ

     

    นายจะมามัวมาอิดออด ทำตัวเอาแต่ใจอย่างนี้ไม่ได้นะ!! ไม่คิดถึงตัวเอง ก็ควรคิดถึงคนอื่นบ้าง ในตัวนายยังมีผลงานของพวกเราอยู่ อย่าลืมความจริงข้อนี้สิ มินโฮอดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่าไม่ออกมาจากปากของอีกฝ่าย เพราะนั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่รู้จักโตของแทฮยอน ซึ่งนับเป็นนิสัยที่เขารับไม่ได้สุดๆจนเข้าขั้นรังเกียจเลยทีเดียว

     

    จินอูบอกให้คนอื่นอึกรู้ไม่ได้ว่าท้องอึก แทฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆเพราะน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง ..หมอก็เป็น..คนอื่น

     

    เหรอ เสมือนมีก้อนแห่งความรู้สึกผิดแล่นจากอกขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอยจนทำเอามินโฮพูดอะไรไม่ออก เมื่อครู่เขาไม่น่าใส่อารมณ์กับอีกฝ่ายเลย ทั้งที่แทฮยอนคิดเพื่อกลุ่มของพวกเราขนาดนี้แท้ๆ แต่เขากลับพูดแย่ๆแบบนั้นออกไป

     

    แค่กแหวะ..แค่กๆ… ” แทฮยอนอาเจียนลงบนผ้าขนหนูที่ถือรองไว้ที่ปาก สิ่งที่ออกมาจากท้องว่างๆของเขาก็ยังคงมีแต่น้ำย่อยเหมือนเดิม

     

    นายได้กินมื้อกลางวันรึยัง มินโฮโพล่งถามออกไปอย่างอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นอาการผิดปกติของอีกฝ่าย

     

    ฉันกินบะหมี่ไม่ได้ แทฮยอนตอบเป็นประโยคซ้ำแบบเดิมเด๊ะๆ

                         

    ทำไม? มันไม่ได้เป็นความหงุดหงิดอีกต่อไปแล้ว เพราะจากบทเรียนที่ผ่านมาทำให้มินโฮรู้สึกอยากรู้สาเหตุอย่างจริงจัง เขาคิดว่าบางทีเขาน่าจะลองลดอคติที่มีในใจลง แล้วมองแทฮยอนในแง่มุมที่ต่างออกไปดูบ้าง

     

    ฉันแพ้ผงชูรส

     

    เหตุผลแสนง่ายดายแต่ทำเอามินโฮรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าลงกลางใจจังๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะรู้สึกผิดกับใครสักคนขนาดนี้ ...ใครสักคนที่โดนเขาละเลย โดนเขากล่าวหา โดนเขาต่อว่า โดนเขาเข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    ใครสักคนที่ว่าที่นอนซมอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งที่เป็นคนท้องรวมถึงเป็นคนป่วย ตามจริงเขาควรจะเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่กลับปล่อยปละละเลย ขังเอาไว้ในห้องราวกับเป็นนักโทษ ทิ้งให้อดอาหาร ไม่ฟังเหตุผล เอาแต่ถือทิฐิ ยึดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่

     

    ผลสุดท้ายก็เหมือนกรรมตามทัน คนที่เจ็บหนักสุดไม่ใช่แทฮยอนที่กำลังป่วย แต่กลับกลายเป็นเขาต่างหากที่ทำได้แค่นั่งมองอาการของคนตรงหน้าด้วยความปวดใจ

     

    แทฮยอน ฉันขอโทษ รู้สึกได้ว่าตอนพูดเขาเผลอทำน้ำตาไหลออกมาด้วย ถ้ารู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาจะไม่เลือกจีอึนตั้งแต่แรก สามสี่ชั่วโมงที่เสียไปกับเธอ มันไม่คุ้มค่ากันเลยที่จะเอามาแลกกับความทรมานของแทฮยอนแบบนี้

     

    ไม่เป็นไร แทฮยอนบอกก่อนเว้นวรรคชั่วอึดใจ ฉันก็แค่ ..ไม่ได้กินอะไรเลย  ..อึกตั้งแต่มื้อเที่ยง...ม...เมื่อวาน

     

    สาบานได้ว่านั่นคือ ไม่เป็นไร ของอีกฝ่าย แต่มินโฮกลับรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำให้จมอยู่กับรู้สึกผิดหนักลงไปกว่าเดิมเสียอีก ใช่เลย!! เขาเองก็รู้ดีว่านั่นล่ะเป็นเจตนาของแทฮยอน

     

    แววตาดุๆที่ส่งมาถึงแม้จะสะลึมสะลือไปบ้างแต่เขาก็สามารถตีความได้ในทันทีว่ามันแฝงนัยยะสำคัญแบบไหนเอาไว้บ้าง

     

    ถ้าไม่ใช่ แกต้องชดใช้ให้ฉันด้วยล่ะก็คงจะเป็นประมาณ รู้สึกผิดไปจนตายซะเถอะ ไอ้ซงมินโฮ มันต้องเป็นอะไรแบบนั้นแน่ๆ

     

    แล้วเขาจะทำยังไงดี... รู้สึกผิดที่สุดในชีวิต รู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกผิดจังๆ รู้สึดผิดโครตๆแล้วนะว้อย ฮื่อ เครียด ขอยาลดความดันให้มินโฮซักแผงเถอะ!!!

     

    TBC

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ แท็ก แชร์ ทุกอย่างเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจชั้นดีเลย
    ตอนนี้ดราม่าไปหน่อยเนอะ แต่อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันน้า เพราะตอนหน้าก็คลี่คลายแล้ว ฟิคเรื่องนี้เครียดได้ไม่นานหรอกค่ะ อย่าไปกลัวๆ

    แล้วก็อย่าทิ้งกันไปน้า 


    #นัมแทท้อง

     

     

     

     

     

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×