คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3/3 [Finish]
วัยต่อต้าน
Sunggyu x Woohyun
ตอนที่ 3/3 [Finish]
จากที่เป็นต่ออยู่ดีๆ ไหงกลับมาเป็นรองอีกจนได้ แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตผมมากมายนักหรอกครับ เพราะประเด็นมันอยู่ที่ข้อเสนอของอีกฝ่ายต่างหาก
“ ฮยองมาเป็นพวกเดียวกับผม แล้วดัดหลังพวกนั้นกลับซะ!!! ”
“ เฮ้ย นั่นมันเกินไปแล้ว ” เดิมทีผมเป็นหัวหน้าพรรค ‘ดัดหลังอูฮยอน’ เพื่อมวลชนนะ แล้วจู่ๆจะให้แปรพรรคมาดัดหลังพวกเดียวกันเองได้ไง
“ ไม่งั้นเราขาดกัน!!! ”
แหม่ ให้ตาย ถ้าผมตอบ ‘ เออ ดี!! ก็ให้มันขาดกันไปเลย ’ ฟิคเรื่องนี้แม่งจะดราม่าขนาดไหนวะครับเนี่ย
“ ก่อนฮยองจะตัดสินใจ... ขอถามอะไรเราอย่างนึงได้มั้ย ” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนทอดตัวลงนั่งเคียงข้างกับเขาบนเตียงชั้นล่างของตัวเอง
“ อะไรเหรอ ” อีกคนมองกลับมาตาแป๋วอย่างสนอกสนใจ
“ ทำไมช่วงนี้เราถึงต่อต้านฮยองนัก ” หลังจบคำถามผม อูฮยอนก็แสร้งทำเป็นปิดปากหาวแล้วล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉย
“ สงสัยยาแก้ปวดออกฤทธิ์แล้ว ง่วงจัง ” ห่มผ้าซะมิดหัวพร้อมตะแคงตัวหนีเสร็จสรรพ
“ ไม่ต้องมาเนียนเลย ตอบมาดีๆ ” ผมขืนไหล่เจ้าตัวเล็กให้พลิกกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“ อะไรล่ะ เวลาฮยองจะ ‘ทำ’ ผมก็ให้ทำตลอด เคยต่อต้านซะที่ไหน ” อีกฝ่ายว่าพลางใช้นิ้วชี้กดลงบนต้นคอผมเบาๆก่อนจะค่อยๆลากต่ำลงไปในสาบเสื้อด้วยท่าทางยั่วเย้า
“ ไม่หลงกลหรอกนะ!! นายรู้อยู่แล้วว่าฉันหมายถึงอะไร อย่ามัวเฉไฉ ถ้านายไม่พูด เราก็จะไม่เข้าใจกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ” ผมรวบนิ้วป้อมๆกำไว้ในฝ่ามือของตัวเองพร้อมโต้กลับด้วยเหตุผล “ เอาล่ะ ไม่พอใจฮยองเรื่องอะไร บอกมาเร็วเข้า ”
“ ....ฮุน ” ริมฝีปากที่แนบติดอยู่กับหมอนมีเสียงงึมงำเล็ดลอดมาให้ได้ยินแว่วๆ
“ ฮะ อะไรนะ ” ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้แล้วพยายามเงี่ยหูฟัง
“ อิลฮุน ”
“ เกี่ยวอะไรกับอิลฮุน ” ผมได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย คิดสะระตะอย่างถ้วนถี่แล้วก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่าผมจะมีอะไรข้องเกี่ยวกับคนที่ทั้งชีวิตนี้ มีโอกาสพบหน้าแค่ครั้งสองครั้งเพราะเรื่องงานอย่างจองอิลฮุนวง BTOB กัน
“ ช่วงที่ฮยองโปรโมทโซโล่ เราก็แทบไม่มีเวลากินข้าวด้วยกันเลยใช่มั้ยล่ะฮะ ” อูฮยอนเกริ่นถาม ผมจึงพยักหน้ารับ
“ วันที่ฮยองอัดรายการ weekly idol กับอิลฮุน ผมโดดซ้อมไปนั่งรอฮยองอยู่ด้านนอกสตูฯตั้งนาน หนาวก็หนาว แต่ผมก็ยังรอ เพราะอยากจะกินมื้อกลางวันกับฮยอง แต่พอเห็นฮยองออกมากินกับอิลฮุนแล้ว ผมก็เลยได้แต่กลับหอมาด้วยความผิดหวัง ” แววตาของอีกฝ่ายส่อเค้าตัดพ้อจนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองก็ตาม
“ แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อนเล่า ” ผมติง ถึงจะสงสารแต่มันไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายจะมาโทษกัน ในเมื่อผมไม่ใช่ฝ่ายผิด ผมไม่ได้ผิดนัด ...เพราะเราไม่ได้นัดกันตั้งแต่แรก
“ ถ้าโทรบอกก่อน ฮยองก็คงไม่ให้ผมโดดซ้อมใช่มั้ยล่ะ ”
“ ก็แล้วมันถูกมั้ยที่โดดออกมาน่ะ ” ผมย้อนถามอย่างขัดใจที่บางครั้งอูฮยอนก็เหมือนจะไม่ค่อยรู้ภาระหน้าที่ของตัวเอง เอาแต่ทำตัวลอยชาย เล่นสนุกไปวันๆ
“ ก็ผมคิดถึงฮยองอะ ”
“ อ่า.. ถ้าพูดถึงขนาดนั้น...ก็พอจะอนุญาตให้...โดดได้อยู่ล่ะ...มั้ง ” ได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของเขาแล้วผมก็ถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่เกาหลังต้นคอแก้เก้อ “ ว่าแต่ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ ที่ทำให้เราต่อต้านฮยองถึงขนาดนั้น ” ผมถาม อีกฝ่ายส่ายหน้ากลับมาให้อย่างที่คิด
“ ฮยองผิดสัญญา ”
“ ฮะ ส...สัญญา? ”
“ ฮยองเคยสัญญาไว้จำได้มั้ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะให้ความสำคัญกับผมเป็นอันดับแรก... แต่ฮยองคงไม่รู้ตัวว่าตอนที่ฮยองมีโซโล่เป็นของตัวเอง ฮยองเปลี่ยนไปแค่ไหน ” อีกฝ่ายมุ่ยหน้าใส่
“ เปลี่ยนไป? ฉันน่ะเหรอเปลี่ยนไป ” ผมถามอย่างคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคนรัก
“ พอผมเข้าไปเล่นด้วย ฮยองก็ชอบทำหน้าหงุดหงิดใส่ ผมรู้ว่าฮยองกำลังเครียดกับงาน แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ”
“ ขอโทษ ฮยองผิดไปแล้ว ” ผมบอกพร้อมกับโน้มตัวลงกอดอีกฝ่ายไว้แนบอก อย่างน้อยก็อยากให้เขาได้รู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
“ ยิ่งช่วงปลายปีงานก็ยิ่งเยอะ ฮยองไม่มีเวลา ผมก็เข้าใจดีอยู่ แต่พอดีตอนนั้นผมไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาล... ”
“ ฮะ!?! นายเข้าโรงพยาบาลเหรอ ทำไมฮยองไม่เห็นรู้เรื่อง ”
“ อื้ม ก็ตอนนั้นฮยองมัวแต่ทำงานนี่นา แล้วถึงบอกไปฮยองก็อาจจะไม่มีเวลาว่างมาเยี่ยมอยู่ดี ก็เลยคิดว่า ถ้าไม่บอกน่าจะรู้สึกดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องผิดหวัง ” เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือเสียจนผมนึกกลัวใจ
“ โธ่ อูฮยอน ” ผมกอดเขาแน่นขึ้น รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ได้ดูแลอีกฝ่ายให้ดีกว่านี้
“ หลังจากนั้นผมก็เริ่มทำประชดใส่ฮยอง จริงๆผมแค่อยากให้ฮยองถามว่าผมเป็นอะไร ผมอยากให้ฮยองใส่ใจผมบ้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็งานยุ่งนี่นา ไม่มีเวลาสนใจเรื่องจุกจิกน่ารำคาญแบบนั้นหรอก ” อูฮยอนถอนหายใจยาวก่อนซุกหน้าซบลงกับไหล่ของผมอย่างอ่อนล้า
“ ไม่จริงซะหน่อย ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ” ผมไม่เห็นด้วยเลยสักนิด ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับอูฮยอนเป็นเรื่องจุกจิกน่ารำคาญ ในโลกนี้ก็คงไม่มีเรื่องไหนจำเป็นสำหรับชีวิตผมอีกแล้วล่ะ
“ ฮยองน่ะรำคาญผม ทำไมผมจะไม่รู้ ” อีกฝ่ายสวนกลับหน้าคว่ำ
“ ตอนไหน ” ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรากับข้อกล่าวหา
“ ช่วงนั้น ผมทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจฮยองไปซะหมดแหละ ขนาดผมทำกับข้าวให้กิน ฮยองยังไม่ชมสักคำ เอาแต่หงุดหงิด บางทีก็ตวาดออกมาแบบไม่มีเหตุผล ขนาดผมอยู่รอฮยองกลับจากทำงานจนดึก ฮยองยังทำหน้าไม่พอใจเลย ” อูฮยอนสูดหายใจดังฟุดฟิด ทั้งจมูกทั้งตาพากันแดงไปหมด
“ ก็แทนที่จะเอาเวลาไปนอน ดันลุกขึ้นมาทำกับข้าวตอนดึกๆดื่นๆเนี่ย มันใช่เรื่องมั้ย ที่ฉันไม่พอใจก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพนายหรอก ยิ่งไม่แข็งแรงอยู่ ไม่ใช่อะไร!!! ”
ใจจริงก็อยากจะหาวิธีปลอบที่มันละมุนละม่อมกว่านี้อยู่หรอก แต่น่ากลัวว่ามันจะยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายให้อ่อนไหวไปกันใหญ่ ถึงได้เลือกที่จะบอกเหตุผลออกไปทั้งทื่อๆอย่างนั้น
“ แล้วทำไมไม่พูด เอาแต่ตีหน้ายักษ์ใส่ ใครจะไปตรัสรู้ล่ะ ” หลังฟังประโยคผมจบ อูฮยอนก็เปลี่ยนท่าทีจากนายเอกเซื่องๆมาสวมมาดเคะราชินีขี้วีนได้อย่างทันท่วงที
“ ขอโทษๆ วันหลังจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ” ยังไงก็ต้องยอมรับว่าตัวเองผิดที่ปากหนัก
“ งั้นต่อเลยแล้วกัน ” อูฮยอนบอก ผมหน้าเหวออย่างคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะมีต่อได้อีก “ ฮยองเอาแต่ทำตัวเย็นชากับผม แต่กลับไปคุยหัวร่อต่อกระซิกกับอิลฮุนด้วยสีหน้าระรื่นในงานสิ้นปี ”
“ หื้อออ ” ผมอุทานอย่างตกใจ เนื้อหาไม่เท่าไหร่ แต่การใช้คำของอีกฝ่าย ได้ยินแล้วระคายหูชะมัด
“ อารมณ์ตอนนั้นมันทั้งหมั่นไส้ ทั้งอิจฉา ทั้งโกรธ ทั้งโมโห จากนั้นก็เลยได้แต่เหวี่ยงใส่ฮยองเรื่อยมานั่นแหละ จบมั้ย ”
“ จบครับ ” โบราณว่าไว้น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง อีกอย่างผมก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า นิสัยต่อต้านของอีกฝ่ายมันมีที่มาจากอะไร
สามสี่หน้ากระดาษที่อูฮยอนร่ายมา ผมติดใจอยู่แค่คำเดียวเท่านั้นแหละ
“ หึงฮยองเหรอ ” ผมแกล้งถาม
“ หึงอิลฮุนล่ะมั้ง ”
“ งั้นก็เลิกหึงได้แล้ว ก็เห็นนี่ว่าฮยองไม่ได้มีใครนอกจากเราน่ะ ” ผมส่งยิ้มหวานให้กับคำประชดประชันนั่น ก่อนขยี้ผมเขากลับอย่างหมั่นเขี้ยว
“ เห็นมีแลกเบอร์กันไว้ด้วยนี่ ฮยองอาจจะโทรหาเขาหรือเขาอาจจะโทรมาตอนที่ผมไม่รู้ก็ได้ ”
“ โถ แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ามาหึงกัน ทีตอนตัวเองโทรคุยกับคีย์ ฮยองยังไม่เคยว่าอะไรเลยนะ แถมหลังๆนี่คุยกันตลอด ขนาดตอนซ้อมเต้นยังจับมือถือไม่ปล่อยเลยเถอะ ” ผมแอบแขวะ
“ ที่เห็นน่ะ ผมถือไว้แกะท่าเต้นจากฮยองต่างหาก ” อูฮยอนค้านก่อนวานให้ผมหยิบมือถือจากในเป้ของเขามาส่งให้ “ ไม่เชื่อก็ดูเอา ”
บทสนทนาหยุดลง เกิดความเงียบระหว่างพวกเราในชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงเพลงที่คุ้นเคยจากคลิปวีดีโอในมือถือของอูฮยอนจะดังขึ้นแทนที่
สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นภาพตัวผมที่ถูกใครบางคนถ่ายเอาไว้จากทางด้านหลังขณะซ้อมเต้นในห้องซ้อม ดูไปก็คล้ายๆกับ ’Fancam’ แตกต่างกันที่แฟนแคมตามปกติ แฟนคลับต้องเป็นคนถ่าย แต่นี่คือแฟนผมเป็นคนถ่าย เลยไม่รู้ว่าจะเรียกแฟนแคมได้อยู่ไหม
“ นี่มันฮยองตอนกำลังซ้อมเต้นนี่ ถ่ายทำไม? ไว้แกะท่าเนี่ยนะ ” ถ้าเป็นเหตุผลนั้น ตามปกติเขาควรจะถ่ายโฮย่าที่เป๊ะท่าที่สุดในวงมากกว่าผมไม่ใช่เหรอ
“ ก็บอกไปแล้วนี่ว่าคิดถึง เลยถ่ายเก็บเอาไว้ดูเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันไง แล้วเผอิญวันนี้โดนคนในคลิปปล่อยเกาะจนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็เลยนึกถึงคลิปพวกนี้ขึ้นมา ” อูฮยอนอธิบายพร้อมกับเบ้หน้าใส่อย่างงอนๆ
ดูเหมือนนัมอูฮยอนจะถนัดเรื่องทำให้คนตกหลุมรักจริงๆนั่นแหละ ขนาดไม่โดนท่าไม้ตายปาหัวใจใส่ เขาก็ได้ใจผมไปเต็มๆแล้วล่ะครับ
ผมโน้มตัวลงกดจูบที่ริมฝีปากของอูฮยอนเบาๆก่อนผละออกมามองพวงแก้มเนียนขึ้นสีของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู “ ขอโทษที่แกล้ง ”
“เฮ่ยยยย ใครบอกให้...จ...จ...จุ๊บ ” อูฮยอนเอียงอายคล้ายกับไม่คุ้นเคย
พักหลังๆมา อาจจะด้วยภาระหน้าที่อันยุ่งเหยิง แถมอีกฝ่ายยังเอาแต่คอยป่วนประสาทผมไม่เว้นแต่ละวัน เวลาที่จะมานั่งสวีทหวานกันจึงลดลงเป็นเงาตามตัว นานๆถึงจะได้หวานใส่กันสักที จะเขินก็ไม่แปลก
“ ฮยองไม่ได้กอดนายนานแค่ไหนแล้วนะ อูฮยอน ” ผมใช้หัวแม่มือเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าของเขาออก เพราะอยากมองหน้าคนน่ารักให้ชัดๆ
“ ตอนนี้ก็กอดอยู่นี่ ” พูดแบบนั้นแต่กลับรีบโกยผมจากด้านหลังของตัวเองลงมาปิดหน้าเป็นพัลวัน เพราะใจจริงก็รู้ดีว่าผมต้องการอะไร
“ อยากกอดแบบไหน ไม่รู้เหรอ ” บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างเป็นใจ เพราะในบ้านไม่มีใครอยู่นอกจากผมและอูฮยอน แถมพวกเราที่ดอดกลับมาก่อนคนอื่นก็ว่างแสนว่าง
“ อืม ก็ได้ ” อูฮยอนพยักหน้าตกลง ผมจึงตั้งท่าเตรียมตะครุบ แต่อีกฝ่ายกลับใช้ฝ่ามือยันอกผมไว้ “ แต่ฮยองต้องจัดการกับเจ้าลูกลิงพวกนั้นให้ผมก่อน ถ้าผลงานดี คืนนี้ค่อยว่ากัน ” พูดจบก็คลุมโปงหนีตามสไตล์
เป็นอันตกลงว่าผมโดนนัมอูฮยอนซื้อตัวเรียบร้อย
……………………………***……………………………
หลังได้รู้ข่าวเกี่ยวกับอาการอันไม่สู้ดีของอูฮยอนจากปากของผมที่แอบผสมสีตีไข่ใส่ดราม่าเพิ่มเข้าไปเล็กๆ ลูกลิงทั้งหลายก็ชักแถวหน้าเดินเข้ามาในห้องนอนของพวกเราด้วยอาการสลด ก่อนจะพร้อมใจกันมาหยุดยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงด้านข้างเตียง
“ อูฮยอนฮยอง พวกเราขอโทษ ” ซองจงเป็นตัวแทน(ด้วยความเต็มใจหรือถูกบังคับมาไม่ทราบ)พูดขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ เอ่อ ฉันไม่เกี่ยวนะ ” ดงอูแทรกขึ้นพลางรีบแตกแถวออกมายืนคนเดียวตรงปลายเตียง
อูฮยอนที่อยู่ในอาการสะโหลสะเหลเพราะเพิ่งตื่นจากการงีบหลับยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างยากลำบากเพราะยังไม่ชินกับเฝือกตรงข้อเท้า ผมจึงถือโอกาสจัดแจงช้อนเจ้าตัวยุ่งให้ขึ้นมาอยู่บนตักก่อนจะโอบเอวคอดเอาไว้หลวมๆ อย่างน้อยคนป่วยจะได้ใช้แผ่นอกผมแทนพนักพิงได้ ไม่ต้องทนเมื่อยหลัง
“ หมอว่ายังไงบ้างเหรอ ” มยองซูถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตาคมเหลือบมองข้อเท้าที่มีเฝือกหุ้มอยู่เป็นระยะๆ
“ ฮึก...ฮือ.. ” อูฮยอนหันกลับมาซบหน้าลงกับบ่า มือทั้งสองยึดไหล่ของผมเป็นที่พึ่ง พลางส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสาร
“ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลยนะ ” ผมส่งสายตาขอร้อง
“ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือฮยอง ” โฮย่าถามเสียงเครียด ผมแสร้งพรูลมหายใจยาวออกทางจมูก เพราะต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าผมหนักใจที่จะตอบ
“ หมอบอกว่า เป็นเพราะหกล้มอย่างรุนแรง ทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด แถมยังฝืนใช้งานหนักอีก อาการเลยยิ่งทรุด กว่าจะไปถึงมือหมอ...ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะงั้นอูฮยอนคงจะไม่ได้คัมแบ็คกับพวกเราแล้วล่ะ หรือเผลอๆก็อาจจะเต้นไม่ได้ ...ตลอดไป ”
“ ฮึก...ผ...ผมขอโทษ...ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้....เป็นเพราะผมขัดขาฮยอง...ผมมันเลวจริงๆ....ฮื่อออ ” ซองยอลเป็นคนแรกที่ปล่อยโฮออกมาแข่งกับเจ้าตัวต้นเรื่อง
“ อีกไม่นาน.. ฮึก....ฉันจะกลายเป็น..ฮื่อออ.... ฮึก....ค...คนพิการ....ฮื่อๆ ” ดราม่ายิ่งเข้มข้นเมื่ออูฮยอนเผยคีย์เวิร์ดที่สะเทือนใจสุดๆออกมา
“ ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก ..ผมจะช่วยฮยองทำกายภาพบำบัด ฮึก..จนกว่าฮยองจะหายเป็นปกติ...ฮึก ” ซองจงบอกพร้อมหลุดสะอื้นออกมา
“ ใช่ หมอเก่งๆเดี๋ยวนี้มีเยอะจะตาย เดี๋ยวอูฮยอนฮยองก็ลุกขึ้นมาเต้นกับพวกเราได้แล้ว...ทุกคนอย่าร้องสิ ....ฮึก... ” โฮย่าพูดออกมาทั้งที่น้ำตาท่วมหน้า
“ ผมจะขยันทำงาน หาเงินเยอะๆมาให้ฮยองรักษาตัวนะ ” มยองซูได้แต่ก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าหมอนี่แอบปาดน้ำตาอยู่เงียบๆ
“ วันนี้เป็นวันเกิดอูฮยอนฮยอง.. พวกเราเลยเตรียมเค้กเอาไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้ว... ” ซองจงถือเค้กวันเกิดปอนด์ย่อมๆที่จุดเทียนเตรียมพร้อมไว้แล้วด้วยมือทั้งสองข้าง
“ เซงอิลชุกคาฮัมนีดา...เซงอิล..... ” เสียงเพลง Happy Birthday ดังขึ้นเนิบช้า ไร้ความสนุกสนานเฮฮาอย่างที่ควรจะเป็น
“ ฮื่ออออ ” อูฮยอนเอาแต่ส่ายหน้าไปมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่กับอกผมไม่ยอมห่าง ท่าทีที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมยกโทษให้ ทำเอาทุกคนเริ่มหน้าเสีย
“ ฮื่อ ฮยอง.. ฮึก พวกเราขอโทษ...ฮึก...ที่เป็นต้นเหตุ...ให้ฮยองต้องเป็นแบบนี้....ฮึก...อภัยให้พวกเราเถอะนะ ” ซองยอลคุกเข่าอ้อนวอน ก่อนที่คนอื่นๆจะพากันคุกเข่าลงกับพื้นตามๆกัน
“ ฮึกๆ..ฮื่อออๆ ” แผ่นหลังของอูฮยอนสะท้านขึ้นลงอย่างรุนแรงเพราะพยายามกลั้นขำจนตัวเกรง ผมจึงแสร้งทำเป็นตบหลังปลอบอย่างสมบทบาท
“ ดงอูฮยองก็มาช่วยกันขอร้องหน่อยสิครับ ” โฮย่าเรียกพี่รองของวงที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆอยู่ตรงมุมห้องตั้งแต่ต้น
“ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องทำแบบนั้น ” ดงอูว่า
“ ฮยองเลือดเย็นเกินไปแล้ว ” มยองซูตัดพ้อ
“ ขอโทษนะ แต่เผอิญว่าฉันยืนอยู่มุมนี้เลยได้เห็นความจริงทุกอย่างหมดแล้ว ” แรพเปอร์หลักประจำวงเอ่ยเรียบๆก่อนเดินเข้ามาสะกิดแผ่นหลังของเจ้าเปี๊ยกที่ใช้หน้าอกผมต่างบังเกอร์หลบภัยมาพักใหญ่ “ เล่นสนุกพอแล้ว ก็เป่าเทียนเถอะ มันจะหมดแท่งแล้ว ”
อูฮยอนขยับตัวยุกยิกอยู่บนตักของผมอย่างชั่งใจ ก่อนจะเผยใบหน้าสดใสไร้ร่องรอยน้ำตาของตัวเองให้เด็กๆที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงพื้นข้างเตียงได้เห็นกันชัดๆ
หลังจากอมลมเอาไว้จนแก้มตุ่ยก็เป่าลมออกจากกระพุ้งแก้มอย่างแรงจนควันเทียนพุ่งใส่หน้าน้องเล็กที่เป็นคนถือเค้กเข้าอย่างจัง
“ วะฮะฮ่า โดนหลอกแล้วล่ะ เจ้าพวกโง่เอ๊ย ” เจ้าของวันเกิดตัวแสบส่งเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น
“ อ...อะไรกันน่ะฮยอง ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ” โฮย่าได้แต่ถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ ฉันไม่ได้จะพิการหรืออะไรทั้งนั้นแหละ แค่เอ็นฉีกนิดหน่อย แต่ในฐานะที่พวกนายเล่นแรงจนทำให้ฉันเจ็บตัว ฉันก็เลยดัดหลังพวกนายกลับบ้างไง โอ๋ๆ ร้องไห้โฮกันใหญ่เลยอะ เด็กน้อย กร๊ากกกก ” อูฮยอนหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งคนอื่นได้สำเร็จ
“ ขาเจ็บอยู่ก็คงหนีไปไหนไม่ได้แล้วสินะ งั้นก็โจมตีเลย ซองจง ” ซองยอลสั่งการพลางใช้มือตัวเองรองไว้ที่ฐานเค้กใต้มือของน้องเล็กอีกที
ก้อนเค้กที่ใช้แรงเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ลอยขึ้นสูงในอากาศก่อนจะตกลงมาโปะอยู่บนใบหน้าของอูฮยอนอย่างแม่นยำราวกับคนปาฝึกเล่น Angry Bird มาจนเชี่ยวชาญ
“ ว้าก!!! ไอ้พวกบ้านี่ มันเหนียวนะว้อย เดี๋ยวรอให้หายก่อนเหอะ พ่อจะจับเตะเรียงตัวให้เข็ดเลยเชียว ” เจ้าของวันเกิดที่มีเศษเค้กชิ้นเล็กๆเกาะเต็มหัวเต็มหูได้แต่ฟึดฟัดอย่างขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย
“ เหนียวก็ให้กยูฮยองช่วยทำความสะอาดให้สิฮยอง ไม่เห็นจะยาก นี่ล็อคประตูให้ด้วยนะ กร๊ากก ” มยองซูชงก่อนส่งเสียงหัวเราะสะใจตบท้าย
บานประตูงับลงสนิท ผมเหลือบมองคนนั่งซ้อนอยู่บนตักที่กำลังเบ้หน้าให้กับความเหนียวเหนอะหนะของครีมที่ติดอยู่ทั่วทั้งใบหน้าทั้งลำคอของตัวเองอย่างรู้สึกขำขันปนสงสาร
“ คนยิ่งอาบน้ำลำบากๆอยู่ แล้วคืนนี้จะนอนยังไงล่ะเนี่ย ปัดโธ่ ” อูฮยอนบ่นงึมงำ
ผมแตะปลายลิ้นลงบนเนื้อครีมที่ติดอยู่บนแก้มของอีกฝ่ายเพื่อชิมรสชาติอ่อนๆของเค้กสูตร Low Fat ที่ผมเป็นคนเลือกมาเองกับมือเมื่อเช้านี้ “ อร่อยจัง ”
“ เฮ้ย!!!!! ” อูฮยอนสะดุ้งโหยง คงเพราะเพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักผม
“ ขอชิมตรงอื่นด้วยได้มั้ย ” ผมจ้องครีมเนื้อข้นที่เปรอะอยู่ตรงซอกคอขาวของอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย
“ กินขนมดึกๆ เดี๋ยวก็อ้วนหรอก ” อีกฝ่ายรีบหดคอหนี แต่ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถผม
“ เค้ก Low Fat น่ะ กินยังไงก็ไม่อ้วนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็จะกินเท่าที่อยากล่ะนะ ” ผมบอกความต้องการไว้ในประโยคอย่างเปิดเผย ก่อนดันร่างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยครีมเค้กให้นอนราบลงกับพื้นเตียง
ไล่กวาดครีมเค้กด้วยปลายลิ้นจนเกลี้ยงก็เผยให้เห็นแต่ผิวใสๆ ผมอดใจไม่ไหวจนต้องละเลียดชิมผิวเนื้อเนียนนุ่มตรงหน้าต่ออย่างเอาแต่ใจ อูฮยอนดูไม่ค่อยสมยอมเท่าไหร่ แต่โวยวายได้ไม่นานก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามในที่สุด
.
.
.
.
หลังตกเป็นเหยื่อให้ผมกินจนอิ่มหนำ อูฮยอนก็นอนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของผมในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“ ซี๊ด.... ”
“ เจ็บเหรอ ” ถึงจะมั่นใจในฝีมือตัวเองมากแค่ไหน ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เพราะช่องทางที่ห่างหายจากการ ‘ทำรัก’ ไปนานของอีกฝ่ายคับแน่นเกินกว่าที่ผมจะทำเป็นชะล่าใจ
“ ฮึ ” อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบทั้งที่คิ้วขมวดแน่น คงเพราะอยากรักษาน้ำใจผม
ในเวลาปกติที่ยังสบายดีอยู่ ก็ชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบทำตัวป่วนๆให้ผมต้องคอยพะวง แต่พอถึงเวลาเจ็บป่วยขึ้นมาจริงๆกลับอดทน ไม่ยอมปริปากพูด เลือกที่จะเก็บซ่อนบาดแผลเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
เด็กคนนี้แปลก ...แต่ผมก็รัก
“ ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ” ผมก้มลงจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายเบาๆอย่างต้องการปลอบประโลม
“ อื้ม ” อูฮยอนยิ้มน้อยๆ ก่อนพริ้มตาหลับลงไปด้วยความอ่อนล้า
.
.
.
.
“ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ.. ”
เสียงนาฬิกาปลุกคำรามขึ้นท่ามกลางความสงัดยามค่ำคืน ผมรีบฉวยมือถือของตัวเองที่วางอยู่ใต้หมอนออกมากดปิดอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่ามันจะไปรบกวนให้อีกฝ่ายต้องตื่นทั้งที่เพิ่งหลับไปได้แค่เพียงครู่เดียว
“ ดึกป่านนี้ ฮยองตั้งปลุกเอาไว้ทำไมเหรอฮะ ” ร่างในอ้อมกอดส่งเสียงถามอย่างสะลึมสะลือ
“ อ่า... เห็นว่าหลับไปแล้วเลยว่าจะผลัดไปวันพรุ่งนี้ แต่ไหนๆก็ตื่นแล้วเนอะ ” ผมว่าก่อนลุกขึ้นค้นของที่ต้องการออกจากกระเป๋าเป้ แล้วส่งมันให้กับอีกฝ่าย
“ ของขวัญวันเกิดผม? ทำไมไม่ให้ตั้งแต่แรกล่ะ ” พอเห็นว่าเป็นของขวัญของตัวเอง อูฮยอนก็ตาสว่างทันที
“ ฉันวางแผนไว้ว่าจะให้เป็นคนหลังสุด... เลยตั้งปลุกเอาไว้ก่อนเที่ยงคืน 10 นาที... แบบว่าอยากเป็นคนสุดท้ายของนายไง ...คือเกทป่ะ ” ผมพยายามอธิบายตามไดอะล็อกเก๋ๆที่แอบร่างใส่กระดาษเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเอาเข้าจริงก็ถูกตาแป๋วๆของอีกฝ่ายเล่นงานซะจนเกือบจะไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน
“ ฮยองน้ำเน่าจัง ” เจ้าตัวเล็กยู่หน้าแต่ก็แอบอมยิ้ม พลางจับกล่องสี่เหลี่ยมในอุ้งมือพลิกเล่นไปมาอยู่สองสามทีก็เปิดออกดู “ แหวน? ” อูฮยอนอุทาน
“ ไม่ใช่แค่แหวนสิ เนี่ยแหวนหมั้น ” ผมรีบแก้
“ ฮยองกำลังขอผมแต่งงานเหรอ ” อีกฝ่ายได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ อืม เอาไว้นายหายดีก่อน แล้วเราค่อยไปบอกญาติผู้ใหญ่ จากนั้นก็ไปจัดพิธีที่บ้านเกิดฉันกันนะ ” ผมเล่าแผนคร่าวๆพร้อมกับดึงตัวแหวนออกมาจากกล่อง จัดแจงช้อนมือของอูฮยอนขึ้นมาวางเอาไว้บนตัก ก่อนบรรจงสวมเครื่องหมายแทนใจของผมเอาไว้บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา “ นี่จองเอาไว้แล้วนะ รู้ป่าว ”
“ ฮึก… ฮือ ” ว่าที่เจ้าสาวหมาดๆสะอึกฮักออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ
“ อย่าเพิ่งร้องไห้สิ ตอบมาก่อนว่าจะยอมแต่งกับฮยองมั้ย " ผมถามพลางซับน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ อ…อื้อ ” อูฮยอนรีบพยักหน้ารัวๆอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง
“ ฮ่าๆ น่ารักมาก ” ผมเอ่ยชมพลางหย่อนแหวนอีกวงที่มีหน้าตาเหมือนกับวงที่อยู่บนนิ้วของอีกฝ่ายลงบนฝ่ามือของเจ้าตัว “ งั้นสวมให้ฮยองบ้างนะ ”
อูฮยอนสวมแหวนให้ผมกลับอย่างตั้งใจ ไม่มีอิดออด หรือทำเป็นเล่นอย่างทุกที เขาจดจ้องแหวนบนนิ้วผมอยู่นาน จากนั้นก็เปลี่ยนมาเงยหน้าเล่นจ้องตากับผมอยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที จนผมจะอ้าปากทักว่ามีอะไรหรือเปล่านั่นล่ะ อีกฝ่ายถึงได้แทรกขึ้นมา
“ รักฮยองนะ ” อูฮยอนพูดมันออกมาก่อนจะจู่โจมผมด้วยริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ผลุบหนีเข้าไปในโปงผ้าห่มด้วยความเขินอาย
ผมถือวิสาสะเอาตัวเองยัดตามลงไปอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับอูฮยอน ก่อนกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่ายเบาๆ
“ รักเหมือนกันครับ ขอบคุณที่เกิดมาให้ฮยองรักนะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ อูฮยอน ”
เพราะต่างคนต่างไม่มีเวลา ทำให้เรามีโอกาสได้คุยกันน้อย
เพราะคุยกันน้อย ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจกัน
เพราะไม่เข้าใจกัน ทำให้เราบอกรักกันไม่บ่อย
แต่ผมเชื่อ ... คู่ที่บอกรักกันไม่บ่อย ... จะต้องบอกรักกันไปอีกนานเท่านาน
Fin
แถมนิดๆ
“ ครืดๆ ครืดๆ ” ผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและแสงสว่างวาบจากมือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียง พอเอื้อมมือไปหยิบมาถึงรู้ว่าไม่ใช่เครื่องของตัวเอง เพียงแต่ตอนนี้เจ้าของเครื่องหลับไปแล้ว
“ เมสเซส? ” ผมพึมพำ ปกติเราไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน แต่วินาทีนี้เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมเปิดข้อความออกอ่าน
‘ เบิร์ดเดย์นะเพื่อนรัก ขอให้มีความสุขกับซองกยูฮยองมากๆ เมื่อไหร่จะร่อนการ์ดสักทีล่ะ รอเป็นเพื่อนเจ้าสาวอยู่นะ ปล.เที่ยงคืนเป๊ะ ฉันเป็นคนสุดท้ายของแกแล้วใช่มั้ย `ㅂ´ ’
ถึงไม่อ่านชื่อคนส่ง แค่มองอิโมติค่อนหน้ายิ้มท้ายข้อความนั่นก็แทบจะรู้ได้ทันทีแล้วว่าเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ คิมคิบอม หัวโจกแกงค์ 91-line ที่อูฮยอนสังกัดอยู่
“ แย่งซีนกันชะมัด ” ยอมรับว่ารู้สึกอยากกดลบข้อความนี้ทิ้งมากของมาก เพื่อที่ตัวผมเองจะได้เป็นคนสุดท้ายของอูฮยอนอย่างแท้จริง
‘ เตรียมตัดชุดสวย เอ๊ย หล่อๆไว้ใส่มางานได้เลยเพื่อน ปล. ซองกยูฮยองเป็นคนสุดท้ายของฉันล่ะ เสียใจด้วยนะแก =_= ’
ผมถือวิสาสะพิมพ์ข้อความตอบกลับ แล้วกดส่งออกไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของเครื่อง รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจและความรู้สึก
“ ฉันสิคนสุดท้ายของอูฮยอน ” ผมก้มลงแตะริมฝีปากลงกับริมฝีปากอุ่นของคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง “ ของขวัญชิ้นนี้ใครก็ให้นายไม่ได้นอกจากฉัน ”
END
จบไปอีกเรื่องแล้ว ฟินมั้ย ไม่ดราม่าเลยเนาะเรื่องนี้
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน มาคอมเมนท์ มาเป็นแฟนคลับเนอะ
ลงมาหลายเรื่องแล้ว แนะนำตัวหน่อยดีมั้ย
ชื่อเล่นจริงๆ(เอ๊ะ เอาไงแน่ 55+) ชื่อนุ่นค่ะ อายุมากแล้ว (มากกว่ากยู แต่แอ๊บเรียกกยูว่าโอป้าอย่างหน้าไม่อาย 5555)
เมนน้องนัม แต่ไม่เคยคิดเลยเถิดไปมากกว่าอยากให้เป็นลูกสาว(?) แต่คิดอยากให้พี่กยูเลยเถิดกับน้องนัมนี่คือประจำ (อย่าเรียกประจำ อาการหนักขนาดนี้เรียกกิจวัตรเถอะ กร๊ากกกกก)
เพิ่งสิงเด็กดีได้ไม่นาน ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า *โค้งงามๆ*
ความคิดเห็น