คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : -Chapter 13-
Male Pregnant
-Chapter 13-
คิมจินอูกำลังนั่งอยู่ในคลินิกที่มีป้ายด้านหน้าตัวโตๆว่า ‘ คลินิกทำแท้งเถื่อน ’ ด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นั่งซึมซับบรรยากาศขมุกขมัวชวนวังเวงได้ครู่หนึ่ง หูเจ้ากรรมก็พลันแว่วยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาวจากภายในห้องตรวจ ทำเอาเขาอยากลุกกลับบ้านเสียเดี๋ยวนั้น
ถ้าไม่ใช่ว่ามีธุระกับเจ้าของคลินิก ให้ตายเขาก็ไม่มีทางมานั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่ที่นี่หรอก
จินอูรู้มาว่าแทฮยอนไปหกล้มมาเมื่อวันก่อน อันที่จริงแค่หกล้มคงไม่ทำให้เจ้าตัวเป็นอะไรมากมายนักหรอก แต่กับเด็กในท้องนั้นเขาไม่อาจแน่ใจได้เลย วันนี้พอมีเวลาว่างนิดหน่อย เขาจึงแวะเข้ามาปรึกษาซึงฮยอนที่คลินิก เพราะอยากขอให้รุ่นพี่ช่วยอัลตร้าซาวด์แทฮยอนดูสักครั้ง
เสียงบานประตูลั่นเอี๊ยดอ๊าด เรียกจินอูให้ออกจากภวังค์ความคิดได้เป็นอย่างดี ใครบางคนเพิ่งเดินออกจากห้องตรวจ รองเท้านักเรียนหญิงสีดำขลับสะดุดสายตาเขาเป็นอย่างแรก เด็กสาวที่อยู่ในเสื้อโค้ทสีเทา พร้อมผ้าปิดปากและแว่นกันแดดเดินดุ่มๆผ่านหน้าเขาไปด้วยอาการสั่นเทา เธอหันมองเขาเล็กน้อยอย่างหวาดระแวง ก่อนจะสาวเท้าออกจากคลินิกให้เร็วขึ้น
จินอูรู้สึกหดหู่กับภาพที่เห็น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเด็กสาววัยเรียนคนดังกล่าวมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ในเมื่อที่นี่คือคลินิกทำแท้งเถื่อน คงมีไม่กี่อย่างที่คลินิกแห่งนี้จะทำให้คนไข้ได้
สงสารก็แต่เด็กในท้องที่ไม่มีความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง… ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ลืมตาดูโลก!
อาจตอบได้ยากว่ามันเป็นความผิดของใคร แม่ใจยักษ์ หรือว่าพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบ หรือควรโทษสถาบันครอบครัว หรือไม่ก็การศึกษา หากมองภาพกว้างอาจต้องโทษสภาวะบีบคั้นของสังคมเกาหลีที่รับไม่ได้ที่เด็กท้องก่อนวัยอันควร หรือหากจะมองให้ใกล้กว่านั้น คงต้องโทษคลินิกทำแท้งเถื่อน…
“ อ้าว จินอูมาแล้วเหรอ ” ซึงฮยอนทักทายด้วยสีหน้าสดใส ตรงข้ามกับจิตใจของจินอูตอนนี้ราวฟ้ากับเหว
“ …………… ” จินอูเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่มีแก่ใจจะตอบคำถามหรือแม้แต่จะยิ้มแย้มทักทายอย่างทุกที เสมือนว่าจู่ๆสมองก็สูญเสียการสั่งการไปเสียเฉยๆ ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่า ‘รังเกียจ’
ก็นี่ไง! เจ้าของคลินิกทำแท้งเถื่อน คนที่ลงมือฆ่าทารกผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มานับไม่ถ้วน!!
“ เอ่อ ทำไมทำหน้าน่ากลัวอย่างนั้น… ”
“ ผมกลับก่อนล่ะ! ” จินอูโพล่งออกมา ก่อนฉวยกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า เขาอยากออกจากที่นี่ไวๆ เพราะไม่อยากทนเห็นหน้า ‘ฆาตกรใจเหี้ยม’ นานกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้เขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนๆนี้อีกเลย
แล้วมันเป็นไปได้ไหม!?!
คำถามนี้เคยผุดขึ้นในสมองของจินอูบ่อยครั้งในช่วงแรกๆ แต่เพราะการมีอยู่ของซึงฮยอนนับเป็นความจำเป็นลำดับต้นๆของโครงการ ผนวกกับที่โดนอีกฝ่ายแบล็กเมล์ ทำให้เขาต้องทำเป็นลืมๆความคิดนั้นไป หากตอนนี้ประโยคนั้นมันกลับวกเข้ามาในความคิดของเขาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“ ผมจะขอยุติความช่วยเหลือทุกอย่างจากพี่ ” จินอูป่าวประกาศเจตนารมย์ออกไปอย่างไม่ลังเล
“ เฮ่ มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันสิจินอู ” ซึงฮยอนว่าพลางรั้งข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้
“ อย่าเอามือเปื้อนเลือดของพี่มาจับผม! ” จินอูสะบัดแขนทิ้งอย่างแรงจนซึงฮยอนหน้าเสีย แต่พอเขาเดินหนี อีกฝ่ายก็คอยเดินตามดักหน้าดักหลังอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมให้ออกจากที่นี่สักที จนสุดท้ายเลยจบลงที่การกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้รอคิวของคนไข้อย่างเดิม
“ โอเคๆ… ฉันรู้… ฉันเข้าใจแล้ว เอาล่ะ ฉันจะไม่จับนาย ” ซึงฮยอนยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวแล้วว่า “ แต่รบกวนฟังกันก่อน ”
“ ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรจากพี่นี่ ”
“ นายบอกว่ามือพี่เปื้อนเลือด แปลว่านายเข้าใจว่าพี่ทำแท้งให้เด็กผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย ”
“ อือ ” จินอูก็รู้หรอกว่าเขากำลังทำตัวเสียมรรยาทกับคนอายุมากกว่าด้วยการพูดจาห้วนๆ แถมยังไม่มองหน้าเวลาพูดอีกต่างหาก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก็คนมันโมโหจนไม่มีอารมณ์จะมาสุภาพอะไรแล้ว
“ นายคงเกลียดมันสินะ อาชีพแบบนี้ ” ซึงฮยอนถาม จินอูก็พยักหน้าให้ แต่ยังไม่ยอมหันกลับมามองหน้ากันเหมือนเดิม เขาจึงพูดต่อ “ งั้นก็อย่าเกลียดพี่เลย เพราะตั้งแต่เปิดคลินิกนี้มา พี่ยังไม่เคยทำแท้งให้ใครเลยนะ ”
“ เปิดคลินิกทำแท้ง แต่ไม่เคยทำแท้ง ตลกมากมั้ย!?! ” คราวนี้จินอูหันมาสบตาถามซึงฮยอนด้วยสีหน้าเคืองจัด เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเอาเรื่องที่เขาไม่ขำด้วยมาล้อเล่น
“ พี่เปิดคลินิกนี้เอาไว้ดักคนที่คิดจะทำแท้งน่ะ ส่วนชื่อคลินิกก็แค่ตั้งให้โจ่งแจ้งเข้าไว้เพื่อจะได้ดึงคนเข้ามาปรึกษาเยอะๆไง ไม่ได้ใช้สำหรับทำแท้ง แต่เพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจไม่ทำแท้งต่างหาก อย่างเด็กผู้หญิงคนที่เดินออกไปก่อนหน้านี้ เห็นมั้ยว่าเธอเดินคล่องปรื๋อเลย คนทำแท้งมาไม่มีทางเดินเร็วๆแบบนั้นได้หรอก ” ซึงฮยอนได้โอกาสก็รีบอธิบายรัวๆ เพราะไม่อยากให้คนที่รักเข้าใจในตัวเขาผิดไปมากกว่านี้แล้ว
“ พี่พูดจริงเหรอ ” จินอูถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันมีด้วยเหรอคนที่เปิดคลินิกทำแท้ง เพื่อให้คำปรึกษากับคนที่ต้องการทำแท้ง พร้อมกับโน้มน้าวให้กลับใจ คลินิกทำแท้งที่ไม่มีลูกค้ามาทำแท้ง แล้วตัวเองจะได้อะไร!?!
“ อื้ม นายคงสงสัยใช่มั้ยว่าทำแบบนี้แล้วพี่ได้อะไร ” พอเห็นอีกคนพยักหน้า ซึงฮยอนจึงพูดต่อ “ คือมันก็ไม่ได้อะไรที่เป็นรูปธรรมกลับมาหรอก แต่มันดีกับใจน่ะ เวลาที่ได้ช่วยเหลือใครสักคน ”
“ อ่า งั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจผิด ” จินอูทำหน้าเหยเกอย่างรู้สึกละอายใจ ยอมรับว่าอึ้งมากเมื่อได้เห็นตัวตนอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนของรุ่นพี่คนสนิทคนนี้
“ ไม่เป็นไรหรอก แค่จินอูเข้าใจ พี่ก็ดีใจแล้ว ” ซึงฮยอนพูดยิ้มๆพลางยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากออก
จินอูยิ้มรับ พลางลอบมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับอย่างชื่นชม
พี่ท็อปหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ทำไมจินอูไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“ ว่าแต่เรามีอะไรให้พี่ช่วยนะ ” ร่างสูงถามถึงธุระของอีกฝ่าย
“ คือวันก่อนแทฮยอนมันซุ่มซ่าม เดินไปหกล้มหน้าห้างมาน่ะครับ ผมเป็นห่วงไอ้ตัวเล็กในท้อง ไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนรึเปล่า เลยอยากขอให้พี่ช่วยอัลตร้าซาวด์ดูให้ทีน่ะครับ ” จินอูปรับสีหน้าเป็นโหมดซีเรียส ตอนที่เขารู้ความจริงจากปากของแทฮยอน เขาแทบกระโดดบีบคอมินโฮ ไม่รู้ดูแลกันยังไง ถึงปล่อยให้คนท้องไปเดินดุ่มๆคนเดียวจนได้แผลเหวอะหวะกลับมาขนาดนั้น
“ อ่อ ได้สิ พรุ่งนี้เข้ามาที่โรงพยาบาลได้เลย สะดวกตอนไหนก็มา อย่าเครียดๆ เด็กไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อพี่ ” คุณหมอซึงฮยอนว่าด้วยท่าทีสบายๆ พลางคว้าหลังมือของอีกคนที่วางอยู่บนหน้าตักขึ้นมาแตะจูบเบาๆก่อนจะวางประกบลงกับฝ่ามือใหญ่แล้วกุมเอาไว้หลวมๆบนตักของตัวเองอย่างต้องการสร้างกำลังใจ
การกระทำง่ายๆแต่เล่นเอาจินอูเบิกตาค้าง ปกติเขาคงรีบชักมือหนีด้วยอารมณ์หวงเนื้อหวงตัว แต่ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกอยากจะทำอย่างนั้นเลยสักนิด
ก็มันรู้สึกดีนี่นา...
แต่ก่อนก็ไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไร แต่ตอนนี้จินอูกลับรับรู้ถึงความรักของซึงฮยอนได้อย่างเต็มเปี่ยม
พี่ท็อปคือดี... คือพ่อพระมาก สิ่งที่พี่เขาทำโครตน่านับถือ แล้วที่สำคัญคือพี่เขาหล่อมากด้วย จินอูโครตแพ้คนแบบนี้เลย ให้ตายเถอะจีวอน!
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แทฮยอนมีมินโฮคอยพยุงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ย่างเท้าออกจากห้อง ขึ้นและลงจากรถ จวบจนถึงเตียงอัลตร้าซาวด์เรียบร้อย อีกคนก็ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเขาไม่ยอมห่าง
เดินวนไปเวียนมา เอาน้ำมาป้อนบ้างล่ะ เดี๋ยวๆก็หยิบทิชชู่มาซับเหงื่อบนหน้าผากให้เขาบ้างล่ะ แป๊บๆก็ฉวยฝ่ามือเขาไปบีบเล่นบ้างล่ะ อยู่ไม่สุขเลยจริงๆ ไม่รู้คนหรือลิง!?!
“ นั่งซะทีเถอะ! ฉันเวียนหัว ” แทฮยอนถึงกับออกปาก ก็รู้หรอกว่ามินโฮกังวลมากแค่ไหน ตั้งแต่ที่เขาเล่าให้ฟังว่าไปหกล้มหน้าห้างมาเมื่อวันก่อน อีกฝ่ายก็แทบจะเดินประกบตลอดเวลา เพราะกลัวว่าเขาจะล้มไปอีกรอบ ทั้งที่อธิบายจนปากจะฉีกแล้วว่าปกติเขาไม่ใช่คนซุ่มซ่าม แค่ก่อนหน้านี้ป่วย จึงไม่ค่อยได้ลุกไปไหน ระหว่างนั้นท้องก็โตขึ้น พอกลับมาใช้ขาอีกทีก็เลยคะเนน้ำหนักไม่ถูก แถมยังสำทับว่าหลังจากนี้จะเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าเดิม แต่หมอนี่ก็ยังไม่ยอมวางใจสักที
“ ครับ นั่งแล้ว ” มินโฮยอมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างว่าง่าย หลังจากได้ยินว่าตัวเองทำให้อีกฝ่ายเวียนหัว
ซึงฮยอนอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางหงอๆของมินโฮ เขาลงมือทาเจลลงบนหน้าท้องนูนๆของแทฮยอน ก่อนจะทาบหัวตรวจบนท้องกลมแล้วเลื่อนไปมาอย่างชำนาญ พลางชี้ชวนให้ทุกคนดูภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“ นี่ๆ หัวใจเจ้าตัวเล็กอยู่ตรงนี้ไง ส่วนตรงนี้… ว้าว! เป็นเด็กผู้ชายล่ะทุกคน ”
ผู้ร่วมวิจัยต่างร้องโอ้โห เมื่อเห็นภาพของทารกในครรภ์ ตัวแปรสำคัญในโครงการที่ตัวเองมีส่วนร่วมกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจเข้าออกของร่างบางที่นอนราบอยู่บนเตียงแบบชัดๆ
ตัวอ่อนตัวน้อยนอนขดตัวกลม พร้อมกับดูดนิ้วตัวเองไปด้วย ดูน่ารักราวกับเทวดาในสายตาของมินโฮ เจ้าตัวเล็กทำเขายิ้มค้างด้วยความรู้สึกเต็มตื้น ร่างสูงฉวยฝ่ามือของร่างบางมากุมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างมีความสุข
แทฮยอนไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้มินโฮกุมมือตัวเองไป เพราะเขาเองก็กำลังตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็นในหน้าจออยู่เหมือนกัน ที่ผ่านมาก็รู้แหละว่ามีอีกชีวิตอยู่ในร่างกายของตัวเอง แต่พอมาเห็นกับตาแบบนี้แล้ว เขาถึงได้รู้ว่ามันมหัศจรรย์มาก!
ร่างบางนึกไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตเล็กๆในท้องของตัวเองจะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ตัวโตๆเกือบทุกประการ แต่เป็นตัวใสๆ ใสมากจนเห็นหัวใจเต้นตุบๆ เห็นตับไต และอวัยวะภายใน มีศีรษะกลมโต แขน ขา นิ้วมือครบถ้วน แถมยังดูดนิ้วตัวเองกับหาวไปพร้อมกันได้อีกต่างหาก ลูกเขานี่สุดยอดไปเลย!!
“ ฮึกๆ ”
“ อ้าวๆ ขุ่นแม่ ร้องไห้ซะแล้วเหวย ” จีวอนเอ่ยอย่างรู้สึกขบขันกับภาพตรงหน้า และยิ่งตลกมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นมินโฮพยายามหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาให้แทฮยอนทั้งที่ตัวเองก็กำลังน้ำตาไหลพรากอยู่เหมือนกัน
“ น่ารักจังเลย ผมอยากมีแบบนี้บ้างอะพี่จีวอน ” ฮันบินมองหน้าจอตาปริบๆพลางรบเร้าคนรักเสียงอ้อน
“ เอาไว้ก่อนนะครับ เรียนให้จบก่อน ” จีวอนยกมือขึ้นลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกหนักใจกับสายตาคาดหวังของเด็กน้อย เพราะเขาไม่อยากให้น้องหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้มากเกินไปนัก
“ พี่ก็อยากมีเหมือนกัน จินอูเรียนจบแล้วต้องมีให้พี่นะ ”
“ เอ่อ แต่ผมเป็นหมัน! ” จินอูหยิบข้ออ้างที่เคยใช้ได้ผลกับแทฮยอนขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วใช้มันซ้ำอีกครั้งกับซึงฮยอน พลางบ่นฮับบินในใจว่าไม่น่าเปิดประเด็นขึ้นมาเลย
“ ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ใช้สเปิร์มพี่ไง ไม่ต้องใช้ของจินอูซะหน่อย ” คุณหมอซึงฮยอนวางมือจากหัวตรวจก่อนจะเปลี่ยนมากุมมือคนที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าเครียด พลางก้มลงสบตาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ เอิ่ม อ… อืมม ครับ อ... เอาไว้จะมีให้ครับ ” จินอูมองใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่ที่รักแล้วได้แต่อึกอัก อยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่พอได้เห็นความจริงใจในสายตาของอีกฝ่ายแล้วเขาก็พูดไม่ออก
แหม แต่อย่าว่างั้นงี้เลย อาทิตย์หน้าก็สอบปลายภาค นับๆดูแล้ว เรียนจบของเขาที่พี่ท็อปว่านี่มันก็แค่อีกสองอาทิตย์เองนะ ต่างกับเรียนจบของฮันบินคนละเรื่องเลยเถอะ!
“ เลิกร้องได้แล้วน่า ” แทฮยอนที่หยุดน้ำตาของตัวเองได้แล้วบอกมินโฮที่ยังปล่อยโฮไม่เลิกจนเขาเริ่มรู้สึกอายแทน
“ ฮึก.. ก็มันโล่งอกนี่ รู้มั้ยฉันนอนไม่หลับมาหลายคืน เพราะเป็นห่วงนายกับลูก ล้มไปขนาดนั้นก็กลัวจะเป็นอะไรไป พอรู้ว่าแข็งแรงดีทั้งแม่ทั้งลูก ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย ” มินโฮพูดเสียงกระปอดกระแปดอย่างน้อยใจที่อีกคนดูจะไม่ซาบซึ้งกับความห่วงใยของเขาเลยสักนิด
“ ต…แต่ฉันก็บอกไปหลายรอบแล้วนี่ว่าโอเคดี ท้องก็ท้องฉัน ถ้ามันเจ็บหรือเป็นอะไร ฉันก็ต้องรู้ดีกว่าใครสิ ” แทฮยอนหน้าขึ้นสี พักนี้ไม่รู้เป็นไง พอได้ยินคีย์เวิร์ดประเภท ‘แม่ของลูก’ จากปากของร่างสูงทีไร ก็เป็นต้องรู้สึกเขินหนักทุกที
“ งั้นสัญญานะ ต่อไปนี้ถ้านายเจ็บ ต้องบอกฉันเป็นคนแรก ” ร่างสูงบอกพลางยื่นนิ้วก้อยไปหาร่างบาง
“ อื้อ ก็ได้ ” แทฮยอนตกปากรับคำ พร้อมกับใช้นิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของอีกคนอย่างเสียไม่ได้
“ ฉันเองก็จะให้คำสัญญาเหมือนกันว่าจะรักและดูแลแทฮยอนกับลูกให้ดีที่สุด ”
“ ตลกละ! อย่ามาเนียนให้สัญญาเลยเถิด นายจะมารักฉันได้ไง ฉันไม่ใช่คนรักของนายซะหน่อย ” แทฮยอนรีบตัดบทพร้อมกับชักนิ้วหลบอย่างไร้เยื่อใย
มินโฮสลดลงทันทีเมื่อได้รับการตอบสนองที่เย็นชาเกินคาดจากแทฮยอน ทั้งที่ความรักของเขาที่มีต่อร่างบางมันล้นปรี่จนแทบทะลักออกมานอกอกขนาดนี้แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังจะคอยปฏิเสธอยู่ร่ำไป
ลงเป็นแบบนี้แล้ว เขาคงต้องจัดการอะไรๆให้มันหายคาราคาซังสักที!
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ซงมินโฮวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วก่อนหน้านี้ ร่างสูงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าหลังเสร็จสิ้นภารกิจการสอบปลายภาค เขาจะบอกเลิกจีอึนให้เป็นกิจจะลักษณะเสียที
“ ถ้าโมโหมาก จะตบระบายแค้นก็ได้นะ ” มินโฮบอกกับแฟนสาวของตัวเองพร้อมกับหลับตาลงอย่างยินยอมรับการลงโทษแต่โดยดี
“ ไม่อะ ” จีอึนปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่ได้รู้สึกเจ็บแค้นอะไร เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงในสักวัน … วันที่มินโฮเดินมาบอกเลิกเธอ
“ เหย! ใจดีจัง ”
“ แต่ฉันไม่ได้ตกลงจะเลิกกับนายหรอกนะ ”
“ แต่ฉัน... เอ่อ ฉันมีคนอื่น... ฉันนอกใจเธอนะ... ไม่สิ นอกกายไปแล้วด้วย หลายหนเลย ” ได้ยินอีกฝ่ายว่ามาแบบนั้น มินโฮจึงพยายามพูดหว่านล้อม
“ โอ๊ย ไอ้บ้านี่ นายจะมาลงรายละเอียดให้ฉันฟังทำไม!?! ฉันแค่จะบอกว่าฉันจะยังไม่ยอมเลิกกับนาย เพราะตั้งใจจะตามรังควานนายกับแทฮยอนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายแค้นต่างหาก ” จีอึนว่าพร้อมกับฉีกยิ้มเย็นๆใส่
“ เฮ้ย! ยังไม่ได้บอกเลยว่าอีกฝ่ายเป็นแทฮยอน!! ”
“ ตาฉันไม่ได้บอดนะยะ เห็นๆอยู่ว่าสายตานายเวลามองแทฮยอนมันลึกซึ้งแค่ไหน ” จีอึนพูดอย่างคนที่มองสถานการณ์ได้ขาด ก็บอกแล้วดาวคณะนิเทศที่สวยและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างอีจีอึนไม่ได้มีหัวไว้คั่นหูเหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก
“ จริงดิ ” มินโฮอมยิ้มเขิน
“ ไม่ได้พูดให้เขินเถอะ! ” จีอึนตบแขนอีกฝ่ายป้าบใหญ่แก้อาการหมั่นไส้
“ จีอึน ” ร่างสูงเรียกพร้อมกับเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังอย่างกะทันหัน “ ฉันขอโทษนะ ” แม้จะโล่งอกที่จีอึนดูโอเคกว่าที่คิด แต่มินโฮก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดีที่ต้องบอกเลิกกับอีกฝ่าย ทั้งที่เธอไม่ได้มีความผิดอะไรเลยสักนิด แต่เป็นตัวเขาต่างหากที่ไม่ดีเอง
“ ขอโทษทำไม ก็บอกแล้วว่าฉันจะตามรังควานพวกนายอะ ไม่ได้ล้อเล่นนะ จะทำให้เหมือนบทที่เคยเล่นเลยล่ะ ” จีอึนแกล้งขู่ เพราะละครเวทีครั้งที่ผ่านมาแทฮยอนได้รับบทนายเอก ส่วนเธอได้รับบทตัวอิจฉาที่คอยกลั่นแกล้ง ตบตีนายเอก
“ เธอห้ามทำอะไรแทฮยอนเด็ดขาด หมอนั่นอ่อนแอกว่าที่เธอคิดเยอะนะ ” มินโฮรีบปรามเอาไว้ล่วงหน้าอย่างนึกกลัวใจกับท่าทีของอีกฝ่าย
“ หืม แทฮยอนเขาทำไมเหรอ ” จีอึนเก็บความสงสัยข้อนี้มานานแล้วเหมือนกัน ว่าเพราะเหตุใดมินโฮถึงต้องทะนุถนอมแทฮยอนราวกับไข่ในหินเสียขนาดนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอบบางแต่ก็ดูแข็งแรงดี ไม่น่ามีโรคประจำตัวหรือป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไร
“ ก…ก็… สักอย่างแหละ ” ร่างสูงตอบปัด
“ นายยิ่งไม่อยากบอก ฉันก็ยิ่งอยากรู้นะ เอาเป็นว่า วันนี้ฉันจะไปเยี่ยมห้องนายแล้วกัน ”
“ ย..อย่าดีกว่านา ” มินโฮเอ่ยห้ามอย่างรู้สึกหนักใจ
“ แทฮยอนอยู่ล่ะสิ ” จีอึนสวนกลับอย่างรู้ทัน
“ เปล๊า! ”
“ หึหึ ” จีอึนหัวเราะในลำคอ อีกฝ่ายเล่นปฏิเสธเสียงสูงเสียขนาดนั้น ให้ตายเธอก็คงจะเชื่อหรอก
มินโฮตบหน้าผากตัวเองอย่างหมดฟอร์ม เขารู้สึกพ่ายแพ้ผู้หญิงตรงหน้าจนไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าการก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เห็นทีหนทางของการขอแทฮยอนเป็นแฟนคงจะยิ่งห่างไกลออกไปอีกอย่างช่วยไม่ได้
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แทฮยอนนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้างของมินโฮด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัว นั่นแปลว่าเขากำลังจะไม่สบายอย่างไม่ต้องสงสัย ปกติแค่แพ้ท้องอย่างเดียว ร่างกายเขาก็แทบจะรับไม่ไหวแล้ว แต่ช่วงนี้ยังต้องฝืนสังขารมานั่งอ่านหนังสือสอบอีก จะป่วยบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ครั่นเนื้อครั่นตัวถือเป็นอาการปกติเวลาไม่สบาย แต่ไอ้ความรู้สึกเหมือนมีปลาตอดอยู่ในท้องตลอดเวลานี่ต่างหากที่ทำให้เขาต้องรู้สึกประหลาดใจ
อาการแปลกๆของเขาเริ่มเป็นมาตั้งแต่เมื่อตอนสายๆขณะนั่งทำข้อสอบอยู่ โชคนี้ที่วันนี้มีสอบวิชาเดียว และเป็นวิชาสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัย จึงถือว่าเขาจบการศึกษาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็เป็นช่วงเตรียมตัวหางานหาการทำ... นั่นสำหรับคนอื่นๆหรอก ส่วนแทฮยอนก็คงเข้าสู่ช่วงของการเตรียมตัวคลอด
“ ไหนบอกจะรีบกลับมาไง ” ร่างบางตัดพ้อเจ้าของเตียงที่มีสอบสองวิชาจนถึงบ่ายสาม แต่ตอนนี้จะห้าโมงเย็นแล้ว ยังกลับมาไม่ถึงห้องอีก
“ แอ๊ด ” เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น แทฮยอนจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง เขายังไม่ลืมคำพูดที่เคยสัญญากับมินโฮเอาไว้ว่าหากรู้สึกเจ็บให้บอกชายหนุ่มเป็นคนแรก ถึงอาการที่เป็นอยู่จะยังไม่เข้าขั้นเจ็บปวด แต่มันจะเป็นไรไปถ้าเขาต้องการที่จะแชร์ความรู้สึกนี้ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ก่อนใคร
“ อ้าว แทฮยอน ”
เสียงหวานๆที่ฟังคุ้นหูของผู้มาเยือนเรียกให้คิ้วตกๆของแทฮยอนขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ร่างบางจำได้แม่นว่าเสียงที่ได้ยินเป็นของจีอึนไม่ผิดแน่ แต่เขาแค่แปลกใจว่าเหตุใดหญิงสาวถึงมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้?
อา… ไม่ใช่สิ นั่นเป็นคำถามที่เขาควรถามตัวเองมากกว่า จีอึนเป็นแฟนมินโฮ การจะเข้าออกห้องของแฟนหนุ่มถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แทฮยอนต่างหากที่ควรเอาตัวเองออกไปจากที่นี่ แล้วเปิดโอกาสให้คนเป็นแฟนเขาได้ใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง
“ หวัดดีจีอึน ” แทฮยอนทักทายพลางใช้สองมือจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เขาก้มลงมองสภาพของตัวเองอย่างอายๆ ชุดนอนย้วยๆกับท้องโย้ๆเหมือนคนลงพุง คงดูน่าเกลียดมากในสายตาของหญิงสาว ปกติหากอยู่ข้างนอกเขามักจะสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่เพื่ออำพรางรูปร่าง แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะมีแขกมา ตอนนี้เลยมีแค่ชุดบางๆที่ไม่ช่วยปกปิดอะไรได้มากนัก
“ ฉันกับมินโฮซื้อของสดมา ว่าจะโชว์ฝีมือซะหน่อย ถ้าไม่รังเกียจ แทฮยอนก็ทานด้วยกันสิ ”
แทฮยอนยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเดินเข้าไปหยิบเสื้อโค้ทจากในห้อง ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งลงบนโซฟาหน้าห้องนอนอย่างขัดเขิน เป็นครั้งแรกที่คิดว่าตัวเองอยู่ไม่ถูกที่ถูกทางเอาเสียเลย
จีอึนเข้าครัวไปแล้ว และมินโฮก็รีบเดินตามเข้าไปทันที หมอนั่นคงจะตื่นเต้นมากที่จะได้ใช้ห้องครัว เพราะปกติทั้งเขาและเจ้าตัว ไม่มีใครทำอาหารเป็นเลยสักคน แถมคนทำยังเป็นจีอึน
จะได้ทานอาหารฝีมือแฟนตัวเองทั้งที ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ!?!
เสียงเครื่องครัวกระทบกันดังสลับกับเสียงพูดคุยกระหนุงกระหนิงของทั้งคู่ แผ่นหลังกว้างของเดือนคณะวิทย์กับรูปร่างสะโอดสะองในชุดกระโปรงนักศึกษาธรรมดา แต่กลับดูดีเกินคาดของดาวคณะนิเทศที่กำลังยืนเคียงข้าง ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากเสียจนทำเอาแทฮยอนชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินหนักขึ้นทุกที
จู่ๆก็รู้สึกว่ากระบอกตาของตัวเองร้อนผ่าว เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เลยไม่แน่ใจว่ามันจะใช่อาการของคนขี้อิจฉาหรือเปล่า สงสัยเขาจะอิจฉาในความเพอร์เฟคของคู่รักคู่นี้มากเกินไป ตาเลยร้อนแบบนี้
แทฮยอนรอจังหวะที่มินโฮเดินออกมาจากในครัว เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะยืนขึ้นและบอกกับอีกฝ่าย “ เดี๋ยวฉันกลับห้องตัวเองก่อนดีกว่า ”
“ อื้ม ก็ดีเหมือนกัน… งั้นรอแป๊บนึง เดี๋ยวฉันไปส่งนะ ” มินโฮบอกกับเขาอย่างกระตือรือร้น
“ แหมะ! “ น้ำตาหยดแรกของแทฮยอนร่วงลงกระทบพื้น คิดไม่ถึงว่าแค่คำว่า ‘ก็ดีเหมือนกัน’ ของมินโฮจะทำให้เขารู้สึกน้อยใจได้มากขนาดนี้
อีกฝ่ายหันกลับไปเพื่อตะโกนบอกแฟนสาวในห้องครัวว่าอีกสักพักจะกลับมา พลางพูดติดตลกตบท้าย “ แล้วอย่าทำครัวฉันพังล่ะ “
“ แหมะ! ” น้ำตาหยดที่สองของแทฮยอนเกิดจากปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ดูมีความสุขขึ้นมาก หลังจากรู้ว่าเขากำลังจะเปิดโอกาสให้ทั้งคู่มีเวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสอง
“ แอ๊ด! ปัง! ” แทฮยอนตัดสินใจปลีกตัวออกมาก่อนที่มินโฮจะจบบทสนทนากับจีอึน เขาไม่ควรอยู่ตรงนั้นจนอีกฝ่ายจับได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร?
“ แทฮยอน เดี๋ยวสิ! รอฉันด้วย ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง ” ทันทีที่เห็นร่างบางหุนหันออกจากห้อง มินโฮก็รีบสาวเท้ายาวๆเดินตาม จนประชิดตัว มือแกร่งคว้าข้อมือขาวของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่อีกคนจะขึ้นลิฟต์ไป
“ ม…ไม่ต้องก็ได้ ” แทฮยอนกัดฟันข่มน้ำตา พร้อมกับก้มหน้าหลบซ่อนความน้อยใจเอาไว้
“ ไม่ได้สิ นายท้องอยู่นะ เดินไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ดีหรอก ” มินโฮบอก พลางโอบเอวของอีกคนไว้แล้วค่อยๆพยุงให้เดินเข้าลิฟต์ไปด้วยกันอย่างไม่รีบร้อน
“ ไปอยู่กับแฟนนายสิ… ฉันไปเองได้ ฮึก ” ร่างบางพยายามกลั้นสะอื้นอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี
“ นี่นายร้องไห้เหรอ ” มินโฮถามอย่างตื่นตระหนก หัวใจเขากระตุกเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย
“ ผงเข้าตาน่ะ ฮึกๆ ” แทฮยอนยกเหตุผลสุดคลาสสิกมาเป็นข้ออ้าง พลางใช้หลังมือขยี้ตา เพราะกลัวอีกคนไม่เชื่อ
มินโฮอมยิ้ม เขาคิดว่าแทฮยอนไม่ได้ร้องไห้เพราะผงเข้าตาอย่างที่อ้าง คนที่เคืองตาจนน้ำตาไหล คงไม่สะอึกสะอื้นจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัวแบบนี้หรอก… อีกฝ่ายร้องเพราะเขาต่างหาก
ถ้ามินโฮไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก เขาคิดว่าแทฮยอนกำลังน้อยใจ หรือดีกว่านั้นก็อาจจะกำลังหึงเขา!?!
“ โอ๋ๆ แทฮยอน อย่าร้องไห้เลยน้า ” มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางรั้งร่างของอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ขณะลิฟต์ที่พวกเขาโดยสารกำลังทะยานขึ้นสู่ชั้นที่สูงกว่าด้วยความเร็วสูง
“ ฮึกก… อะ… ฮื่ออออออออ ” ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ เพราะคราวนี้แทฮยอนปล่อยโฮออกมาเต็มที่จนตัวโยน ทั้งที่ก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องร้องไห้หนักแบบนี้ ซงมินโฮกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อจิตใจเขาถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาต้องรู้สึกน้อยใจ ทำไมเขาต้องเสียใจ เขาแคร์ทำไม แค่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับคนรักของตัวเองมากกว่าเขา
แทฮยอนเป็นใคร? แล้วจีอึนเป็นใคร? ทำไมมินโฮต้องมาแคร์เขามากกว่าแฟนตัวเองด้วยล่ะ!?!
มินโฮประคองแทฮยอนให้ออกมาจากลิฟต์ เขามองร่างบางที่ยังไม่คลายจากอาการสะอึกสะอื้นอย่างเป็นกังวล จริงอยู่ที่ระยะนี้อีกฝ่ายออกจะอารมณ์อ่อนไหวกว่าที่เคยเป็นอยู่มาก เพราะระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง เขาเองก็เคยเห็นแทฮยอนร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่อีกคนจะดูเศร้าเสียใจและดูน่าสงสารขนาดนี้มาก่อนเลย
“ ตอนที่นายบอกว่าจะกลับห้องตัวเองน่ะ ฉันไม่ได้เห็นด้วย เพราะคิดว่าจะได้อยู่กับจีอึนสองต่อสองหรอกนะ ” มินโฮไม่รู้หรอกว่าแทฮยอนร้องไห้เพราะน้อยใจเขาจริงๆหรือเปล่า แต่อะไรที่พูดแล้วจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้ เขาก็อยากจะพูดมันออกไป… ถึงแม้ว่ามันอาจดูเหมือนว่าเขาจะเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อยก็เถอะ!
“ แล้วตอน...ฉันจะไป…ฮึก… ระริกระรี้…ฮึก ทำไม ” แทฮยอนเงยหน้าขึ้นจากอกแกร่ง ก่อนจะรัวทุบกำปั้นลงไปแทน ลืมคิดไปเสียสนิทว่าการกระทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการป้องปากตะโกนออกไปสุดเสียงว่าตนกำลังหึงหวงอีกฝ่ายอยู่เลยสักนิด
แทนที่มินโฮจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าคมกลับมีแต่รอยยิ้มกว้าง เขาไม่ออกปากห้าม ไม่ตอบโต้ ทำแค่ยืนยิ้มร่า ปล่อยให้แทฮยอนอาละวาดใส่หน้าอกตัวเองจนกว่าจะพอใจก็เท่านั้น
“ ฉันกลัวว่าจีอึนจะปองร้ายนายน่ะสิ พอนายขอกลับห้องก่อน ก็เข้าทางฉันพอดีเลย ” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของแทฮยอนดูดีขึ้นแล้ว มินโฮจึงเริ่มต้นตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ ทำไมเธอต้องปองร้ายฉัน… เดี๋ยวก่อนสิ! ฉันเป็นผู้ชายนะ นายคิดว่าฉันจะไม่มีปัญญารับมือผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างจีอึนเหรอ ” เรื่องโดนปองร้ายก็สงสัยอยู่หรอก แต่แทฮยอนกลับรู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายมองว่าเขาอ่อนแอกว่าผู้หญิงมากกว่า
“ ฉันไม่ได้ดูถูกนายนะ แค่เป็นห่วง เพราะนายท้องอยู่ ” มินโฮรีบอธิบาย “ วันนี้ฉันบอกเลิกจีอึนแล้ว ” เขาบอกแทฮยอนเสียงเรียบ ก่อนจะได้ปฏิกิริยาตอบกลับเป็นสีหน้าตื่นๆจากอีกฝ่าย “ แต่จีอึนไม่ยอมเลิก ไม่ใช่เพราะเธอพิศวาสอะไรฉันนักหนาหรอก เรายังคบกันได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเวลาเจอหน้ากันด้วยซ้ำ เลยไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไร แต่ยัยนั่นบอกว่า เธอรู้ว่าฉันชอบนาย เลยจะตามรังควานพวกเราจนกว่าจะพอใจ แล้วถึงจะยอมเลิกให้ ”
“ …………… ” แทฮยอนหน้าขึ้นสี หลังจากได้ยินประโยคสารภาพรักโต้งๆจากมินโฮ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ต่อให้ฟังเท่าไหร่ เขาก็คงไม่มีทางชิน “ ต…แต่นายก็ดูมีความสุขดีนี้ ตอนอยู่กับเธอน่ะ… เห็นยังเดินตามกันต้อยๆ คุยกันกระหนุงกระหนิงในครัวอยู่เลย ”
“ กระหนุงกระหนิงอะไร แทบจะฆ่ากันอยู่แล้วเถอะ! ที่ฉันรีบตามเข้าไปเนี่ย ก็แค่จะไปเตือนจีอึนว่าอย่าใส่กระเทียมในกับข้าว เพราะนายแพ้ ยัยนั่นก็รีบสวนกลับมาเลยว่า ‘ดี! จะใส่ให้เยอะๆเลย’ ” มินโฮเล่า ความจริงเขาห้ามไม่ให้จีอึนเอากระเทียมหย่อนใส่ตระกร้า ตั้งแต่ตอนอยู่ในซุปเปอร์มาร์เกตแล้ว แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ๊แกก็เล่นโยนตูมลงมาเลย
วินาทีนั้นมินโฮก็รู้เลยว่าจีอึนไม่ได้มาเล่นๆ ขนาดเขาจะยกมือถือขึ้นส่งข้อความมาเตือนแทฮยอนก่อน ยังโดนเจ้าหล่อนเบรกเสียหัวแทบทิ่มลงตระกร้าด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า
‘ ถ้าฉันได้รังควานพวกนายจนพอใจ ก็จะไม่ยื้อนานๆ บางทีมันอาจจะจบแค่วันนี้เลยก็ได้ แต่ถ้านายพยายามขัดขวางมากๆเข้า เผลอๆมันอาจจะกินเวลานานจนกว่าฉันจะหางานทำได้เลยก็ได้นะ ’
มินโฮเชื่อว่าสวยๆเก่งๆอย่างอีจีอึนคงใช้เวลาหางานไม่นานนักหรอก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้แทฮยอนต้องมาอยู่ใกล้กุหลาบเคลือบพิษอย่างเจ้าหล่อนนานๆอยู่ดี
“ จีอึนคงเกลียดฉันมากเลยสินะ ” แทฮยอนถามเสียงเศร้า ถึงแม้จะสนิทกันผ่านงานละครเวทีได้ไม่นาน แต่เขาก็ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆแบบหญิงสาวไปด้วยเรื่องแบบนี้เลยสักนิด
ขนาดแทฮยอนไม่ได้ตกลงคบกับมินโฮ ยังรู้สึกผิดขนาดนี้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ทั้งสองคนต้องเลิกกัน แล้วเขาจะยังมีสิทธิ์ชอบผู้ชายตรงหน้านี้ได้อีกเหรอ?
“ ไม่หรอก ยัยนั่นแค่ฉลาดน่ะ เธอรู้วิธีที่จะทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะเธอรู้แล้วว่านายเป็นจุดอ่อนของฉัน ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะเกลียดหรอกนะ เพราะนายไม่ได้ทำอะไรผิด ”
“ อือฮึ ” แทฮยอนรับคำเบาๆ ไม่ว่ามินโฮจะว่าอย่างไร ในใจของเขาก็ยังคงรู้สึกผิดต่อจีอึนอยู่ดี
“ ตกลงที่นายร้องไห้ก็เพราะน้อยใจฉันนี่ ” มินโฮสรุปเอาเองจากปฏิกิริยาแสนซื่อตรงของอีกฝ่าย ที่ร้องไห้เป็นเผาเต่า เพียงแค่คิดว่าเขาดีใจที่จะได้อยู่กับจีอึน แต่พอเขาอธิบายความจริง ก็หยุดร้องไห้เป็นปลิดทิ้ง แถมยังมีท่าทีเหมือนจะหึงเขานิดๆอีกด้วย
“ แล้วไงอะ ” ร่างบางไม่ปฏิเสธ เพื่อนน้อยใจเพื่อน ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ในโลกใบนี้สักหน่อย
“ นายน่ารักมาก รู้ตัวมั้ย นัมแทฮยอน ” มินโฮยิ้มไม่หุบหลังจากได้ยินคำตอบของอีกคน เขาอดใจไม่ไหวต้องดึงคนน่ารักเข้ามากอดแน่นเสียจมอก ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะได้เห็นแทฮยอนปากตรงกับใจกับเขาสักที
‘ ตุบ ตุบ ‘
“ เฮ่ นายรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรดุ๊กดิ๊กอยู่มั้ยอะ แทฮยอน ” ทั้งกอด ทั้ง(แอบ)หอมอย่างปลื้มปริ่มอยู่สักพัก มินโฮก็ถามขึ้น เพราะจู่ๆก็รู้สึกถึงแรงเคลื่อนไหวน้อยๆที่คั่นกลางอยู่ระหว่างหน้าท้องของเขากับอีกฝ่าย
“ จะตัวอะไรล่ะ!?! ก็ลูกแกนั่นแหละ ” แทฮยอนตอบอย่างอารมณ์เสียเล็กๆในความโง่เง่าของอีกคน ขนาดเขาไม่ตั้งใจเรียนยังรู้เลยว่าอาการแบบนี้คืออะไร
“ ล… ลูกดิ้นเหรอ ” มินโฮถามเสียงสั่นด้วยอาการดีใจจัด แทฮยอนพยักหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานเป็นคำตอบให้อย่างน่ารัก จนเขาอดใจไม่ไหว(อีกแล้ว)ต้องรั้งอีกคนเข้ามา แล้วมอบจุมพิศลงบนหน้าผากมนด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
วินาทีนี้ รอยยิ้มนางฟ้าที่อาบอยู่บนหน้าหวานๆของนัมแทฮยอน ทำให้ซงมินโฮรู้สึกคล้ายกับโลกของเขาหยุดหมุน คิ้วตกๆของอีกฝ่ายช่างดูน่ารักอย่างที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน ดวงตาเรียวยิ้มได้ไม่ต่างอะไรจากริมฝีปากนั่นสวยงามยิ่งกว่าดวงดาวดวงไหนบนท้องฟ้า และริมฝีปาก ใช่! ริมฝีปาก
มินโฮจะไม่บอกหรอกว่าเวลานี้เขาอยากจูบแทฮยอนมากแค่ไหน
“ ป…ไปส่งนายที่ห้องกันเถอะ ”
TBC
ขอตัดจบตอนก่อนนะขรั่บ คือยาวมาก ตั้งสิบห้าหน้าแหน่ะ! แต่อะไรคือลูกดิ้น แล้วอยากจูบแม่คะคุณซงมินโฮ กร๊าซซซซ ทำไมปู้จายเจ้าชู้ถึงได้รับแต่สิ่งดีงามในชีวิตแบบเน้
คู่ท็อปจินูก็แอบคืบหน้าแล้วนะเออ ส่วนคู่ดับเบิ้ลบีนี่ไม่ต้องพูดถึง คือไม่มีบทให้พูดถึงเลยน่ะตอนนี้ กร๊ากกกก (โดนแม่ยกดับเบิ้ลบีตบกระเด็น)
ฮือออ คิดถึงคุณคนอ่านมากมาย เราหายไปนานมากเนาะ แต่ต่อจากนี้ก็จะหายไปนานอีก ได้โปรดอภัยให้ข้าเจ้าด้วยน้า TT
ฝาก #นัมแทท้อง ด้วยนะขรั่บ
ความคิดเห็น