ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INFINITE #LeadNam : Vampire High School

    ลำดับตอนที่ #4 : Danger

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 58



    Vampire High School 

    - ตอนที่ 3.2 -

     

     

     

     

    ฮยองนี่เลือดเย็นชะมัด! แอล หมอหนุ่มผู้ที่จับพลัดจับพลูต้องมาอยู่ในสถานะแวมไพร์ด้วยความเซ่อซ่าของตัวเองตั้งแต่เมื่อครั้งกาลก่อนติงผู้เป็นนายเหนือหัวของตัวเองอย่างไม่คิดกลัวเกรง หลังได้รับคำสั่งให้คอยยืนสังเกตการณ์เด็กหนุ่มผู้น่ารักที่ดอดหนีออกนอกปราสาทกลางดึกในระยะไกลจากดาดฟ้าของตึกสูงที่ตั้งอยู่เยื้องกับ ร้านต๊อกโบกิของมิสกง

     

    ถ้าไม่ได้มีคำสั่งแนบท้ายว่า แม้จะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นก็แค่อยู่เฉยๆ ห้ามให้การช่วยเหลือเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับคำสั่งเปลี่ยนแปลงแอลก็คงจะเต็มใจปฏิบัติหน้าที่อยู่หรอก

     

    เด็กมันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อย่างเจ้าเปี๊ยกเนี่ย ถ้าไม่ปล่อยให้เจ็บตัวซะบ้างก็คงไม่รู้จักเข็ด   ซองกยูตอบบุคคลเดียวในแก๊งที่เรียกเขาว่าฮยองอย่างมั่นอกมั่นใจว่าแผนที่ตัวเองเลือกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ปราบนิสัยพยศของชินอูฮยอนได้อย่างยั่งยืนถาวร

     

    แวมไพร์รัชทายาททอดมองเด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าพร้อมกับพิงหลังไว้กับบานประตูบ้านจากมุมสูงด้วยสายตาห่วงใยปนเอือมระอา อีกฝ่ายดูอาการไม่ดีมาตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แถมอุณหภูมิอากาศตอนนี้ก็เหลือแค่เลขหลักเดียว คาดว่าอีกไม่นานคงติดลบ

     

    ซองกยูอยากจะบังคับพาอูฮยอนกลับปราสาทใจจะขาด ติดที่รู้แกวว่าไม่กี่วันหลังจากนี้เจ้าเด็กดื้อจะต้องออกฤทธิ์ พยายามหาทางหนีออกมาอีกแน่ อย่ากระนั้นเลย สู้ให้อีกฝ่ายได้ทำความรู้จักกับอันตราย รวมถึงรู้สึกเข็ดขยาดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า

     

    นั่นแหละที่เขาเรียกว่าเลือดเย็น ฮยองมันเป็นแวมไพร์เย็นชา ใจร้ายๆๆๆ

     

    เฮ้ย เงียบก่อนแอล ข้าได้กลิ่นพวกฝั่งตรงข้าม มันกำลังเคลื่อนตัวมาใกล้ๆแล้ว แถมไม่ใช่พวกปลายแถวด้วย ซองกยูที่มีพลังและประสาทสัมผัสแข็งแกร่งที่สุดในแก๊งร้องบอกก่อนจะตะโกนกระจายคำสั่งกับลูกน้องเสียงดังฟังชัด ดงอู คุ้มครองเจ้าเปี๊ยก ส่วนโฮย่าเจ้ามากับข้า

     

    แล้วผมอะฮยอง แอลชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างคาดหวังว่าจะได้ทำหน้าที่แจ่มๆแบบคนอื่นบ้าง

     

    ถ้าไม่รออยู่นี่ ก็ไสหัวไปให้เจ้าพวกฝั่งนู้นมันแทะคอเล่นซะ ปวกเปียกแบบเจ้า สู้ไปก็ตายเปล่า  

     

    แอลไม่ปฏิเสธหรอกว่าตัวเองไร้ความสามารถด้านการต่อสู้แค่ไหน พลังที่พอมีติดตัวอยู่บ้างอย่างดีก็ได้แค่ใช้ป้องกันตัวเองจากแวมไพร์ระดับล่างสุดเท่านั้น

     

    แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ ก็เขาไม่ใช่แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แบบซองกยูกับดงอู แล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งดุจหินผามาตั้งแต่สมัยยังเป็นคนแบบโฮย่านี่

     

    โห่ ไม่เห็นต้องพูดจารุนแรงขนาดนั้นเลย แอลบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกับมองแผ่นหลังของพวกพ้องที่กระโจนลงจากตึกเพื่อไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองตาละห้อย

     

    …………………………………………………..…………..

     

    หลบอยู่ข้างหลังฉันนะเจ้าหนู ดงอูร้องบอกเสียงเครียดขณะพยุงอูฮยอนให้ลุกขึ้นยืน

     

    พวกคุณ? ทำไม... ถึงมาอยู่ที่นี่ ร่างบางถามด้วยสีหน้าอิดโรย

     

    พวกเรามารับนายไง แวมไพร์ผมทองตอบเด็กน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนใช้หลังมือทาบกับหน้าผากของอีกฝ่าย คุณพระ!! ตัวร้อนจี๋เลย ท่านซองกยู เราควรหลีกเลี่ยงการปะทะ แล้วรีบพาเจ้าหนูกลับปราสาทเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่ศัตรูจะมาถึง

     

    100 เมตร ซองกยูส่งสัญญาณบอกลูกน้องถึงระยะห่างอันน้อยนิดระหว่างแก๊งของเขากับศัตรู

     

    ไฮ คิมซองกยู ไม่เจอกันนานนะพวก ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีเข้มส่งเสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ทักทายแวมไพร์รัชทายาทด้วยท่าทางยียวน

     

    บังยงกุกเองเหรอเนี่ย ไม่เห็นนาน ก็นึกว่าไปตายโหงตายห่าที่ไหนแล้วซะอีก

     

    เย็นก่อนเถอะท่าน เจ้าหนูจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาชำระแค้นกันนะท่านซองกยู จางดงอูกระซิบเตือนอย่างรู้สึกหวั่นใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องเจอแวมไพร์อย่างบังยงกุก เจ้านายของเขาก็ไม่เคยควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติได้เลยสักครั้ง

     

    ก็ว่าไปนั่น ว่าแต่เด็กหนุ่มคนนั้น...

     

    ซองกยูใช้พลังแวมไพร์เร่งฝีเท้าเข้าไปประจัญหน้ากับศัตรูด้วยความรวดเร็วภายในเสี้ยววิ ก่อนตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเดือดดาลพลางกระซิบเตือนเสียงเข่นเคี้ยว อย่ายุ่ง!!! ”

     

    “ ‘พวกเหนือกฎสินะ บังยงกุกแสยะยิ้ม

     

    ไม่เกี่ยวกับแวมไพร์วิปริตอย่างแก!! รัชทายาทแวมไพร์ว่าพลางสะบัดแขนทิ้ง ทำเอาอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกกับตึกฝั่งตรงข้ามเสียงดังโครมใหญ่

     

    เสมือนการลั่นกลองเปิดศึก ทันทีที่แวมไพร์ตัวลูกพี่โดนเล่นงาน บรรดาลูกสมุนนับสิบก็ค่อยๆเคลื่อนไหวออกจากความมืดแล้วห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้

     

    ชิท!! ” จางดงอูสบถเมื่อเห็นพวกแวมไพร์ชั้นล่างออกมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวพวกเขาเต็มไปหมด แม้การต่อสู้กับพวกชั้นล่างจะไม่ต้องใช้พลังมาก แต่ด้วยปริมาณที่มีเป็นสิบๆ ก็ทำเอาเขาหงุดหงิดไม่เบา

     

    เป็นห่วงเจ้าหนูก็เป็นห่วง แต่นายเหนือหัวของเขาก็กำลังไล่กระทืบหัวหน้าของอีกฝั่งอย่างเมามัน ครั้นจะพึ่งพาโฮย่า ฝ่ายนั้นก็กำลังสาละวนอยู่กับการฉะกับพวกหัวๆของทีมนู้นอยู่เหมือนกัน

     

    เจ้าหนู หลบอยู่หลังฉันดีๆนะ เดี๋ยวก็จบแล้ว ดงอูเอ่ยปลอบ เพราะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากเด็กน้อยในความดูแลของตัวเอง

     

    เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อูฮยอนจับชายเสื้อเขาเอาไว้เสียแน่นหนาขนาดนี้ เจ้าหนูคงจะกลัวมาก เพราะแวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้ามีแต่พวกชั้นล่างที่สูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว หรือถ้าให้เปรียบก็คงคล้ายๆกับพวกเมายาบ้านั่นล่ะ บ้าคลั่ง ทำร้ายคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล ...น่าตื้บเป็นที่สุด!

     

     

    “ ว้าว ฝีมือดีนี่ ” แวมไพร์ระดับสูงของฝั่งตรงข้ามเอ่ยชมโฮย่าอย่างตื่นเต้น ขณะพักยกหลังจากฟัดนัวกันมาพักใหญ่

     

    “ โดนมันซัดซะตัวบุบ ยังมีหน้าไปชมมันอีกนะ จองแดฮยอน ” แวมไพร์อีกตนกล่าวพร้อมกับมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาหยามหยัน

     

    “ มันก็พอกันนั่นแหละว้า ยูยองแจ ” แดฮยอนหันไปมองเพื่อนที่สะบักสะบอมไม่ต่างกันพร้อมกับส่งเสียงเยาะ ก่อนจะหันกลับไปมองคู่ต่อสู้ที่มีเพียงหนึ่งซึ่งกำลังยืนทำหน้าตาไร้อารมณ์อยู่อีกฝั่ง “ ว่าแต่นาย ชื่อไรนะ ”

     

    “ โฮย่า ” เสียงทุ้มห้าวตอบกลับมาแผ่วเบา ก่อนจะส่งมือและเท้าที่ไม่เบาอย่างเสียงตามเข้ามาสมทบอีกระลอก

     

     

     

    “ เด็กๆสนุกกันใหญ่เลยเนอะ ” บังยงกุกบอกด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

     

    “ ฉันก็สนุกเหมือนกัน ” ซองกยูตอบก่อนออกแรงกระทืบลงกลางอกของอีกฝ่ายที่นอนพังพาบอยู่กับพื้น

     

    “ แค่กๆ!! ” แวมไพร์ผู้มีใบหน้ายียวนเป็นเอกลักษณ์ไอโขลกจนตัวโยน แต่ไม่วายกวนต่อ “ เท้าหนักเหมือนเดิม ”

     

    “ ................ ” แวมไพร์รัชทายาทตีหน้านิ่งขรึม ไม่ได้นึกโกรธวาจาสามหาวของบังยงกุก แค่กำลังสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้มีท่าทีที่ดูสบายอกสบายใจได้ขนาดนี้

     

    ตั้งแต่สู้กับยงกุกมา ซองกยูไม่เห็นว่าไอ้เวรนี่จะตอบโต้เขาเลยสักครั้ง เอาแต่หลบเลี่ยงไปมา ล่อหลอกให้ไปทางนู้นทีทางนี้ที รอเขาตามเข้าไปกระทืบอย่างใจเย็น

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกก ”  

     

    เจ้าหนู!!! ”

     

    เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากระยะไกลตามมาด้วยเสียงตะโกนสรรพนามแทนชื่อชินอูฮยอนที่จางดงอูใช้อยู่เป็นประจำเรียกความสนใจจากคิมซองกยูได้เป็นอย่างดี

     

    แวมไพร์รัชทายาทเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกหลังเห็นรอยเลือดปริมาณไม่น้อยถูกลากไปตาม ความยาวของถนน และร่างบอบบางของเด็กน้อยที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมฟุตบาท ท่ามกลางสมรภูมิรบระหว่างแวมไพร์หนึ่งตนกับหมาป่าขนสีเงินอีกหนึ่งตัว

     

    ไอ้เดนนรกเอ๊ย! ” ซองกยูสบถด่าแวมไพร์บังยงกุกอย่างเกรี้ยวกราดที่อีกฝ่ายเล่นสกปรก ถ่วงเวลาเขา เพื่อให้พวกของตัวเองลักพาเด็กน้อยของเขาไป

     

    ในที่สุดก็รู้ตัวแล้วสินะ ยังความรู้สึกช้าไม่เปลี่ยน บังยงกุกยิ้มมุมปากรับคำด่าด้วยสีหน้าชื่นมื่น

     

     

     

    แอลลอบมองเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นด้านล่างอย่างตื่นกลัว ด้วยความเป็นสายเลือดบริสุทธิ์และสืบเชื้อสายโดยตรงมาจากราชาองค์ก่อน ซองกยูจึงมีพลังมากกว่าแวมไพร์ตนอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย ผนวกกับพรรคพวกของเขาที่เก่งกาจขนาดนั้น ในปฐพีนี้ก็แทบไม่มีแวมไพร์พรรคไหนเป็นคู่ต่อสู้แล้ว

     

    นั่นคือความคิดของเขาเมื่อนาทีก่อน หากเพียงนาทีถัดมา ทันทีที่หมาป่าสีเงินปรากฏกายขึ้น ทุกอย่างก็เสียขบวน กลายเป็นความวุ่นวายที่คาดไม่ถึง!!

     

    หมาป่ามีพละกำลังเหนือกว่าแวมไพร์ แสงแดดไม่อาจระคายผิว และพวกมันยังคงต้องดื่มกินโลหิตสดๆของมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับแวมไพร์ คือคุณสมบัติอันน่าคร้ามเกรงของเหล่ามนุษย์หมาป่า

     

    นั่นจึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจชี้ผลแพ้ชนะของศึกครั้งนี้ เพราะในขณะที่กลุ่มของบังยงกุกมีมนุษย์หมาป่า แต่กลุ่มเขากลับไม่มี!

     

    บังยงกุกกลับมาพร้อมรบเต็มกำลังอีกครั้ง ฟาดฟันกับซองกยูอย่างมีชั้นเชิง ขณะที่คู่ต่อสู้ของโฮย่าก็เหนียวจัดทั้งคู่ ผลัดกันล้มผลัดกันลุกขึ้นมาสู้ สะบักสะบอมแค่ไหนก็ไม่ยอมล่าถอยไปสักที ส่วนจางดงอูก็เปิดศึกเต็มอัตรากับมนุษย์หมาป่า แถมด้วยเหล่าลูกกระจ๊อกผู้บ้าคลั่งอีกฝูงที่สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาให้กระทืบไม่ซ้ำหน้า แล้วไหนจะต้องอารักขาเด็กน้อยที่บาดเจ็บนั่นอีก

     

    เรียกว่าตึงมือกันสุดๆ

     

    “ ฮ...เฮ้ยๆๆ น...นาย เข้าไปไม่ได้นะ!! ” แอลส่งเสียงเรียกอย่างตกใจ เพราะจู่ๆก็มีเด็กผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งทะเล่อทะล่าเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของแวมไพร์ระดับล่างเสียอย่างนั้น

     

    ไม่ทันไรเด็กหนุ่มก็โดนกลืนไปกับฝูงซากศพเดินได้ แอลหลับตาลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยไม่อยากเห็นภาพอันน่าสยดสยองนั่น แต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ดังเคล้าไปกับเสียงกร๊วบๆน่าหวาดเสียวนั่นก็ยังตามมาหลอนหูเขาได้อยู่ดี

     

     

    ดงอูเบิกตากว้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงกำลังโดนล้อมโดยพวกแวมไพร์ชั้นล่าง หากเขาก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนัก เพราะหมาป่าสีเงินตรงหน้าไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำอย่างนั้น ...เสียดายที่แวมไพร์แยกร่างไม่ได้ ไม่งั้นเขาคงพาอีกร่างของตัวเองเข้าไปกู้ชีวิตเด็กคนนั้นแล้ว

     

    ทันทีที่รอบข้างเกิดสิ่งผิดปกติ อูฮยอนที่นอนพังพาบอยู่ริมฟุตบาทก็ฝืนความอ่อนล้า ค่อยๆลืมตาขึ้นมอง เขาเห็นพวกแวมไพร์หิวโซพากันเดินเปลี่ยนทิศไปหาเหยื่อรายใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำให้เขาถึงกับกรีดเสียงร้องออกมาราวกับคนเสียสติ

     

     

     

    “ ไม่นะ!! ซองยอล!! อย่าทำเขา!! ฮือออ ได้โปรด อย่าทำอะไรเขา!!

     

     

    - To be Continued in ‘Vampire High School’ Part 4 -


     TALK:  ขอโทษที่มาต่อช้า(มากกกกก) และขอบคุณที่ยังคงติดตาม + คอมเมนท์ให้มากๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจและแรงผลักดันอย่างดีเลยค่ะ 
     

     

       
     

             แนะนำตัวละครใหม่  แก๊งแวมไพร์คู่อาฆาต
     

     

                      
                          บังยงกุก                                              จองแดฮยอน                                         ยูยองแจ 




    cr: beautiful-as-vampire.tumblr.com

     #ฟิควพฮสค




     

    © HK FreeTheme;}
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×