คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8
Chapter 8
Luhan Said…
ทำตัวไม่ถูกเลยเมื่อเจอหน้าเขา...
อีกอย่างเซฮุนก็พยายามหลบหน้าตลอด คงจะโกรธลู่หานอยู่แน่ๆ
แหงล่ะ..พูดทำร้ายจิตใจเขาไปซะขนาดนั้น เป็นตัวเองคงจะไม่อยากอยู่ให้เหม็นขี้หน้าด้วยซ้ำไป
ไม่อยากให้โกรธกันเลย ปกติเขาจะต้องโกรธเซฮุนสิ ตาบ้าเอ๊ย
เมื่อเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เห็นทีลู่หานจะเป็นฝ่ายผิดจริงๆนั่นแหละนะ
“ต้องไปขอโทษซะแล้วล่ะ ก่อนที่อะไรๆมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้” ลู่หานบอกตัวเองเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ก็ตกเย็นแล้ว เซฮุนคงจะอยู่ในห้องของเขาล่ะมั้ง..ไปขอโทษตอนนี้เลยดีกว่า ปล่อยไว้นานๆมันอึดอัดชอบกล
ขาเรียวเดินไปตามทางช้าๆอย่างคนเหม่อลอย ในหัวคิดหาคำพูดต่างๆนานาเพื่อที่จะขอโทษ ความจริงการพูดขอโทษมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ปกติลู่หานไม่เคยจะแคร์ด้วยซ้ำว่าใครโกรธใครเกลียด แต่คราวนี้ที่ต้องคิดหนักก็เพราะว่า...อยากให้คนๆนี้หายโกรธเราให้ได้
ร่างบางมองบานประตูห้องของเซฮุนแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เอาวะ ไหนๆก็มาแล้ว ก็ต้องทำตามที่คิดไว้ล่ะนะ
มือเรียวเอื้อมออกไปกำลังจะเคาะประตู จู่ๆก็ชะงักมือไว้แล้วดึงกลับมา ถ้าหมอนั่นรู้ว่าเป็นเราแล้วไม่เปิดประตูให้เข้าไปล่ะ ไม่ได้ๆๆ จะทำยังไงดี หรือว่าจะเรียกเซฮุนหวานๆ ทำตัวน่ารักๆให้เขาใจอ่อนยอมขอโทษดี? ไม่ได้ๆ นั่นมันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลยแฮะ โอ๊ย คิดยากซะจริงกับอีแค่ขอโทษคนบางคนเนี่ย!
ถ้างั้นก็เปิดเข้าไปเลยแล้วก็รีบๆขอโทษแล้วกัน จะได้ไม่เขินด้วย
ปัง!!
“เซฮุน! ฉันรู้ว่าที่ฉันทำกับนายมันดูมากไป เพราะฉะนั้นฉัน...เอ๋ ไม่อยู่หรอ?”
ภายในห้องเงียบสนิท ไร้วี่แววของเจ้าของห้อง ทำให้ลู่หานรู้สึกเหมือนเป็นคนบ้าที่กำลังตะโกนแหกปากไร้สาระอยู่คนเดียว แล้วก็ไม่บอกว่าไม่มีคนอยู่ อุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจตั้งนาน ร่างบางถอนหายใจอย่างหมดความหวังก่อนจะเดินหันหลังเดินกลับไป
เคร้ง!
เสียงวัตถุบางอย่างดังกระทบพื้น แม้ว่าเสียงมันจะไม่ดังมากแต่ลู่หานก็ได้ยินมันชัดเจน ร่างบางหันขวับมองไปยังส่วนของด้านในห้อง หรือว่าหมอนี่จะหลบหน้าเขาอยู่กันนะ ไม่อยากเจอถึงกับต้องหลบกันเลยหรอเนี่ย
“เซฮุน ฉันรู้นะว่านายอยู่ในห้องนี้น่ะ ออกมาคุยกับฉันดีๆนะ ไม่เห็นจะต้องหลบกันเลย” พูดไปพลางเดินเข้าไปหาต้นตอของเสียงอย่างช้าๆและเบาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เปล่าเลย..หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ยังคงเงียบเป็นป่าช้าอยู่ดี ลู่หานมองเห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่หลังม่านนั่น จะต้องเป็นเขาแน่ๆ
“ฉันบอกให้ออกมาไงล่ะ ฉันจะเปิดเข้าไปล่ะนะ” ลู่หานเอื้อมมือเข้าไปจับผ้าม่านแน่นแล้วเตรียมกระชากออก แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนดึงม่านไว้เช่นกัน
“อย่าเปิดเข้ามานะลู่หาน!” เสียงของเซฮุนตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนรน แสดงว่าเขาหลบหน้าจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย
“นายหลบหน้าฉันจริงๆด้วย ไม่เอานายต้องมาคุยกับฉันก่อน” มือเรียวดึงผ้าม่านพยายามเปิดออก แต่แล้วเซฮุนก็ยื้อไว้ไม่ยอมให้เปิดได้ซักที ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่นาน ร่างบางเลยใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระชากผ้าม่านออกมาทั้งราว
“เห้ยยยยยย!! หนอน 0[]0!”
สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของลู่หานคือ เซฮุนในสภาพเปลือยเปล่า ผมเปียกลู่ไปตามใบหน้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยดน้ำจำนวนมากมาย แสดงว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแต่ยังไม่ได้แต่งตัว แล้วลู่หานก็ดันโผล่พรวดเข้ามาซะก่อนเลยเข้ามาหลบในห้องนี้ โชคร้ายที่มือเล็กเผลอกระชากผ้าม่านหลุดออกมาทั้งราว เลยได้เห็นทั้งเซฮุนพี่เซฮุนน้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ
สายตาของเซฮุนเหลือกขึ้นอีกสองสามเท่าตัวเมื่อมองตามที่สายตาของลู่หานโฟกัสไปที่จุดๆนั้นของเขา
แต่ไม่เท่าตาของฉันที่ตอนนี้แทบจะถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว!!
“ ลามก... หนอน T^T” ตอนนี้ร่างบางสติแตกหมดแล้ว ขนาดหลับตายังไม่รู้เลยว่าทำยังไง เลยยืนจ้องเขาอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนเซฮุนจะตั้งสติได้ก่อนจึงกระชากผ้าม่านที่ลู่หานถืออยู่ไปพันท่อนล่างของเขาไว้ด้วยสีหน้าตื่นๆ
“หยุดแหกปากแล้วก็หลับตา นายจะทำให้คนทั้งวังหลวงแห่กันมาดู” เซฮุนดุลู่หานพลางพูดข่มขู่ไปในตัว
“ม่าย...ฮือ..หนอน ฉันเห็นหนอน ฉันจะเป็นตากุ้งยิงมั๊ยเนี่ย” ลู่หานที่ยังเรียกสติกลับมาไม่ได้ก็ยืนแหกปากต่อไป
“ก็มีเหมือนๆกันจะตกใจอะไร นายกล้าว่าน้องชายฉันเป็นหนอนได้ยังไง...เสียมารยาทชะมัด” เซฮุนยู่ปากนิดๆด้วยความน้อยใจ มีผู้ชายที่ไหนจะยอมรับว่าน้องชายตัวเองขนาดเท่าหนอนล่ะ เสียภาพพจน์หมดสิ
เมื่อเซฮุนเห็นว่าลู่หานคงจะไม่หยุดมองแล้วก็หยุดแหกปากง่ายๆแน่จึงเข้ามาเอามือปิดปากกั้นเสียงร้องของคนตัวเล็กไว้แน่น แผ่นหลังของลู่หานสัมผัสกับอกเปลือยเปล่าของเซฮุนอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของคนตัวเล็กมันเดือดปุดๆยิ่งกว่าลาวาซะอีก ร่างกายของลู่หานเลยดิ้นอย่างอัตโนมัติหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการชวนสยิวนี่ให้ได้
“อื้อ! อ่อย อั้น อะ!(ปล่อยฉันนะ)”
“นายก็หยุดกรี๊ดซักทีสิ แล้วฉันจะปล่อย ตกลงมั๊ย?”
สิ้นเสียงของเซฮุน ร่างกายของลู่หานก็เหมือนหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อเซฮุนเห็นว่าลู่หานคงจะยอมสงบแล้วจึงปล่อยมือออกจากปากอิ่มโดยดี
“ดีมาก แล้วก็หลับตาด้วย” เปลือกตาสีมุกก็ปิดลงอย่างสั่งได้
“หันหลัง ฉันจะไปเปลี่ยนชุด” ลู่หานหันหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้เหมือนร่างบางกำลังถูกเขาล้างสมองแล้วป้อนข้อมูลเข้าไปใหม่ ภาพของเซฮุนเมื่อกี๊ยังติดตาไม่หาย ผู้ชายอะไรหุ่นดีชะมัด ถึงจะไม่มีกล้ามมากมายแต่ก็ดูแข็งแรงสมกับเป็นชาย ไหนจะ...เอ่อ หนอน..นั่น ว๊ากก ไม่เอาไม่พูดถึงดีกว่า มันไม่ดีเลยที่จะไปคิดถึงหนอนน้อยเซฮุนนะ!
“สะ...เสร็จรึยัง?” ลู่หานลองถามออกไปเพื่อความแน่ใจ ก็หมอนี่เงียบไปนานแล้วนี่นา หวังว่าคงจะไม่แต่งตัวเสร็จแล้วแอบชิ่งหนีออกไปทิ้งเขาไว้ในนี้คนเดียวหรอกนะเฟ้ย
“เสร็จแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ยังไม่พอ เซฮุนยังจะเป่าลมรดต้นคอเขาเล่นอีกต่างหาก ด้วยความไม่เคยชินมันทำให้ลู่หานต้องย่นคอหนีโดยอัตโนมัติ นั่นมันจุดเซ้นซิทีฟของเขาเลยนะคนบ้า!
“อย่ามาแกล้งฉันนะเซฮุน ตาบ้าลามก”
“ใครกันแน่ที่ลามก โผล่เข้ามาพรวดพราดในห้องของคนอื่น แถมยังดึงผ้าม่านลง จ้องมองน้องชายของฉันตาไม่กะพริบอีกต่างหาก คำว่าลามกน่ะเก็บไว้ใช้กับตัวเองเถอะ”
“กะ...ก็คนมันตกใจนี่นา อีกอย่างหนอนน้อยของนายมัน..ฮึ่ย”
“ใครบอกว่าของๆฉันมันหนอนน้อย นายน่ะดูถูกน้องชายฉันมากไปแล้วนะลู่หาน - -*”
“ช่างเรื่องนี้เถอะน่า ฉันไม่ได้มาหานายเพื่อจะมาเจอเรื่องแบบนี้หรอกนะเฟ้ย”
“แล้วมาหาฉันเรื่องอะไรล่ะ?” ดวงตาคมเลื่อนลงมาจ้องตากลมในระยะประชิด ทำเอาลู่หานทำตัวเงอะงะไปไม่ถูกอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็เป็นคนตัวเล็กที่ยอมแพ้ หลบสายตามองที่อื่นก่อนจนได้
“เรื่องเมื่อวานน่ะ...ฉันขอโทษนะที่พูดกับนายแรงไปหน่อย”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ว่าจะขอโทษนายอยู่เหมือนกัน”
“สรุป..นายไม่โกรธฉันแล้วใช่มั๊ย?”
“อื้อ แล้วฉันก็หวังว่านายจะไม่โกรธฉันด้วย ที่ฉันพูดกับนายไปแบบนั้นเป็นเพราะฉันน่ะเป็นห่วง..อุ๊บ”
เซฮุนตะครุบปากตัวเองไว้ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะลู่หานได้ยินมันครบทั้งประโยค แก้มใสของลู่หานขึ้นสีเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจพองโตขึ้นทุกขณะ มือไม้เริ่มเกะกะ เขาเป็นอะไรไปล่ะเนี่ย..
“งะ..งั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนล่ะ ฝันดีนะเซฮุน” ลู่หานก้มหน้างุดพูดรัวๆแล้วเดินออกไปจากห้องของเขา นี่กำลังจะเป็นโรคหัวใจรึเปล่าเนี่ย! หยุดเต้นรัวเป็นกลองได้แล้ว -///-
จากที่ไม่กล้ามองหน้าเพราะโกรธกัน แต่วันพรุ่งนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าลู่หานจะกล้ามองหน้าเซฮุนรึเปล่า
เพราะว่าเขินน่ะนะ...ไม่ได้โกรธ
Kyungsoo Said…
“จงอิน...จงอินอ่า”
“หืม...ว่าไงคยองซู”
“ฉันอยากกินขนมจัง..”
“อ่า..งั้นเดี๋ยวผมไปขอแม่ครัวในวังให้นะครับ รอแป๊บนะคนดี ^^”
ว่าจบร่างสูงของจงอินก็รีบวิ่งแจ้นออกไปทันที ตอนนี้ถึงแม้บรรยากาศจะค่อนข้างค่ำๆแล้วก็ตาม แต่คยองซูกับจงอินก็ยังพลอดรัก เอ๊ย นั่งเล่นอยู่แถวๆสวนดอกไม้ในตำหนักใหญ่ ความจริงคยองซูก็ไม่ได้อยากกินขนมเท่าไหร่หรอกนะ เพียงแต่เขาต้องการให้จงอินออกไปจากที่นี่...เพราะเขาสังเกตมาพักนึงแล้วว่ามีคนกำลังจ้องมองมาทางนี้อยู่
“มัวหลบอยู่นั่นแหละไม่กลัวยุงกัดรึไง ออกมาได้แล้วน่า”
คยองซูพูดลอยๆพลางกอดอกไปยังมุมมืดมุมหนึ่ง ซักพักก็มีร่างอรชรบอบบางร่างหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืดที่ว่านั่นอย่างขัดใจ หึ! อยากถามว่าทำไมเขาถึงรู้ล่ะสินะ เพราะนี่มันไม่ใช่รายแรก แต่เป็นคนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่แอบมามองจงอินของเขาด้วยแววตาหยาดย้อยหวานเยิ้ม L
จะมีใครที่ไหนชอบบ้างที่เห็นแฟนของตัวเองเป็นที่สนใจของผู้หญิงคนอื่นน่ะ...
“เจ้ารู้ด้วยหรอ ว่าข้าแอบอยู่ตรงนั้น” เสียงนุ่มนวลน่าฟังออกมาจากกลีบปากบางสีชมพูระเรื่อ มองดูโดยรวมแล้วน่ารักใช้ได้เลยล่ะ แต่แววตาของเธอคนนี้น่ะสิ ดื้อรั้นใช้ได้เลย -*-
“ใครที่มาแอบมองจงอินของผมน่ะ..ผมรู้ทั้งนั้นแหละ”
“ขะ...เขาเป็นของเจ้างั้นหรอ”
ร่างเล็กของอีกคนสั่นสะท้านตกใจอย่างไม่จริตสักนิด ดวงตากลมโตปานลูกกวางกำลังเบิกกว้างด้วยความตกใจในข่าวสารที่เพิ่งได้รับมา นิ้วเรียวเอื้อมมาปิดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ วินาทีนี้คยองซูรู้สึกเหมือนว่ากำลังแสดงบทบาทเป็นตัวร้ายคอยแย่งพระเอกไปจากนางเอก.. แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเขาก็ลำบากใจเหมือนกัน..เขาไม่เคยอยากจะทำร้ายจิตใจคนพวกนี้เลย
เพียงแต่ว่าคนเราก็มีความจำเป็นของตัวเองทั้งนั้น
ทุกคนต่างก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้เพื่อความรักที่ต้องการ ยอมได้แม้กระทั่งเปลี่ยนตัวเองให้เลว...
ตอนนี้เขากลายเป็นนางร้ายทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักจากผู้ชายคนที่ชื่อ คิม จงอิน
ต่อให้ใครต่อใครจะเกลียดก็ตาม แต่คยองซูก็ไม่สน ขอแค่อย่าให้นายเกลียดกันก็พอ
เพียงแค่คำว่ารักจากนาย ต่อให้คนทั้งโลกรุมดุด่าเขา ไม่พอใจเขา ร่างเล็กก็ยินดี
หัวใจของจงอิน..คยองซูจะต้องเป็นเจ้าของมันแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“ผมอยากจะให้คุณเข้าใจผมด้วยนะ ผมกับจงอินเราตกลงคบกันเป็นแฟนแล้ว เขาเป็นของของผม”
ประโยคสุดท้ายคยองซูตั้งใจเน้นหนักๆทีละพยางค์เพื่อตอกย้ำคนตรงหน้า และใครอีกหลายๆคนที่อาจกำลังแอบฟังอยู่ ดวงตากลมของผู้หญิงคนนั้นปรากฏน้ำตาคลอหน่วงที่เบ้าตาเล็กน้อยก่อนที่มันจะไหลออกมา อยากจะเก็บคำพูดที่แสนร้ายกาจของตัวเองกลับเข้าไปในลำคอเหมือนเดิมแต่ก็ทำไม่ได้ เขาจะต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้มีคนต้องมาเจ็บช้ำน้ำใจเพราะถ้อยคำร้ายๆของตัวเองที่พูดออกไป ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้จงอินเป็นที่หมายปองของพวกหล่อนเลยจริงๆ
ขอโทษจริงๆ...ทุกคำที่พูดออกไป ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน เจ็บจนหน้าชาเลยล่ะ..
“ฮึก...ข้า..เข้าใจแล้วล่ะ ขอตัวนะ” เธอคนนั้นคงจะทนฟังอีกต่อไปไม่ไหวเลยขอตัวออกไป เมื่อร่างเล็กหายไปจนลับตา พลันขาของร่างเล็กก็หมดเรี่ยวแรงลงดื้อๆเลยทรุดนั่งลงตรงนั้น สองมือเลื่อนขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้านิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว เหนื่อยเหลือเกิน..
นี่เขาจะต้องทำแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่...
“ขนมอร่อยๆมาแล้วคร้าบ~” เสียงทุ้มดังขึ้นไกลๆ คยองซูเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนตัวโตกำลังยิ้มร่ายกถาดขนมถาดใหญ่เดินมาหา ยิ้มที่สดใสของเขาทำให้ร่างเล็กยิ้มตามออกมาได้ไม่ยาก รอยยิ้มสดใสปานพระอาทิตย์....ทำให้คยองซูคนนี้หลงใหล
หัวใจที่เจ็บปวดเมื่อครู่ เหมือนมีหยาดน้ำทิพย์หยดลงมาชโลมใจให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“มาช้าจังเลย หิวๆๆๆๆๆๆ” คนตัวเล็กพูดรัวพลางยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองน้อยๆบ่งบอกว่าหิวขนาดไหน ท่าทางที่เหมือนเด็กเอาแต่ใจของคยองซูทำเอาจงอินหัวเราะยกใหญ่พลางยื่นมือมาบีบแก้มขาวๆของคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“ขอโทษที่ปล่อยให้เด็กดื้อคนนี้หิวนะ มาๆเดี๋ยวป้อน อ้ามๆ ^O^” จงอินหยิบขนมหนึ่งชิ้นแล้วยื่นมาที่ปาก ทำเหมือนว่าเขาเป็นเด็กสามขวบที่ต้องตามเอาใจ คยองซูหัวเราะคิกแล้วอ้าปากรับขนมที่จงอินป้อนแต่โดยดี
“จงอินก็กินบ้างสิ” คยองซูหยิบขนมมาป้อนจงอินบ้าง เราสองคนผลัดกันป้อนขนมไปมาอย่างเอร็ดอร่อย ตลอดเวลามีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บางทีเขาก็แกล้งบ้าง แต่คนตัวเล็กก็ไม่เคยโกรธลงซักที มีแต่แกล้งกลับไปเท่านั่นล่ะ
เพราะแบบนี้แหละ..ฉันถึงไม่อยากเสียจงอินให้ใคร เพราะจงอินมีเสน่ห์แบบนี้ยังไงล่ะ ความน่ารักที่ใครๆไม่มี ความจริงใจที่เขาแสดงออกมา ทุกๆอย่างที่เป็นเขา คยองซูถึงละสายตาไปจากจงอินไม่ได้เลยแม้วินาทีเดียว
“อิ่มแล้วล่ะ ดูสิพุงกางเลยเนี่ย” คยองซูพูดพลางยกมือลูบท้องตัวเองไปด้วย จงอินมองตามซักพักก่อนจะเชยตาโตๆนั่นมามองคนตัวเล็กยิ้มๆ
“อิ่มก็ดีแล้วนี่ อ่า ขนมเลอะปากนายแน่ะ...” นิ้วเรียวของจงอินเอื้อมมาเช็ดคราบขนมที่ติดอยู่บนกลีบปากรูปหัวใจอย่างอ่อนโยน สายตาของเขาจ้องมาที่ริมฝีปากเล็กๆนั่นไม่กะพริบ ชั่ววินาทีเหมือนโลกนี้หยุดหมุน คยองซูมองหน้าจงอินอย่างหลงใหลในความนุ่มนวลของเขา เหมือนมีบางอย่างดึงดูดกัน ทำให้ใบหน้าของจงอินกับใบหน้าของคยองซูเลื่อนเข้าใกล้กันทีละนิด...ทีละนิด จนเหลือช่องว่างเพียงแค่ยุงบินผ่านได้เท่านั้น
ตัวเขากำลังเคลิ้มหลงไปกับใบหน้าหล่อเหล่าของคนๆนี้อีกแล้วสินะ...
“จงอิน...”
“หืม..?”
“ฉันไม่ชอบเลยเวลาเห็นนายอยู่กับใคร..ไม่อยากให้นายอยู่ใกล้กับผู้หญิงคนไหนเลย”
“......”
“นายสัญญากับฉันได้มั๊ย ว่าต่อไปนายจะมองแค่ฉัน ในแววตาของนายจะมีแค่ฉันคนเดียว นายสำคัญกับฉันมากเลยนะจงอิน นายคือทุกๆอย่างของฉัน รอยยิ้มสดใสของนายมันทำให้ฉันมีกำลังใจทำในสิ่งต่างๆ ฉัน..ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของฉันออกมายังไง แต่ฉันรักนายมากที่สุดเลยนะจงอินนา”
“ฉัน...สัญญาก็ได้” เป็นเพราะสายตาของคยองซูใช่รึเปล่าที่สะกดจงอินจนยอมเอ่ยคำสัญญาออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาคมของเขากำลังเข้ามาใกล้ทีละนิดจนคนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกคน จวบจนวินาทีที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่สัมผัสกัน...เริ่มแรกแผ่วเบาเหมือนปุยนุ่น ต่อมาเริ่มร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์ ริมฝีปากหนาพรมจูบเบาๆภายนอกราวกับว่าขออนุญาตรุกล้ำเข้ามาหาความหวานภายใน กลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวของเขาทำเอาสติของคยองซูเตลิดได้ง่ายๆ กลีบปากเผยอออกอย่างไม่รู้ตัว ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้ามาหาความหอมหวานจากโพรงปากของคนตัวเล็กอย่างไม่รู้จักเบื่อ คยองซูซึ่งไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้เลยเผลอตอบสนองตวัดลิ้นโต้ตอบกับจงอินไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่หารู้ไม่...การกระทำไร้เดียงสาแบบนั้นล่ะที่ไปกระตุ้นอารมณ์ของจงอินจนเขาลืมตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่
“จง..อื้อ..อิน พอก่อน” เสียงหวานของคยองซูเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักแถมมันยังแหบพร่าอย่างประหลาด ราวกับว่ามันไม่ใช่เสียงของตัวเอง...ลิ้นเล็กพยายามดันลิ้นใหญ่ของจงอินออกไปเมื่อตัวเองกำลังจะหมดลมหายใจ แต่นั่นทำให้ร่างสูงเข้าใจว่าคนตัวเล็กกำลังหยอกล้อเขาเล่น แทนที่เขาจะปล่อย กลับรุกล้ำมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กทำอะไรไม่ได้ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้จงอินจูบจนพอใจ แต่นานๆไปเขาเริ่มจะเอาแต่ใจมากขึ้น ไม่รู้จักพอเสียที...กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเลื่อนลงมาที่บั้นท้ายของตัวเองนั่นแหละ..
เฮ้!!อะไรนะ บั้นท้ายงั้นหรอ 0.0
“จงอิน..นะ นี่ พอได้แล้วนะ ฉันอายคนอื่นเขา -/////-“ ว่าแล้วก็ตีมือปลาหมึกป้าบใหญ่ก่อนที่อีกคนจะรู้สึกตัว ร่างสูงยิ้มแห้งๆก่อนจะถอนจูบออกไป ไม่วายยังเกาหัวตัวเองแก้เก้อหลบหลีกความเขินที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นอีกต่างหาก
“เอ่อ..ฉันขอโทษนะที่ทำแบบนี้กับนาย ( .////.)”
“มะ..ไม่เป็นไร เราก็ชอบ”
“ห้ะ! เมื่อกี๊เธอว่าอะไรนะ?”
“เปล๊า ฉันบอกว่าไม่เป็นไร” ( ‘ ‘) เกือบไปแล้วตู...เผลอหลุดความหื่นออกไปให้เห็นซะได้
เกิดความเงียบปกคลุมขึ้นอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะทำยังไงดี คยองซูเลยพูดโพล่งออกไปว่า
“จงอิน..ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่จูบแรกของนาย แต่นายรู้ไว้เลยนะ ว่านายคือจูบแรกของฉัน”
ร่างสูงได้ยินแบบนั้นถึงกับหน้าแดงเถือกลามไปถึงคอเลยทีเดียว นี่อย่าบอกนะว่าเขิน..มันควรจะเป็นเขาไม่ใช่รึไง
“อืม...นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าเราไปนอนกันดีกว่า เดี๋ยวฉันไปส่งที่ห้องนะ” จงอินพูดตัดบทก่อนจะเดินจับมือคยองซูไปตลอดทาง โอย...หัวใจเต้นรัวเป็นกลองชุดอีกแล้ว
คนๆนี้อันตรายจริงๆ...อยู่ใกล้ทีไรลมแทบจับทุกที
“ฝันดีนะจงอิน ^^”
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ ฝันดีนะ” จงอินยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของเขา ร่างเล็กมองแผ่นหลังของเขาจนลับตา เมื่อจงอินกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วคยองซูก็รีบปิดประตูแล้ววิ่งไปกระโดดบนเตียงนอนทันที ภาวนานอนนับแกะให้เยอะๆ อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆซะแล้วสิ >_<
Baekhyun Said…
ดึกแล้ว...ทำไมยังนอนไม่หลับซักทีนะ ปกติเป็นต้องหลับเป็นตายแท้ๆ
แบคฮยอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้างอย่างหงุดหงิด วันนี้แทบจะไม่มีสมาธิทำการทำงานอะไรเพียงเพราะคนบางคน ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนั้นจะมีอิทธิพลกับเขาได้ขนาดนี้นะ ชานยอล...
อยากกลับบ้าน...ก็ต้องขโมยกล่องออกมาแล้วค่อยเรียกทุกคนมารวมตัวกันแล้วเปิดกล่องสินะ
แล้วเขากับชานยอล...ก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ประวัตศาสตร์จะเป็นอะไรยังไงก็ช่างหัวมันเถอะ ความจริงพวกเขาก็ไม่เห็นจะเกี่ยวตั้งแต่แรกแล้ว มีพวกเขาอยู่น่ะสิ ประวัติศาสตร์จะยิ่งเปลี่ยนแปลงไปกันใหญ่
บางทีพวกของชานยอลกับโยซอบอาจจะรบชนะโดยไม่มีพวกเราก็ได้ ใครจะไปรู้..เน๊อะ
แบคฮยอนลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเป็นสีดำทั้งตัวเหมือนในหนังที่พวกโจรชอบใส่กัน ป้องกันอีกชั้นโดยการใช้ผ้าปิดหน้าให้เหลือแต่ลูกตาจะได้ไม่มีใครจำได้ ขาเรียวเดินออกไปยังตำหนักกลางอย่างเงียบๆและระมัดระวังให้มากที่สุด ตลอดทางพวกทหารเวรยามเดินกันให้ควัก มีบางทีเกือบจะถูกจับได้แล้วแต่ฉันก็ใช้วิชาเนียนหลบได้ทุกที จนในที่สุดก็สามารถเข้ามาในห้องโถงตำหนักกลางได้อย่างหวุดหวิด ตรงกลางห้องโถงมีแท่นที่ตั้งขึ้นเพื่อวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาบ้านเมืองเอาไว้
สิ่งนั้นมันก็คือกล่องที่จะพาเขากับเพื่อนๆกลับบ้านได้ และเขาจะต้องทำให้ได้!
“เอามาได้แล้ว...”
“นั่นใครน่ะ!!!”
ชิบหาย...
ร่างเล็กที่กำลังยิ้มดีใจอยู่ได้ไม่นานก็ถูกทหารยามเห็นเข้าซะก่อน ตายล่ะซวยแล้ว แบคฮยอนมองซ้ายมองขวาก็เจอหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่ ไม่รอช้าเขาจึงรีบกระโดดออกจากหน้าต่างบานนั้นแล้วใส่เกียร์หมาเผ่นแนบทันที
“มีคนบุกรุก! มีขโมย! แบ่งทหารไปกราบทูลองค์ชาย ที่เหลือตามไปจับมันมาให้ได้!”
เสียงฆ้องเตือนภัยดังขึ้นไปทั่ววังหลวง ทหารมากมายต่างวิ่งกรูกันมาเต็มไปหมด แบคฮยอนวิ่งหลบซ้ายหลบขวาปีนหลังคากระโดดข้ามรั้วกำแพงสารพัดยิ่งกว่านักกายกรรม เหงื่อไหลจนมันชุ่มไปหมดทั้งตัว เมื่อเห็นว่าขาเจ้ากรรมเริ่มจะวิ่งช้าลงเรื่อยๆ หัวสมองอันชาญฉลาดของเขาจึงต้องคิดหาแผนการก่อนจะโดนจับได้ทันที อ๊ะ! นั่นมันห้องเก็บของเก่านี่นา
“เอาวะ เสี่ยงดวงกันหน่อยแล้ว ถ้าโชคดีคงเจอเสื้อผ้าแล้วรีบเปลี่ยนทัน แต่ถ้าไม่...ก็หลบอยู่ในนั้นไปก่อน” ไม่รอช้าร่างเล็กจึงพุ่งตัวเข้าไปในห้องเก็บของทันทีแล้วปิดประตูดังปัง
“แฮ่ก...แฮ่ก...ตื๊อชะมัดเลยทหารพวกนี้” แบคฮยอนยืนหอบอยู่หลังประตูจนตัวโยน นี่ถือว่าเป็นแผนที่บ้าบิ่นที่สุดที่เคยทำมาเลยทีเดียว รู้อย่างนี้น่าจะวางแผนให้รอบคอบซะก่อนก็ดีหรอก ลืมไปเลยว่านี่มันในวังหลวง ทหารเยอะ =____=
ในห้องนี้มีอะไรบ้างนะ..ดวงตาเรียวกวาดตามองรอบๆก็เจอแต่กองฟาง หม้อ ไห ลังไม้ จอบ เสียม คาดว่าคงจะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์การเกษตร อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นมาทีละนิดๆ สรุปคือเขาดวงตกสุดๆสินะ L
“องค์ชายชานยอลขอรับ คาดว่าโจรนั่นคงจะอยู่แถวๆนี้แหละขอรับ”
“ค้นให้ทั่ว อย่าให้มันหนีรอดได้” เสียงทุ้มของชานยอลดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องเก็บของนี่นักเท่าไหร่ แสดงว่าเขามาที่นี่...จะมาทำไมกันวะชานยอล แค่ทหารของพวกนายก็หนีจะไม่รอดอยู่แล้วนะ ฮือ...
เสียงเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้แบคฮยอนต้องรีบไปมุดกองฟางหลบจ้าละหวั่น ประตูห้องอุปกรณ์ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย บ้าจริง! นี่เขารีบมากจนถึงกับลืมล็อคประตูเลยหรอเนี่ย
“ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ในนี้ จะหลบหนีทั้งทีทำไมไม่ทำให้เนียนๆหน่อย ประตูก็ไม่รู้จักลงกลอน หรือว่าเจ้าเป็นโจรไม่มีฝีมือ เรื่องแค่นี้ก็ยังทำพลาด” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างดูถูกดูแคลนมันทำให้ร่างเล็กถึงกับกระตุก คำพูดนายมันช่างทำร้ายคนได้เก่งดีนะ
สายตาคมกวาดไปทั่วห้องอย่างพิจารณา จนในที่สุดก็พบจุดผิดปกติที่กองฟางกองหนึ่ง มือใหญ่ทำสัญญาณมือให้ทหารถอยออกไปให้หมด คิ้วเรียวขมวดแน่นอย่างข่มอารมณ์โกรธ เพราะดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร...ไอ้ตัวยุ่งแบคฮยอนนี่เอง ทำเอาวุ่นวายไปทั้งวังหลวงเลยนะคนนี้
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งนะ ออกมารับโทษซะดีๆ” ไร้สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...แบคฮยอนยังคงนิ่งเงียบทำตัวไร้ตัวตนต่อไป ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าชานยอลคงจะเจอตัวเข้าแล้ว
“อ๊ะ! ปล่อยสิมันเจ็บ” ในความเงียบ จู่ๆชานยอลก็เข้ามาคว้าแขนเล็กแล้วดึงขึ้นไปอย่างแรงไร้ความปราณีแถมยังบีบแขนแน่นราวกับไม่ใช่แขนคน แบคฮยอนจึงเผลออุทานออกไปด้วยความเจ็บ
“หึ...กล้าดีมากนะเจ้า..เอากล่องมาเดี๋ยวนี้” ชานยอลสั่งเสียงเข้ม
“กล่องอะไร ไม่ได้เอาอะไรมาทั้งนั้น” แบคฮยอนยังคงเฉไฉต่อไป
มือใหญ่อีกข้างเอื้อมมากระชากผ้าปิดหน้าของแบคฮยอนออกไปทำให้เห็นหน้าอย่างถนัดตา ชานยอลมองคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่องพลางตะคอกใส่อย่างโมโหอยู่หลายครั้ง แบคฮยอนซึ่งถือกล่องอยู่เริ่มจะทนไม่ได้ในความป่าเถื่อนของเขาจึงตัดสินใจเปิดกล่องมันซะตรงนั้นเลย เขาไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายกาจของนายอีกแล้วชานยอล
เอ๋? มะ...มันเปิดไม่ออก 0.0
“ทำไมเปิดไม่ออกล่ะวะ...เปิดสิ” แบคฮยอนพยายามเปิดกล่องนั่นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันก็ยังเชื่อมกันสนิทเหมือนกับว่ามันคือไม้เนื้อเดียวกัน ชานยอลมองอย่างดูถูกก่อนจะพูดขึ้นตอกย้ำว่า
“ข้าพอรู้มาบ้างจากเพื่อนของเจ้าว่ากล่องนี่สามารถทำให้พวกเจ้ากลับไปยังที่ๆพวกเจ้าจากมาได้ แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะขโมยกล่องนี่มาแล้วเปิดคนเดียวเพื่อกลับบ้านของเจ้า ถ้าข้าเป็นเพื่อนเจ้าคงจะเสียใจตายเลยที่เจ้าทรยศทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ แต่ตัวเองกลับไปอยู่สบายในที่ของเจ้าเพียงคนเดียว หัวใจเจ้าทำด้วยอะไรกันถึงได้เห็นแก่ตัวทิ้งเพื่อนที่ตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกันแบบนี้ เจ้านี่มันนิสัยไม่ดี”
ร่างเล็กทิ้งกล่องลงบนพื้นแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง..นั่นสิ เขามัวแต่คิดเรื่องของตัวเองจนลืมพวกนั้นไปได้ยังไงกัน เขาลืมพวกลู่หานไปได้ยังไงกัน พวกเขายังอยู่ที่นี่ พวกเขายังลำบากอยู่ที่นี่ ถ้ากล่องนี่มันสามารถเปิดออกได้ ก็คงจะรู้สึกผิดไปจนวันตายเลยที่หนีมาโดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้รอบคอบซะก่อน เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาเกือบทรยศเพื่อนแท้ของตัวเองได้ลงคอ แต่คนที่ทำให้เขาเกือบทรยศเพื่อนก็คือนายนะชานยอล..เพราะนาย ทำให้ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“ท่าทีโอหังของเจ้าหายไปไหนหมดล่ะ ทีตอนนี้ทำมาเป็นร้องไห้ หึ...”
“จะด่าอะไรก็ด่าตามใจนายเลย จะฆ่าจะแกงฉันก็ได้ ฉันยอมแล้ว..ฮึก..” น้ำตาของแบคฮยอนไหลออกมาเป็นทางอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งๆที่เขาไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนๆนี้แท้ๆ ความอ่อนแอของแบคฮยอน...ชานยอลไม่สมควรที่จะได้เห็นมันเลย
ชานยอลมองร่างบางที่สะอื้นไห้ตัวโยนอย่างน่าสงสารจนเริ่มรู้สึกผิด ความจริงเขาก็พูดแรงไป รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อกี๊ร่างบางคงจะทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ คนพวกนี้รักกันแค่ไหนเขาก็พอจะรู้สึกได้ ความคิดทรยศร่างบางตรงหน้านี้คงจะไม่มีวันคิดหรอก แต่เพราะเป็นคนๆนี้ ปากของเขามันก็ทำงานไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองทุกที
“ข้าขอโทษที่พูดแรงไป...ข้าจะไม่เอาโทษเจ้าก็ได้ กลับไปห้องซะ แล้วอย่าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้อีกเด็ดขาด” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะก้มลงเก็บกล่องมาไว้ในมือ นี่เขาใจอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากลายเป็นคนใจอ่อนเพราะคนๆนี้หรอเนี่ย...
ปัง!
ก่อนที่ใครจะได้ก้าวออกไปจากห้องเก็บของ ประตูเพียงหนึ่งเดียวก็ถูกปิดลงอย่างแรงพร้อมกับถูกล็อคประตูจากข้างนอกอย่างแน่นหนา ร่างสูงถึงกับหัวเสียเดินไปเขย่าประตู แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมเสียงข้างนอกก็เงียบอย่างกับไม่มีใครอยู่เลย ก็เขาสั่งให้ทหารออกไปหมดแล้วนี่นะ...แล้วใครมันบังอาจมาปิดประตูกันล่ะ
“บ้าเอ๊ย ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าคือองค์ชายชานยอล!”
“ฮึก...เปิดประตูสิ ไม่นะ เปิดเซ่!” แบคฮยอนเดินไปทุบประตูบ้างเผื่อมันจะเปิดออก แค่คิดว่าคืนนี้จะต้องติดอยู่กับชานยอลเพียงแค่สองคนมันก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว พระเจ้า..อย่าแกล้งกันไปมากกว่านี้เลย
ข้างนอกเงียบราวกับป่าช้า บ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย แบคฮยอนเดินกลับไปนอนบนกองฟางอย่างหมดอาลัยตายอยาก รีบนอนซะจะได้รีบเช้า..ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว
“เจ้า...จะนอนแล้วรึ” เสียงของร่างสูงเอ่ยถามแบคฮยอนที่จู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเหนื่อยอ่อนแล้วเดินไปนอนเงียบๆ
“อืม รีบนอนจะได้รีบเช้าไง อีกอย่างอากาศมันหนาว ฉันไม่ได้มีเสื้อผ้าครบชุดแบบนาย นอนบนกองฟางแบบนี้มันก็อุ่นไปอีกแบบ นอนล่ะ” แบคฮยอนตัดบทก่อนจะหลับตาลง เสี้ยววินาทีที่ร่างเล็กกำลังใกล้จะเคลิ้มหลับ รู้สึกเหมือนตัวเองอบอุ่นขึ้น เหมือนมีใครมากอดเอาไว้หลวมๆพอให้อบอุ่น ร่างกายของเขามันชักจะทรยศใจตัวเองถึงได้ขยับเข้าไปใกล้ชิดกับแผ่นอกอุ่นๆนั่นมากกว่าเดิมอย่างไม่รู้ตัว เสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอของอีกคนที่กำลังทำหน้าที่เป็นผ้าห่มอุ่นๆของตัวเองดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นสัญญาณบอกว่าเขาได้หลับไปแล้ว
ถ้านี่เป็นความฝัน...เขาขอฝันแบบนี้ตลอดไปเลยได้ไหม....
เพราะพรุ่งนี้ เขาควรจะต้องตื่นมาเป็นแบคฮยอนคนเดิมซะที!
Taemin Said…
“ล็อคเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย?” เสียงห้าวเล็กๆถามขึ้นตรวจสอบเบาๆ
“ขอรับ” ทหารอีกคนที่กำลังล็อคประตูหันมาตอบ
“อืม ออกไปให้หมด พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเปิดประตู” เขาสั่งอีกครั้งก่อนจะมองเหล่าทหารเหล่านั้นทยอยกันออกไปจากบริเวณนี้ เสียงทุบประตูปึงปังดังออกมาพักใหญ่ก่อนจะเงียบไป เขายืนดูสังเกตการณ์สักพักก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองบ้าง
ที่ทำไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยเร่งให้คนไม่รู้ใจตัวเองได้รู้ใจตัวเองเร็วขึ้นเสียที เห็นแบบนั้นแล้วมันขัดใจแทบบ้า ทั้งๆที่ชอบกันทั้งสองคนจะทำตัวให้มันยุ่งยากทำไมกันนะ
ร้อนถึงพ่อสื่อจำเป็นคนนี้ต้องออกโรงเลยเนี่ย ขอโทษแล้วกันชานยอลสหายรัก หึหึ
ชานยอลเพื่อนรักเอ๋ย เจ้าน่ะเก่งกาจเรื่องการรบก็จริง แต่เรื่องความรักน่ะเจ้ายังอ่อนหัดกว่าข้าอีกไกลโขเลยว่ะ -0-
แอ๊ด...
ร่างโปร่งเปิดประตูห้องตัวเองก่อนจะก้าวเข้าไปอย่างอารมณ์ดี แต่อารมณ์ดีเป็นต้องชะงักค้างเพราะมีใครบางคนกำลังนั่งจิบน้ำกินขนมอยู่ในห้องของเขาอย่างสบายอารมณ์นี่สิ ไม่อยากจะเชื่อเลย..
“เอ้า! มัวแต่ยืนค้างอยู่นั่นแหละแทมิน ข้ากลับมาทั้งทีไม่ดีใจหน่อยเลยรึ? ^^”
“พี่...พี่ยูริ” ตายล่ะ..ข้ามีลางสังหรณ์สุดยอดว่าเรื่องวุ่นๆมันจะต้องเกิดอีกไม่นานนี้แน่
Yixing Said…
“พี่อีทึก!! ผมคิดถึงพี่จังเลย ” อี้ชิงตะโกนเสียงดังเพราะว่าพี่ชายตัวดีของเขากำลังยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างหน้า
“อี้ชิง กลับบ้านเรากันนะน้องรัก ^^” มือเรียวของพี่อีทึกยื่นมาหาช้าๆ ร่างเพรียวยิ้มรับอย่างดีใจก่อนที่จะยื่นมือไป
แผล็บ...แผล็บ
ฝันหรอเนี่ย...อ่า...ฉันอยากให้มันเป็นจริงชะมัดเลย พี่อีทึก~~
งืม...อะไร ฝนตกรึไงเนี่ย ทำไมหน้าเขามันเปียกๆ =_____=
อี้ชิงลืมตาขึ้นมากะพริบปริบๆเพราะรู้สึกไม่สบายตัว สิ่งที่เขาพบเห็นเป็นอันดับแรกคือสิ่งมีชีวิตขนปุยๆสีขาวกำลังนั่งอยู่บนหน้าอก พลางแลบลิ้นของมันมาเลียหน้าเลียตาเขาอย่างสบายอกสบายใจ
“ไอ้ตัวเล็ก! ขึ้นมาบนเตียงฉันได้ยังไง แถมยังเลียหน้าฉันอีก แก้มฉันเป็นสิวจะทำยังไงล่ะเนี่ย”
อี้ชิงเอ็ดตะโรด่ามันเบาๆปนเอ็นดู แมวตัวเล็กแค่นี้มันจะไปรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ ฟังภาษาคนออกก็ไม่ใช่แมวธรรมดาแล้วล่ะเน๊อะ เอื้อมมือไปคว้าเจ้าตัวเล็กแล้วเอามันไปวางไว้ข้างๆตัว แต่ไม่วายยังจะพยายามตะกุยตะกายขึ้นมานั่งบนตักอีกจนได้
“อ้อนไปไหนเนี่ยหื้ม? รออยู่ดีๆล่ะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนละกัน”
หลังจากที่ถูกเจ้านาฬิกาแมวจำเป็นปลุกจนต้องตื่นจากฝันดีอย่างช่วยไม่ได้ เลยจำเป็นต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อพาเจ้าแมวตัวนี้ไปเดินเล่น คนหน้าตาดีรักสัตว์อย่างเขาหาได้ยากนะขอบอก โฮ๊ะๆๆๆๆ
ขาเรียวของอี้ชิงเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ภายในอ้อมกอดของเขามีเจ้าสัตว์ขนปุยตาแป๋วอยู่ในนั้นหนึ่งตัว มันมองสำรวจไปรอบๆเหมือนกับว่าเจอที่เล่นที่ถูกใจก็ไม่ปาน ก่อนที่มันจะทำตัวงอแงดิ้นลงจากอ้อมกอดของอี้ชิงแล้ววิ่งผลุบหายไปในพุ่มไม้พุ่มหนึ่งทันที แต่เขาก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำแบบนี้ เพราะอีกเดี๋ยวถ้ามันวิ่งเล่นจนพอใจเดี๋ยวมันก็กลับมาหาที่ห้องได้ถูกต้องทุกครั้ง ฉลาดจริงทั้งแมวทั้งเจ้าของ –w-
“อ่า..นี่ฉันเดินมาไกลขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” อี้ชิงตกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าเขากำลังเดินเลียบๆเคียงๆอยู่ในตำหนักขององค์ชายชานยอลหน้านิ่งไร้ความรู้สึกอะไรนั่น มันไกลจากที่พักของเขาไม่ใช่น้อยเลย นี่เดินเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงนี่เลยหรอเนี่ย ไม่ไหวๆ เดินกลับดีกว่า
“ชานยอลอา~ ทำเพื่อข้าไม่ได้รึไง ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับที่ข้ากลับมาวังหลวงไม่ได้หรอ?” เสียงผู้หญิง ใครกันนะ?
“เฮ้ย! แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ดีนะพี่ยูริ” เสียงแทมินนี่นา กำลังคุยอะไรกันอยู่นะ
“ถ้ามันทำให้พี่ยูริพอใจ ข้ายินทำ” เสียงนิ่งเรียบของชานยอลตอบกลับมา
“แต่นี่มันช่วงสงครามนะ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้” แทมินไม่วายส่งเสียงแย้ง
“เอาเถอะน่า เจ้าก็โวยวายไม่เปลี่ยนเลยนะแทมิน ชานยอล ข้าให้เวลาเจ้าเดือนนึงเป็นอย่างมาก ทำให้แบคฮยอนอะไรนั่นรักเจ้าให้ได้ แล้วเจ้าก็ต้องทำให้เขาอกหักให้ได้ เข้าใจรึเปล่า?”
อี้ชิงได้ยินดังนั้นเลยรีบแนบหูผึ่งเข้ากับกำแพงทันที โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยมีคนเลยหลบได้อย่างสบาย คนพวกนี้จะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆกันใช่มั๊ยเนี่ย!
“ข้าเข้าใจแล้วพี่ยูริ..”
“อ้อ แล้วก็อย่าเผลอไปหลงรักเขาเข้าจริงๆล่ะรู้รึเปล่า”
“ไม่มีทางหรอก แบคฮยอนก็แค่ของเล่นที่จะทำให้พี่ยูริสนุกได้ก็เท่านั้น ข้าไม่ได้รักนาง เพราะข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“เอ๋? ใครกันนะ...?” อี้ชิงชะเง้อคอมองไปยังกลุ่มคนสามคนที่คุยกันอย่างออกรสออกชาติ ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางมีความมั่นใจในตัวเองสูง สัดส่วนที่ราวกับถูกออกแบบจากสวรรค์ทำให้ร่างของผู้หญิงคนนี้สวยงามเป็นที่สุด แววตาดื้อรั้นและดูจะสนุกสนานไปตลอดเวลานั่น อีกทั้งท่าทีที่ไม่ค่อยจะยอมใครนั่นอีก มันทำให้อี้ชิงนึกถึงแบคฮยอนขึ้นมาอย่างประหลาด คนที่ชื่อยูริคนนี้นิสัยท่าทางเหมือนกับแบคฮยอนมาก ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยถูกกับยัยพวกนั้นซักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน เรื่องอะไรจะมาใช้ความรักของคนบางคนเป็นของเล่นสนุกๆให้กับคนๆนี้กันล่ะ
เพราะความรักเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ไม่ควรที่จะกลายเป็นเครื่องมือทำร้ายใครเพียงเพราะความสนุกหรอกนะ
“นิสัยไม่ดี! ทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!” อี้ชิงซึ่งเส้นความอดทนขาดผึงไปนานแล้วก็ถึงคราวออกโรงซะที ขาเรียวก้าวออกมาประจันหน้าปั้นหน้าบึ้งไม่พอใจอยู่ตรงหน้าพวกเขาทันที ทั้งสามคนดูจะตกใจไม่น้อยที่มีบุคคลที่สี่อย่างเขารับรู้แผนการชั่วๆนี้ด้วย
“อี้ชิง...คือว่ามันไม่ใช่นะ” แทมินโบกมือปฏิเสธพัลวัน
“ตรงไหนที่บอกว่าไม่ใช่! ฉันได้ยินหมดแล้วล่ะเรื่องที่พวกคุณกำลังพูดกัน นิสัยไม่ดีมากๆเลยนะ เอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่นได้ยังไงกัน เห็นความรักของคนอื่นเป็นแค่เรื่องสนุกของตัวเองอย่างนั้นหรอ นอกจากจะใช้ประโยชน์พวกเราเพื่อปกป้องบ้านเมืองของพวกคุณแล้วยังไม่สะใจใช่มั๊ย ยังจะต้องหลอกลวงแบคฮยอนให้เจ็บช้ำน้ำใจเล่นอีกหรอ ทำเหมือนแบคฮยอนไม่ใช่คน ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยถูกกับคนพวกนั้นเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยอมไม่ได้หรอกที่คนอย่างพวกคุณมากดขี่เอาแต่ได้อยู่แบบนี้ ความรักมันไม่ใช่เรื่องตลก...กรุณาเลิกล้มความคิดบ้าๆนี่ซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปบอกแบคฮยอน!”
“เอาสิ..บอกเลย เพราะถ้าบอกไป..คนที่จะซวยก็คือเจ้า” น้ำเสียงเย้อหยันดังออกมาจากปากเรียวสวย ยัยนี่มันนางร้ายโผล่มาจากโทรทัศน์ช่องไหนเนี่ย ใครก็ได้เอามันไปเก็บที!
“ทำไม จะเอาฉันไปฆ่ารึไง”
“แบบนั้นก็ไม่สนุกสิแม่หนู...ความสุขทุกอย่างของเจ้าต่างหากล่ะที่มันจะหายไป แบบนี้สนุกกว่าเยอะเลย^^”
“มารร้าย..เธอมันแม่มดชัดๆ!” คนที่ถูกด่าว่าเป็นแม่มดกลับยิ้มแป้นไม่สะทกสะท้านใดๆ หน้าหนายิ่งกว่าปูนซีเมนต์อีกนะยะยัยนี่ เดี๋ยวแม่ตบคว่ำซะเลย -*- เมื่ออี้ชิงทำอะไรไม่ได้ฉันเลยได้แต่กำหมัดแน่นแล้วเดินออกมาอย่างเจ็บใจ ถึงแม้จะสงสารแบคฮยอนแค่ไหน แต่ถ้ามันต้องแลกกับความสุขสบายภายในวังหลวงของเขาล่ะก็ เขาก็ไม่ยกให้เหมือนกัน
เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยต้องขอโทษแบคฮยอนอยู่ในใจเบาๆ..
Yuri Said…
“ตกลงตามนี้นะชานยอล ถ้าหากเจ้าทำได้..สิ่งไหนที่เจ้าต้องการข้าจะยกให้เจ้าหมดเลย”
“ข้าจะรีบทำ ขอตัวก่อนล่ะพี่ยูริ” ร่างสูงก้มหน้ารับคำเบาๆก่อนจะเดินออกไปเหลือแต่ร่างเพรียวกับแทมิน
“พี่ยูริ นี่พี่คิดจะทำอะไร ข้าไม่เห็นด้วยเลยนะ พี่ก็รู้ไม่ใช่หรอว่าเจ้าชานยอลมัน...”
“ชานยอลชอบข้า ข้ารู้ดีแทมิน” ยูริพูดสีหน้านิ่ง
“แล้วทำไมพี่ถึง..”
“ที่ข้าบอกว่าชานยอลชอบข้าน่ะ ข้าคิดว่ามันคงเป็นอดีตไปแล้วล่ะ สายตาที่ชานยอลมองข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไงกันพี่ยูริ?”
“จากเรื่องที่เจ้าเล่ามาเมื่อคืน ข้าคิดว่าผู้ชายคนนั้นน่ะจะทำให้ชานยอลหวั่นไหวได้แล้วน่ะสิ แล้วนี่ก็คือแผนของข้า”
“ข้าไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ข้านึกว่าเจ้าจะเข้าใจข้ามากที่สุดอีกนะแทมิน” ร่างเพรียวเขยิบไปใกล้แทมินอย่างไม่ทันตั้งตัวพร้อมกับฉายรอยยิ้มไปให้ ทำเอาคนที่มัวแต่ตั้งคำถามชะงักงันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แก้มใสของแทมินขึ้นสีเรื่ออย่างน่ารักน่าแกล้ง หึหึ...
“เอ่อ..ก็ข้าเห็นว่าสิ่งที่พี่ยูริทำมันไม่เห็นจะทำให้อะไรดีขึ้นมาตรงไหน อีกอย่างชานยอลก็ชอบพี่ยูริ ข้าคิดว่าทำแบบนี้ชานยอลมันจะไม่..แล้วไหนจะเรื่องที่อี้ชิงมาได้ยินเข้าอีกล่ะ ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงกันดี”
“ข้าก็บอกแล้วไงว่าสายตาที่ชานยอลมองข้ามันเปลี่ยนไปแล้ว แต่เจ้าตัวคงจะยังไม่รู้ตัวล่ะนะ ข้ามั่นใจว่าแผนของข้ามันจะทำให้ทั้งสองคนรักกันได้ เขาว่ายิ่งใกล้ชิดมันจะทำให้ยิ่งรักไม่ใช่หรือ กวีเขากล่าวแบบนั้นนะ...”
ไม่ใช่ว่าร่างเพรียวต้องการผลักชานยอลให้อีกคนหรอก อีกทั้งก็ยังไม่เคยเห็นคนที่แทมินกล่าวถึงด้วย เลยไม่ค่อยอยากจะวางใจเท่าไหร่ ชานยอลน่ะ..น้องรักตลอดกาลของยูริเชียวนะ!
“แต่ข้าว่าชานยอลยังชอบพี่ยูริอยู่ อีกอย่าง ข้าก็รับปากว่าข้าจะช่วยมันจีบพี่ยูริด้วย ข้าไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ”
“ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ แต่ตัวเองกลับมาเสียใจแทนอย่างนั้นหรือ?”
“พี่ยูริหมายความว่า...”
“ข้าก็หมายความว่า เจ้าก็แอบชอบข้าไม่ใช่รึ? แล้วก็จะบอกให้อีกอย่างนะ เจ้าคือผู้โชคดี เพราะข้าก็ชอบเจ้าJ”
ใช่แล้วล่ะ..พี่ยูริสามารถมองได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ ความลับเพียงอย่างเดียวที่แทมินไม่สามารถบอกเพื่อนรักอย่างชานยอลได้ ก็คือเรื่องที่เขาก็แอบชอบพี่ยูริเหมือนกัน
แค่แอบชอบคนเดียวกันกับที่เพื่อนรักชอบก็ผิดแล้ว...เลยตั้งใจจะทำให้เพื่อนสมหวังกับคนที่ชอบ แต่นี่กลับผิดคาด พี่ยูริกลับมาบอกว่าชอบเขา(?) แล้วจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย แทมินคิด
ความจริงยูริก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองแอบหลงรักเด็กไม่รู้จักโตอย่างแทมินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปๆมาๆเจ้าเด็กคนนี้กลับเข้ามานั่งในใจแถมยังล็อคกลอนไว้แน่นหนากันไม่ให้ใครเข้ามาได้อีกซะงั้น แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือเจ้าตัวไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกกับยูริตรงๆเนื่องจากยังเกรงใจเพื่อนรักอย่างชานยอล ยูริจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง
เพื่อที่อะไรๆมันจะดูกระจ่างขึ้นมาบ้าง..ไม่ใช่คลุมเครือแบบนี้ตลอดไป มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก
และตอนนี้แทมินเองก็จำเป็นจะต้องทำตามแผนการที่ยูริวางไว้ เพราะว่าเขาไม่สามารถขัดพี่ยูริได้เลยซักครั้ง
ยอมทรยศคำสัตย์ที่มีต่อชานยอล เพียงเพราะหัวใจด้านมืดกำลังครอบงำ...
คนเราเมื่อความต้องการมาอยู่ในมือแล้ว มันก็มีจุดๆหนึ่งที่อยากทำตามความต้องการของตัวเอง
เรื่องราวความรักของชานยอล..ยูริกับแทมินจะเป็นคนกำหนดให้เอง เพื่อหาทางออกให้กับทุกๆคนโดยที่ไม่มีใครเสียใจ ไม่มีใครรู้สึกผิด ถึงแม้จะเดาตอนจบของเรื่องนี้ไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นไรก็ตาม
ความคิดเห็น