ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 4 Days Only Tears สี่วันนี้..รักพี่จะได้ไหม?[HunBaek]

    ลำดับตอนที่ #6 : t w o d a y 2.2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      20
      24 มี.ค. 57

    Two Day 2.2

     

    “เฮ้ยพี่เตี้ย! ระวัง”

    “รถเกือบชนซะแล้วสิ ขอบใจมากเลยนะแป๊ะยิ้ม ถ้าไม่ได้นายพี่คงโดนชนเละไปแล้ว”

    “ข้ามถนนไม่ระวังบ้าง ข้ามเป็นป้ะทางม้าลายเนี่ย”

    “เป็นดิ! พี่ไม่เห็นว่ามีรถมาก็เลย... (  . .)”

    “แก้ตัว เฮ้อ..วันหลังระวังๆหน่อย เดี๋ยวผมไปส่งก็แล้วกัน ปล่อยให้ลูกหมาข้ามถนนตัวเดียวไม่ปลอดภัย”

    “ใครลูกหมา ชิ.. แต่ก็ขอบใจนะเซฮุน”

    “ส่งมือมา จับมือผมไว้แล้วเดินข้ามถนนไปด้วยกัน อยู่ทางซ้ายของผมไว้ พี่จะปลอดภัย เชื่อใจผมนะ”

    “อื้อ...”

     

     

                    ก๊อกๆๆๆๆ

                    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เซฮุนมาเคาะประตูห้องลู่หานไปเมื่อซักครู่ ลู่หานลุกจากโซฟาเดินไปที่ประตูอย่างแปลกใจ หรือว่าเซฮุนจะกลับมาพร้อมแบคฮยอนแล้วชวนเขาไปทำงานพร้อมกัน มือบางกดปลดล็อคประตูแล้วเปิดออกไปหาคนหน้าห้องอย่างรวดเร็ว

                    “เซฮุนมาแล้วหรอ....อ..อู๋ฟาน?”

                    “อยู่กันสองคนเรียกซะห่างเหิน บอกกี่ทีแล้วให้เรียกคริส”

                    ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่เซฮุนเหมือนทุกๆวัน แต่เป็นคนที่นานๆทีเขาจะเจอหน้าซักครั้ง เนื่องจากร้านชานมของเจ้าตัวที่ลงทุนครึ่งหนึ่งร่วมกับเพื่อนที่โตมาด้วยกัน คริสเองก็ไม่ค่อยจะเข้าไปดูเท่าไหร่ ปล่อยให้เพื่อนตัวเตี้ยของเขาเป็นคนจัดการซะมากกว่า หากใครที่ไม่สนิทด้วยแล้วคริสจะให้เรียกว่าอู๋ฟาน นั่นคือชื่อที่คริสใช้สำหรับวงการธุรกิจ แน่นอน คริสเรียนบริหารภาคอินเตอร์ปีสี่ ช่วยครอบครัวบริหารงานตั้งแต่มัธยม เรียกได้ว่าเก่งระดับเทพ ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่เล็กจนโต

                    กับคนที่สนิทและไว้ใจ เขาจะให้เรียกคริส...นั่นเป็นชื่อที่แม่เขาตั้งให้ เป็นชื่อที่เขาภูมิใจ

                    สนิทขนาดไหนถึงจะให้เรียกคริส...นอกจากครอบครัวและเพื่อนๆที่สามารถตายแทนกันได้แล้วล่ะก็คงจะเป็นคนที่คริสเองใกล้ชิดแบบ เนื้อแนบเนื้อ ใจแนบใจด้วยนั่นแหละ

                    ลู่หานคือคนพิเศษของอู๋อี้ฟาน...คนเดียวเท่านั้น

                    ร่างสูงเดินผ่านอีกคนที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นของลู่หานออกมาดื่ม ทำตัวสบายๆราวกับเป็นห้องของตัวเอง ลู่หานปิดประตูห้องแล้วล็อคก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับอีกคน

                    เป็นแฟนกันมาตั้งแต่ปีสอง จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกใจเต้นไม่ต่างจากวันแรกที่คบกันเลย

                    “วันนี้ลมอะไรหอบคุณชายอู๋มาเที่ยวห้องซอมซ่อๆนี่ได้ล่ะหื้ม?”

                    “คิดถึงแฟน ก็เลยมาหา”

                    ร่างบางหน้าเห่อร้อนทันทีที่ได้ยินประโยคเลี่ยนๆแบบนั้น แก้มแดงปลั่งดั่งลูกแอปเปิ้ลสุกงอมทำเอาคริสพอใจไม่น้อยที่ลู่หานมีท่าทีเขินอาย มันเป็นปกติอยู่แล้วที่คริสเองจะแวะมาหาลู่หานที่ห้องอาทิตย์ละครั้งสองครั้งแทนที่จะไปเจอหน้ากันทุกวันที่ร้านชานม ไม่ใช่อะไร จู๋จี๋กันไม่ได้เนื่องจากลูกน้องกับเพื่อนตัวดีชอบแซวอยู่เรื่อย ไอ้เขาน่ะไม่อายอะไรหรอก ร่างบางนี่สิที่เป็นฝ่ายอายแทบแทรกแผ่นดินหนี โดนสั่งห้ามยุ่มย่ามอะไรเด็ดขาด ให้ปฏิบัติเหมือนลู่หานเป็นเพียงแค่พนักงานทั่วไป จะได้ไม่มีปัญหา

                    “กินผลไม้ไหม? เพิ่งจัดใส่จานเสร็จเมื่อกี๊เอง”

                    ไม่พูดเปล่า ร่างบางก็เดินลิ่วไปหยิบผลไม้ที่ปอกเปลือกจัดใส่จานมาให้ คริสใช้ส้อมจิ้มทานชิ้นสองชิ้นก่อนจะลุกเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับนางฟ้าตัวน้อย แขนกว้างโอบไปรอบไหล่เล็กดึงให้ลู่หานเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ ตั้งหลายวันที่ไม่ได้เห็นหน้าคนๆนี้ คริสแทบจะคลั่งตายคาโปรเจกต์งานด้วยซ้ำ เพราะเขาเพิ่งเคลียร์งานส่งอาจารย์เสร็จจึงมีเวลาว่างมาหาลู่หาน อยากจะกอดอยากจะหอมให้หนำใจ อยากกกกอดเอาไว้ให้อยู่กับเขาทั้งวัน

                    “ชิมผลไม้ไปแล้ว ต่อไปก็ชิมคนนี้บ้างได้รึเปล่า?”

                    จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามกลุ่มผมนุ่ม สูดดมกลิ่นหอมของแชมพูสระผมอ่อนๆที่ลอยออกมาจากร่างเล็กเบาๆอย่างไม่รู้เบื่อ แก้มของลู่หานที่ว่าแดงระเรื่ออยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งแดงมากขึ้นไปอีกเมื่อโดนรุกรานกลุ่มผมนิ่ม ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดแกร่งไปมาเนื่องจากความเขินอาย

                    “งื้อ ยังไม่เอานะ...มีเรื่องจะเล่าเยอะแยะเลย เรื่องของเซฮุนกับแบคฮยอน..”

                    “แบคฮยอนไหน?” ถามไปมือก็ลูบผมนิ่มไป แววตาอ่อนโยนถูกส่งออกไปมอบให้ลู่หานที่กำลังตั้งใจเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนให้คนรักฟัง เสียงเจื้อยแจ้วไม่เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากสมาธิทั้งหมดของคริสจดจ่อไปยังริมฝีปากอ่อนของคนในอ้อมกอดอยู่ตลอดเวลา มันน่าจูบชะมัด...

                    อย่าหาว่าเขาหื่นเลยเถอะ ไม่ได้เห็นหน้ามาทั้งอาทิตย์ เป็นใครก็ต้องหาเศษหาเลยเล็กๆน้อยๆกับแฟนบ้าง

                    แฟนสวยขนาดนี้ไม่ให้อยากหอมอยากกอดได้ไง

                    “.....แล้วทีนี้นะ แบคฮยอนเขาก็มาอยู่กับเซฮุนล่ะ ลุ้นอยู่เหมือนกัน อยากให้ทั้งสองคนเข้าใจกันได้ซักที น้องมีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย ง่า~ คริสไม่เอามันจักจี้”

                    “นิดหน่อยเอง นะครับ...”

                    “วันนี้อ้อนใหญ่เลยนะ มีอะไรรึเปล่า จะไม่อยู่อีกแล้วใช่มั๊ย?”

                    “อืม ไปธุระให้พ่อซักสองสามอาทิตย์ กลัวจะคิดถึงจนตายเลยมาเก็บความสุขไว้ก่อน”

                    คริสพูดได้เลย..หากว่าความคิดถึงฆ่าคนได้ เขาเองคงจะตายตั้งแต่ไม่ได้เห็นหน้าสวยๆของลู่หานตั้งนานแล้ว

                    ได้ยินแบบนี้แล้วลู่หานก็ใจหายอดคิดถึงคริสไม่ได้ ถึงแม้จะเข้าใจว่าคริสเรียนไปด้วยทำงานให้บริษัทไปด้วย เวลาที่จะมีให้เขาก็ต้องน้อยลงไปตามระเบียบ แต่จะไม่ได้เห็นหน้ากันเลย..มันก็ออกจะใจหวิวๆ

                    “โทรมาหาก็ได้...รอรับสายอยู่”

                    “ไม่เอา...ยังไงก็อยากเจอหน้า อยากมองตา อยากสัมผัสผิวเนียนๆของแฟนนี่ครับ”

                    มือหนาเชยคางคนในอ้อมกอดขึ้นมาในองศาพอเหมาะแล้วก้มลงประกบจูบลงไป แผ่วเบา เนิบนาบ ซึมซับความรู้สึกหอมหวานไว้ให้มากที่สุด ขบเม้มริมฝีปากด้านนอกของคนรักทำเอาลู่หานเคลิ้มตามโดยไม่รู้ตัว มือบางเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอคริสช้าๆอย่างอัตโนมัติ แนบริมฝีปากชิดใกล้จนรู้สึกลมหายใจร้อนๆของกันและกัน จ้องตาสื่อถึงความต้องการและจุดประสงค์ในการมาหาในวันนี้ให้อีกคนเข้าใจ

                    “เดี๋ยวต้องไปทำงานนะคริส...อื้อ” แทบปิดปากกลั้นเสียงไว้ไม่ทันเมื่อมือปลาหมึกของอีกคนลากผ่านลูบไล้ไปมา

                    “ถ้าซูโฮมันจะดุ ก็บอกมันไปว่านายอยู่กับผม”

                    ไม่มีเสียงพูดอะไรอีกเมื่อริมฝีปากของทั้งครู่ประกบกันอีกครั้ง ลิ้นหนาดันเปิดกลีบปากบางออกแล้วเข้าไปเกี่ยวกระหวัดด้านใน ทำเอาพลังของลู่หานหายไปในพริบตา ร่างกายอ่อนยวบเหมือนมาร์ชเมโล่ร้อนๆ แทบจะละลายคาอ้อมกอดของอีกคน สลับกันจูบไปมาพัลวันไม่มีใครยอมใคร ใบหน้าสวยเอียงปรับมุมเล็กน้อยเพื่อให้คริสเข้ามากวาดต้อนความหอมหวานได้มากขึ้น เสียงดังอื้ออึงในลำคอดังขึ้นเป็นระยะๆบ่งบอกว่าทั้งคู่พอใจกันและกันแค่ไหน

                   

                    ก๊อกๆๆๆๆๆๆ

                    “พี่ลู่หานครับ อยู่ในห้องรึเปล่า?”

                    เสียงหวานของแบคฮยอนดังขึ้นที่หน้าห้องทำเอามือหนาที่กำลังจะเอื้อมไปแกะกระดุมเสื้อของลู่หานชะงัก นึกหงุดหงิดในใจเมื่อมีคนมาขัดขวางกิจกรรมเก็บเกี่ยวความคิดถึงนี้ คริสก้มไปขบเม้มติ่งหูคนใต้ร่างให้อีกคนสะดุ้งเล่นๆก่อนจะกระซิบถามไปว่า

                    “ออกไปหาเขาก่อนดีไหม? ใช่เด็กที่นายบอกว่าชื่อแบคฮยอนใช่รึเปล่า”

                    “อื้อใช่...แต่ไม่มีแรงแล้ว” -////-

                    ลู่หานตอบพลางซุกหน้าลงกับอกคนรักเบาๆ โดนจูบสูบพลังไปซะหมดแบบนี้แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเปิดประตูตอบแบคฮยอนกันเล่า คริสยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางสอดแขนอุ้มอีกคนขึ้นเดินไปที่ประตูห้องทำเอาลู่หานตกใจแทบวาดขาเรียวเกี่ยวเอวสอบอีกคนไม่ทัน ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคริสอย่างอยากรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร

                    “ไม่มีแรงเดินก็พามาแล้วนี่ไง ตอบให้ดีๆ อย่าส่งเสียงอะไรให้แบคฮยอนได้ยินก็แล้วกัน J

     

     

                    ร่างเล็กของแบคฮยอนยืนอยู่หน้าห้องของพี่ลู่หานมานาทีกว่าๆแล้วนะ มือเรียวเคาะบานประตูซ้ำไปอีกสองสามทีก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นภายในห้อง

                    “พี่ลู่หานครับ อยู่ในห้องรึเปล่า?”

                    เสียงเงียบไปซักพัก แบคฮยอนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินมาที่หน้าประตูห้องของลู่หาน

                    “อื้อ...ย..อยู่”

                    “คือเซฮุนให้มาถามว่าพี่ลู่หานจะไปพร้อมกันมั๊ยครับ?”

                    แบคฮยอนถามออกไปพร้อมกับหันไปมองประตูห้องของเซฮุน เขาถูกใช้ให้มาเรียกลู่หาน ส่วนเซฮุนนั้นก็เอาเสื้อผ้าของเขาเข้าไปเก็บในห้อง เสียงกุกกักดังขึ้นในห้องลู่หานอีกครั้งทำให้แบคฮยอนหันหน้ามาหาประตูห้องของลู่หานตามเดิม พี่ลู่หานกำลังทำอะไรอยู่ในห้องกันนะ?

                    “ไม่...มะ..ไม่เป็น อื้อ..ไร ไปก่อนเลย..อ๊ะ เบา...”

                    “พี่ลู่หาน เป็นอะไรรึเปล่าครับ เสียงพี่สั่นๆนะ”

                    “เปล่า...อึก” คริสคนบ้า! แค่นี้ก็บังคับเสียงให้เป็นปกติแทบจะไม่ได้แล้วนะ ยังจะแกล้งย้ำจุดทำให้ลู่หานหลุดเสียงน่าอายออกไปให้น้องได้ยินอีกต่างหาก เขาทรมานจนแทบอยากระเบิดตัวเองแล้วนะคนขี้แกล้ง L

                    แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่นสงสัยเข้าไปใหญ่ หรือพี่ลู่หานจะไม่สบายอยู่ในห้องกันนะ เสียงก็เลยแหบๆสั่นๆแบบนั้น ฤดูหนาวนี่มันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แป๊บเดียวก็ป่วยไม่สบาย แถมตอบเขากระท่อนกระแท่นขาดๆหายๆสงสัยจะเจ็บคอ

                    “ว่าไงครับ พี่ลู่หานจะไปรึเปล่า?”

                    เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นเซฮุนเองที่เดินมาหาแบคฮยอนที่หน้าห้องของลู่หานหลังจากเอาของใช้ส่วนตัวไปที่ซื้อมาให้ร่างเล็กไปเก็บไว้หมดแล้ว ล็อคห้องเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเจอร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้าห้องพี่ลู่หาน ขาเรียวจึงก้าวไปหาแบคฮยอน

                    “ไม่อะ พี่ลู่หานบอกให้ไปก่อนเลย สงสัยจะไม่สบายตอบพี่เสียงสั่นเชียว”

                    ร่างสูงนึกแปลกใจ พี่ลู่หานไม่สบายหรอ เมื่อกี๊ก่อนออกไปซื้อของยังยืนคุยกับเขาด้วยท่าทีปกติอยู่เลยนี่ สายตาคมหันไปจ้องมองประตูห้องของพี่ชายก่อนจะจ้องราวกับมองทะลุไปถึงข้างใน ก้าวเข้าไปชิดประตูก่อนจะแนบหูลงไปฟัง ซึ่งแบคฮยอนก็ทำตามเซฮุนบ้างอย่างอยากรู้ เสียงที่เซฮุนได้ยินนั้นถึงแม้จะแผ่วเบาเพียงใดก็ทำให้ร่างสูงมั่นใจและรู้แล้วถึงสิ่งที่คนข้างในสองคนกำลังทำอะไรกัน

                    นี่ก็ไม่คิดว่าคนอื่นจะได้ยินรึเปล่าเล้ย เสียงแบบนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ไอ้คุณอู๋คงจะมาหาสินะ มาทีไรก็เป็นแบบนี้ตลอด เห็นแบบนี้พี่ลู่หานก็ไม่ใสแถมติดจะมีประสบการณ์เยอะเหมือนกัน ตอนที่เข้าหอพักมามิน่าเห็นรถบีเอ็มคันสีดำหรูคุ้นๆหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานร่วมอาทิตย์ สงสัยวันนี้พี่ท่านจะจัดเต็ม กินกวางน้อยจนอิ่มเลยล่ะสิ - - บอกให้เขาดูแลปกป้องพี่ลู่หานให้ดีๆยุ่งไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแท้ๆ แต่ตัวเองก็ดันเด็ดดอกไม้เชยชมซะไม่ถนอม ถ้าพี่ลู่หานช้ำขึ้นมาล่ะเขาก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ ขี้เกียจจะมาดูแลเนี่ยเวลาที่อีกคนเดินไม่ไหว

                    “ไปกันเถอะครับ พี่ลู่หานคงจะโดนกิน เอ๊ย กินข้าวอยู่”

                    มือหนาเอื้อมไปคร่อมปิดหูทั้งสองข้างของแบคฮยอนแล้วดึงออกมาให้ห่างจากประตู เด็กน้อยจริงๆแค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายหลังประตูบานนั้น แบคฮยอนเองก็เดินตามมาอย่างงงๆเหมือนกัน กำลังเงี่ยหูฟังอยู่แท้ๆแต่โดนจับดึงออกมาแล้วโดนลากให้ลงจากหออีกต่างหาก ถึงจะเป็นห่วงกลัวพี่ลู่หานจะเป็นลมล้มพับอยู่บ้างแต่ในเมื่อเซฮุนออกมาก่อนแบบนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ขาเรียวก้าวคร่อมซ้อนท้ายจักรยานคันเดิมอีกครั้ง คราวนี้แบคฮยอนทำใจกล้าเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของเซฮุนข้างหลังไว้...ไม่ได้ทำแบบนี้มาตั้งปีกว่า คิดถึงช่วงเวลาก่อนๆอีกแล้ว

                    เซฮุนก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่างคนต่างเงียบทั้งคู่ ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็ไปถึงร้านชานม

     

     

     

                    เสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นจากทางหลังร้าน เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว ลูกค้าเริ่มมีบ้างประปรายทำให้เซฮุนเลือกที่จะเดินเลียบเข้าทางหลังร้าน ร่างเล็กของแบคฮยอนเดินตามหลังมาติดๆ วันนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย เจ้าของร้านจะดุรึเปล่านะ...

                    “มาแล้วหรอเซฮุน พี่ได้ยินเรื่องคร่าวๆจากคนอื่นๆบ้างแล้วล่ะ”

                    เสียงนุ่มดังขึ้นทักทายเซฮุนราวกับว่ารอเขาอยู่แล้ว ซูโฮเดินเข้ามาตบบ่าเซฮุนแล้วชะเง้อมองคนที่อยู่ด้านหลังด้านสูงด้วยความสนใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มหลุบสายตามองพื้นไม่กล้ามองใคร ถึงแม้ซูโฮจะรู้สึกขัดเคืองใจอยู่บ้างเมื่อตอนที่เฉินเข้ามาบอกเรื่องนี้ นึกโทษร่างเล็กนี่ในใจด้วยซ้ำว่าคงจะมาเนียนกินแล้วไม่จ่าย แต่พอได้ฟังพนักงานทั้งสามคนในร้านอธิบายเหตุผลพร้อมกับบอกว่าเซฮุนรู้จักมาก่อน แถมมาเห็นหน้าตาจิ้มลิ้มใสซื่อ ผิวพรรณขาวนวลราวกับถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมนี่อีกก็เริ่มจะปักใจเชื่อแล้วว่ามันอาจจะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆก็เป็นได้

                    “แล้วพี่ซูโฮจะทำยังไงครับ?”

                    “อืม...นายชื่อแบคฮยอนใช่ไหม?”

                    ซูโฮไม่ตอบคำถามเซฮุนก่อนจะหันไปถามแบคฮยอนแทน มือหนาของเซฮุนดึงแขนของแบคฮยอนแล้วดึงคนตัวเล็กออกมาจากข้างหลังเขาซักที แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆแล้วก้มหน้ามองสนทนากับพื้นต่อไป อยากกลับไปหลบข้างหลังเซฮุนต่อแต่ก็ไม่กล้า

                    “เอางี้ พี่ให้นายเลือก นายจะช่วยงานร้านพี่ซักวันนึงเพื่อหักล้างค่าใช้จ่ายที่นายติดค้างไว้ หรือว่านายจะให้เซฮุนออกเงินให้?” เจ้าของร้านอย่างซูโฮเสนอทางเลือกให้แบคฮยอนเลือกดู อยากรู้เหมือนกันว่าจะเลือกแบบไหน

                    “ผม...ให้ผมช่วยทำงานเถอะครับ ผมจะรับผิดชอบเอง ผมจะไม่เป็นภาระให้เซฮุนครับ”

                    ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องก็ต้องรับผิดชอบเอง จะดึงให้คนอื่นมาเดือดร้อนด้วยได้ยังไง แบคฮยอนถูกเลี้ยงมาให้รับผิดชอบตัวเอง มีความรับผิดชอบสูง ทำให้ร่างเล็กไม่ลังเลเลยที่จะเลือกทางเลือกแรก เหลือบสายตาไปมองเซฮุนว่าตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าอย่างไร แต่แล้วก็ไม่อาจรับรู้ได้...เซฮุนซ่อนความรู้สึกเก่งเกินไป อ่านไม่เคยออก..

                    “งั้นก็ตกลงตามนี้ ชุดพนักงานมีอยู่ในตู้ล็อคเกอร์หลังร้านลองเลือกๆดูก็แล้วกันนะ นายไม่ต้องทำอะไรมากแค่เก็บแก้วเครื่องดื่มหรือไม่ก็เช็ดโต๊ะ ยิ้มสวยๆให้ลูกค้า พูดจาเพราะๆก็พอแล้วล่ะแบคฮยอน”

                    “ครับ...ขอบคุณนะครับพี่ซูโฮ”

                    แบคฮยอนโค้งเคารพหลายๆครั้งทำเอาซูโฮหัวเราะน้อยๆออกมา แค่นี้จะดีใจอะไรนักหนานะ...

                    “เซฮุน ลู่หานล่ะ วันนี้ไม่มาทำงานหรอ?”

                    “ก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ พอดีว่า....ต้อนรับแขกกิตติมศักดิ์ตั้งแต่เช้าแล้ว”

                    คำบอกใบ้ของเซฮุนทำเอาเจ้าของร้านตัวเตี้ยถึงกับร้องอ้อ...ไอ้คริสไปหาสินะ ดูท่าวันนี้คงจะขาดพนักงานในร้านไปคนนึงซะแล้วสิ ซูโฮยักไหล่ชิลๆก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะเคลียร์บัญชีร้านต่อ ดูท่ากำไรจะเยอะขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย

                   

     

                    แบคฮยอนเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด กว่าจะเจอชุดพนักงานที่เข้ากับรูปร่างของตัวเองได้ก็แทบแย่เหมือนกัน เพราะเขาตัวเล็กเกินไปหรือว่าชุดมันใหญ่เกินไปกันแน่ สงสัยจะต้องไปฟิตหุ่นเพิ่มความสูงอีกซักหน่อยล่ะมั้ง L เซฮุนที่ยืนรออยู่แล้วหันมามองก็ต้องกุมขมับกันเลยทีเดียว ใส่เสื้อผ้าไม่เป็นรึไงนะพ่อคุณ - -

                    “ทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อย”

                    “อะ...เอ่อ ก็ไม่รู้ว่าต้องใส่อะไรตรงไหนบ้างนี่นา (  . .)”

                    เซฮุนถอนหายใจดังๆด้วยความเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะเดินเข้ามาช่วยแบคฮยอนจัดชุดพนักงานให้เข้าที่ มือหน้าพับปกคอเสื้อให้เข้าทรง ขยับโบว์หูกระต่ายสำเร็จรูปสีดำให้ตรงกับกระดุมเม็ดแรก เซตผมที่ยุ่งๆของอีกคนให้พอดูเข้ารูปเข้าทรง มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มไปทั่วอย่างลืมตัวชั่วขณะ

                    “เสร็จแล้วครับพี่แบคฮยอน”

                    “นี่...ทำไมต้องพูดสุภาพกับพี่ด้วยล่ะ มันรู้สึกห่างเหิน...เมื่อก่อนไม่เห็นจะพูดครับกับพี่เลย”

                    “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน คนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เข้าใจตรงจุดนี้ไว้ด้วยครับ ผมไม่กล้าตีสนิทพี่หรอก มันเกินตัวเกินฐานะ..”

                    “พี่ไม่ถือเรื่องแบบนี้ซะหน่อย จะฐานะอะไรก็ช่างมันก็แค่ค่านิยมที่คนบางกลุ่มตั้งขึ้นมาแค่นั้น”

                    “แต่ผมถือ พี่ไม่ใช่ผมพี่ไม่รู้หรอกครับ” พี่แบคฮยอนไม่รู้หรอก...ความรู้สึกของคนที่ฐานะต่ำกว่าน่ะ

                    “จะอะไรก็ช่าง ความรู้สึกของพี่คือเรื่องจริงนะ..พี่รักนาย สิ่งนี้ไม่ว่าอะไรก็ขัดขวางไม่ได้”

                    “เอาความรักของพี่...กลับไปให้พี่ชานยอลเถอะครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”

                    พูดทำร้ายจิตใจเสร็จเซฮุนก็รีบเดินออกไปทันที ไม่อยากเห็นสีหน้าเจ็บปวดของอีกคนที่ตัวเองเป็นคนทำ

                    รีบๆกลับไปยังที่ของพี่...กลับไปหาพี่ชานยอลก่อนที่ผมจะใจอ่อนเถอะนะครับพี่แบคฮยอน

                   

     

                    เฉิน ซิ่วหมิน และเทานั่งพักอยู่ในบาร์ มองคนตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง เก็บแก้วเครื่องดื่มจานขนมจากโต๊ะที่ลูกค้าทานแล้วอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแย้มทักทายลูกค้าตลอดเวลาไม่รู้เหนื่อย บางทีการมีแบคฮยอนเป็นพนักงานในร้านเพิ่มขึ้นอีกคนคงจะดีกว่านี้นะ

                    กว่าจะได้ออกมาทำงานก็อีกนานพอดูเหมือนกัน บีเอ็มคันหรูขับมาส่งลู่หานเข้ามาทำงานที่ร้านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง สีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เรียกเสียงแซวจากสามสหายเฉินเทาซิ่วหมินได้เป็นอย่างดี ซูโฮเห็นว่าลู่หานคงจะทำงานหน้าร้านไม่ไหวเลยยกหน้าที่นี้ให้แบคฮยอนรับผิดชอบไป ลู่หานจึงต้องทำงานอยู่แค่ในครัวกับหลังร้านแทน แบคฮยอนถูกดุเรื่องไว้เล็บ ต้องตัดให้สั้นก่อนถึงจะไปทำงานได้ บาริสต้าต้องสะอาดสะอ้านดูดีอยู่เสมอตั้งแต่หัวจรดเท้า เล็บก็ห้ามไว้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นลูกค้าจะมองไม่ดี หากทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในพนักงานบาริสต้า ก็จะทำให้ลูกค้าไม่อยากเข้าร้านไปด้วย

                    “แบคฮยอนเหมือนแสงสว่างว่ามั๊ยพี่ รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกสดใสตลอดทั้งวันเลย”

                    “น้ำเน่าไปป้ะไอ้เทา สำบัดสำนวนยิ่งกว่าพระเอกในหนังซะอีก ฮ่าๆ” เฉินหัวเราะกับคำพูดเสี่ยวๆของเทา

                    “เหนื่อยก็พักนะแบคฮยอน” ซิ่วหมินบอกร่างเล็กที่เดินถือถาดขนมมาเก็บ แบคฮยอนก็พยักหน้ารับยิ้มๆแล้วเดินไปนั่งหลังร้าน รู้สึกเหนื่อยจริงๆนั่นแหละ ลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวันเลยถึงแม้จะเป็นวันศุกร์อยู่ก็ตาม ไม่อยากจะเดาเลยว่าตอนเย็นเมื่อเด็กนักเรียนเลิกเรียนคนจะวุ่นวายขนาดไหน -3-

                    “แบคฮยอนเหนื่อยไหม ดื่มน้ำเย็นๆซักแก้วสิ”

                    เป็นลู่หานที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆแล้วยื่นให้แบคฮยอน คนตัวเล็กรับมาดื่มอย่างกระหายจนหมดแก้ว พูดขอบคุณเบาๆก่อนจะเขยิบเว้นที่ให้ลู่หานนั่งข้างๆ

                    “พี่ลู่หานไหวมั๊ยครับ หน้าซีดๆนะ ไม่สบายแน่เลย”

                    “ไหวๆ ฮ่ะๆๆๆ” ถามตรงๆใสซื่อแบบนี้ทำเอาคนหน้าสวยจะสำลักอากาศตายเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า...-///-

                    “พี่ลู่หาน...คือผมมีเรื่องอยากจะถามอะ ไม่รู้ว่าจะถามดีรึเปล่า แหะๆ”

                    พูดไปแบคฮยอนก็แก้มแดงไปทำเอาลู่หานสงสัยไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นกันนะ

                    “ว่ามาสิ ถ้าพี่ช่วยได้ก็จะช่วย”

                    “คือว่า...เมื่อตอนเช้าผมลอง...เอ่อ ลองยั่วเซฮุนดู...แต่แบบเซฮุนเค้านิ่งมากเลย ผมเลยกังวลว่าผมไม่ได้เรื่องรึเปล่า...”

                    แบคฮยอนเล่าไปช้าๆถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า ตั้งแต่เซฮุนตื่นนอนไปอาบน้ำและตัวเขาเองก็ไปนั่งดูรายการแม่บ้านที่เสนอวิธีมัดใจพ่อบ้าน เดินไปเดินมาเลยเกิดปิ๊งไอเดียลองยั่วเซฮุนดู ลู่หานนั่งฟังไปกลั้นขำไป จะไม่ให้ขำได้ยังไง..สิ่งที่แบคฮยอนเล่านั้นถ้าลองนึกภาพตามแล้วมันโคตรจะฮา ถ้าเขาเป็นเซฮุนก็คงจะทำแบบเดียวกันนั่นแหละ

                    เด็กน้อยมาปรึกษาขนาดนี้แล้ว รุ่นพี่อย่างเขาไม่สอนให้เผยเสน่ห์ซะบ้างก็คงจะใจร้ายไป..

                    “แบคฮยอนอา~ นายทำแบบนั้นไม่ได้นะ มานี่ พี่จะสอนให้...คืนนี้ก็อย่าลืมไปทดลองล่ะ”

                    ลู่หานเขยิบไปซุบซิบพร้อมกับสอนวิธีแอคติ้งยังไงให้แบคฮยอนดูเป็นตัวอย่าง สอดแทรกเทคนิคดีๆให้คนอายุน้อยกว่าได้รับรู้ แบคฮยอนดูจะสนใจไม่น้อย ดวงตาเล็กจ้องมองลู่หานไม่วางตา ได้ผลไม่ได้ผลลู่หานก็เคยใช้กับคริสมาก่อนแล้ว คืนนี้รู้กัน...เซฮุนมันจะตายด้านก็ให้รู้ไป!

                    อยากจะได้หัวใจ...ถ้าไม่เสี่ยงดูแล้วจะได้มารึไง เน๊อะ ลู่หานรับประกัน

     

                    “เซฮุนนา~ กินข้าวกันเถอะ” แบคฮยอนเดินเข้ามาชวนเซฮุนกินข้าว ช่วงนี้ลูกค้าบางตาลงมากแล้ว ซูโฮออกมาบอกว่าให้ผลัดเวรกันออกไปทานข้าว เหลือไว้ประจำร้านซักคนสองคน ซิ่วหมินกับเฉินพยักหน้ารับเชิงบอกว่าให้คนอื่นๆไปทานกันก่อนพวกเขาสองคนจะเฝ้าร้านเอง แบคฮยอนได้ทีจึงเดินลิ่วเข้ามาชวนเซฮุนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่

                    “ไม่หิว”

                    “เอาน่าๆ ขนมก็ยังดีนะ พี่ลู่หานทำมาให้ ‘=’

                    มือเรียวยื่นคัพเค้กให้ร่างสูง ซึ่งพอได้ยินว่าลู่หานทำมาให้ก็หยิบไปกินทันที แบคฮยอนมองอย่างน้อยใจนิดๆที่เซฮุนอะไรๆก็พี่ลู่หาน นี่ถ้าไม่บอกว่าพี่ลู่หานทำมาให้ก็คงจะไม่ยอมกิน...เฮ้อ ต่างจากเขาที่ทำอะไรเซฮุนก็ดูจะเฉยชามองข้ามไปซะหมด หรือว่าเซฮุนจะแอบชอบพี่ลู่หานกัน...

                    “ครีมเค้กเลอะมุมปากพี่น่ะ”

                    “หา...ตรงไหนอะๆ”

                    แบคฮยอนแตะๆตรงริมฝีปากของตัวเองแต่ไม่โดนครีมที่เลอะอยู่ซักที เซฮุนจึงเอื้อมไปหยิบกระจกพกพาบนเค้าท์เตอร์บาร์ให้แบคฮยอนดู คนตัวเล็กรับไปก่อนจะหยิบขึ้นมองมุมปากของตัวเอง จู่ๆแบคฮยอนก็เบิกตากว้างค้างมองกระจกอย่างตกอกตกใจ ขาเรียวก้าวไปด้านหลังเซอย่างทรงตัวไม่อยู่จนเซฮุนต้องเอื้อมมือไปคว้าแขนเอาไว้

                    “เป็นอะไร?”

                    “อ้ะ...เอ่อ พี่ตกใจนิดหน่อย...พอดีว่าครีมมันเปื้อนเยอะ แหะๆ ตรงนี้ใช่ไหม เช็ดๆ”

                    ร่างเล็กตอบมาอย่างตะกุกตะกักพลางกวาดมือเป็นวงกว้างเช็ดครีมบนริมฝีปากไปมาจนมันเลอะมากกว่าเดิม รอยยิ้มแห้งๆถูกส่งออกมาเพื่อไม่ให้เซฮุนสงสัย ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกำลังตกใจอะไรซักอย่าง

                    ภาพในกระจกมัน....ไม่รู้จะพูดยังไงดี

                    เซฮุนหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมุมปากให้แบคฮยอนอย่างแผ่วเบาทำเอาแก้มน้อยๆขึ้นสีเห่อชมพูอย่างน่ารัก อุณหภูมิของร่างกายมันเดือดปุดๆอย่างกับมีใครมาจุดไฟเผา ใบหน้าหล่อคมโน้มลงมามองใกล้ๆเพื่อเช็คดูว่าสะอาดหมดรึยัง ดวงตาของแบคฮยอนสะท้อนแต่ภาพของเซฮุน คิ้วหนาเข้ารูป ดวงตาแสนจะมีเสน่ห์ แพขนตาดำขลับเรียงกันสวยงาม จมูกโด่งเป็นสัน มองต่ำเรื่อยลงมาถึงริมฝีปากหยัก เรื่อยไปทั่วใบหน้าขาวหมดจดของอีกคน ใกล้กันเหมือนกับในละคร โมเม้นนี้ไม่น่าเชื่อว่าแบคฮยอนจะได้รับ...มันรู้สึกละมุนจริงๆ

                    “เช็ดครีมแค่นี้ก็ทำไม่เป็น”

                    “กะ...ก็ถ้าเช็ดเป็นแล้วนายจะมาเช็ดให้พี่แบบนี้รึไง” -/////-

                    “หึ...เจ้าเล่ห์เป็นเหมือนกันนี่”

                    คราบครีมหมดไป เซฮุนเดินออกไปทำงานต่อทิ้งให้แบคฮยอนยืนเคลิ้มอยู่กับที่คนเดียว ร่างเล็กยืนบิดซ้ายบิดขวาไปมาอย่างไม่รู้จะแสดงอาการออกมายังไง ซักวันคงจะได้ระเบิดตัวเองตาย เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ คนอะไรก็ไม่รู้... ทำให้แบคฮยอนเขินจนแก้มแดงแล้ว -/-

                    คนสามคนแก๊งเดิมที่แอบมองอยู่ถึงกับเขินแทนแบคฮยอนเลยทีเดียว นึกแล้วเชียวว่าเซฮุนมันจะต้องใจอ่อนให้กับคนน่ารักๆอย่างแบคฮยอนเข้าซักครั้ง ยกเว้นเทาที่ตอนนี้กัดผ้ากันเปื้อนน้ำตาตกในอยู่ซิบๆที่เซฮุนมันทำหวานเย้ยตน โอ๊ยอิจฉาที่เซฮุนมันได้ใกล้ชิดพี่แบคฮยอน...

                    แค่นี้ก็ทำให้แบคฮยอนกลับมามีแรงฮึกเหิมทำงานอย่างบ้าคลั่งเพราะแรงแห่งความรัก

                    เก้าอี้ โต๊ะ จาน ชาม ข้าวของทุกอย่างขอให้บอกขอให้เรียก แบคฮยอนจัดการได้หมดไม่ว่าจะล้างซักถูเช็ด

                    แล้วตลอดทั้งบ่ายแบคฮยอนก็เอาแต่ยิ้มเหมือนคนบ้า

                    บ้ารักเซฮุนน่ะครับ ฮิ้วววววว -///////-



     

    *********************************

    กว่าจะลงครบตอน เหนื่อยเหมือนกัน
    5555555555555
    ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะที่ช่วยกันเดาต่างๆนานา
    ไรท์เองก็มีตอนจบอยู่ในใจแล้วค่ะหลังจากที่คิดมานาน
    รักฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ ไรท์รักทุกคนค่ะ จุ๊บๆ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×