ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 4 Days Only Tears สี่วันนี้..รักพี่จะได้ไหม?[HunBaek]

    ลำดับตอนที่ #18 : a f t e r f o u r d a y 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.8K
      9
      11 พ.ค. 57

    After Four Days 1

     

     

    “แบคฮยอน! ลูกออกมาจากห้องทำไม เดี๋ยวก็ป่วยหรอก

    “ผมเบื่อ...อยากจะออกมาจากห้องบ้าง”

    “แต่ลูกไม่สบาย พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกนะ...”

    “ผมขอโทษครับ....แม่ครับ ผมอยากไปข้างหลังบ้าน อยากไปดูนกที่พ่อเลี้ยงไว้”

    “เชื้อโรคมันเยอะ กลับห้องไปดีกว่า เชื่อแม่นะ”

    “....ผมอยากเกิดเป็นนก”

    “หืม...นกแบบไหนล่ะ นกสวยๆที่พ่อเลี้ยงไว้น่ะหรอแบคฮยอน?”

    “นกอะไรก็ได้ ผมไม่สนว่ามันจะสวยหรือมีราคา เป็นนกตัวเล็กๆธรรมดา อยากมีปีก มีอิสระอยู่เหนือท้องฟ้า ทุกวันนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรกับนกของพ่อที่เอาแต่ถูกขังอยู่ในกรง มีค่า สวยงาม แต่ไร้อิสระ ผมคิดว่ามันเสียชาติเกิด มีปีกแต่ไม่ได้ใช้ ผมอยากออกไปข้างนอก ผมอยากไปหาคนที่รัก แม่ให้ผมออกไปนะครับ...”

    “แบคฮยอน ถ้าลูกออกไปแล้วอาการทรุดหนักจะทำยังไง”

    “พ่อกับแม่ก็ยังมีพี่แบคบอมอยู่ไงครับ... ยังไงผมก็อยู่ได้อีกไม่นาน”

    “แบคฮยอนลูกรัก...พูดอะไรแบบนั้น”

    “ผมรู้ อีกไม่นาน...ผมจะตาย ให้ผมได้ทำตามใจซักครั้งเถอะครับแม่”

     

     

    ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย....

     

    แสงแดดยามเช้าอ่อนๆส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำเอาคนที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่ในผ้าห่มผืนหนาต้องยกมือขึ้นมาปิดตาหวังจะนอนต่อ วันนี้เซฮุนรู้สึกว่ามันเงียบ...เงียบผิดปกติ รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในห้องนี้คนเดียว ไร้เสียงกระทะตะหลิวในห้องครัวเหมือนวันก่อนๆ ไม่มีเสียงฮัมเพลงร้องคลอเบาๆของอีกคนให้ได้ยิน

     
     

    เพลียจนลุกไม่ขึ้นรึเปล่านะ....


     

    แม่ครัวไม่ยอมตื่นแล้วเช้านี้เขาจะกินข้าวกับอะไรล่ะ ต้องลงไปซื้อข้างล่างสินะ


     

    อยากกินข้าวฝีมือพี่แบคฮยอน อร่อยที่สุดในโลกเลย...


     

    “อืม...พี่แบค...เช้าแล้วครับ”


     

    ยื่นมือสะเปะสะปะไปควานหานาฬิกาปลุกบนหัวเตียงมาดูเวลา สายแล้วคงจะต้องลางานพี่ซูโฮซักวันสองวัน เนื้อตัวเจ็บปวดไปหมดยิ่งกว่าเมื่อวาน สภาพแบบนี้คงไปเป็นบาริสตาไม่ไหว เรียกให้พี่แบคฮยอนตื่นแต่อีกคนก็ยังเงียบ อยากตื่นมาแล้วเจอหน้าคนที่ตัวเองรักเป็นอย่างแรก คว้ามือออกไปหวังจะกอดอีกคนเข้ามาแนบกายแต่ก็เจอแต่ความว่างเปล่า


     

    ปัดป่ายไปจนทั่วเตียงก็ยังไร้วี่แววร่างนุ่มๆที่กอดเต็มไม้เต็มมือเมื่อคืน


     

    พื้นที่ว่างข้างๆกายเย็นชืดไปหมดบ่งบอกว่าไม่มีใครนอนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน เซฮุนลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวอย่างมึนๆไล่ความง่วงออกไปก่อนจะลืมตามองทั่วห้อง ไม่มีพี่แบคฮยอนอยู่ในกรอบสายตา...หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำกันนะ


                ร่างสูงลุกออกจากเตียงหยิบกางเกงบ๊อกเซอร์ขึ้นมาใส่แล้วเดินไปหาคนที่อยากเจอ เคาะประตูห้องน้ำเรียกสองสามครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผลักประตูเข้าไปมันก็เปิดออกอย่างง่ายดาย พี่แบคฮยอนไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ...


     

    ห้องครัวก็ไม่มี...

    ห้องนั่งเล่นก็ไม่มี...


     

    จู่ๆความรู้สึกกลัวก็เข้ามาจู่โจมเซฮุนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขนทั้งร่างลุกชันขึ้นมาเหมือนจะบ่งบอกอะไรบางอย่าง ความกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่รักไป เริ่มคิดมากมายว่าทำไมไม่เห็นพี่แบคฮยอน


     

    อาจจะลงไปข้างล่างหอซื้อของมาทำกับข้าวให้เขาอยู่ก็ได้...

    แค่นี้ทำเป็นคิดมาก ไม่เห็นหน้าแค่แป๊บเดียวทำไมรู้สึกเหมือนกับจะขาดใจ

    พี่แบคฮยอนของเขาไม่ไปไหนหรอก...


     

    หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดคราบขาวขุ่นของเขากับพี่แบคฮยอนที่เปื้อนเป็นดวงๆทั้งบนโต๊ะห้องนั่งเล่น บนโต๊ะอาหาร และอีกหลายๆที่ที่เขากับพี่แบคฮยอนเมคเลิฟกัน อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นฉากๆ แค่คิดก็หัวใจพองโต ความสุขแทบล้นทะลัก หลังจากที่พี่แบคฮยอนกลับมาแล้วเจอหน้าเขาจะทำตัวยังไงนะ คนตัวเล็กจะเขินรึเปล่า ชอบแก้มแดงๆของพี่แบคฮยอนจัง...มันน่าฟัด

    ดึงผ้าปูเตียงออกไปซักในเครื่องซักผ้า เปลี่ยนใหม่จนสะอาดเอี่ยม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฟุ้งหลังจากที่ไม่เคยซักมาเกือบๆสามเดือน ไม่เคยจะสนใจและใส่ใจทำความสะอาดห้อง เพียงแค่อีกคนเข้ามาและเขาเปิดใจรักอีกคน เขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้เราสองคนอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข


     

    ยิ้มอีกแล้ว แค่คิดถึงคนในความคิดก็โคตรจะแฮปปี้


     

    แต่ว่าทำไมพี่แบคฮยอนยังไม่กลับมาอีก...


     

     

     

    “ยอโบเซโยครับพี่ซูโฮ ผมขอลางานซักวันสองวันนะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย...” เซฮุนโทรหาซูโฮเพื่อลางาน

    “อะไรกันพวกนาย อู้รึไง ลู่หานก็อีกคน ช่วงนี้คนเยอะนะโว้ย อีกสามคนมันก็ลอยชายไม่กลับมาทำงานเลย ร้านจะเจ๊งอยู่แล้วรู้มั๊ยห้ะ พวกนายเห็นร้านของพี่เป็นอะไร จะมาก็มาจะหยุดก็หยุดงั้นหรอ ถ้ากลับมานะจะใช้งานให้ขาลากเลยคอยดู อู้งานดีนัก เทศกาลทั้งทีแทนจะได้กำไรซักหน่อย พวกนายดันหลบไม่ทำงานอีก บลาๆๆๆๆ”


    คำบ่นอีกมากมายถูกถ่ายทอดผ่านสมาร์ทโฟนของเซฮุน เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ ยกมันออกห่างจากหูพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆปล่อยให้คนปลายสายก่นด่าให้พอใจ พี่ซูโฮก็บ่นไปตามประสาคนมีอายุแต่ก็คงไม่ได้โกรธเกลียดจริงจังอะไร รู้ดีว่าวันนี้ควรจะต้องไปทำงาน แต่สภาพแบบนี้ให้ไปลูกค้าได้หนีหมดแน่ พี่ลู่หานเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ไปทำงาน เพราะว่าไม่ได้คุยกันตั้งแต่ตอนเช้าของวันก่อน คงจะยังไม่เคลียร์กับพี่อี้ฟานล่ะมั้ง

    “ครับๆคุณเจ้าของร้าน ผมเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยไปทำงานไม่ได้ครับ ไว้หายแล้วผมจะรีบกลับไปให้โขกสับ แค่นี้ก่อนนะครับเจ้านาย บ๊ายบายครับ”



    รีบตัดสายทิ้งก่อนจะโดนบ่นหูชามากกว่านี้ เซฮุนถอนหายใจอย่างเซ็งๆแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ วันนี้มันอะไรกัน ตื่นมาไม่เจอพี่แบคฮยอน โดนพี่ซูโฮด่า อยู่ๆกรอบรูปคู่ของเขากับพี่แบคฮยอนที่ตั้งไว้เหนือหน้าต่างดันตกลงมาทับเท้าอีกต่างหาก ซวยไปไหนวะเซฮุน


    เปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านชำระร่างกายให้สะอาด รู้สึกแสบหลังเล็กน้อย คงจะโดนฤทธิ์พี่แบคฮยอนข่วนเข้าให้ ตอนอยู่เฉยๆก็เหมือนลูกหมา พออยู่ใต้ร่างเขาก็เหมือนแมวแสนซนดีๆนี่เอง แบบนี้แหละถึงได้รักได้หลงไม่ยอมลืมซักที


    ร่างสูงเปิดประตูห้องน้ำออกแล้วก้าวเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าตู้เสื้อผ้าตามปกติ นึกถึงวันแรกที่พี่แบคฮยอนเข้ามาช่วยเลือกชุดให้ นึกแล้วก็ขำ คนอะไรจะทำตัวเปิ่นๆแล้วน่ารักขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขำแต่ก็ต้องทำเป็นเก๊กหน้าขรึม อยากจะแกล้งคนตัวเล็กให้สาสมใจบ้าง เปลี่ยนชุดเสร็จก็คอยชะเง้อมองหาคนที่รอคอย เมื่อไหร่พี่แบคฮยอนจะกลับมา..


     

    หนาวจะตาย กลับมาจะกอดให้จมหายเข้าไปในอกเลย


     

    เดินวนไปวนมาเหมือนคนคิดอะไรอยู่ สุดท้ายเซฮุนก็ไปนั่งอยู่บนโซฟา นั่งกอดอกพิงพนักเงยหน้ามองเพดาน ในใจคิดเพียงแค่ว่าเมื่อไหร่จะกลับ รีบกลับมาซักที...ไม่รู้รึไงว่าคนๆนี้รออยู่


     

    หรือว่าพี่แบคฮยอนจะไปไหน....

    ไม่หรอก พี่แบคฮยอนจะไปไหนล่ะ

    หรือว่าพี่แบคฮยอนจะกลับบ้าน...

    ไม่หรอกมั้ง ขนาดเขาไล่ให้กลับบ้านทุกวันยังไม่กลับเลย


     

    ทำยังไงถึงจะหยุดความคิดฟุ้งซ่านนี่ซักที พี่แบคฮยอนอาจจะแค่เดินดูของอยู่ข้างล่างเพลินๆแล้วยังไม่กลับมาก็ได้ มันต้องไม่เป็นอย่างที่เขาคิด รีบๆเปิดประตูห้องเข้ามาให้เขาเห็นหน้าได้แล้วนะครับพี่แบคฮยอน


     

    คิดถึงจะตายอยู่แล้ว...


     

    รอ...ยังรออยู่นะ ข้างนอกมันหนาว...รีบกลับมาซักที


     

    “พี่แบคฮยอน...พี่อยู่ไหน”



    ประโยคเดิมที่แบคฮยอนพูดครั้งก่อน คราวนี้คนตัวสูงกลับเป็นคนพูดออกมาเพื่อรอให้ใครอีกคนกลับมา ราวกับเหตุการณ์เดจาวูซ้ำไปซ้ำมา เพียงแต่ว่าเปลี่ยนคนก็เท่านั้น เซฮุนไม่รู้ว่าความรู้สึกโหวงเหวงในใจมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เหลือบมองบานประตูครั้งแล้วครั้งเล่าเผื่ออีกคนจะเปิดประตูเข้ามา รออยู่นาน...จนเผลอหลับไป

     

    คราวก่อนเซฮุนอาจจะกลับมา....

     

    แต่คราวนี้...แบคฮยอนไม่กลับมาอีกแล้ว

     

    นั่งรอให้ตายยังไงก็ไม่มีวันได้กอดคนที่แสนดีอีกต่อไป

     

     



     

    ก๊อกๆๆ...

     

    เสียงเคาะประตูห้องของลู่หานดังขึ้น ร่างบางกำลังหั่นผักอยู่รีบวางมีดแล้วถอดผ้ากันเปื้อนพาดพนักพิงเก้าอี้แล้วรีบเดินมาเปิดประตู เซฮุนมาชวนให้ไปทำงานแล้วรึไงนะ เช้าอยู่เลย...

     

    ก๊อกๆๆๆๆ

     

    “ครับๆมาแล้ว”

    ลู่หานค่อยๆแง้มประตูเปิดออก ก้มมองตั้งแต่เท้าขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆตามระดับสายตา รองเท้าหรู กางเกงแบรนด์เนม เสื้อเชิ้ตราคาเหยียบหมื่น มองแล้วไม่ว่ายังไงๆก็ไม่ใช่เซฮุน มองขึ้นไปอีกนิดก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ดูดีได้แม้ไม่ยิ้มแย้มตามฉบับผู้ชายเย็นชา มือขวาถือกุหลาบสีแดงช่อโตเอาไว้ ไม่ใช่ใครที่ไหน...คริส

     

    เมื่อวานรอทั้งวันก็ไม่มา ไลน์ก็ไม่ตอบ มาทำไมป่านนี้...

     

    ปัง!!

     

    บานประตูถูกปิดลงอย่างแรง ไม่สนว่ามันจะกระแทกหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกรึเปล่า ไม่สนว่ามันจะทำให้คนๆนั้นเสียความรู้สึกรึไม่ เพราะว่าตอนนี้ลู่หานไม่อยากจะเจอเขาเลย อยากจะหนีไปให้พ้นๆผู้ชายคนนี้

     

    ก๊อกๆๆ

     

    “ลู่หาน เปิดประตูให้ผม...เราต้องคุยกัน”

    “.......”

    ไร้เสียงคนตอบรับจากข้างใน ลู่หานยืนกอดอกไม่พอใจก่อนจะเดินกระทืบเท้าไปหั่นผักที่ทำค้างไว้ต่อ เคาะประตูให้ตายเรียกให้เสียงแหบเสียงแห้งเขาก็จะไม่ลุกไปเปิดให้อีกเด็ดขาด อยากจะอยู่ตรงนั้นจนถึงเย็นก็เชิญตามสบาย

     

    ปัง!!

     

    เสียงประตูเปิดออกอย่างแรงเนื่องจากคนข้างนอกกระแทกประตูเข้ามา ลู่หานหันหน้าขวับไปมองอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคริสจะทำแบบนี้ ร่างสูงก้มลงไปหยิบดอกไม้ที่วางเอาไว้แล้วเดินมาหาลู่หาน หันหลังไปปิดประตูเอาไว้ลวกๆเพราะตอนนี้คริสสนใจแค่อย่างเดียว...ต้องเคลียร์กับลู่หานให้รู้เรื่อง

     

    เมื่อวานเปิดไลน์ขึ้นมาตกใจแทบแย่ ลู่หานส่งรูปที่เขาอยู่ในผับมาให้พร้อมกับข้อความที่อ่านแล้วต้องเสียวสันหลัง แต่เขาก็ไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมาตอบไลน์โทรหา วันๆมีแต่ประชุม ประชุม แล้วก็ประชุม สรุปงานเสนอโปรเจกต์กันให้วุ่นบริษัท แถมตอนเย็นไอ้ชานยอลน้องชายคนสนิทก็ดันหายตัวไปอีก เหลืองานให้เขาทำกองโตเท่าภูเขา แล้วแบบนี้จะมีเวลามาง้อลู่หานได้ยังไงกัน


    จะรอให้งานเสร็จก่อนก็กลัวคนตัวบางจะงอนเข้าใจผิดไปกันใหญ่ คริสเลยตัดสินใจโยนงานให้เลขาของพ่อทำครึ่งวัน ส่วนตัวเองก็รีบขับรถมาหาคนที่รักถึงที่นี่ ไม่ลืมซื้อดอกไม้ช่อโตเอาอกเอาใจลู่หาน ตลอดเวลาที่คบกันเขาสองคนไม่เคยจะทะเลาะหรือว่าเข้าใจผิดกันจนเป็นเรื่องใหญ่และก็ไม่เคยปล่อยไว้ข้ามวันข้ามคืน แต่พอมาคราวนี้เขาไม่มีเวลาที่จะมาง้อเหมือนอย่างเคย ก็ไม่รู้ว่าลู่หานจะรู้สึกยังไง...


     

    เขาทำผิด เขาก็พร้อมจะยอมรับ และหวังว่าลู่หานจะให้อภัย

    ถ้ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาพร้อมที่จะมาเคลียร์ หวังว่าเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม

    ลู่หานมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี...นั่นก็คือหัวใจของเขา


     

    “กุญแจสำรองนายก็มี...จะ...จะกระแทกประตูเข้ามาทำไม ถ้ามันพังจะทำยังไง”

    ลู่หานพูดตะกุกตะกักพลางอยากจะตบปากตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ จะชี้โพรงให้กระรอกทำไมเนี่ย กำลังงอนอยู่แท้ๆต้องทำสีหน้าน้ำเสียงเย็นชากว่านี้สิ


    แค่นี้ก็ชักจะใจอ่อนให้ซะแล้วสิ...ไม่ได้นะลู่หาน

    “ผมลืม...” เสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างตรงๆ ลืมไปเลยว่ามีกุญแจห้องของลู่หานหนึ่งดอก

    “กลับไปเลย คนเจ้าชู้”

    “ขอโทษ...มันได้เป็นอย่างที่ลู่หานคิด”

    “แล้วมันเป็นยังไง เห็นด้วยตาของตัวเองขนาดนั้นนายจะบอกว่าผมตาฝาดหรอคริส? เหอะ..ถ้าเพื่อนของผมไม่บอกให้ไปดูด้วยตาตัวเอง ผมก็คงจะโง่โดนนายหลอกอยู่แบบนี้ตลอดไป”

    ลู่หานแค่นเสียงพลางมองคนที่เดินเข้ามาอย่างผิดหวัง อะไรกัน เข้าใจผิดแบบไหนถึงได้มีกอดจูบลูบคลำจนแทบจะพากันเปิดห้องอยู่รอมร่อ จะให้หลอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไรก็คงยาก

    “ผมแค่ไปคุยงาน ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้นจริงๆ ผมยอมรับว่าผมกอดผมหอมผู้หญิงพวกนั้น แต่...มันจะพูดยังไงดี ผมไม่ได้คิดอะไรมากมายกับคนพวกนั้นซักหน่อย ยังไงคนที่ผมรักก็คือนายนะลู่หาน เชื่อผมเถอะ”



     

    นอกกาย...ไม่ได้นอกใจซะหน่อย


     

    “คุยงาน...ในที่แบบนั้นน่ะหรอ?”

    “มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลน่ะครับคนดี...อย่าคิดมากเลยนะ คริสรักลู่หานคนนี้แค่คนเดียว”

    “ปากบอกว่ารักคนเดียว แต่ก็เห็นมั่วใครไปทั่ว”

    “มันไม่ใช่ซะหน่อย ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”

    “จะให้ฟังคำแก้ตัวของนายทั้งๆที่เห็นเต็มสองตางั้นหรอ เหอะ”

    “ก็มันไม่มีอะไรจริงๆผมก็บอกนายไปตามตรงแล้ว อยากให้มันมีรึไง?”

    “ไม่ได้อยากให้มี! แต่ผมกลัวนายจะโกหก ไม่ชอบจริงๆ ไม่อยากโดนด่าว่าโง่เหมือนควายเข้าใจป้ะ”

    “นายก็ไม่ใช่ควายนี่ลู่หาน เชื่อใจหน่อย ถ้าไม่เชื่อใจกันแล้วจะไปด้วยกันรอดได้ไง รักมันต้องเข้าใจกันนะครับ คุยกันด้วยเหตุผลนะ ผมผิดผมก็ยอมรับผิด แต่ขอให้ฟังคำขอโทษของผมหน่อย...นะครับ”



    “..........”


    เงียบ


    มีแต่ความเงียบที่ลู่หานมอบให้ ปิดปากสนิทไม่ยอมพูดจา ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ เงียบเอาไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่อยากคุย อยากให้อีกคนไปพ้นๆหน้า ไม่อยากเห็น


     

    “ลู่หาน...อย่าเงียบ มันจะทำให้เราไม่เข้าใจกันนะ มีอะไรก็หันหน้ามาคุยกัน มาเคลียร์กันให้มันรู้เรื่องให้มันเข้าใจ ผมไม่ชอบเลยจริงๆ ปล่อยเอาไว้ก็มีแต่จะบานปลาย สุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไงนายก็คงรู้ดี ขอเถอะนะ...อย่าเย็นชา อย่าเงียบ”


     

    ร่างสูงเดินเข้ามากอดลู่หานไว้จากด้านหลัง พูดอธิบายให้อีกคนได้เข้าใจ แต่ดูเหมือนคนในอ้อมกอดจะไม่เปิดใจรับฟังคำอธิบายง่ายๆเท่าไหร่


     

    “แต่นายไม่ได้กอดแค่ผมคนเดียว...ไม่มีใครอยากใช้คนที่รักร่วมกับคนอื่นหรอก ปล่อย!”

     

    ลู่หานสะบัดตัวอย่างแรงพยายามที่จะหลุดออกจากอ้อมกอดแข็งแรง ไม่สนไม่อยากฟังคำแก้ตัวใดๆ มันเจ็บเกินไปกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อคืนก่อน ความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้ ขืนฟังคำพูดของคริสต่อไปมีหวังจะใจอ่อนเข้าซักที บางทีเขาอาจจะกลายเป็นคนโง่โดนคริสหลอกมานานแล้วก็ได้ ก็คริสเป็นคนมีฐานะ หน้าตาก็ดี เทียบกับเขาแล้วมันติดดินไม่มีอะไรเลย แล้วแบบนี้จะให้เอาอะไรมารับประกันว่าคริสจะไม่นอกใจ...


    บางทีคำว่ารักอย่างเดียวมันคงใช้ไม่ได้กับทุกคำตอบ....


    “ลู่หานอย่าทำแบบนี้...ผมไม่สบายใจที่นายเข้าใจผิด ผมหนีงานออกมาเพื่อขอโทษนายเลยนะรู้ไหม..”


     

    เสียงทุ้มมีทีท่าอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งคุยก็เหมือนจะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ลู่หานไม่ฟังเขาเลย มือเล็กกำแขนของคริสเอาไว้มั่น มีท่าทีสงบลงบ้างแล้ว มือเล็กแกะแขนของคริสที่พันธนาการร่างกายออกไปทีละข้าง หันหน้ามามองคนตัวสูงทั้งน้ำตา


    “ถ้า...ฮึก...ถ้าความรักของเรามันจะทำให้นายหนักใจ ไม่สบายใจ เสียการเสียงาน ถ้าความรักของผม..ฮึก มันถ่วงนายให้ไม่เจริญก้าวหน้า คริสก็อย่า..ฮือ อย่ามาสนใจผมอีกเลย”


     

    มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าออกทีละน้อยด้วยความอ่อนโยน ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ ใครๆก็อยากให้คนที่เรารักสนใจแค่เขาคนเดียว เป็นใครใครก็หวงคนของตัวเอง ถ้าลองนึกกลับกัน ใจเขาใจเรา เขาเองก็ไม่อยากให้ลู่หานไปยุ่งกับใคร แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือทำความเข้าใจกัน และไม่ทำผิดซ้ำสองให้อีกคนมีน้ำตาอย่างเช่นตอนนี้อีกเด็ดขาด


     

    “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดี...ความรักของนายไม่ได้ถ่วง ไม่ได้ทำให้ผมหนักใจ กลับกันซะอีก ตั้งแต่ผมเจอนายมันรู้สึกดีมากๆ อยากมีนายอยู่ข้างๆแบบนี้ รักของนายทำให้ผมมีกำลังใจ นายคือทุกอย่างของผมนะลู่หาน ผมเองก็คนธรรมดาคนนึง เดินดินเหมือนกับทุกๆคน ผมอาจจะทำผิดไปบ้าง ผมไม่สามารถทำอะไรถูกใจนายได้ทุกอย่าง แต่ผมก็จะพยายาม จะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น เอาอดีตที่ผิดพลาดเป็นบทเรียน นะครับ....ให้โอกาสผมนะ”


     

    ลู่หานเข้าใจแล้ว....


     

    นั่นสิ คริสก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่เป็นผู้ชายที่เขารัก


     

    ในเมื่อรักไปแล้ว ก็ต้องยอมอดทนและให้อภัยกัน สองสิ่งนี้จะทำให้ความรักมั่นอยู่คงทน


     

    ลู่หานก็มีส่วนผิดที่เห็นอะไรแล้วไม่คิดไตร่ตรองให้มันดีก่อน ใช้อารมณ์ตัดสิน งี่เง่าจริงๆ....


     

    ใบหน้าสวยพยักหน้าหงึกๆเข้าใจพร้อมกับก้มหน้างุด แพขนตาสวยเปรอะน้ำตาสีใจจนคนตัวโตต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้ ยิ้มดีใจที่ลู่หานยอมเข้าใจตนและให้โอกาสได้แก้ตัว


    “ต่อไปนี้มีอะไรไม่เข้าใจกันต้องคุยกันนะครับรู้มั๊ย”

    “อือ....”

    “คนดี...จะให้ผมทำอะไรไถ่โทษดีครับ เชิญสั่งมาได้เลยนะ” มือหนาลูบเส้นผมสวยแผ่วเบาราวกับจะเอาใจ ริมฝีปากอิ่มยู่เล็กน้อยพลางทำท่าคิดว่าจะทำอะไรดี คนๆนี้จะทำอะไรก็น่ารักไปหมดเลยสิ หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้วเนี่ย

    “เอาอะไรดี....อยู่กับผมทั้งวันเป็นไง...ได้รึเปล่า?”

    ลู่หานเกาะแขนอ้อนคริสอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ใบหน้าคมทำท่าคิดอยู่นาน คิ้วหนาขมวดเป็นปมเหมือนกำลังจะหาเวลาว่างอยู่ คนตัวบางจ้องอย่างลุ้นรอคำตอบ จะได้มั๊ยนะ....อยู่ด้วยกันได้มั๊ย


     

    “ได้สิครับ วันนี้คริสจะอยู่กับลู่หานทั้งวันเลย”


     

    จุ๊บ!


     

    แก้มใสถูกริมฝีปากหนาประกบลงไปทำให้ใบหน้าของลู่หานร้อนเห่อขึ้นมาจนได้ แขนเล็กฟาดลงไปบนไหล่กว้างอย่างไม่จริงจังนักแก้เขิน เรียกเสียงหัวเราะให้กับคริสได้ไม่อยาก บรรยากาศเริ่มดีขึ้นอีกครั้ง ออร่าสีชมพูแผ่ออกมาจากทั้งสองลอยฟุ้งกระจายไปทั่วห้องเมื่อทั้งสองคนเข้าใจกัน ความสุขแทรกซึมไปทุกที่


     

    ความรักเวลามันแย่ก็ทำให้เราเจ็บเจียนตาย แต่ถ้าความรักดีเมื่อไหร่ก็ทำให้เรามีความสุขได้เกินบรรยาย

     

    ไม่แปลกใจที่ใครๆก็ต้องการความรัก





     

    ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    เสียงประตูห้องของลู่หานถูกเปิดออกอย่างแรงอีกครั้งจากน้องชายตัวสูง คริสกับลู่หานหันไปมองพร้อมกันอย่างตกใจ ใบหน้าของเซฮุนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หอบหายใจเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายหนักๆมา สายตาคมสอดส่องไปทั่วห้องเหมือนกำลังต้องการสำรวจอะไรอยู่

     

    “พี่ลู่หาน พี่แบคฮยอนหายไปไหนก็ไม่รู้!!!!”


     

    *********************************************


    กลับมาอัพแล้วค่ะ ยังมีคนรออยู่มั๊ยหว่า? ฮ่าๆ
    คือว่าอย่างที่เค้าเคยชี้แจงไปแล้วนะ
    ช่วงนี้เค้าทำงานพิเศษ เหนื่อยมากเลย ไม่ค่อยได้เล่นคอม

    อัพช้าหน่อยนะ

    เอนจอยรีดดิ้งค่ะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×