คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Reason
Vampire High School
- ตอนที่ 3.1 -
ทั้งที่คิดว่าจะจบชีวิตลงอย่างเงียบสงบด้วยการอุทิศตนให้เป็นเหยื่อของแวมไพร์ เพราะอย่างน้อยวาระสุดท้ายของชีวิตจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยว แถมยังได้ทำบุญทำทานไปในตัวด้วย
ทว่าชินอูฮยอนกลับโดนแวมไพร์ตัวดีมัดมือชก พาลากขึ้นซุปเปอร์คาร์ราคาแพงระยับ จับยัดลงที่นั่งข้างคนขับพร้อมคาดเข็มขัดให้เสียแน่นหนา จากนั้นก็พารถไต่ขึ้นทางด่วนด้วยความเร็วด่วนจี๋ก่อนจะแล่นออกนอกเมืองไปสัมผัสกับสายลมและธรรมชาติยามค่ำคืนของเขตชนบทด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย
อย่างไม่มีทีท่าว่าจะทำให้เขาตายแบบที่เคยตกลงกันไว้เลยสักนิด
“ ก่อนที่คุณจะฆ่า คุณมักจะพาเหยื่อของคุณมาเที่ยวเล่นแบบนี้เสมอเหรอ ” อูฮยอนถามอย่างคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะยังคงรักษาคำพูดของตัวเอง
“ เจ้าเอาที่ไหนมาพูด นี่ข้าไม่ได้ฆ่าคนมานานนับศตวรรษแล้วเถอะ ” ซองกยูปฏิเสธหน้าตาย
“ แต่คุณเป็นคนบอกเองว่าจะให้ผมได้สัมผัสกับวินาทีแห่งความตาย ” เด็กหนุ่มเอ่ยทวง
“ ตอนที่เจ้าเสียเลือดมากจนหมดสติไปนั่นไง วินาทีแห่ง(ความเป็น)ความตาย ” แวมไพร์แถ
“ งั้นแสดงว่าคุณก็ไม่ได้คิดจะฆ่าผมตั้งแต่แรกแล้วสินะ ” อูฮยอนสรุปความหน้ามุ่ย การที่ต้องมาโดนคนอายุมากกว่าหยอกเล่นในเรื่องที่เขาจริงจังแบบนี้ มันไม่ตลกเอาซะเลย
“ บ้านเมืองมีขื่อมีแป จู่ๆจะมาใช้ให้ข้าฆ่าเจ้าง่ายๆได้ไงกัน พวกแวมไพร์ฮันเตอร์ได้หาเรื่องล่าพวกข้าหมดเผ่าพอดี อุตส่าห์ทำสัญญาสมานฉันท์กันมาได้เป็นร้อยๆปีแล้ว ” ซองกยูทำทีอ้างนู่นอ้างนี่ไปอย่างนั้น
แวมไพร์ฮันเตอร์ที่ฝีมือพอสูสีกับเขาพากันซี้แหงแก๋ไปหมดตั้งแต่สมัยโชซอนยังไม่ล่มสลายด้วยซ้ำ พวกหน้าใหม่ก็มีแต่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทั้งนั้น แล้วจะเอาอะไรมาเล่นงานรัชทายาทแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อย่างเขาได้
“ ถ้าฆ่าไม่ได้ แล้วมาให้ความหวังกันทำไม ” ในน้ำเสียงของร่างบางมีแววตัดพ้ออย่างชัดเจนจนคนฟังสะอึก
“ ก็ได้ๆ ” ซองกยูยอมจำนน “ จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าฆ่าไม่ได้ แต่ไม่อยากฆ่า เพราะเจ้ามีความสำคัญต่อข้าไงล่ะ ”
“ …………….. ” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกอึ้งกับประโยคตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย
“ ข... ข้าหมายถึงสำคัญต่อปากท้องของข้าต่างหาก ... ปากท้องน่ะ เข้าใจมั้ย!?! ” ฝ่ายแวมไพร์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน เพราะเกรงว่าอีกคนจะเข้าใจผิดไป
อูฮยอนไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย เขาได้แต่นั่งนิ่งไปตลอดทางด้วยความสับสน การที่ได้รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญกับใครสักคน ไม่ยักรู้ว่ามันจะทำให้หัวใจพองโตได้ถึงขนาดนี้
ถึงจะแค่สำคัญต่อปากท้องก็เถอะ!
…………………………………………………..…………..
กว่าจะรู้ตัวล้อรถก็หยุดหมุน พร้อมกับทัศนียภาพด้านนอกที่เปลี่ยนไป จากข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ก็กลับกลายเป็นย่านตัวเมืองที่มีแต่ตึกสูงระฟ้า สถานที่ปลายทางซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าของอูฮยอนแทนที่จะเป็นบ้านของตัวเอง ก็กลับเป็นคลับหรูที่เด็กมัธยมปลายผู้น่ารักอย่างเขายังไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้าไปสักที
‘ V – A – M – P ’ ร่างบางมองตัวอักษร 4 ตัวที่อยู่บนป้ายไฟตัวใหญ่หน้าร้านพร้อมกับอ่านออกเสียงในใจ
“ ว้าว นั่นมันคนน่ารักเมื่อคืนนี่นา ” ชายหนุ่มหน้าตาดีจัดราวกับเดินออกมาจากนิตยสาร Vogue Korea ที่อยู่ในชุดกาวน์เอ่ยทักร่างบางด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพร้อมกับปรี่เข้ามาลูบหัวลูบไหล่ราวกับสนิทสนมกันมาแรมปี
“ อย่าทำรุ่มร่าม แอล!! ”
แวมไพร์แยงกี้ที่อูฮยอนเจอเมื่อคืนปรามแวมไพร์คุณหมอเสียงเข้ม เป็นจังหวะดีให้ร่างบางหนีไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของซองกยูด้วยความรวดเร็ว
“ ซองกยู ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ใกล้ถึงคิว ‘vampir’ เล่นแล้ว เดี๋ยวฉันดูแลทางนี้ให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง ”
ผู้ชายหน้าหวานรูปร่างผอมบางท่าทางเป็นมิตรบอกกับเจ้าของชื่อในประโยคก่อนเดินตรงเข้ามาหาอูฮยอนโดยที่มีผู้ชายหน้าตาน่ากลัวอีกคนคอยตามประกบอยู่ไม่ห่าง
“ สวัสดีเด็กน้อย ฉันอีซองจงนะ เรียกซองจงฮยองก็ได้ ซองกยูเล่าเรื่องนายให้พวกเราฟังแล้วล่ะ ”
อีกฝ่ายพูดแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไม่ต่างจากหน้าตา พลางรั้งข้อมือเขาให้เดินตามตัวเองเข้าไปยังด้านหลังของคลับ
อูฮยอนหันมองซองกยูอย่างไม่มีเหตุผลราวกับกำลังรอคำอนุญาตอย่างไรอย่างนั้น แต่พอนึกได้ว่าแวมไพร์ตัวดีก็อาจจะคิดแบบนั้นเหมือนกันเลยรีบเดินตามพี่ชายคนน่ารักไปก่อนที่อีกคนจะทันได้พูดอะไรออกมา
ซองกยูอ้าปากค้างที่เห็นเด็กที่ตัวเองพามาไว้ใจคนอื่นง่ายดายเกินคาด จึงหันมาออกคำสั่งกับคนที่กำลังตั้งท่าจะทำเนียนเดินตามเด็กน้อยของเขาไปแก้เก้อ
“ ไปแอล เจ้าก็ต้องเปลี่ยนเอาชุดกาวน์เน่าๆนั่นออกเหมือนกัน ”
…………………………………………………..…………..
“ ตรงนี้ถือเป็นทางเข้าบ้านของเราเลยล่ะ ต้องใช้การ์ดเท่านั้น ถ้าไม่มีก็เข้าไม่ได้เลยน้า ”
ซองจงทำหน้าที่ประหนึ่งมัคคุเทศก์ที่กำลังพานักเรียนม.ปลายมาทัศนศึกษานอกสถานที่ ร่างผอมบางพาอูฮยอนเดินลัดเลาะอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับเปล่งเสียงใสๆแนะนำนู่นนี่นั่นให้เขาฟังไปตลอดทาง
ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะพาเขาไปไหนก็เถอะ… แต่ก็เพลินดี
มัวแต่มองตามแผ่นหลังบางจนไม่ทันสังเกตว่าทัศนียภาพรอบข้างเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว อูฮยอนจำได้ว่าอีกฝ่ายพาเขาผ่านประตูสีขาวบานที่มีป้ายสีทองแปะเอาไว้ว่า ‘Staff only’ ที่อยู่ตรงด้านหลังคลับ แล้วก็เดินลงบันไดที่ทอดยาวลงมาสู่ชั้นใต้ดิน จากนั้นก็ลงลิฟต์ …
อูฮยอนไม่รู้จะให้คำจำกัดความสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าตัวเองว่าเป็นปราสาทที่ดูคล้ายโรงแรม หรือโรงแรมที่มีลักษณะคล้ายปราสาทดี แต่ที่แน่ๆเขารู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งกบดานของพวกแวมไพร์
“ ที่นี่อยู่ต่ำจากพื้นดินกว่า 40 เมตร แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะ เพราะผนังทุกห้องของที่นี่ทำขึ้นจากวัสดุที่ทนทาน สามารถกันน้ำรั่วซึมได้เป็นอย่างดี หมดห่วงเรื่องความชื้น … อื้มอากาศอาจจะเย็นหน่อยนะ แต่เราก็มีเครื่องทำความร้อนนี่นา จะกลัวอะไรล่ะเนอะ ”
“ เอ่อ แล้วทำไมคุณต้องพาผมมาที่นี่เหรอครับ ซองจง…ย…ฮยอง? ” อูฮยอนเรียก ’ฮยอง’ ได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะอีกคนดูหน้าเด็กมาก ซ้ำรูปร่างยังบอบบางเกินชายเสียจนเขาชักไม่แน่ใจว่าสรรพนามแทนตัวอีกฝ่ายที่ได้ยินมามันถูกต้องจริงๆหรือไม่
“ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ” ซองจงพูดกลั้วหัวเราะ “ ตอนนี้นายไม่มีที่ไปใช่มั้ยล่ะ ”
“ ก็… นิดหน่อยครับ ” แวมไพร์นั่นใช้หนี้ให้เขา แต่กลับยึดบ้านเอาไว้เสียเอง อูฮยอนจึงบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นพวกร่อนเร่เต็มตัวหรือยัง
“ จริงๆซองกยูหวังให้นายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับพวกเราน่ะ เขาถึงได้พานายมาที่นี่ ”
“ แต่เขาไม่ถามผมสักคำ จู่ๆก็ยึดบ้านผมไปเป็นของตัวเองซะงั้น ” เด็กน้อยมุ่ยหน้าตอบ
“ ไม่ใช่ว่าเขาอยากเป็นเจ้าของร้านต๊อกโบกีหรอกนะ แต่ที่ทำแบบนั้นลงไป ซองกยูเองก็มีเหตุผล แล้วส่วนตัวฉันก็เห็นด้วยกับเหตุผลของเขานะ ”
“ ห...เหตุผลอะไรเหรอครับ ” อีกฝ่ายเล่นพูดดักคอไว้ซะขนาดนั้น อูฮยอนจึงไม่กล้าค้านอะไรกลับไปอีก ได้แต่ปั้นหน้าเจี๋ยมเจี้ยมรอฟังคำตอบ
“ ซองกยูอยากปกป้องนายน่ะ ” ซองจงตอบพร้อมรอยยิ้มสวย
“ ปกป้อง? ผม? ” ร่างบางชี้หน้าตัวเองด้วยท่าทางเหรอหรา
“ เคยได้ยินหรือเปล่า หากบ้านไหนเปิดต้อนรับแวมไพร์ตนหนึ่งเข้าไปแล้ว แวมไพร์ตนอื่นๆก็สามารถเข้าไปในบ้านหลังนั้นๆได้เหมือนกัน… ซองกยูไม่ต้องการให้นายเป็นอันตรายน่ะ ถึงได้ไม่อยากให้กลับเข้าไปอยู่ที่นั่นอีก … แล้วที่สำคัญก็ไม่อยากให้เหงาด้วย นั่นแหละประเด็น ”
อูฮยอนอยากจะขอบคุณแวมไพร์ซองกยูพอๆกับความรู้สึกอยากกล่าวโทษ เหตุผลคืออีกฝ่ายรู้ดีว่าเขาอยากตายจะแย่ แต่ก็ดันมายัดเยียดชีวิตใหม่ให้ ทั้งที่เขายังไม่ทันจะละสังขารเดิมเสียด้วยซ้ำ
ถ้าคิดว่าเขาจะยอมรับการกระทำห่ามๆแบบนี้ได้ ก็คงโลกสวยเกินไปหน่อยมั้ง
“ อยู่ที่นี่ด้วยกันกับพวกเราเถอะนะ อูฮยอน ”
ทันทีที่เขาตัดสินใจว่าจะต่อต้านการกระทำของซองกยูให้ถึงที่สุดปุ๊บ ซองจงก็โผเข้ามาคล้องแขนรั้งเขาไว้ปั๊บ ราวกับรู้ความคิดอย่างไรอย่างนั้น
“ เอ่อออ... ”
“... นะๆๆ... น้า ”
“ ...อ่า... ค ..ครับ... ”
และแล้วอูฮยอนก็ต้องยอมตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้ ก็อีกฝ่ายเล่นใช้ดวงตาสวยๆกับน้ำเสียงหวานหยดออดอ้อนเขาถึงขนาดนั้น ใครมันจะไปทนใจแข็งอยู่ได้
…………………………………………………..…………..
อย่างน้อยที่สุดอูฮยอนก็รู้สึกขอบคุณซองกยูจากใจจริงที่ทำให้เขาได้พบกับคนดีๆอย่างอีซองจง
ซองจงฮยองเป็นคนสวย แถมยังอ่อนโยนใจดีเหมือนนางฟ้า อีกฝ่ายลงทุนเข้าครัวทำอาหารให้เขาทานด้วยตัวเอง ทั้งที่ปกติจะมีพ่อบ้านคอยเตรียมให้ เจ้าตัวบอกว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ต้องทานอาหารคนเดียวมาตลอด เพราะสมาชิกร่วมบ้านที่เหลือล้วนแต่เป็นแวมไพร์กันหมด
สรุปแล้วซองจงเป็นมนุษย์เหมือนกับเขา ซึ่งก็หมายรวมถึงเป็น’พวกเหนือกฎ’ นั่นด้วย คุยกันมาตั้งนาน อูฮยอนก็เพิ่งรู้
ถึงว่า อีกฝ่ายถึงได้ยินดีกับการมาของเขานัก
อาหารฝีมือซองจงอร่อยถูกปากเขาไม่แพ้ที่มิสกงเคยทำให้เลยทีเดียว อ่างน้ำของที่นี่ก็ใหญ่โตและสะดวกสบาย เตียงนอนก็กว้างและนุ่มมาก ทุกอย่างล้วนยอดเยี่ยม
เพียงแต่อูฮยอนรู้ดี ตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา ...
ร่างบางถอดชุดนอนแบบกระโปรงที่มีขอบระบายลูกไม้สีหวานน่ารักที่อีกฝ่ายใจดีให้ยืมใส่แก้ขัดออก ก่อนจะกลับไปอยู่ในชุดนักเรียนที่ติดตัวเขาตั้งแต่ตอนขามาเหมือนเดิม
“ ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ ซองจงฮยอง ” อูฮยอนบอกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในความมืด
- To be Continued in ‘Vampire High School’ Part 3.2 -
TALK:
สำหรับตอน 3 ที่พล็อตไว้ พอแต่งออกมาคือยาวมาก เลยต้องตัดแบ่งเป็น 2 พาร์ท
ก็ว่าไปนั่น จริงๆมันคือข้ออ้างแหละ 555555
เพราะเหตุผลที่แอบซ่อนคือเราแค่อยากมีฟิคลงในวันเทศกาลกะเขาบ้างไรบ้างแค่นั้น(!?!)
เนื้อหาตอนนี้เบาหวิวมาก ไม่มีอะไรเลย มันจะไปหนักเอาตอน 3.2 (...น่าจะนะ)
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านมาคอมเมนท์มากๆเลยนะคะ
สุดท้ายนี้ Happy Halloween ค่ะทุกคน ‵(*>﹏<*)′
© HK FreeTheme;}
ความคิดเห็น