ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INFINITE #LeadNam : วัยต่อต้าน -End-

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3/3 [Finish]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 778
      2
      10 พ.ค. 57


     วัยต่อต้าน

     

    Sunggyu x Woohyun 

     




    ตอนที่ 3/3 [Finish]

     

     

    จากที่เป็นต่ออยู่ดีๆ ไหงกลับมาเป็นรองอีกจนได้ แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตผมมากมายนักหรอกครับ เพราะประเด็นมันอยู่ที่ข้อเสนอของอีกฝ่ายต่างหาก

     

    ฮยองมาเป็นพวกเดียวกับผม แล้วดัดหลังพวกนั้นกลับซะ!!!

     

    เฮ้ย นั่นมันเกินไปแล้ว เดิมทีผมเป็นหัวหน้าพรรค ดัดหลังอูฮยอนเพื่อมวลชนนะ แล้วจู่ๆจะให้แปรพรรคมาดัดหลังพวกเดียวกันเองได้ไง

     

    ไม่งั้นเราขาดกัน!!!

     

    แหม่ ให้ตาย ถ้าผมตอบ เออ ดี!! ก็ให้มันขาดกันไปเลย ฟิคเรื่องนี้แม่งจะดราม่าขนาดไหนวะครับเนี่ย

     

    ก่อนฮยองจะตัดสินใจ... ขอถามอะไรเราอย่างนึงได้มั้ย ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนทอดตัวลงนั่งเคียงข้างกับเขาบนเตียงชั้นล่างของตัวเอง

     

    อะไรเหรอ อีกคนมองกลับมาตาแป๋วอย่างสนอกสนใจ

     

    ทำไมช่วงนี้เราถึงต่อต้านฮยองนัก หลังจบคำถามผม อูฮยอนก็แสร้งทำเป็นปิดปากหาวแล้วล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉย

     

    สงสัยยาแก้ปวดออกฤทธิ์แล้ว ง่วงจัง ห่มผ้าซะมิดหัวพร้อมตะแคงตัวหนีเสร็จสรรพ

     

    ไม่ต้องมาเนียนเลย ตอบมาดีๆ ผมขืนไหล่เจ้าตัวเล็กให้พลิกกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

     

    อะไรล่ะ เวลาฮยองจะ ทำ ผมก็ให้ทำตลอด เคยต่อต้านซะที่ไหน อีกฝ่ายว่าพลางใช้นิ้วชี้กดลงบนต้นคอผมเบาๆก่อนจะค่อยๆลากต่ำลงไปในสาบเสื้อด้วยท่าทางยั่วเย้า

     

    ไม่หลงกลหรอกนะ!! นายรู้อยู่แล้วว่าฉันหมายถึงอะไร อย่ามัวเฉไฉ ถ้านายไม่พูด เราก็จะไม่เข้าใจกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ผมรวบนิ้วป้อมๆกำไว้ในฝ่ามือของตัวเองพร้อมโต้กลับด้วยเหตุผล เอาล่ะ ไม่พอใจฮยองเรื่องอะไร บอกมาเร็วเข้า

     

    ....ฮุน ริมฝีปากที่แนบติดอยู่กับหมอนมีเสียงงึมงำเล็ดลอดมาให้ได้ยินแว่วๆ

     

    ฮะ อะไรนะ ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้แล้วพยายามเงี่ยหูฟัง

     

    อิลฮุน

     

    เกี่ยวอะไรกับอิลฮุน ผมได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย คิดสะระตะอย่างถ้วนถี่แล้วก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าผมจะมีอะไรข้องเกี่ยวกับคนที่ทั้งชีวิตนี้ มีโอกาสพบหน้าแค่ครั้งสองครั้งเพราะเรื่องงานอย่างจองอิลฮุนวง BTOB กัน

     

    ช่วงที่ฮยองโปรโมทโซโล่ เราก็แทบไม่มีเวลากินข้าวด้วยกันเลยใช่มั้ยล่ะฮะ อูฮยอนเกริ่นถาม ผมจึงพยักหน้ารับ

     

    วันที่ฮยองอัดรายการ weekly idol กับอิลฮุน ผมโดดซ้อมไปนั่งรอฮยองอยู่ด้านนอกสตูฯตั้งนาน หนาวก็หนาว แต่ผมก็ยังรอ เพราะอยากจะกินมื้อกลางวันกับฮยอง แต่พอเห็นฮยองออกมากินกับอิลฮุนแล้ว ผมก็เลยได้แต่กลับหอมาด้วยความผิดหวัง แววตาของอีกฝ่ายส่อเค้าตัดพ้อจนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองก็ตาม

     

    แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อนเล่า ผมติง ถึงจะสงสารแต่มันไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายจะมาโทษกัน ในเมื่อผมไม่ใช่ฝ่ายผิด ผมไม่ได้ผิดนัด ...เพราะเราไม่ได้นัดกันตั้งแต่แรก

     

    ถ้าโทรบอกก่อน ฮยองก็คงไม่ให้ผมโดดซ้อมใช่มั้ยล่ะ

     

    ก็แล้วมันถูกมั้ยที่โดดออกมาน่ะ ผมย้อนถามอย่างขัดใจที่บางครั้งอูฮยอนก็เหมือนจะไม่ค่อยรู้ภาระหน้าที่ของตัวเอง เอาแต่ทำตัวลอยชาย เล่นสนุกไปวันๆ

     

    ก็ผมคิดถึงฮยองอะ

     

    อ่า.. ถ้าพูดถึงขนาดนั้น...ก็พอจะอนุญาตให้...โดดได้อยู่ล่ะ...มั้ง ได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของเขาแล้วผมก็ถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่เกาหลังต้นคอแก้เก้อ ว่าแต่ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ ที่ทำให้เราต่อต้านฮยองถึงขนาดนั้น ผมถาม อีกฝ่ายส่ายหน้ากลับมาให้อย่างที่คิด

     

    ฮยองผิดสัญญา

     

    ฮะ ส...สัญญา?

     

    ฮยองเคยสัญญาไว้จำได้มั้ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะให้ความสำคัญกับผมเป็นอันดับแรก... แต่ฮยองคงไม่รู้ตัวว่าตอนที่ฮยองมีโซโล่เป็นของตัวเอง ฮยองเปลี่ยนไปแค่ไหน อีกฝ่ายมุ่ยหน้าใส่

     

    เปลี่ยนไป? ฉันน่ะเหรอเปลี่ยนไป ผมถามอย่างคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคนรัก

     

    พอผมเข้าไปเล่นด้วย ฮยองก็ชอบทำหน้าหงุดหงิดใส่ ผมรู้ว่าฮยองกำลังเครียดกับงาน แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้

     

    ขอโทษ ฮยองผิดไปแล้ว ผมบอกพร้อมกับโน้มตัวลงกอดอีกฝ่ายไว้แนบอก อย่างน้อยก็อยากให้เขาได้รู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ

     

    ยิ่งช่วงปลายปีงานก็ยิ่งเยอะ ฮยองไม่มีเวลา ผมก็เข้าใจดีอยู่ แต่พอดีตอนนั้นผมไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาล...

     

    ฮะ!?! นายเข้าโรงพยาบาลเหรอ ทำไมฮยองไม่เห็นรู้เรื่อง

     

    อื้ม ก็ตอนนั้นฮยองมัวแต่ทำงานนี่นา แล้วถึงบอกไปฮยองก็อาจจะไม่มีเวลาว่างมาเยี่ยมอยู่ดี ก็เลยคิดว่า ถ้าไม่บอกน่าจะรู้สึกดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องผิดหวัง เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือเสียจนผมนึกกลัวใจ

     

    โธ่ อูฮยอน ผมกอดเขาแน่นขึ้น รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ได้ดูแลอีกฝ่ายให้ดีกว่านี้

     

    หลังจากนั้นผมก็เริ่มทำประชดใส่ฮยอง จริงๆผมแค่อยากให้ฮยองถามว่าผมเป็นอะไร ผมอยากให้ฮยองใส่ใจผมบ้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็งานยุ่งนี่นา ไม่มีเวลาสนใจเรื่องจุกจิกน่ารำคาญแบบนั้นหรอก อูฮยอนถอนหายใจยาวก่อนซุกหน้าซบลงกับไหล่ของผมอย่างอ่อนล้า  

     

    ไม่จริงซะหน่อย ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ผมไม่เห็นด้วยเลยสักนิด ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับอูฮยอนเป็นเรื่องจุกจิกน่ารำคาญ ในโลกนี้ก็คงไม่มีเรื่องไหนจำเป็นสำหรับชีวิตผมอีกแล้วล่ะ

     

    ฮยองน่ะรำคาญผม ทำไมผมจะไม่รู้ อีกฝ่ายสวนกลับหน้าคว่ำ

     

    ตอนไหน ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรากับข้อกล่าวหา

     

    ช่วงนั้น ผมทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจฮยองไปซะหมดแหละ ขนาดผมทำกับข้าวให้กิน ฮยองยังไม่ชมสักคำ เอาแต่หงุดหงิด บางทีก็ตวาดออกมาแบบไม่มีเหตุผล ขนาดผมอยู่รอฮยองกลับจากทำงานจนดึก ฮยองยังทำหน้าไม่พอใจเลย อูฮยอนสูดหายใจดังฟุดฟิด ทั้งจมูกทั้งตาพากันแดงไปหมด

     

    ก็แทนที่จะเอาเวลาไปนอน ดันลุกขึ้นมาทำกับข้าวตอนดึกๆดื่นๆเนี่ย มันใช่เรื่องมั้ย ที่ฉันไม่พอใจก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพนายหรอก ยิ่งไม่แข็งแรงอยู่ ไม่ใช่อะไร!!!

     

    ใจจริงก็อยากจะหาวิธีปลอบที่มันละมุนละม่อมกว่านี้อยู่หรอก แต่น่ากลัวว่ามันจะยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายให้อ่อนไหวไปกันใหญ่ ถึงได้เลือกที่จะบอกเหตุผลออกไปทั้งทื่อๆอย่างนั้น

     

    แล้วทำไมไม่พูด เอาแต่ตีหน้ายักษ์ใส่ ใครจะไปตรัสรู้ล่ะ หลังฟังประโยคผมจบ อูฮยอนก็เปลี่ยนท่าทีจากนายเอกเซื่องๆมาสวมมาดเคะราชินีขี้วีนได้อย่างทันท่วงที

     

    ขอโทษๆ วันหลังจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ยังไงก็ต้องยอมรับว่าตัวเองผิดที่ปากหนัก

     

    งั้นต่อเลยแล้วกัน อูฮยอนบอก ผมหน้าเหวออย่างคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะมีต่อได้อีก ฮยองเอาแต่ทำตัวเย็นชากับผม แต่กลับไปคุยหัวร่อต่อกระซิกกับอิลฮุนด้วยสีหน้าระรื่นในงานสิ้นปี

     

    หื้อออ ผมอุทานอย่างตกใจ เนื้อหาไม่เท่าไหร่ แต่การใช้คำของอีกฝ่าย ได้ยินแล้วระคายหูชะมัด

     

    อารมณ์ตอนนั้นมันทั้งหมั่นไส้ ทั้งอิจฉา ทั้งโกรธ ทั้งโมโห จากนั้นก็เลยได้แต่เหวี่ยงใส่ฮยองเรื่อยมานั่นแหละ จบมั้ย

     

    จบครับ โบราณว่าไว้น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง อีกอย่างผมก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า นิสัยต่อต้านของอีกฝ่ายมันมีที่มาจากอะไร

     

    สามสี่หน้ากระดาษที่อูฮยอนร่ายมา ผมติดใจอยู่แค่คำเดียวเท่านั้นแหละ

     

    หึงฮยองเหรอ ผมแกล้งถาม

     

    หึงอิลฮุนล่ะมั้ง

     

    งั้นก็เลิกหึงได้แล้ว ก็เห็นนี่ว่าฮยองไม่ได้มีใครนอกจากเราน่ะ ผมส่งยิ้มหวานให้กับคำประชดประชันนั่น ก่อนขยี้ผมเขากลับอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    เห็นมีแลกเบอร์กันไว้ด้วยนี่ ฮยองอาจจะโทรหาเขาหรือเขาอาจจะโทรมาตอนที่ผมไม่รู้ก็ได้

     

    โถ แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ามาหึงกัน ทีตอนตัวเองโทรคุยกับคีย์ ฮยองยังไม่เคยว่าอะไรเลยนะ แถมหลังๆนี่คุยกันตลอด ขนาดตอนซ้อมเต้นยังจับมือถือไม่ปล่อยเลยเถอะ ผมแอบแขวะ

     

    ที่เห็นน่ะ ผมถือไว้แกะท่าเต้นจากฮยองต่างหาก อูฮยอนค้านก่อนวานให้ผมหยิบมือถือจากในเป้ของเขามาส่งให้ ไม่เชื่อก็ดูเอา

     

    บทสนทนาหยุดลง เกิดความเงียบระหว่างพวกเราในชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงเพลงที่คุ้นเคยจากคลิปวีดีโอในมือถือของอูฮยอนจะดังขึ้นแทนที่

     

    สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นภาพตัวผมที่ถูกใครบางคนถ่ายเอาไว้จากทางด้านหลังขณะซ้อมเต้นในห้องซ้อม ดูไปก็คล้ายๆกับ ’Fancam’ แตกต่างกันที่แฟนแคมตามปกติ แฟนคลับต้องเป็นคนถ่าย แต่นี่คือแฟนผมเป็นคนถ่าย เลยไม่รู้ว่าจะเรียกแฟนแคมได้อยู่ไหม

     

    นี่มันฮยองตอนกำลังซ้อมเต้นนี่ ถ่ายทำไม? ไว้แกะท่าเนี่ยนะ ถ้าเป็นเหตุผลนั้น ตามปกติเขาควรจะถ่ายโฮย่าที่เป๊ะท่าที่สุดในวงมากกว่าผมไม่ใช่เหรอ

     

    ก็บอกไปแล้วนี่ว่าคิดถึง เลยถ่ายเก็บเอาไว้ดูเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันไง แล้วเผอิญวันนี้โดนคนในคลิปปล่อยเกาะจนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็เลยนึกถึงคลิปพวกนี้ขึ้นมา อูฮยอนอธิบายพร้อมกับเบ้หน้าใส่อย่างงอนๆ

     

    ดูเหมือนนัมอูฮยอนจะถนัดเรื่องทำให้คนตกหลุมรักจริงๆนั่นแหละ ขนาดไม่โดนท่าไม้ตายปาหัวใจใส่ เขาก็ได้ใจผมไปเต็มๆแล้วล่ะครับ

     

    ผมโน้มตัวลงกดจูบที่ริมฝีปากของอูฮยอนเบาๆก่อนผละออกมามองพวงแก้มเนียนขึ้นสีของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ขอโทษที่แกล้ง

     

    เฮ่ยยยย ใครบอกให้...จ...จ...จุ๊บ อูฮยอนเอียงอายคล้ายกับไม่คุ้นเคย

     

    พักหลังๆมา อาจจะด้วยภาระหน้าที่อันยุ่งเหยิง แถมอีกฝ่ายยังเอาแต่คอยป่วนประสาทผมไม่เว้นแต่ละวัน เวลาที่จะมานั่งสวีทหวานกันจึงลดลงเป็นเงาตามตัว นานๆถึงจะได้หวานใส่กันสักที จะเขินก็ไม่แปลก

     

    ฮยองไม่ได้กอดนายนานแค่ไหนแล้วนะ อูฮยอน ผมใช้หัวแม่มือเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าของเขาออก เพราะอยากมองหน้าคนน่ารักให้ชัดๆ

     

    ตอนนี้ก็กอดอยู่นี่ พูดแบบนั้นแต่กลับรีบโกยผมจากด้านหลังของตัวเองลงมาปิดหน้าเป็นพัลวัน เพราะใจจริงก็รู้ดีว่าผมต้องการอะไร

     

    อยากกอดแบบไหน ไม่รู้เหรอ บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างเป็นใจ เพราะในบ้านไม่มีใครอยู่นอกจากผมและอูฮยอน แถมพวกเราที่ดอดกลับมาก่อนคนอื่นก็ว่างแสนว่าง

     

    อืม ก็ได้ อูฮยอนพยักหน้าตกลง ผมจึงตั้งท่าเตรียมตะครุบ แต่อีกฝ่ายกลับใช้ฝ่ามือยันอกผมไว้ แต่ฮยองต้องจัดการกับเจ้าลูกลิงพวกนั้นให้ผมก่อน ถ้าผลงานดี คืนนี้ค่อยว่ากัน พูดจบก็คลุมโปงหนีตามสไตล์

     

    เป็นอันตกลงว่าผมโดนนัมอูฮยอนซื้อตัวเรียบร้อย

     

    ……………………………***……………………………

     

    หลังได้รู้ข่าวเกี่ยวกับอาการอันไม่สู้ดีของอูฮยอนจากปากของผมที่แอบผสมสีตีไข่ใส่ดราม่าเพิ่มเข้าไปเล็กๆ ลูกลิงทั้งหลายก็ชักแถวหน้าเดินเข้ามาในห้องนอนของพวกเราด้วยอาการสลด ก่อนจะพร้อมใจกันมาหยุดยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงด้านข้างเตียง

     

    อูฮยอนฮยอง พวกเราขอโทษ ซองจงเป็นตัวแทน(ด้วยความเต็มใจหรือถูกบังคับมาไม่ทราบ)พูดขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

     

    เอ่อ ฉันไม่เกี่ยวนะ ดงอูแทรกขึ้นพลางรีบแตกแถวออกมายืนคนเดียวตรงปลายเตียง

     

    อูฮยอนที่อยู่ในอาการสะโหลสะเหลเพราะเพิ่งตื่นจากการงีบหลับยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างยากลำบากเพราะยังไม่ชินกับเฝือกตรงข้อเท้า ผมจึงถือโอกาสจัดแจงช้อนเจ้าตัวยุ่งให้ขึ้นมาอยู่บนตักก่อนจะโอบเอวคอดเอาไว้หลวมๆ อย่างน้อยคนป่วยจะได้ใช้แผ่นอกผมแทนพนักพิงได้ ไม่ต้องทนเมื่อยหลัง

     

    หมอว่ายังไงบ้างเหรอ มยองซูถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตาคมเหลือบมองข้อเท้าที่มีเฝือกหุ้มอยู่เป็นระยะๆ

     

    ฮึก...ฮือ.. อูฮยอนหันกลับมาซบหน้าลงกับบ่า มือทั้งสองยึดไหล่ของผมเป็นที่พึ่ง พลางส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสาร

     

    อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลยนะ ผมส่งสายตาขอร้อง

     

    มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือฮยอง โฮย่าถามเสียงเครียด ผมแสร้งพรูลมหายใจยาวออกทางจมูก เพราะต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าผมหนักใจที่จะตอบ

     

    หมอบอกว่า เป็นเพราะหกล้มอย่างรุนแรง ทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด แถมยังฝืนใช้งานหนักอีก อาการเลยยิ่งทรุด กว่าจะไปถึงมือหมอ...ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะงั้นอูฮยอนคงจะไม่ได้คัมแบ็คกับพวกเราแล้วล่ะ หรือเผลอๆก็อาจจะเต้นไม่ได้ ...ตลอดไป

     

    ฮึก...ผ...ผมขอโทษ...ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้....เป็นเพราะผมขัดขาฮยอง...ผมมันเลวจริงๆ....ฮื่อออ ซองยอลเป็นคนแรกที่ปล่อยโฮออกมาแข่งกับเจ้าตัวต้นเรื่อง

     

    อีกไม่นาน.. ฮึก....ฉันจะกลายเป็น..ฮื่อออ.... ฮึก....ค...คนพิการ....ฮื่อๆ ดราม่ายิ่งเข้มข้นเมื่ออูฮยอนเผยคีย์เวิร์ดที่สะเทือนใจสุดๆออกมา

     

    ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก ..ผมจะช่วยฮยองทำกายภาพบำบัด ฮึก..จนกว่าฮยองจะหายเป็นปกติ...ฮึก ซองจงบอกพร้อมหลุดสะอื้นออกมา

     

    ใช่ หมอเก่งๆเดี๋ยวนี้มีเยอะจะตาย เดี๋ยวอูฮยอนฮยองก็ลุกขึ้นมาเต้นกับพวกเราได้แล้ว...ทุกคนอย่าร้องสิ ....ฮึก... โฮย่าพูดออกมาทั้งที่น้ำตาท่วมหน้า

     

    ผมจะขยันทำงาน หาเงินเยอะๆมาให้ฮยองรักษาตัวนะ มยองซูได้แต่ก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าหมอนี่แอบปาดน้ำตาอยู่เงียบๆ

     

    วันนี้เป็นวันเกิดอูฮยอนฮยอง.. พวกเราเลยเตรียมเค้กเอาไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้ว... ซองจงถือเค้กวันเกิดปอนด์ย่อมๆที่จุดเทียนเตรียมพร้อมไว้แล้วด้วยมือทั้งสองข้าง

     

    เซงอิลชุกคาฮัมนีดา...เซงอิล.....  เสียงเพลง Happy Birthday ดังขึ้นเนิบช้า ไร้ความสนุกสนานเฮฮาอย่างที่ควรจะเป็น

     

    ฮื่ออออ อูฮยอนเอาแต่ส่ายหน้าไปมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่กับอกผมไม่ยอมห่าง ท่าทีที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมยกโทษให้ ทำเอาทุกคนเริ่มหน้าเสีย

     

    ฮื่อ ฮยอง.. ฮึก พวกเราขอโทษ...ฮึก...ที่เป็นต้นเหตุ...ให้ฮยองต้องเป็นแบบนี้....ฮึก...อภัยให้พวกเราเถอะนะ ซองยอลคุกเข่าอ้อนวอน ก่อนที่คนอื่นๆจะพากันคุกเข่าลงกับพื้นตามๆกัน

     

    ฮึกๆ..ฮื่อออๆ แผ่นหลังของอูฮยอนสะท้านขึ้นลงอย่างรุนแรงเพราะพยายามกลั้นขำจนตัวเกรง ผมจึงแสร้งทำเป็นตบหลังปลอบอย่างสมบทบาท

     

    ดงอูฮยองก็มาช่วยกันขอร้องหน่อยสิครับ โฮย่าเรียกพี่รองของวงที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆอยู่ตรงมุมห้องตั้งแต่ต้น

     

    ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องทำแบบนั้น ดงอูว่า

     

    ฮยองเลือดเย็นเกินไปแล้ว มยองซูตัดพ้อ

     

    ขอโทษนะ แต่เผอิญว่าฉันยืนอยู่มุมนี้เลยได้เห็นความจริงทุกอย่างหมดแล้ว แรพเปอร์หลักประจำวงเอ่ยเรียบๆก่อนเดินเข้ามาสะกิดแผ่นหลังของเจ้าเปี๊ยกที่ใช้หน้าอกผมต่างบังเกอร์หลบภัยมาพักใหญ่ เล่นสนุกพอแล้ว ก็เป่าเทียนเถอะ มันจะหมดแท่งแล้ว

     

    อูฮยอนขยับตัวยุกยิกอยู่บนตักของผมอย่างชั่งใจ ก่อนจะเผยใบหน้าสดใสไร้ร่องรอยน้ำตาของตัวเองให้เด็กๆที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงพื้นข้างเตียงได้เห็นกันชัดๆ

     

    หลังจากอมลมเอาไว้จนแก้มตุ่ยก็เป่าลมออกจากกระพุ้งแก้มอย่างแรงจนควันเทียนพุ่งใส่หน้าน้องเล็กที่เป็นคนถือเค้กเข้าอย่างจัง

     

    วะฮะฮ่า โดนหลอกแล้วล่ะ เจ้าพวกโง่เอ๊ย เจ้าของวันเกิดตัวแสบส่งเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น

     

    อ...อะไรกันน่ะฮยอง ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โฮย่าได้แต่ถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

     

    ฉันไม่ได้จะพิการหรืออะไรทั้งนั้นแหละ แค่เอ็นฉีกนิดหน่อย แต่ในฐานะที่พวกนายเล่นแรงจนทำให้ฉันเจ็บตัว ฉันก็เลยดัดหลังพวกนายกลับบ้างไง โอ๋ๆ ร้องไห้โฮกันใหญ่เลยอะ เด็กน้อย กร๊ากกกก อูฮยอนหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งคนอื่นได้สำเร็จ

     

    ขาเจ็บอยู่ก็คงหนีไปไหนไม่ได้แล้วสินะ งั้นก็โจมตีเลย ซองจง ซองยอลสั่งการพลางใช้มือตัวเองรองไว้ที่ฐานเค้กใต้มือของน้องเล็กอีกที

     

    ก้อนเค้กที่ใช้แรงเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ลอยขึ้นสูงในอากาศก่อนจะตกลงมาโปะอยู่บนใบหน้าของอูฮยอนอย่างแม่นยำราวกับคนปาฝึกเล่น Angry Bird มาจนเชี่ยวชาญ

     

    ว้าก!!! ไอ้พวกบ้านี่ มันเหนียวนะว้อย เดี๋ยวรอให้หายก่อนเหอะ พ่อจะจับเตะเรียงตัวให้เข็ดเลยเชียว เจ้าของวันเกิดที่มีเศษเค้กชิ้นเล็กๆเกาะเต็มหัวเต็มหูได้แต่ฟึดฟัดอย่างขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย

     

    เหนียวก็ให้กยูฮยองช่วยทำความสะอาดให้สิฮยอง ไม่เห็นจะยาก นี่ล็อคประตูให้ด้วยนะ กร๊ากก มยองซูชงก่อนส่งเสียงหัวเราะสะใจตบท้าย

     

    บานประตูงับลงสนิท ผมเหลือบมองคนนั่งซ้อนอยู่บนตักที่กำลังเบ้หน้าให้กับความเหนียวเหนอะหนะของครีมที่ติดอยู่ทั่วทั้งใบหน้าทั้งลำคอของตัวเองอย่างรู้สึกขำขันปนสงสาร

     

    คนยิ่งอาบน้ำลำบากๆอยู่ แล้วคืนนี้จะนอนยังไงล่ะเนี่ย ปัดโธ่ อูฮยอนบ่นงึมงำ

     

    ผมแตะปลายลิ้นลงบนเนื้อครีมที่ติดอยู่บนแก้มของอีกฝ่ายเพื่อชิมรสชาติอ่อนๆของเค้กสูตร Low Fat ที่ผมเป็นคนเลือกมาเองกับมือเมื่อเช้านี้ อร่อยจัง

     

    เฮ้ย!!!!! อูฮยอนสะดุ้งโหยง คงเพราะเพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักผม

     

    ขอชิมตรงอื่นด้วยได้มั้ย ผมจ้องครีมเนื้อข้นที่เปรอะอยู่ตรงซอกคอขาวของอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย

     

    กินขนมดึกๆ เดี๋ยวก็อ้วนหรอก อีกฝ่ายรีบหดคอหนี แต่ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถผม

     

    เค้ก Low Fat น่ะ กินยังไงก็ไม่อ้วนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็จะกินเท่าที่อยากล่ะนะ ผมบอกความต้องการไว้ในประโยคอย่างเปิดเผย ก่อนดันร่างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยครีมเค้กให้นอนราบลงกับพื้นเตียง

     

    ไล่กวาดครีมเค้กด้วยปลายลิ้นจนเกลี้ยงก็เผยให้เห็นแต่ผิวใสๆ ผมอดใจไม่ไหวจนต้องละเลียดชิมผิวเนื้อเนียนนุ่มตรงหน้าต่ออย่างเอาแต่ใจ อูฮยอนดูไม่ค่อยสมยอมเท่าไหร่ แต่โวยวายได้ไม่นานก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามในที่สุด

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    หลังตกเป็นเหยื่อให้ผมกินจนอิ่มหนำ อูฮยอนก็นอนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของผมในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

     

    ซี๊ด....

     

    เจ็บเหรอ ถึงจะมั่นใจในฝีมือตัวเองมากแค่ไหน ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เพราะช่องทางที่ห่างหายจากการ ทำรักไปนานของอีกฝ่ายคับแน่นเกินกว่าที่ผมจะทำเป็นชะล่าใจ

     

    ฮึ อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบทั้งที่คิ้วขมวดแน่น คงเพราะอยากรักษาน้ำใจผม

     

    ในเวลาปกติที่ยังสบายดีอยู่ ก็ชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบทำตัวป่วนๆให้ผมต้องคอยพะวง แต่พอถึงเวลาเจ็บป่วยขึ้นมาจริงๆกลับอดทน ไม่ยอมปริปากพูด เลือกที่จะเก็บซ่อนบาดแผลเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

     

    เด็กคนนี้แปลก ...แต่ผมก็รัก

     

    ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ผมก้มลงจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายเบาๆอย่างต้องการปลอบประโลม

     

    อื้ม อูฮยอนยิ้มน้อยๆ ก่อนพริ้มตาหลับลงไปด้วยความอ่อนล้า

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    .

     

     

    ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ..

     

    เสียงนาฬิกาปลุกคำรามขึ้นท่ามกลางความสงัดยามค่ำคืน ผมรีบฉวยมือถือของตัวเองที่วางอยู่ใต้หมอนออกมากดปิดอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่ามันจะไปรบกวนให้อีกฝ่ายต้องตื่นทั้งที่เพิ่งหลับไปได้แค่เพียงครู่เดียว

     

    ดึกป่านนี้ ฮยองตั้งปลุกเอาไว้ทำไมเหรอฮะ ร่างในอ้อมกอดส่งเสียงถามอย่างสะลึมสะลือ

     

    อ่า... เห็นว่าหลับไปแล้วเลยว่าจะผลัดไปวันพรุ่งนี้ แต่ไหนๆก็ตื่นแล้วเนอะ ผมว่าก่อนลุกขึ้นค้นของที่ต้องการออกจากกระเป๋าเป้ แล้วส่งมันให้กับอีกฝ่าย

     

    ของขวัญวันเกิดผม? ทำไมไม่ให้ตั้งแต่แรกล่ะ พอเห็นว่าเป็นของขวัญของตัวเอง อูฮยอนก็ตาสว่างทันที

     

    ฉันวางแผนไว้ว่าจะให้เป็นคนหลังสุด... เลยตั้งปลุกเอาไว้ก่อนเที่ยงคืน 10 นาที... แบบว่าอยากเป็นคนสุดท้ายของนายไง ...คือเกทป่ะ ผมพยายามอธิบายตามไดอะล็อกเก๋ๆที่แอบร่างใส่กระดาษเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเอาเข้าจริงก็ถูกตาแป๋วๆของอีกฝ่ายเล่นงานซะจนเกือบจะไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน

     

    ฮยองน้ำเน่าจัง เจ้าตัวเล็กยู่หน้าแต่ก็แอบอมยิ้ม พลางจับกล่องสี่เหลี่ยมในอุ้งมือพลิกเล่นไปมาอยู่สองสามทีก็เปิดออกดู แหวน?  อูฮยอนอุทาน

     

    ไม่ใช่แค่แหวนสิ เนี่ยแหวนหมั้น ผมรีบแก้

     

    ฮยองกำลังขอผมแต่งงานเหรอ อีกฝ่ายได้แต่กระพริบตาปริบๆ

     

    อืม เอาไว้นายหายดีก่อน แล้วเราค่อยไปบอกญาติผู้ใหญ่ จากนั้นก็ไปจัดพิธีที่บ้านเกิดฉันกันนะ ผมเล่าแผนคร่าวๆพร้อมกับดึงตัวแหวนออกมาจากกล่อง จัดแจงช้อนมือของอูฮยอนขึ้นมาวางเอาไว้บนตัก ก่อนบรรจงสวมเครื่องหมายแทนใจของผมเอาไว้บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา นี่จองเอาไว้แล้วนะ รู้ป่าว

     

    ฮึก ฮือ ว่าที่เจ้าสาวหมาดๆสะอึกฮักออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ

     

    อย่าเพิ่งร้องไห้สิ ตอบมาก่อนว่าจะยอมแต่งกับฮยองมั้ย " ผมถามพลางซับน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

     

    อื้อ อูฮยอนรีบพยักหน้ารัวๆอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง

     

    ฮ่าๆ น่ารักมาก ผมเอ่ยชมพลางหย่อนแหวนอีกวงที่มีหน้าตาเหมือนกับวงที่อยู่บนนิ้วของอีกฝ่ายลงบนฝ่ามือของเจ้าตัว งั้นสวมให้ฮยองบ้างนะ

     

    อูฮยอนสวมแหวนให้ผมกลับอย่างตั้งใจ ไม่มีอิดออด หรือทำเป็นเล่นอย่างทุกที เขาจดจ้องแหวนบนนิ้วผมอยู่นาน จากนั้นก็เปลี่ยนมาเงยหน้าเล่นจ้องตากับผมอยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที จนผมจะอ้าปากทักว่ามีอะไรหรือเปล่านั่นล่ะ อีกฝ่ายถึงได้แทรกขึ้นมา

     

    รักฮยองนะ อูฮยอนพูดมันออกมาก่อนจะจู่โจมผมด้วยริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ผลุบหนีเข้าไปในโปงผ้าห่มด้วยความเขินอาย

     

    ผมถือวิสาสะเอาตัวเองยัดตามลงไปอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับอูฮยอน ก่อนกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่ายเบาๆ

     

    รักเหมือนกันครับ ขอบคุณที่เกิดมาให้ฮยองรักนะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ อูฮยอน

     

     

     

     

    เพราะต่างคนต่างไม่มีเวลา ทำให้เรามีโอกาสได้คุยกันน้อย

     

    เพราะคุยกันน้อย ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจกัน

     

    เพราะไม่เข้าใจกัน ทำให้เราบอกรักกันไม่บ่อย

     

    แต่ผมเชื่อ  ... คู่ที่บอกรักกันไม่บ่อย ... จะต้องบอกรักกันไปอีกนานเท่านาน

     

    Fin

     

     

     

     

     

     

     

    แถมนิดๆ

     

    ครืดๆ ครืดๆผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและแสงสว่างวาบจากมือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียง พอเอื้อมมือไปหยิบมาถึงรู้ว่าไม่ใช่เครื่องของตัวเอง เพียงแต่ตอนนี้เจ้าของเครื่องหลับไปแล้ว

     

    เมสเซส? ” ผมพึมพำ ปกติเราไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน แต่วินาทีนี้เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมเปิดข้อความออกอ่าน

     

    เบิร์ดเดย์นะเพื่อนรัก ขอให้มีความสุขกับซองกยูฮยองมากๆ เมื่อไหร่จะร่อนการ์ดสักทีล่ะ รอเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่นะ ปล.เที่ยงคืนเป๊ะ ฉันเป็นคนสุดท้ายของแกแล้วใช่มั้ย `´

     

    ถึงไม่อ่านชื่อคนส่ง แค่มองอิโมติค่อนหน้ายิ้มท้ายข้อความนั่นก็แทบจะรู้ได้ทันทีแล้วว่าเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ คิมคิบอม หัวโจกแกงค์ 91-line ที่อูฮยอนสังกัดอยู่

     

    แย่งซีนกันชะมัด ยอมรับว่ารู้สึกอยากกดลบข้อความนี้ทิ้งมากของมาก เพื่อที่ตัวผมเองจะได้เป็นคนสุดท้ายของอูฮยอนอย่างแท้จริง

     

    เตรียมตัดชุดสวย เอ๊ย หล่อๆไว้ใส่มางานได้เลยเพื่อน ปล. ซองกยูฮยองเป็นคนสุดท้ายของฉันล่ะ เสียใจด้วยนะแก =_=

     

    ผมถือวิสาสะพิมพ์ข้อความตอบกลับ แล้วกดส่งออกไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของเครื่อง รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจและความรู้สึก

     

    ฉันสิคนสุดท้ายของอูฮยอน ผมก้มลงแตะริมฝีปากลงกับริมฝีปากอุ่นของคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง ของขวัญชิ้นนี้ใครก็ให้นายไม่ได้นอกจากฉัน  

     

    END


    จบไปอีกเรื่องแล้ว ฟินมั้ย ไม่ดราม่าเลยเนาะเรื่องนี้
    ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน มาคอมเมนท์ มาเป็นแฟนคลับเนอะ
    ลงมาหลายเรื่องแล้ว แนะนำตัวหน่อยดีมั้ย

    ชื่อเล่นจริงๆ(เอ๊ะ เอาไงแน่ 55+) ชื่อนุ่นค่ะ อายุมากแล้ว (มากกว่ากยู แต่แอ๊บเรียกกยูว่าโอป้าอย่างหน้าไม่อาย 5555)
    เมนน้องนัม แต่ไม่เคยคิดเลยเถิดไปมากกว่าอยากให้เป็นลูกสาว(?) แต่คิดอยากให้พี่กยูเลยเถิดกับน้องนัมนี่คือประจำ (อย่าเรียกประจำ อาการหนักขนาดนี้เรียกกิจวัตรเถอะ กร๊ากกกกก) 
    เพิ่งสิงเด็กดีได้ไม่นาน 
    ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า  *โค้งงามๆ*






     


    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×