คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไม่ได้รัก
-3-
ไม่ได้รัก
ผมค่อยๆช้อนร่างกายอ่อนปวกเปียกของอูฮยอนลงมาวางไว้บนเตียงของตัวเอง บาดแผลภายในที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย นอกจากจะเสียเลือดมากแล้วเขายังมีไข้สูงจัด ซ้ำยังถูกละเลย ไม่ได้รับการปฐมพยาบาลตั้งแต่เนิ่นๆเสียอีก
“ ขอโทษนะ อูฮยอน ฮยองขอโทษ ” ผมพร่ำพูดขณะเช็ดตัวให้เขา อูฮยอนนอนตัวสั่นอยู่ตลอดเวลาเพราะพิษไข้ นัยน์ตาปิดสนิทแต่ลูกตากลับกรอกไปมาอยู่ภายในไม่หยุด คนตัวเล็กนอนกระสับกระส่าย ดูทรมานเสียจนผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
เขาไม่มีสติพอที่จะลุกขึ้นมาทานยาได้ด้วยตัวเอง จนผมต้องป้อนให้ด้วยปาก ยาลดไข้และแก้อักเสบอย่างละเม็ดที่ผมหวังว่าจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ นายดูเจ็บมาก ฉันจะทำยังไงดี ” หลังเห็นสภาพของอูฮยอน ผมก็ทำใจให้สงบไม่ได้เลย ลมหายใจที่ตอนแรกหอบถี่พอผ่านไปหลายชั่วโมงเข้าก็เริ่มแผ่วลงเรื่อยๆจนน่ากลัวว่ามันจะหยุดลงในไม่ช้า ทำเอาผมหวั่นใจจนใกล้บ้า
มือที่คอยแต่จะบิดไล่น้ำออกจากผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวให้อูฮยอนอย่างขะมักเขม้นเริ่มแสดงอาการซีดจนปลายเล็บเองก็ยังกลายเป็นสีม่วงคล้ำ แต่อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายกลับดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“ ฉันไม่สนอะไรอีกแล้ว ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล อดทนไว้ก่อนนะ อูฮยอน ”
ต่อให้ภาพลักษณ์ของวงอินฟินิทจะย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤตเพราะอาจจะมีข่าวแพร่ออกไปว่านักร้องนำของวงโดนลีดเดอร์ข่มขืนอาการสาหัสจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หรือแย่กว่านั้นก็อาจจะโดนยุบวง หรืออะไรก็ตาม แต่ผมก็จะไม่สนมันอีกต่อไป
ตอนนี้ผมสนแค่นัมอูฮยอนจะต้องปลอดภัย เขาจะต้องไม่เป็นไร
---------------*---------------*---------------
วินาทีนี้สิ่งที่ผมปรารถนาจะได้เห็นมากที่สุดคือดวงตากลมใสแป๋วที่จ้องตอบกลับมา ไม่ใช่แพขนตานิ่งสนิทที่แนบอยู่บนผิวเนื้อขาวซีดไร้ชีวิตชีวาแบบนี้
หนึ่งวันเต็มๆที่อูฮยอนนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ผ้าก๊อซปิดแผลที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตัวทำเอาเขาดูน่าสงสารเสียจนผมอดน้ำตาไหลไม่ได้ทุกครั้งที่มอง เข็มสายน้ำเกลือที่แทบหาที่เจาะไม่ได้เพราะทุกพื้นที่ของร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดหนัก
“ ...ซองกยู...ฮยอง ” จู่ๆคนที่เอาแต่หลับมาตลอดก็พึมพำเรียกชื่อผม
“ หื้ม นายฟื้นแล้วเหรอ อูฮยอน ” ผมขานรับพลางสอดฝ่ามือเข้ากุมมือเรียวของเขาเอาไว้อย่างดีใจ
“ รักฮยอง ... ผมรักฮยอง ”
หัวใจผมเหมือนถูกบีบรัด รู้สึกตกใจจนแทบหายใจไม่ออก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาคิดกับผมแบบนั้น แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกดีใจ เพราะคนเดียวที่ผมจะมอบหัวใจให้มีเพียงลีซองยอลเท่านั้น
ผมอาจจะโง่เองที่คิดไม่ถึงว่าข้อเสนอของอูฮยอนมันไม่ใช่แค่เรื่องปลอบใจแลกกับการปลดปล่อยอะไรนั่นหรอก ใครจะยอมเสนอร่างกายตัวเองให้คนอื่นง่ายๆยิ่งเฉพาะกับผู้ชายด้วยกัน ถ้านั่นไม่ใช่เพราะรัก
“ ผม..รักฮยอง...รัก..รักซองกยูฮยอง...รัก...รัก... ” ผมมองริมฝีปากอิ่มที่พร่ำบอกรักผมทั้งที่ไม่มีสติด้วยความจุกแน่นในอก
หากอย่างน้อยก็รู้สึกโล่งใจที่ประโยคเหล่านั้นเป็นแค่อาการเพ้อไข้ของเจ้าตัว แต่ก็รู้ดีเช่นกันว่ามันเกิดจากจิตใต้สำนึก ดังนั้นมันจึงเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ไม่แปลว่าตลอดมาผมทำร้ายเขาลงไปโดยไม่รู้ตัวหรอกหรือ?
อูฮยอนเป็นคนที่ผมใกล้ชิดที่สุด แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสายตาของผมเอาแต่มองไปที่ซองยอล
เวลาผมต้องการที่พึ่ง ผมเรียกหาแต่อูฮยอน หากในขณะที่เรามีเซ็กส์กัน ผมกลับเอาแต่เรียกชื่อซองยอล
เพราะไม่ได้รัก และไม่อยากทำร้ายเขามากไปกว่านี้ บางทีคงถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะเอาตัวออกห่างจาก นัมอูฮยอน เสียที
---------------*---------------*---------------
“ ฉันขอโทษที่ทำนายแบบนั้น ฉันเมา นายคงเข้าใจฉันนะ ” ผมพูดขอโทษเขาสำหรับการกระทำของผม
“ ฮะ ผมเข้าใจ ” อูฮยอนที่เริ่มอาการดีขึ้นจนพอจะลุกขึ้นนั่งได้แล้วรับคำขอโทษของผมเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ ต่อไปนี้ ฉันอยากให้นายอยู่ห่างๆฉันเอาไว้ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะเผลอทำร้ายนายอีกเมื่อไหร่ ” มันยากไม่ใช่เล่นที่ระหว่างพูดผมต้องคอยบังคับเสียงของตัวเองให้คงระดับความแข็งกร้าวไว้ตลอด
“ ต…แต่.. ” รอยยิ้มบนใบหน้าน่ารักของเขาเริ่มจางลง
“ ไม่มีแต่ ” ผมหลุดเสียงดุออกไปจนแทบกลายเป็นการตะคอก “ อย่าดื้อ ต่อไปนี้เชื่อฟังฉันในฐานะหัวหน้าวง รีบหายแล้วกลับไปทำงานซะ วงเราไม่ได้มีเวลาให้ใครมานอนป่วยนานๆหรอกนะ ”
“ แล้วผมจะรีบหายเร็วๆฮะ ” สีหน้าของอูฮยอนหมองลงขณะตอบรับ ดวงหน้าหวานก้มลงจนคางแทบชิดกับอก
ผมอยากจะตบปากตัวเองนักที่จู่ๆก็ยกประเด็นเรื่องงานขึ้นมากลบเกลื่อน ทั้งที่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าอยากจะป่วยเสียเมื่อไหร่ ความผิดของผมเองทั้งนั้น
ด้วยความผิดที่ผมก่อ ทางบริษัทจึงลงโทษผมด้วยการพักงาน ให้มาทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าไข้อูฮยอนจนกว่าจะหายดีแล้วจึงกลับไปทำงานพร้อมกัน
ถือเป็นการลงโทษที่ไม่สาสมกับความผิดสักนิด ด้วยเพราะทางบริษัทไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในวงการเพลง จึงพยายามปิดเป็นความลับ ไม่ให้รู้แม้กระทั่งเมมเบอร์ในวง ดังนั้นการลงโทษจึงกระทำโดยโจ่งแจ้งมากไม่ได้
“ ฮยองฮะ ”
“ มีอะไร ”
“ เรายังเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ยครับ ”
“ ใช่ ” ผมเว้นวรรคไปชั่วอึดใจก่อนเพิ่มคำอธิบาย “ เราจะเป็นเหมือนเดิมก่อนที่นายจะยื่นข้อเสนอนั่น ”
หลังสิ้นประโยคของผม ทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบงัน ไม่มีฝ่ายไหนกล้าเริ่มประโยคใหม่ขึ้นมาสักที จนผมอดรนทนความอึดอัดไม่ไหว
“ ห...หิวมั้ย ” รู้สึกอยากจะตบปากตัวเองอีกแล้ว ทำไมผมถึงได้สมองฝ่อถามอะไรแบบนี้ออกไปนะ ถ้าไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะทานมื้อกลางวันเสร็จไปเมื่อครู่ คำถามนี้ก็คงจะเข้าท่าดีอยู่หรอก
“ ฮึก ” แต่อูฮยอนไม่สนจะตอบคำถามของผมเลยสักนิด เพราะเจ้าตัวกำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อยู่ แต่ถึงที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องปล่อยให้มันร่วงลงมาบนตักของตัวเองเงียบๆ
ผมมองภาพตรงหน้านิ่งด้วยความตกใจและมึนงงไปในชั่วขณะ อะไรทำให้เขาเสียใจถึงขนาดนั้น อูฮยอนหวงความสัมพันธ์ในแบบ ‘ คู่นอน ’ ของพวกเรามากอย่างนั้นเลยหรือ?
---------------*---------------*---------------
ผมมองไม่เห็นนัมอูฮยอนคนเดิมเลยสักนิด
เขายังคงพูดคุยเล่นหัวกับเมมเบอร์ ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ ใช่!! ภายนอกดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่พอลับตาคนอื่นทีไร สีหน้าของเขาก็มักจะกลับมาเรียบนิ่งเสียจนผมจับกระแสหม่นเศร้าในดวงตาคู่สวยนั้นได้
“ ผมอยากกินแกงกะหรี่ฝีมืออูฮยอนฮยอง ”
กว่าจะซ้อมเสร็จก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว แต่มักเน่ประจำวงก็ยังมีอารมณ์จะเลือกกินได้อยู่อีก ผมเหลือบมองสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของคนที่ถูกอ้างถึงในประโยคด้วยความเห็นใจ
แค่งานในตารางกับการซ้อมประจำวันก็ทำเอาคนเพิ่งหายป่วยแทบลมจับแล้ว กลับถึงห้องยังต้องมาเหนื่อยใจกับนิสัยรบเร้าเอาแต่ใจของเจ้าเด็กแสบต่ออีก
“ อูฮยอนฮยองเพิ่งหายไข้นะ นายความจำเสื่อมเหรอซองจง ” โฮวอนกัด
“ แล้วทำไมโฮย่าฮยองต้องว่าผมแรงๆงี้ด้วยล่ะ ไม่รู้ล่ะเปิดโหวตๆ ” ซองจงมองค้อนกลับอย่างแสนงอน ก่อนจะรีบวิ่งไปเรียกคะแนนให้ฝั่งตัวเองจากซองยอลกับมยองซูในห้องโถงทันที
“ ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็โหวตให้เราหาอะไรซักอย่างที่มันง่ายๆมาลงกระเพาะมากกว่าให้นายต้องมาเหนื่อยทำเองอยู่แล้วล่ะ ” ดงอูหยิบยื่นความใจดีให้กับอูฮยอน คนเป็นน้องฉีกยิ้มกว้างรับน้ำใจนั้นอย่างยินดี
“ ซองยอลฮยองกับมยองซูฮยองเลือกข้างผมล่ะ ” ครู่ต่อมา ซองจงก็เดินยิ้มร่ากลับเข้ามาในห้องครัวอย่างอารมณ์ดี
“ นายบอกตัวเลือกสองคนนั้นว่าอะไร ” โฮวอนรีบซัก
“ ก็บอกว่าจะกินอะไรระหว่าง ‘แกงกะหรี่ทำใหม่ๆจากในครัว’ กับ ‘ข้าวกล่องแช่เย็นแข็งโป๊กในตู้’ ”
“ เด็กขี้โกง ” โฮวอนว่า แต่ซองจงกลับทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
“ ดงอูฮยองกับโฮย่าฮยองเลือกข้างอูฮยอนฮยองใช่มะ รู้หรอกน่า ทีนี้ก็เหลือแค่ซองกยูฮยองเสียงสุดท้า… ”
“ ถ้างั้นเดี๋ยวฮยองออกไปซื้อเครื่องปรุงก่อนแล้วกัน ” ยังไม่ทันที่ซองจงจะพูดจบดี อูฮยอนก็ลุกขึ้นพร้อมกระเป๋าสตางค์ของตัวเองกำไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
“ เฮ่ นี่ไม่สนใจจะฟังความคิดเห็นของฉันบ้างหรือไง ” ผมทักท้วง
“ ผมรู้ดีครับว่าฮยองจะเลือกอะไร ” ขณะพูดประโยคนี้ แววตาของอูฮยอนเต็มไปด้วยอารมณ์ตัดพ้อจนผมรู้สึกได้
จริงอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะอูฮยอนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ ผมคงจะเลือกตามซองยอลอย่างทุกทีแบบไม่ต้องคิด
แต่นี่มันไม่ใช่ไง!!!
ก็อยากจะแก้ความเข้าใจผิดอยู่หรอก แต่ติดที่ยังไม่ทันได้อ้าปาก เจ้าตัวดีก็เร่งฝีเท้าเดินรัวๆไปจนถึงหน้าห้องแล้วไง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดต่อไป
---------------*---------------*---------------
“ ฮยองจะไปด้วยกันเหรอฮะ ” อูฮยอนหันมาถามระหว่างทางเดินไปซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ตรงหัวถนนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ อืม ว่าจะไปซื้อเบียร์มาตุนไว้เพิ่มน่ะ ในตู้เย็นมันใกล้จะหมดแล้ว ” ผมสังเกตเห็นใบหน้าน่ารักนั่นหงอยสนิทลงในทันทีที่ผมพูดจบประโยค ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงผิดหวังมาก
พวกเราเดินห่างจากกันประมาณครึ่งศอก ใกล้พอที่จะได้กลิ่นแชมพูกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยจากตัวอูฮยอนได้ชัดเจน … กลิ่นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลึกๆแล้วผมยังคงคิดถึงมันอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่มีทางที่จะลืมได้ง่ายๆหรอก ในเมื่อก่อนหน้าเราเคยใกล้ชิดสนิทแนบกันเสียขนาดนั้น เซ็กส์อันหอมหวานที่เกิดขึ้นเกือบทุกวันจนหลังๆแทบกลายเป็นขาดไม่ได้ ร่างกายที่ผมเคยก่ายกอดอย่างเอาแต่ใจ ต้องการเสียจนรู้สึกว่าเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ใครจะลืมได้ลง
เสียงฝีเท้าสองคู่ย่ำผ่านเสาไฟต้นแล้วต้นเล่าอย่างเป็นจังหวะ ไม่มีประโยคสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างเราอีก ปกตินัมอูฮยอนไม่ใช่คนพูดน้อยขนาดนี้ ผมอึดอัดแทบบ้า แต่จนแล้วจนรอดก็พาตัวเองเดินมาถึงที่จนได้โดยที่สติยังไม่แตกไปเสียก่อน
“ เดี๋ยวผมจะไปดูของสดตรงนั้น ” อูฮยอนเดินเร็วๆหายเข้าไปในบริเวณที่ว่าแทบจะทันทีที่เขาพูดจบ ไร้ซึ่งความสนใจผมโดยสิ้นเชิงราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่าให้ผมจะไปไหนก็ไป
ผมเลือกหยิบเบียร์ยี่ห้อประจำขึ้นมาหย่อนลงตะกร้าเสียสองแพ็คเป็นอันเสร็จธุระของผม จากนั้นจึงกวาดตามองหาอีกคนที่มาด้วยกัน
ร่างเล็กของเมนโวคอลประจำวงกำลังเดินใจลอยอยู่หน้าตู้แช่ของสด ตะกร้าที่อยู่ในมือเรียวยังคงว่างเปล่า
“ นี่มันก็ดึกแล้ว ไม่ใช่ว่านายต้องรีบเพราะมีคนรอกินของที่นายทำอยู่หรอกหรือไง ” ถึงจะรู้สึกติดใจในอาการแปลกๆของอูฮยอน แต่ผมก็ไม่สามารถแสดงความเป็นห่วงออกไปตรงๆได้เหมือนอย่างที่ผ่านมา
“ ฮะ ผมจะรีบ ” เขาตอบรับปกติแต่ร่างกายกลับเริ่มโงนเงน จนในที่สุดตะกร้าก็ปลิวหลุดออกจากมือพร้อมกับร่างผอมบางที่ทรุดลงกับพื้น
“ อูฮยอน!!! ” ผมรีบปรี่เข้าไปประคองในทันที ร่างกายที่อุ่นเกินพอดีของอูฮยอนเตือนให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มอาการไม่ดีเสียแล้ว “ ไข้กลับเหรอเนี่ย ไม่ไหวทำไมไม่บอกกัน ”
“ ผมไหว ” เขาพยุงตัวขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“ ถ้าไหวแล้วจะวูบไปแบบนี้เหรอ กลับได้แล้ว ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแล้ววันนี้!! ”
“ ผมไม่เป็นไร ”
“ อยากเรียกร้องความสนใจ? อยากเป็นฮีโร่เหรอ ” ชอบฝืนทำอะไรเกินตัว นี่แหละคำจำกัดความของนัมอูฮยอน ผมล่ะเกลียดนิสัยข้อนี้ของเขาจริงๆสิพับผ่า!!
“ ผมแค่ทำตามเสียงส่วนมาก ” ผมหงุดหงิดกับคำๆนี้พอสมควร มันเป็นเสียงส่วนมากที่อีกฝ่ายเข้าใจไปเองทั้งนั้น
“ งั้นจะทำอะไรก็ทำ!! ” รู้สึกผิดที่กระแทกเสียงใส่อูฮยอนไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ถึงผมจะโมโหเขา แต่กลับโมโหตัวเองมากกว่าที่มัวแต่ทำเป็นน้ำท่วมปาก
ไม่ใช่ไม่อยากอธิบาย แต่อธิบายไม่ได้ต่างหากว่าแท้ที่จริงแล้วผมพร้อมจะเลือกข้างเขาตั้งแต่ต้น
ณ เวลานี้ หากผมหยิบยื่นความใจดีให้อูฮยอน มันก็รังแต่จะทำร้ายเขาไปเปล่าๆ
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น