คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : อันตราย
-4-
อันตราย
“ ผมไม่ค่อยหิว ”
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อครัวจำเป็นอย่างอูฮยอนไม่ยอมมาร่วมโต๊ะกับพวกเรา หลังกลับจากซื้อของ เจ้าตัวก็ง่วนทำอาหารอยู่คนเดียวในครัว ทำเสร็จก็เข้านอนไปเงียบๆโดยทิ้งเหตุผลที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเอาไว้ให้แค่นั้น
ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันจนสายตัวแทบขาด แถมยังต้องซ้อมต่ออีกตั้งหลายชั่วโมง เอาที่ไหนมาพูดว่าไม่หิว
“ เขาโกรธพวกเรารึเปล่านะ ” ซองยอลคงรู้สึกแย่ไม่น้อยที่พี่ชายร่วมวงซึ่งปกติเคยร่าเริงตลอดเวลา จู่ๆก็กลายเป็นคนเคร่งขรึมไปเสียเฉยๆ
“ เป็นเพราะนายแน่ๆที่ชอบไปรบเร้าอูฮยอนฮยองให้เขาทำนู่นทำนี่ให้อยู่เรื่อย เขาต้องไม่พอใจนายแน่ๆเลย ” โฮย่าไซโคใส่ซองจง จนเจ้าตัวเล็กถึงกับน้ำตาซึม
“ อูฮยอนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นหรอก เขาแค่ไม่ค่อยสบายน่ะ ” ผมส่งสายตาปรามโฮวอน เรื่องแหย่ซองจงนี่ขอให้บอก เจ้าแดนซ์แมชชีนชอบนักล่ะ แต่สุดท้ายพอชักเล่นเลยเถิดไปมากๆ ก็มักจะเป็นตัวมันเองนั่นแหละที่เป็นคนปลอบมักเน่ทุกที
“ ไม่สบายอีกแล้วเหรอ เขากินยารึยังล่ะฮยอง ” ซองยอลถาม
“ คงกินแล้วล่ะมั้ง ” เป็นเพราะไม่รู้ ผมจึงตอบปัดๆอย่างขอไปที
“ หวา!! ฮยอง ทำไมเย็นชาจัง เขาเป็นรูมเมทฮยองนะ ทีวันนั้นที่ฮยองเมา เขายังเป็นคนพาฮยองกลับมาที่ห้องเลย แถมสั่งผมเตรียมยาแก้แฮงค์ไว้ให้ฮยองอีก ”
คำพูดของซองยอลทำหัวใจผมกระตุกวูบเมื่อได้รู้ความจริง แม้วันนั้นคนที่คอยดูแลผมจะเป็นลีซองยอล แต่คนที่พาผมที่กำลังเมามายให้กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแท้ที่จริงคือนัมอูฮยอน
คนที่เตรียมยาไว้ให้ผมคือซองยอล แต่คนที่เป็นห่วงผมจริงๆกลับเป็นอูฮยอน
อูฮยอนคิดถึงผมก่อนตัวเองเสียอีก
จะมีใครบ้างที่เพิ่งโดนคนเมาในบ้านข่มขืนเสียจนบอบช้ำแล้วยังอุตส่าห์หวังดีดั้นด้นออกไปรับไอ้คนเมาไม่เจียมสังขารคนนั้นที่รั้นจะไปเมาต่อที่อื่นให้กลับเข้าบ้านมาอย่างปลอดภัย
จะมีสักกี่คนที่ไข้ขึ้นจนแทบสลบแต่ยังมีแก่ใจเป็นห่วงคนที่ข่มขืนตัวเองได้อีก
จะมีคนไหนที่เป็นกังวลถึงยาแก้อาการเมาค้างของคนเมา มากกว่าที่จะหายาลดไข้ให้ตัวเองเสียอีก
ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่นัมอูฮยอน
---------------*---------------*---------------
“ แค่กๆๆ ” เสียงไอแห้งๆดังมาจากคนที่นอนอยู่เตียงชั้นบนกลางดึก ทำเอาผมเริ่มรู้สึกตัวตื่น จังหวะการพลิกตัวถี่เกินวิสัยของเจ้าตัวบอกผมถึงอาการผิดปกติของเขา
“ อูฮยอน ” ผมลุกออกจากที่นอนของตัวเองมายืนข้างเตียง ส่งเสียงเรียกเขาเบาๆพร้อมกับสะกิดให้รู้สึกตัว
“ อื้อ ” อูฮยอนส่งเสียงครางในลำคอ พลางปรือตาขึ้นมองอย่างงัวเงียในความมืด
ผมใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเขาเพื่อวัดไข้ แล้วก็พบสาเหตุ อุณหภูมิร้อนจัดทำให้เขาไม่สบายตัวจนนอนกระสับกระส่าย
“ เจ็บตรงไหนมั้ย ”
“ เจ็บคอ ” เขาตอบด้วยเสียงแหบพร่า
“ อย่างเดียวเหรอ ”
“ ปวดหัว ”
ผมยิ้มรับอย่างรู้สึกดีใจที่อูฮยอนเลิกนิสัยดื้อแพ่งได้เสียที แต่ที่ดูว่าง่ายนักก็คงเป็นเพราะเจ้าตัวอาการหนักจริงๆนั่นแหละถึงได้ไม่ค่อยดื้อ
“ เดี๋ยวฮยองเอายาให้ อย่าเพิ่งหลับนะ กินยาก่อน ”
ผมสั่งก่อนรีบตรงดิ่งไปเปิดลิ้นชัก อูฮยอนมีสารพัดยาเตรียมพร้อมอยู่ในนั้น ผมกวาดตามองไปรอบๆภายในลิ้นชักจนไปสะดุดเข้ากับกล่องมีลักษณะเหมือนกับที่ซองยอลเตรียมให้ผมวันนั้นเรียงซ้อนกันอยู่เป็นตั้ง
อูฮยอนมียาแก้อาการเมาค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เขาแทบจะไม่ดื่ม ไม่ได้มีไว้ให้ตัวเองแต่มีมันไว้เพื่อผม
ความใจดีของอูฮยอนทำเอาผมรู้สึกละอาย นึกย้อนไปถึงตอนที่ผมขืนใจ ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเขาสารพัด พอได้สติแล้ว สุดท้ายที่ทำได้ก็มีเพียงแค่พูดขอโทษออกไป แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็กลับยิ้มรับอย่างพร้อมที่จะอภัยให้ผมในทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่แม้แต่จะรู้สึกโกรธเสียด้วยซ้ำ
“ ลุกขึ้นมากินยาก่อน เดี๋ยวค่อยนอนต่อนะ ” ผมบอกก่อนพยุงร่างผอมบางที่พักหลังๆมาชักจะผอมซูบไปกันใหญ่ให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง แต่อูฮยอนกลับอ่อนแรงเกินกว่าจะหยัดตัวให้ตั้งฉากกับพื้นเตียง จึงทำได้แค่เพียงผงกหัวขึ้นมารับยาจากอุ้งมือผมไปเท่านั้น
“ แค่กๆ ” ด้วยท่าทางที่ไม่เคยชินทำให้อูฮยอนสำลักน้ำ ผมจึงช่วยลูบหลังเขาเบาๆ
“ ไม่ยอมลุกขึ้นมา เลยเป็นแบบนี้เลยเห็นมั้ย ” ผมแค่บ่นไปตามเรื่องตามราว ความจริงจะโทษคนป่วยก็ไม่ถูกนักหรอก
“ ฮยอง…จะใจดีกับผมแบบนี้ตลอดไปเลยได้หรือเปล่า ” อูฮยอนยิงประเด็นใหม่ออกมาอย่างตรงไปตรงมา อาจจะเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นจากพิษไข้ถึงได้มีความกล้าที่จะพูดมากกว่าเวลาปกติ
ผมนิ่งคิดชั่วอึดใจอย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร อูฮยอนไม่ใช่คนโง่ ดูท่าว่าเขาจะจับทางได้หลังจากที่ผมบอกให้พวกเราเหมือนเดิมในทันทีเลยด้วยซ้ำ
อูฮยอนรู้ว่าผมล่วงรู้ความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อผม เขาตระหนักได้ว่าตนเองพลาดพลั้งไปแล้ว เขาพลาดเองและผมคงช่วยอะไรเขาไม่ได้
“ ความใจดีของฉันมีไว้เพื่อคนๆเดียวเท่านั้น …ฉันขอโทษ ”
ไม่มีทางที่เราจะกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
---------------*---------------*---------------
ผมเคยรู้ดีว่าหัวใจของซองกยูฮยองมีใครคนหนึ่งอยู่ในนั้นเสมอ ย้ำว่าแค่เคย เพราะหลังจากนั้นก็แกล้งทำเป็นลืม เอาแต่หลอกตัวเอง ย้ำกับตัวเองว่าคนอย่างนัมอูฮยอนนี้ก็สำคัญกับเขาไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร คิดย้ำๆซ้ำๆ จนแม้แต่การรับรู้ของตัวเองก็ยังเปลี่ยนไป
ผมมองว่าตัวเองมีค่าในสายตาเขา ถึงจะน่าอายไปหน่อย แต่อย่างน้อยเขาก็พอใจในเรือนร่างของผม อาจดูเหมือนหลงตัวเอง แต่หลายครั้งที่วิธีปลอบใจที่ผมใช้ มันช่วยฉุดให้เขามีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่มาจวบจนถึงทุกวันนี้
แต่สุดท้ายก็เหมือนกรรมสนองพวกชอบคิดเองเออเองแบบผม เพราะในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ต้องการที่จะมีผมอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว
เป็นครั้งที่สองที่รู้สึกว่าตัวเองอกหักจากคนๆเดียวกัน ครั้งแรกที่เพิ่งรู้ว่าซองกยูฮยองรักซองยอลก็ยังพอมีนิสัยชอบหลอกตัวเองช่วยเยียวยาจิตใจเอาไว้ได้บ้าง แต่ครั้งนี้คงไม่มีอีกแล้ว
เพราะครั้งก่อนทุ่มไปหมดหน้าตัก ตอนนี้ผมถึงไม่มีไม้ตายอะไรเหลือติดตัวเลยสักอย่าง คงถึงเวลาที่ต้องก้มหน้ายอมรับความเป็นจริงแล้วว่าแม้แต่พื้นที่ข้างกายคิมซองกยูที่อดีตเคยยืนหายใจได้อย่างสบายๆ ในที่สุดผมก็ได้สูญเสียมันไปอย่างถาวรแล้ว
“ โฮย่า ไปกับฮยองหน่อยเร็ว นายเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจได้ จริงๆนะ ” ซองกยูฮยองพูดพลางคว้าไหล่ของโฮวอนมาโอบไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน คาดว่าคงมีธุระอะไรสักอย่างที่ต้องไปตกลงกับทางบริษัท ปกติที่ตรงนั้นควรจะเป็นของผม แต่ตอนนี้คงไม่แล้ว
ชัดเจนแล้วว่าผมไม่เป็นที่ต้องการของเขาจริงๆ
---------------*---------------*---------------
อูฮยอนรู้สึกไม่ค่อยดี สาเหตุแรกมาจากร่างกายที่ไม่เต็มร้อยเพราะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาก็ทำงานต่อทันที ไม่มีเวลาให้ได้พักฟื้น แต่สาเหตุสำคัญคือสมาชิกสองคนที่ร่วมอัดรายการด้วยกันกับเขาในวันนี้
แค่ป่วยแล้วต้องฝืนทำงานก็เต็มกลืนพออยู่แล้ว แต่คงจะไม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านั้น ถ้าสองคนที่ว่านั่นไม่ใช่คิมซองกยูกับลีซองยอล
“ ไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวให้น่ารักต่อหน้าแฟนๆก็ได้ เพราะปกตินายก็ดูดีอยู่แล้ว แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ ”
ประโยคนี้ซองกยูฮยองเป็นคนพูดขึ้นกับซองยอลที่นั่งอยู่ข้างกันที่เบาะด้านหน้า ผมได้แต่ยิ้มขื่นกับตัวเอง เขากำลังถากถางผมชัดๆทำไมผมจะเดาเจตนาไม่ออก
เป็นจริงอย่างที่ซองกยูฮยองเคยบอกผมเอาไว้ เขาใจดีได้กับเฉพาะคนๆเดียวซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร ถ้าไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาในขณะนี้
ส่วนคนที่เขาจะทำตัวใจร้ายด้วยก็มีแค่ผมเพียงคนเดียวเหมือนกัน ถ้าคิดให้เป็นเรื่องตลกสักหน่อยก็คงพอจะพูดได้อยู่หรอกว่าผมกับซองยอลต่างก็เป็นคนพิเศษสำหรับซองกยูฮยองเหมือนกัน ถึงจะเป็นในแง่ที่ต่างกันออกไปอย่างสุดขั้วก็เถอะ
แต่ผมรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธเขา เป็นเพราะซองกยูฮยองไม่เคยมองผมในฐานะอื่นนอกจากน้องชายเลยสักครั้ง ดังนั้นเขาก็จะไม่ทำอะไรที่เป็นการให้ความหวังผมอย่างเด็ดขาด คิดดีๆแล้วนั่นถือเป็นความใจดีของเขาเสียด้วยซ้ำ
ผมปล่อยให้เสียงสนทนาของพวกเขาเป็นแบ็คกราวด์ ลึกๆแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกอิจฉาซองยอลแค่ไหน แต่ก็ต้องพยายามระงับใจ ทำทีเป็นเพ่งสมาธิไปกับการอ่านเมนชั่นของแฟนๆแทน
เมนชั่นน่ารักๆจากอินสปิริทถึงผมเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจชั้นดี ผมยิ้มได้ทุกครั้งที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นประโยคบอกรัก ตัดพ้อต่อว่า หรือจะมาในรูปแบบไหน ภาษาอะไรก็ตาม แต่ทุกความใส่ใจของพวกเขา ผมรับรู้ถึงมันได้
สายตาของผมสะดุดอยู่ตรงเมนชั่นของใครคนหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาอยู่บนหน้าจอทำเอาลมหายใจติดขัด
ภาพถ่ายที่ถูกครอปมาแต่ช่วงแขนที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและร่องรอยของการถูกทำร้าย มีสายน้ำเกลือโยงออกจากข้อมือนั้น พร้อมข้อความสั้นๆใต้รูปว่า ‘ความลับ’
แม้ตอนนี้ร่องรอยเหล่านั้นจะเริ่มจางไปจนเกือบหมดแล้ว แต่ไม่มีทางที่ผมจะจำไม่ได้ว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของแขนข้างนั้นก็คือตัวผมเอง
…เป็นตัวผมตอนที่เข้าโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากนึกถึงนั่น
แต่นี่มันน่าขนลุกสิ้นดี ใครกันแน่ที่กำลังเล่นตลกกับผมด้วยวิธีบัดซบแบบนี้ ใครกันที่เข้าถึงตัวผมได้ใกล้ชิดขนาดนั้น และที่สำคัญดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ผมไม่ต้องการให้ใครรู้เป็นอย่างดีเสียด้วย
---------------*---------------*---------------
หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีข้อความแปลกๆเข้ามาในมือถือของผม หลายๆข้อความเป็นการบอกรัก แต่ส่วนใหญ่ล้วนส่อไปในทางหยาบโลน ประโยคน่ารังเกียจและรูปภาพลามกอนาจารต่างๆที่ถูกส่งเข้ามาบ่งบอกถึงความวิปริตของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
สิ่งเหล่านั้นรบกวนจิตใจผมมาตลอด จนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน ทำให้ก่อนหน้านี้ไม่นานผมมีความตั้งใจที่จะยุติเรื่องนี้ด้วยการแจ้งความให้ตำรวจตามหาบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อความน่าขยะแขยงนั่นมาลงโทษเสียให้เข็ดหลาบ
แต่ก็มีอันต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป เมื่อได้เห็นรูปเต็มๆของรูปครอปท่อนแขนนั่นซึ่งถูกส่งเข้ามาในมือถือของผมด้วยเบอร์เดียวกับของไอ้วิปริตคนนั้น
ในรูปมีเพียงผมที่นอนหลับอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล จากภาพมองเห็นเนื้อตัวที่มีแต่ร่องรอยต่างๆได้ชัดเจน หากใครเห็นก็คงตีความได้ไม่ยากว่าคนในภาพเจอกับอะไรมา
อีกฝ่ายต้องการสื่อให้ผมเข้าใจอยู่กลายๆว่าทางมันสามารถนำความลับของผมไปป่าวประกาศให้คนรู้เมื่อไหร่ก็ได้หากผมไม่ยินยอมเดินตามเกมของมันแต่โดยดี
อีกฝ่ายเรียกให้ผมออกไปหานั่นคือข้อความล่าสุดที่ได้รับจากทางนั้น
“ แล้วผมควรจะทำยังไงดี ” เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ขณะที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กอนัมฮยองซึ่งเป็นผู้จัดการคนสนิทของผมฟัง
“ แล้วเจ้าตัวดีมันว่าไงบ้างล่ะ ” แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ผมก็เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร เป็นเพราะในใจยังไม่หายขุ่นเคืองกับคดีที่เด็กในความดูแลของตัวเองก่อไว้ ทำให้กอนัมฮยองค่อนข้างที่จะตั้งแง่กับซองกยูฮยองอยู่พอสมควร
“ ฮยองเขาไม่ยอมคุยกับผมมาระยะนึงแล้วครับ ” ผมก้มหน้าตอบ ยิ่งพูดยิ่งอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆให้ตายเถอะ
“ ฮะ!!! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ฝ่ายเสียหายมันนายนะเว้ย แล้วจะไปยอมเป็นฝ่ายให้มันทำมึนตึงใส่อยู่ทำไม ”
“ เพราะผมรักเขา ” ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมว่าอีกไม่นานกอนัมฮยองคงดูออกได้เอง ผมจึงไม่คิดอ้อมค้อมอีกต่อไป
“ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าคิดจะกันซองกยูออกจากเรื่องนี้ด้วยน่ะ ”
“ ฮะ ” ผมพยักหน้ายอมรับ หากความลับถูกเปิดเผยออกไป ผมตั้งใจที่จะไม่เอ่ยถึงชื่อคิมซองกยูให้สื่อมวลชนได้รับรู้เด็ดขาด ถ้ามันจะเสียก็ให้เป็นผมที่เสียคนเดียวก็พอแล้ว
“ เอาให้เหมาะเถอะ นายไม่ควรแบกรับปัญหาเอาไว้คนเดียวหรอกนะ หมอนั่นเองก็ควรรับผิดชอบการกระทำของมันด้วย ”
“ เขาเป็นทั้งหัวหน้าวงทั้งนักร้องนำเลยนี่ฮะ ถ้าไม่มีเขา วงเราคงอยู่ไม่ได้หรอก ส่วนตำแหน่งผมน่ะ ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไร ”
“ นี่นายคิดถึงขั้นจะออกจากวงเลยเรอะ?!? ”
“ ก็ไอดอล.. เจอข่าวแบบนั้น แฟนๆคงรับไม่ได้หรอกฮะ ” ผมตอบด้วยเสียงแหบแห้งเต็มที
“ เอาเถอะ เดี๋ยวฮยองจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับฮยองคนอื่นก่อน สายสืบที่รู้จักกันก็พอมี แค่ให้ช่วยสืบหาคนร้ายเงียบๆไม่ให้เรื่องไปถึงหูพวกสื่อก็คงพอไหว้วานกันได้อยู่หรอก ”
“ จริงเหรอฮะ ” คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมรู้สึกใจชื้น นับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผมในระยะนี้เลยทีเดียว
“ ส่วนเราก็ห้ามออกไปตามที่มันนัดเด็ดขาด อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เข้าใจมั้ย คืนนี้ให้เข้านอนไวๆด้วยล่ะ ส่วนเรื่องปวดหัวนี่ให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง รับทราบ!! ”
“ รับทราบ!! ผมจะทำตามที่ฮยองสั่งทุกประการฮะ ” ผมตอบรับแข็งขันอย่างไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าอนาคตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผมจะเป็นฝ่ายฝ่าฝืนคำสั่งผู้จัดการด้วยการก้าวเข้าหาอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้าด้วยตัวเอง
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น