คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทสุดท้าย (จบ)
-6-
บทสุดท้าย
เช้านี้ถือเป็นเช้าที่แย่ที่สุดสำหรับผมเลยก็ว่าได้ เริ่มจากเสียงนาฬิกาที่ส่งเสียงคำรามตั้งแต่เช้ามืดทั้งที่ยังนอนไปได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ และที่เตียงชั้นล่าง ไม่มีคนตัวเล็กนอนอยู่อย่างที่ควรจะเป็น …อูฮยอนหายไปไหน!?!
ไม่มีข้อความเข้าในมือถือ หรือแม้แต่โพสอิทที่จะบอกกล่าวถึงการหายไปของเขาให้ผมรู้สักนิด นั่นทำให้ผมต้องวิ่งรอกหาตัวเขาไปทั่วบ้านอย่างกระวนกระวายใจ
เมื่อหาจนแน่ใจแล้วว่าอูฮยอนไม่อยู่ในบ้านพร้อมๆกับไม้ค้ำยันที่หายไปเช่นกัน บาดแผลของเขายังไม่ดีขึ้นมากพอที่จะเดินเหินได้คล่องตัวนัก หลายวันมานี้ ผมเป็นคนคอยพยุงเขาไปไหนมาไหนตลอด แล้วเขาจะใช้ไม้ค้ำยันที่ไม่เคยใช้ได้อย่างไร
ผมเป็นห่วงอูฮยอนจับใจ ความรู้สึกมากมายวิ่งชนกันจนสมองปั่นป่วนไปหมด ทั้งกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับอีกฝ่าย กังวลถึงความรู้สึกหลังจากที่ผมพูดจาไม่ดีกับเขาเมื่อคืน และหวั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างเราที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อยากออกไปตามหา อยากปรับความเข้าใจ อยากกอดเขาไว้แน่นๆ อยากดูแล อยากพูดดีๆกับเขาบ้าง ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะสายไปหรือเปล่าที่ผมเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้
“ กำลังจะออกไปหาอูฮยอนใช่มั้ย ” กอนัมฮยองปรากฏตัวขึ้นในมุมหนึ่งของบ้าน ผมรีบพยักหน้ายอมรับอย่างไม่คิดเล่นตัว “ เมื่อกี้มาขอกุญแจรถบริษัท บอกว่าขอไปนั่งรอในรถเลย เพราะทำอะไรชักช้าให้คนอื่นรอมาหลายวันแล้ว ไม่อยากเป็นตัวถ่วง ”
“ ทำไมเขาพูดถึงขนาดนั้น ” ผมพึมพำเหมือนถามตัวเองมากกว่า แต่ก็แทบจะกลืนคำพูดของตัวเองลงคอไปในวินาทีถัดมาที่นึกประโยคของตัวเองเมื่อคืนออก
“ แต่เอาเหอะ ถ้านายว่าอย่างนั้น ต่อไปก็จะไม่ยุ่งล่ะนะ ก็ดีเหมือนกัน จะได้หมดภาระฉันซักที ”
‘ ภาระ ’ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่พูดคำๆนั้นออกไปให้เขาเสียใจ แต่หากย้อนไปได้ไกลกว่านั้น ผมจะขอให้อูฮยอนไม่รักผม หากความรักมันจะทำร้ายเขาขนาดนี้ ก็ขอให้ผมเป็นคนที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตยังจะดีเสียกว่า
“ คนที่มีบาดแผลก็เป็นธรรมดาที่จะอ่อนแอ ยิ่งถ้าเป็นแผลในใจมันก็ยิ่งฝังลึก แล้วก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่าแผลปกติหลายเท่า ”
“ ฮยองจะบอกอะไรกับผมรึเปล่า ” ผมเรียกขอประเด็นจากประโยคเมื่อครู่ของกอนัมฮยองเนื่องจากจิตใจของผมตอนนี้มันคงร้อนรนเกินกว่าจะทำใจเย็นมานั่งตีความด้วยตนเองได้
“ มันคงยากนะสำหรับอูฮยอน สิ่งที่จะทำให้เขาผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็มีแค่กำลังใจจากคนสำคัญอย่างนายนั่นล่ะ เพราะงั้นก็อย่าใจร้ายกับเขานักเลย...นะ ” อีกฝ่ายพูดพร้อมกับชกที่อกด้านซ้ายของผมเบาๆเป็นเชิงให้ผมหาคำตอบเอาจากสิ่งที่อยู่ข้างใน
“ แต่ผมไม่เหมาะที่จะยืนในตำแหน่งนั้นหรอก อูฮยอนควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม ” นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ผมทำร้ายเขาด้วยมือของตัวเอง
“ เฮ้อ ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่อูฮยอนจริงจังกับเรื่องของนายมากนะ ซองกยู ”
“ ฮยองพูดเหมือนกับรู้อะไรมา ” คิ้วของผมได้แต่ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย
“ วันนั้นน่ะ ทั้งที่ก่อนหน้า อูฮยอนรับปากฉันเป็นอย่างดีว่าจะไม่ออกไปตามที่ไอ้โรคจิตนั่นมันนัด แต่ลงท้ายเขาก็กลืนน้ำลายตัวเอง เป็นเพราะอะไรรู้มั้ย ”
เขาถามให้ผมคิดตาม ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่าสิ่งที่ผลักดันให้อูฮยอนกล้าออกไปเผชิญหน้ากับอันตรายนั้นคือความไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้ภาวะหวาดกลัวการถูกคุกคามหรือการต้องตกอยู่ใต้อาณัติของใคร จึงอยากทำให้เรื่องจบๆไปเสีย แต่ดูเหมือนนั่นจะยังไม่ใช่สาเหตุที่กอนัมฮยองต้องการจะบอกกับผม
“ เพราะอะไรเหรอครับ ”
“ ฉันเช็คเจอจากข้อความในมือถือเขา คืนนั้นเจ้าโรคจิตมันส่งรูปนายเข้ามา แค่มีรูปนายกับข้อความข่มขู่นิดๆหน่อยๆว่าทางมันเองรู้ว่านายทำอะไรเอาไว้กับอูฮยอน หมอนั่นก็ยอมทุกอย่างแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย แต่เขาก็ยังคิดเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะปกป้องนายเอาไว้ให้ได้ ”
เพราะได้แต่มองข้ามมาโดยตลอด ทำให้ก่อนหน้านี้ไม่เคยมองเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนๆหนึ่ง...
คนๆหนึ่งที่คอยให้ความรักและอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาทั้งที่รู้ดีว่าผมไม่มีอะไรจะตอบแทน
คนๆหนึ่งที่คอยยื่นมือเข้าช่วยประคองตัวผมที่ซวนเซจวนเจียนจะล้มลงให้ยืนหยัดฮึดสู้ได้อีกครั้ง
คนๆหนึ่งที่ยอมเจ็บ ยอมสูญเสีย ยอมแลกทุกๆอย่างของตัวเอง เพียงเพื่อให้ผมได้อยู่ในที่ๆปลอดภัย
คนๆนั้น...ที่ผมไม่สมควรมองข้ามอีกต่อไป
---------------*---------------*---------------
ระยะนี้ผมเริ่มหวนคิดถึงเรื่องที่ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร ผมมีค่าหรือมีประโยชน์กับใครบ้างหรือไม่ ถึงที่ตรงนี้ไม่มีผมก็คงไม่เป็นไร
หรือถ้าไม่มีผมอาจจะดีกว่าก็ได้
ช่วงนี้คงเป็นเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตแล้วจริงๆ ผมอยู่ในภาวะของความกังวลและสับสนตลอดเวลา เอาแต่จมจ่อมอยู่กับเรื่องแย่ๆที่ผ่านมา จนเหมือนว่าตัวเองกำลังจะหมดแรงก้าวไปข้างหน้าในไม่ช้า
ผมเครียดแต่ไม่รู้จะระบายออกที่ใคร ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นความลับแม้แต่กับเพื่อนร่วมวง
ผมรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องถูกแวดล้อมไปด้วยบุคคลที่มีรอยยิ้มอยู่เต็มสีหน้า ทั้งที่ผมหดหู่จนแทบหลั่งน้ำตา
ผมท้อแท้กับการมีชีวิตอยู่ในทันทีที่ได้ยินว่าตัวเองเป็นแค่ภาระของคนอื่นเขา
ถ้าที่ผ่านมาเป็นแค่ความสงสารหรือความรู้สึกผิดของซองกยูฮยอง ผมก็ไม่ต้องการให้เขาต้องฝืนทำดีกับผมด้วยเหตุผลเหล่านั้น
ทุกวันนี้ผมยังนอนฝันร้ายถึงเรื่องเดิมๆ ปากแผลที่ปิดไม่สนิทของผมยังไม่หนักหนาเท่ากับบาดแผลในใจที่หยั่งรากลึกจนเกินกว่าที่ใครจะทำความเข้าใจได้ ผมรู้ดีว่าซองกยูฮยองไม่ใช่คนที่สามารถอดทนรอคอยกับอะไรได้นานๆและเขายังเกลียดคนน่ารำคาญอย่างผมในเวลานี้เป็นที่สุด
จนกว่าจะถึงวันที่ผมสามารถยิ้มได้โดยที่ไม่ต้องฝืน มันคงเป็นเวลายาวนานเกินไปสำหรับเขา จนผมกล้าพนันได้เลยว่าเขาจะไม่อดทนจนถึงวันนั้นอย่างแน่นอน
ถ้าเขาไม่ได้ทำดีกับผมเพราะรัก ก็คงไม่ต่างอะไรกับการจำใจรับเลี้ยงสุนัขข้างถนนที่ตัวเองเผลอขับรถชนเข้าจนมันพิการ
เอามันมารักษา คอยให้ข้าวให้น้ำ ทั้งที่ไม่ได้อยากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ แค่เพราะความรับผิดชอบมันค้ำคออยู่ก็เท่านั้น
ถ้าตายไปซะตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องเก็บมาคอยดูแลให้ลำบาก ไม่ต้องมาเป็นภาระให้ใคร ดังนั้นอย่างน้อยที่สุด การไม่ทำตัวเป็นภาระให้คนอื่น มันก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
วันนี้เรามีงานกันตั้งแต่เช้า ผมจึงตั้งใจตื่นให้เร็วกว่าทุกคน อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าพันแผล แต่งตัวเตรียมพร้อม พึ่งไม้ค้ำยันที่ปกติไม่เคยหยิบมาใช้พาตัวเองออกมาข้างนอกบ้าน ถึงจะล้มแล้วล้มอีกอยู่หลายหน แต่ตอนนี้ก็มาถึงตัวรถได้เรียบร้อย
อย่างน้อยที่สุดในวันนี้ เมมเบอร์ที่เหลือก็จะไม่ต้องรอคนอืดอาดอย่างผมอีกแล้ว
อย่างน้อยเช้านี้พวกเขาก็จะไม่ต้องทนรำคาญตาที่เห็นผมนั่งร่วมโต๊ะทั้งที่ไม่ยอมแตะอาหาร
อย่างน้อยซองกยูฮยองก็จะไม่ต้องคอยพยุงผมไปไหนมาไหนอีกต่อไป
การทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใครนั้นทำให้ผมมีรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจแต้มอยู่บนใบหน้านิดหน่อย นั่นถือเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ผมยิ้มได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนี้
---------------*---------------*---------------
ผมวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่ด้านข้างรถของบริษัททั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน อูฮยอนเป็นคนเดียวที่อยู่ในตัวรถในเวลานี้ เขามองมาอย่างประหลาดใจกับสารรูปของผม ... ชุดนอน คีบแตะ และทรงผมยับๆของคนเพิ่งตื่นนอน
“ เอ่อ...ฉัน..จะถามว่า ทำไมนายถึงไม่กินข้าวเช้า ” ความจริงผมตั้งใจจะมาขอโทษเขา แต่ไอ้ปากไม่รักดีนี่ก็หนักเสียเหลือเกิน ประโยคแรกที่พูดกับเขาจึงกลายเป็นคำต่อว่าไปเสียฉิบ
“ ผมไม่ค่อยหิวน่ะฮะ ”
“ ไม่หิวมากี่วันแล้วล่ะ นายเป็นเด็กมีปัญหาที่ชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นหรือไงกัน ” ผมไม่ชอบคำแก้ตัวของเขาแบบนี้จริงๆเลยเถอะ ให้ตาย ได้ยินแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ
“ ผมไม่ได้ชอบเรียกร้องความสนใจนะ ”
“ แล้วจะอดอาหารไปเพื่อ? อยากหุ่นดี? เลยจะไดเอท? ” ผมแสร้งประชด วิธีนี้คงทำให้ผมหาคำตอบได้ดีกว่าการนั่งจับเข่าคุยกันแบบเปิดอกกับอูฮยอนเป็นไหนๆ
“ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวมีปัญหา แต่ผมกินแล้วจะอาเจียนออกมา ก็เลยไม่ค่อยอยากกิน ” อูฮยอนตอบด้วยดวงตาเศร้าสร้อยให้ผมเข้าใจได้ชัดแจ้งว่าเจ้าตัวไม่ได้อยากตกอยู่ในสภาพนี้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงมันไม่ได้ต่างหาก
“ เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว ” ผมมองรูปร่างบอบบางที่ผ่ายผอมลงทุกวันของอีกฝ่ายอย่างสะเทือนใจ แก้มซูบตอบจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ตัวผอมจนเห็นร่องไหปลาร้าขึ้นชัดเจน กับข้อมือที่ลีบเล็กจนดูไร้เรี่ยวแรงไปหมด
พอได้มาพิจารณาชัดๆถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเองจริงๆที่ตลอดมาไม่ได้ดูแลเขาให้ดีกว่านี้
“ ตั้งแต่ช่วงที่มีเรื่องฮะ มันเครียดจนกินไม่ลง ” แววตาของอูฮยอนหดหู่เสียจนผมรู้สึกปวดในอก
“ แล้วทำไมไม่เคยบอกฮยองบ้าง ”
“ ผมไม่คิดว่าฮยองจะอยากรู้หรอก รู้ไปก็รังแต่จะเพิ่มภาระให้ฮยองเปล่าๆ ” เขาพูดประโยคนี้พร้อมส่งสายตาตัดพ้อมาให้จนผมถึงกับสะอึก
“ โธ่ อูฮยอน นายเห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย ”
“ ฮยองก็เป็นฮยองที่คิดถึงแต่ซองยอลลี่ พูดถึงแต่ซองยอลลี่ แล้วก็รักแต่ซองยอลลี่ไงล่ะฮะ ” คำตอบของอูฮยอนเหมือนใบมีดคมที่บาดลึกลงในใจของผม ยิ่งมองเห็นเขาเข่นยิ้มกับตัวเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
“ แต่รู้อะไรมั้ย เมื่อคืนฉันนอนคิดแต่เรื่องของนายทั้งคืน ” จะสายไปหรือเปล่าที่ผมอยากจะลองพูดอะไรที่ซื่อตรงกับจิตใจของตัวเองดูบ้าง
“ ผมคงสร้างภาระให้ฮยองมากจริงๆ ” เขาว่าพลางก้มหน้าลง ใบหน้าซูบซีดดูเหมือนจะเศร้าหมองหนักกว่าเก่า จนผมต้องรีบแก้ความเข้าใจผิด
“ มันไม่ใช่แบบนั้น อูฮยอน ฮยองขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่นาย ที่บอกว่านายเป็นภาระเป็นเพราะโมโหน่ะ ฮยองแค่เสียใจที่นายไม่รู้สึกถึงความห่วงใยของฮยองบ้างเลย ถึงได้เผลอหลุดคำประชดบ้าๆนั่นออกไป ”
“ ฮยองเป็นห่วงผม? ”
“ ใช่ ก็เป็นห่วงน่ะสิ เป็นห่วงมากๆด้วย เป็นห่วงจนคิดเรื่องของนายวกไปวนมาทั้งคืนแทบไม่ได้นอน มาได้นอนอีกทีก็เกือบจะเช้าอยู่แล้ว ”
“ .................. ” อูฮยอนได้แต่ส่งสายตาแปลกใจกลับมาให้ ผมจึงอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนงงปีนขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านข้าง เขยิบเข้าไปใกล้จนหัวไหล่ของเราสองคนสัมผัสกัน
“ นายมีอิทธิพลกับฮยองมากกว่าใครทั้งหมด รู้ตัวบ้างมั้ย ” ผมใช้นิ้วโป้งของตัวเองเกลี่ยข้างแก้มของเขาแผ่วเบา “ พอลองตัดเรื่องงานแล้วก็เรื่องอื่นๆออกไป ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ถามใจตัวเองดีๆ ฮยองถึงได้รู้ความจริงข้อหนึ่ง ”
“ ………….. ” อูฮยอนก้มหน้างุดซ่อนดวงหน้าที่แดงก่ำ ให้แน่ใจได้เลยว่าเขาฉลาดพอที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อได้แล้ว
“ ที่ฮยองเอาแต่ยึดติดกับเรื่องของซองยอลมาตลอด ก็แค่เพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากนายนั่นล่ะ ” ผมเกือบหลุดขำ เพราะแค่ประโยคเกริ่นนำก็ทำอีกฝ่ายทำตาโตเสียยกใหญ่ จนผมกลัวว่าเขาจะตื่นเต้นเกินไปจึงส่งมือไปช่วยลูบหลังให้ใจเย็นลงก่อนค่อยว่าต่อ
“ ความสัมพันธ์ของเราที่มีเรื่องเซ็กส์เป็นตัวคั่นกลางตลอด แต่จู่ๆก็มาได้ยินนายละเมอว่ารักฮยอง โดยไม่ทันตั้งตัว มันเลยทำให้ฮยองได้แต่สับสน ”
“ ฮยองเลยบอกให้เราเหมือนเดิม ”
“ ใช่ แล้วมันเหมือนเดิมได้ซะเมื่อไหร่ ถึงตอนนี้นายก็คงจะเดาออกแล้วใช่มั้ยว่าเพราะอะไร? ” ผมถามพลางช้อนคางอีกฝ่ายขึ้นสบตา
“ เป็นผมจะดีจริงๆเหรอฮะ ” ตอนที่ถามคำถามนี้ผมสังเกตเห็นนัยน์ตาของเขามีแวววูบไหวเสียจนทำหัวใจผมอ่อนยวบไปหมด
“ แล้วมีอะไรไม่ดีล่ะ ”
“ ฮยองรักซองยอลมาตลอดไม่ใช่เหรอ ”
“ ใช่ เคยรักมาตลอด ก่อนจะเข้าใจตัวเองน่ะ ” ผมอธิบาย
“ ที่ฮยองรู้สึกกับผม แน่ใจว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกผิด หรือ ต้องการจะรับผิดชอบใช่มั้ยฮะ ”
“ ก็เคยคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ” หลังจบประโยค ผมเห็นอูฮยอนทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เลยต้องรีบสรุปให้ฟังแทบไม่ทัน “ แต่หลังจากถามตรงนี้ดูแล้ว ” ผมยกฝ่ามือของอีกฝ่ายให้แนบไปกับอกด้านซ้ายของตัวเอง แล้วประกบมือทับอีกชั้น หัวใจของผมเต้นโครมครามจนคิดว่าตัวเขาเองก็คงรู้สึกได้เหมือนกัน “ ก็แน่ใจแล้วล่ะว่าฮยองรักอูฮยอนจริงๆ ”
“ ฮึก...โฮ ” ไปๆมาๆจากหน้าเบะๆเหมือนจะร้องก็กลายเป็นร้องไห้โฮจนตัวโยน ทำเอาผมตกใจจนเกือบทำอะไรไม่ถูก
“ ถ้าฮยองแค่รู้สึกผิด ก็คงไม่คอยคิดถึง คอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้หรอก เมื่อเช้าแค่ตื่นมาแล้วไม่เจอเราอยู่บนเตียง ฮยองก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว วิ่งพล่านตามหาเราไปรอบบ้านอย่างกับคนบ้า กลัวไปสารพัดว่าเราจะคิดสั้นเพราะน้อยใจคำพูดของฮยองเมื่อคืนรึเปล่า ”
“ ฮื่ออออ ”
“ อย่าร้องไห้สิ ร้องขนาดนี้ ฮยองตกใจนะเนี่ย ” ผมรั้งตัวเขาเข้ามาในอ้อมแขนอย่างต้องการจะปลอบประโลม
“ ฮือ ผมดีใจ...ฮึก ..มากเลย ฮึก ค...แค่รู้ว่าฮยองไม่ได้เกลียดผม ...ฮึก.. มันก็ดีที่สุดแล้วจริงๆ ...ฮือๆ ” เสียงพูดสลับเสียงสะอื้นฮักของเจ้าตัวทำเอาผมอมยิ้มพลางลูบผมอย่างเอ็นดู
“ ไม่ใช่แค่ไม่เกลียด ก็บอกแล้วไงว่ารัก ”
THE END
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น