ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INFINITE #LeadNam : Vampire High School

    ลำดับตอนที่ #1 : Vampire Gang

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 57



    Vampire High School 

    - ตอนที่ 1 -

     

     

    ทัศนียภาพรอบหมู่บ้านยังคงแจ่มชัดแม้เวลากลางคืนจากแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ สายลมเสียดสีกับอากาศแห้งในฤดูหนาวดังหวีดหวิว คลอเสียงสุนัขเห่าหอนชวนขนลุกอย่างประหลาด

     

    เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้า คือวิถีชีวิตของชาวบ้านในละแวกนี้ เพราะส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย ต้องเปิดร้านตั้งแต่เช้าตรู่ แถมตอนนี้ก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว การที่หมู่บ้านจะร้างผู้คนสักหน่อยก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

     

    ด้วยเวลาและบรรยากาศที่เงียบสงัดเข้าขั้นวังเวงแบบนี้ ก็คงจะมีแต่สิ่งไม่ใช่คนเท่านั้นล่ะที่กล้าออกมาเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกบ้าน

     

    คนนี้ไม่ผิดแน่ใช่มั้ย ดงอู คิมซองกยู แวมไพร์พันธุ์แท้ผู้สืบเชื้อสายมาจากราชาแวมไพร์คนปัจจุบันโดยตรง รัชทายาทแวมไพร์เดนตายหนึ่งเดียวที่เอาชีวิตรอดจากคมลิ่มและห่ากระสุนเงินมาตั้งแต่ยุคไล่ล่าแวมไพร์ กระซิบถามลูกสมุนของตัวเองด้วยความใคร่รู้

     

    เชื่อใจหน่วยสอดแนมที่เก่งกาจและแม่นยำที่สุดในเกาหลีใต้อย่างข้าเถอะ ท่านซองกยู จางดงอู แวมไพร์หัวทองลักษณะคล้ายแยงกี้ในหนังการ์ตูนอวดสรรพคุณพลางตบหน้าอกตัวเองดังพั่บๆอย่างมั่นอกมั่นใจ

     

    สองแวมไพร์นายบ่าวลอบสังเกตการณ์เหยื่อในระยะเกือบประชิดผ่านบานหน้าต่างทำจากกระจกใสที่ปิดสนิท ร่างของเด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่ขดตัวนอนหลับสนิทอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาปรากฏชัดในสายตาสีมืดของทั้งคู่

     

    อายุ 18 ส่วนสูง 170 น้ำหนัก 52 ตัวเล็กจังแวมไพร์รัชทายาทไล่สายตาอ่านประวัติของเด็กหนุ่มจากหน้าจอไอแพดที่ลูกน้องส่งให้ ก่อนพึมพำกับตัวเองอย่างแปลกใจกับข้อมูลชุดใหม่ที่เพิ่งไหลผ่านสมองเข้ามาสดๆร้อนๆ

     

    สมัยนี้ อายุ 18 ปี โตได้แค่นี้เองเรอะ!?!  

     

    เห็นว่าเพิ่งสูญเสียย่าที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กไป น่าสงสาร แต่ก็เหมาะเจาะเลยนะท่าน ดงอูให้ข้อมูลเพิ่มพลางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    ยังไงก็ต้องหาทางเจรจาก่อน หากผลีผลามจู่โจมเข้าไปคงไม่ดีนัก ซองกยูมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเด็กหนุ่มด้วยความเห็นใจ

     

    ใครมันจะไปกล้าใจร้ายกับคนที่แม้แต่หลับ ยังร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวได้ลงคอ

     

    ท่านพูดอย่างกับเราจะจู่โจม พวกเหนือกฎได้งั้นแหละ แวมไพร์สอดแนมยอกย้อน

     

    เจ้านี่สามหาวขึ้นทุกวัน!! ตั้งแต่มีแอคเคาท์ทวิตเตอร์เป็นของตัวเอง ร่างสูงเอ็ดตะโรอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์แวมไพร์รัชทายาท เหตุโดนลูกน้องขัดใจ

     

    ปัดโธ่ เห็นว่าเขาไม่เป็นเทคโนโลยี เลยมีแต่ต้องพึ่งพามันเข้าหน่อยแค่นี้ ทำมาเป็นถือดี 

     

    สมัยนี้ ใครได้ครอบครองข้อมูล ก็เหมือนได้อำนาจมาไว้ในมือแหละท่าน จางดงอูว่าพลางยกไอแพดขึ้นเปิดเว็บเช็คราคาทองคำประจำวันหน้าตาเฉย

     

    ไหน งั้นลองสมัครให้ข้าบ้างซิ ซองกยูเอ่ย พอได้ยินคำว่าอำนาจแล้วชักรู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

    ไว้ท่านกดปุ่มพาวเวอร์ได้ถูกปุ่มเมื่อไหร่ ข้าจะสมัครให้ละกันนะ ดงอูแค่พูดความจริง เขาไม่ได้ดูถูกดูถุยลูกพี่ตัวเองเลยสักนิด สาบาน

     

    ไอ้นี่!!

     

    แกรกกกกก เสียงเลื่อนบานหน้าต่างดังขึ้นขัดสงครามน้ำลายนายบ่าวให้หยุดลงได้ชะงัด สองแวมไพร์พบว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เมื่อครู่ยังนอนอยู่บนเตียง แต่บัดนี้กลับมายืนแลกสายตากับพวกเขาผ่านกรอบหน้าต่างบานน้อยอย่างไม่กลัวเกรง

     

    พวกคุณเป็นใคร มาทำลับๆล่อๆอะไรบนระเบียงบ้านคนอื่นเขา คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเรียบ

     

    เป็นแวมไพร์ มาหาเหยื่อแถวนี้แหละ แวมไพร์แยงกี้ตอบทีเล่นทีจริงเป็นเชิงเย้าแหย่ กะให้เด็กหนุ่มเสียขวัญ ร้องขอชีวิตกับเขาดูสักทีจะได้สมใจ

     

    เวลาเจอพวกทำตัวห้าวหาญไม่สมกับหน้าตาทีไร เป็นต้องรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาทุกทีไม่รู้เป็นไง หน้าตาน่ารักไร้เดียงสาขนาดนั้น เวลาร้องไห้คงน่าดูมากแน่ๆ

     

    เลือดน่ะเหรอ ผมให้เอามั้ย

     

    ผิดคาดจางดงอูไปมาก เพราะนอกจากหนุ่มน้อยจะไม่คร้ามเกรงแล้วยังทำใจดีสู้เสือ เสนอเลือดตัวเองให้อีก

     

    เฮ่ๆ อย่ามาทำเป็นล้อเล่นน่าเจ้าหนู นี่แวมไพร์ตัวจริงเสียงจริงนะเฟ้ย

     

    ผมไม่ได้ล้อเล่น พวกคุณเอาชีวิตผมไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้เด็กหนุ่มบอกด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว

     

    เอาให้เหมาะ ชีวิตของเจ้าก็มีแค่ชีวิตเดียว จะมายกให้คนอื่นง่ายๆได้ยังไงกัน รัชทายาทแวมไพร์ยืนฟังอยู่นานชักทนไม่ไหว เพราะยิ่งทีประโยคก็ยิ่งฟังไม่เข้าหูจนอดแทรกไม่ได้

     

    ไม่รู้ ผมแค่ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เด็กน้อยก้มหน้าก้มตาตอบด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

     

    ไม่นึกถึงพ่อแม่บ้างเรอะ ถ้าเจ้าตายไป พวกท่านจะเสียใจมากแค่ไหน

     

    คนพวกนั้นเขาไม่สนใจผมหรอก ปลายเสียงของเด็กหนุ่มสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยถึงประโยคนี้

     

    แค่อยากฆ่าตัวตายเรียกร้องความสนใจ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องยืมมือแวมไพร์เลยนี่ อยากตายก็ตายเอาเองเถอะ ซองกยูยิ่งฟังยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกับความโง่เขลาของเด็กน้อยที่เอาแต่คิดอะไรตื้นๆ

     

    ผมไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากใคร ผมแค่อยากตายจริงๆ

     

    มีพ่อแม่คอยปกป้อง มีเงินมีทองให้ใช้ มีบ้านดีๆให้อยู่ มีอาหารอุ่นๆให้กิน แล้วยังไม่พอใจชีวิตอีกเหรอ มนุษย์อย่างเจ้านี่ช่างน่าสมเพชนัก ซองกยูไล่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

     

    หน้าตาผิวพรรณที่ดูอิ่มเอิบสุขภาพดี เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ห้องนอนที่เต็มไปด้วยโมเดล ของสะสมจากภาพยนตร์และการ์ตูนที่เจ้าตัวโปรดปราน ทุกอย่างล้วนแสดงถึงความรักและการเอาใจใส่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อลูกชายทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง

     

    คุณไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า

     

    แล้วจะเอายังไงล่ะฮึ ไอ้เด็กนี่ ซองกยูสะบัดเสียงถามอย่างโมโหเจ้าเปี๊ยกที่ยืนทำหน้างอง้ำจนนึกอยากซัดซักป้าบ

     

    สงสัยปกติจะโดนสปอยล์จนเคยตัว

     

    ช่วยทำให้ผมตายที เด็กหนุ่มขอร้องด้วยใบหน้าแสนเศร้า

     

    เอะอะก็จะตาย จะบ้าหรือไง!

     

    ก็ไม่อยากอยู่แล้วนี่!! ”

     

    ก็ได้ๆ งั้นข้าจะช่วยให้เจ้าได้สัมผัสกับวินาทีแห่งความตายสมใจอยาก ซองกยูตกปากรับคำไป เพราะเบื่อจะเถียงกับเด็กเมื่อวานซืนเต็มแก่

     

    ท่านซองกยูโปรดอย่าให้ความโกรธมาบดบังจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของพวกเรา เราต้องการได้ พวกเหนือกฎมาอยู่ในครอบครอง ไม่ใช่มาเพื่อฆ่านะท่าน จางดงอูกระซิบเตือน

     

    ข้ารู้

     

    …………………………………………………..…………..

     

    ร่างกายเบาหวิวของเหยื่อตัวน้อยถูกดันจนชิดกับผนังห้องด้วยฝีมือของแวมไพร์หนุ่ม ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะตามเข้าไปทาบทับพร้อมกับใช้ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามโอบรัดเอวคอดเอาไว้แน่นหนาชนิดดิ้นหนีอย่างไรก็ไม่มีวันหลุด

     

    พร้อมจะตายแล้วใช่มั้ย แลกสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่ายแวมไพร์ก็เอ่ยถาม

     

    อือ พร้อม เด็กหนุ่มตอบสั้นห้วน ชัดถ้อยชัดคำ หากยังมีแวววูบไหวปรากฏขึ้นในดวงตา

     

    นับว่าเตรียมใจมาได้ดี ร่างสูงเอ่ยชม ก่อนทาบปลายเขี้ยวเย็นลงบนลำคอเรียวของอีกฝ่าย เริ่มจากออกแรงกดเพียงแผ่วเบาอย่างค่อยเป็นค่อยไปกระทั่งฝังลึกจนสุดปลายเขี้ยว

     

    ไม่หลงเหลือโอกาสให้เหยื่อตัวน้อยได้เปลี่ยนใจอีกเป็นครั้งที่สอง

     

    อ...ฮือออ

     

    ซองกยูกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมแขนเริ่มแสดงอาการหวาดผวาด้วยการส่งเสียงคราง พร้อมกับกางเล็บจิกทึ้งปลายเสื้อนอนของตัวเองเสียจนยับยู่ยี่ แล้วยังหลับตาปี๋จนคล้ายกับว่ามีใครเผลอทำสระอิหล่นไว้ใต้คิ้วทั้งสอง ดูน่าตลกจนแวมไพร์รัชทายาทเกือบหลุดขำ

     

    อั่ก อ้า

     

    ของเหลวเหนียวข้นสีแดงสดไหลซึมออกมาตามรอยเขี้ยว ซองกยูสูดกลิ่นคาวที่แสนโหยหาลงปอดจนฉ่ำชุ่ม ก่อนละเลียดปลายลิ้นชิมรสด้วยความรู้สึกปริ่มเปรมกับความหอมหวาน ยิ่งเมื่อได้มองสีหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดทรมานของเหยื่อด้วยแล้ว รสชาติของโลหิตก็ยิ่งกลมกล่อมขึ้นเป็นเท่าทวี

     

    แฮ่ก แฮ่กก ฮแฮ่กๆๆ

     

    เสียงหอบถี่กระชั้นขึ้นตรงข้ามกับปริมาณเลือดในกายของเด็กหนุ่มที่ร่อยหรอลงทุกขณะ แวมไพร์ร่างสูงเหลือบมองสีหน้าซีดเซียวของคนตัวเล็กพลางกระตุกยิ้มด้วยความชอบใจที่อีกฝ่ายไม่เหลือคราบเจ้าเปี๊ยกอวดเก่งอย่างก่อนหน้าเลยสักนิด

     

    “ … เฮือก

     

    ร่างกายขาวซีดจากการเสียเลือดของเด็กหนุ่มสั่นสะท้าน สลับกับอาการกระตุกเกร็งเป็นพักๆจนเริ่มเสียการทรงตัว ลมหายใจค่อยเบาลงทุกขณะก่อนจะขาดห้วง จนหมดสติลงในที่สุด

     

    เหวออออ .... เซฟ!! ... ฟู่ววววววววววววววว แวมไพร์รัชทายาทอุทานลั่น ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกสุดชีวิต เมื่อเขาสามารถรั้งร่างเด็กหนุ่มให้กลับคืนสู่อ้อมกอด ก่อนที่กระหม่อมบางๆนั่นจะโหม่งพื้นได้อย่างฉิวเฉียด

     

    ทำไมท่านใจร้ายกับเขาอย่างนี้ จางดงอูท้วงติง ก่อนปรี่เข้ามาจับตัวร่างบางพลิกซ้ายทีขวาทีเพื่อตรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้น

     

    ไม่! ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ข้าว่าข้าก็คำนวณปริมาณเลือดในกายเจ้าเด็กน้อยนี่ดีแล้วนะ

     

    ท่านคำนวณผิดรึเปล่า แวมไพร์ลูกสมุนซักไซ้

     

    ไม่ผิดแน่ น้ำหนัก 52 เสียเลือดได้ไม่เกิน 1,387 ซีซี ก็ถูกต้องแล้วนี่นา เขาอาจไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีก็จริง แต่เรื่องคิดเลขเร็วนี่ขอให้บอก ซองกยูแม่นนัก

     

    ปกติร่างกายคนเราประกอบด้วยเลือดประมาณ 80 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เด็กหนุ่มคนนี้หนัก 52 กิโลกรัม จึงมีปริมาณเลือดในร่างกายอยู่ประมาณ 52 x 80 = 4,160 ซีซี

     

    ตามหลักแล้วหากมนุษย์สูญเสียเลือดประมาณ 1 ใน 3 ของร่างกาย ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นหมอนี่จึงเสียเลือดได้อย่างมากที่สุดไม่เกิน 4,160 /3 = 1,387 ซีซี

     

    บอกไม่ให้เกิน เขาก็ดูดเลือดด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิน 1,387 ซีซี ตามสูตรว่ามาแบบเป๊ะๆแล้วไงล่ะแล้วทำไม!?!

     

    “ 52 กิโลกรัมตามประวัติ เพิ่งถูกบันทึกเอาไว้เมื่อเดือนที่แล้วเองนี่นา หรือบางทีช่วงที่เพิ่งเสียคุณย่าไป เจ้าหนูนี่คงตรอมใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับจนน้ำหนักลดเสียกระมัง เลือดในกายถึงได้น้อยนัก ดงอูพึมพำอย่างใจคอไม่ดี ขณะสไลด์นิ้วมือไปมาบนหน้าจอไอแพด

     

    เจ้ารีบไปตามแอลมา ดงอู แวมไพร์ลูกพี่สั่งการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแนบอก ก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างเบามือ

     

    ครับ แวมไพร์ลูกน้องรับคำ แต่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

     

    ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ ซองกยูเบนสายตาจากใบหน้าซีดเซียวของเด็กหนุ่มไปยังสมุนของตนพลางเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

     

    ข้าไลน์บอกเรียบร้อยแล้วท่าน / ตึ๊งตึ่ง จางดงอูรายงานจบ เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมไลน์ก็ดังตามมาแทบจะทันที

     

    หมอนั่นว่าไง

     

    “ ‘กำลังไป ปฐมพยาบาลรอก่อน’ ” ดงอูอ่านข้อความล่าสุดจากพลพรรคให้ท่านหัวหน้าฟัง

     

    ปฐมพยาบาลยังไง เมื่อลูกพี่ขอคำตอบ ลูกน้องจึงพิมพ์คำถามกลับไปอย่างไม่รอช้า

     

    “ ‘ห้ามเลือด ให้นอนราบ ไม่ต้องหนุนหมอน ยกขาสูง ให้ความอบอุ่น คอยปลอบโยนด้วยความรักเอ๊ะ อันหลังมันชักยังไงๆอยู่เนอะท่าน

     

    อืม ซองกยูได้แต่เออออห่อหมกไปอย่างนั้น เพราะใจกำลังจดจ่ออยู่กับการปฐมพยาบาลเด็กหนุ่ม

     

    เขาทำทุกขั้นตอนด้วยความรัดกุม ตั้งแต่ใช้ผ้าสะอาดกดปากแผลเพื่อห้ามเลือด จัดแจงท่าทางการนอนให้เหมาะสม จับหมอนข้างรองไว้ใต้เรียวขา ห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเสร็จสรรพ ก่อนเงยหน้าถามหาขั้นตอนที่เหลือจากแวมไพร์ลูกสมุนที่ได้แต่ยืนมองลูกพี่ที่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองลงมาปรนนิบัติพัดวีให้เหยื่อตัวกระจ้อยตาปริบๆ

     

    “ ‘คอยปลอบโยนด้วยความรัก จางดงอูพูดย้ำพลางลอบมองปฏิกิริยาของผู้เป็นหัวหน้าด้วยแววตากรุ้มกริ่ม

     

    แวมไพร์รัชทายาททรุดตัวลงนั่งข้างเตียง เขาช้อนข้อมือผอมซูบของเด็กหนุ่มขึ้น ก่อนใช้ฝ่ามือของตัวเองประสานเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย พลางพูดปลอบประโลมอย่างแผ่วเบา

     

    อย่าเป็นอะไรเลยนะ เจ้าเปี๊ยกชินอูฮยอน

     

     

     TALK:

    นี่เป็นฟิคเรื่องแรกของอินฟินิทที่แต่งแบบไม่อิงวงล่ะ อิอิ

    ส่วนเหตุผลที่แต่งเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ

    เพราะละครเวทีของซองกยู กับบทชินอูฮยอน ใน Hi School Love On ของน้วงนัมนั่นแหละค่ะ ใครๆก็เดาได้ใช่มั้ยล่า โฮะๆ

    ก็เพราะมิสกงเสียชีวิตนั่นแหละ TT เราทนสงสารชินอูฮยอนไม่ไหว เลยจับส่งแวมไพร์กยูไปอยู่เป็นเครื่องป้องกันความโดดเดี่ยวน่อ

    ปกติไม่เคยแต่งแนวแฟนตาซีเลย ผิดพลาดบ้างต้องขออภัย + ขอคำแนะนำด้วยค่า *โค้ง*

    มีปมมีปูมงงๆบ้างอะไรบ้าง ก็จะค่อยๆทยอยเฉลยไปเรื่อยๆระหว่างทางเน่อ


     
    © HK FreeTheme;}
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×