ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] I'm Here! Always By Your Side [HunBaek,ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #8 : I'm Here - 6 -

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 57





    I’m Here – 6

     

     

    “ผลการตรวจออกมาแล้วนะครับ”

    “ครับคุณหมอ ผมเตรียมใจเอาไว้แล้ว หมอไม่ต้องปิดบัง”

    “ลูกของคุณมีภาวะผิดปกติทางจิตใจชนิดหนึ่งนะครับ”

    “คุณหมอหมายถึง...ลูกของผม เอ่อ..แกเป็นโรคจิตหรอครับ?”

    “ถ้าจะให้พูดแบบทั่วไปก็แบบนั้นแหละครับ เด็กมีอาการซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลา แล้วมีจิตใจแง่บวกกับแง่ลบแตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นจิตเภทชนิดหนึ่ง มุ่งมั่นจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองคิด นิสัยเก็บกด เหมือนแกจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาก่อน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงกระทบจิตใจเด็กรึเปล่าครับ?”

    “เอ่อ...ตอนที่แกอายุ 7 ขวบ แกเสียแม่ไปน่ะครับ...”

    “อ่า เป็นแบบนี้เองสินะครับ เด็กมีความต้องการที่จะได้รับความรักอย่างรุนแรง เวลาแกรักใครก็อยากจะให้อีกฝ่ายรักตอบ คุณควรให้เด็กทานยาและมาพบแพทย์อย่างเป็นประจำ”

    “ครับ ผมจะทำตามอย่างเคร่งครัด”

     

    ผ่านราตรีมายาวนาน จนในที่สุดก็ถึงเวลาเช้าตรู่ ผู้คนเริ่มลุกตื่นทยอยกันออกไปทำงาน เซฮุนก็เช่นกัน ร่างสูงตื่นขึ้นมาจากความฝันตามนาฬิกาของชีวิต ปกติเขาจะไม่รีรอหรืออยากนอนต่อ แต่วันนี้กลับไม่ใช่ เซฮุนอยากจะจมอยู่บนเตียงกับใครอีกคนที่นอนด้วยกันบนเตียงนี้ไปนานๆ คนที่นอนอยู่ข้างๆทำหน้าที่เป็นหมอนข้างให้กอดตลอดทั้งคืน

    เจ้าตัวเล็กไม่รู้ตัวหรอกน่า....

    แอบกอดตอนที่เจ้าตัวเผลอ แอบฟังเสียงลมหายใจของอีกคนจนเผลอหลับไป

    เหมือนคนโรคจิตเลยว่ะเซฮุน...

    ไหนๆโอกาสก็มาอยู่ในกำมือขนาดนี้แล้ว ขอริบรอนเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน ให้คนที่อาภัพรักมาทั้งชีวิตอย่างเขาได้มีคนอยู่ในอ้อมกอดบ้างสักที

    ว่าแล้วก็วาดวงแขนควานหาร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดอีกครั้งก่อนจะลุกไปอาบน้ำ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า พื้นที่ว่างข้างๆตัวเย็นจืดชืดราวกับว่าไม่มีใครนอนอยูตรงนั้นเป็นเวลาสักพัก คิ้วหนาขมวดมุ่นกวาดมือสะเปะสะปะหาคนตัวเล็กทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ ใบหน้าหล่อคมเริ่มเครียดขึ้นมาทุกขณะ ไม่อยากลืมตาขึ้นมาเลย...กลัวว่าแพคฮยอนจะเป็นเพียงแค่ความฝันที่เขาสร้างขึ้น กลัวว่าแพคฮยอนจะหายไปเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา เซฮุนไม่อยากให้มันเป็นเหมือนทุกๆครั้งที่เขาฝันถึงพี่แบคฮยอน  ที่ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่คนเดียว...

     

    ไม่มีใครอยากอยู่คนเดียว...

     

    แต่จะมัวโอ้เอ้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบตื่นไปอาบน้ำแล้วไปทำงาน

     

    เซฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางขยี้หัวตัวเองสะบัดไล่ความคิดบ้าๆออกไป พลิกตัวไปอีกข้างพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง สายตายังไม่ปรับโฟกัสดีเลยเห็นอะไรมัวๆไปหมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่กำลังเด่นชัดอยู่ในสายตาของเซฮุน...

     

    ใบหน้ามนของใครอีกคนที่เขาเพ้อถึงเมื่อกี๊กำลังจ้องมองเซฮุนในระยะประชิด...ใกล้กันเพียงแค่ยุงบินผ่าน

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับพี่เซฮุน ตื่นได้แล้วนะ ผมทำอาหารเช้าไว้แล้วล่ะ ^^

    ริมฝีปากรูปกระจับเอ่ยเจื้อยแจ้วทักทายคนที่กำลังนั่งสลืมสลืออยู่บนเตียง ดูท่าคงจะง่วงนอนมากสติสตังไม่เข้าที่เข้าทางเลยนั่งนิ่งมองแพคฮยอนใหญ่ รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้เซฮุนก่อนที่แพคฮยอนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆตามประสาคนขี้แกล้ง ทำเอาดวงตาคมเบิกกว้างหายง่วงเลยทีเดียว

    “อ...อือ ตื่นเช้าจังเลยนะแพคฮยอน” เซฮุนปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะตอบแพคฮยอนไป

    “ก็ผมตื่นเพราะว่าผมรู้สึกว่าพี่เซฮุนกอดผมน่ะสิครับ ดูท่าพี่เซฮุนคงจะติดหมอนข้างมากล่ะสิ กอดผมแน่นตลอดทั้งคืนเลย”

    “อ่า...ก็ใช่” เซฮุนเกาท้ายทอยแก้เขินเมื่อถูกแพคฮยอนจับได้ว่าแอบเอาเจ้าตัวมาเป็นหมอนข้างจำเป็นตลอดทั้งคืน ไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง ส่วนคนตัวเล็กได้แต่หัวเราะคิกทำหน้าตาน่ารักใส่เซฮุน แอคแทคเต็มๆเข้าตรงหัวใจจังๆ

    “ไปอาบน้ำเลยครับ ผมทำออมเลตไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวจะเย็นแล้วไม่อร่อย”

    “งั้นกินพ่อครัวแทนได้มั๊ย?”

    “ห้ะ!!! อะไรนะครับ”

    “อ้อ...เปล่าๆ พี่บอกว่าเอาไปอุ่นอีกทีได้มั๊ย”

    เซฮุนรีบพูดกลบเกลื่อนก่อนที่แพคฮยอนจะโวยวาย ไม่รู้สิ จู่ๆก็อยากหยอดมุกแกล้งพ่อครัวตัวป่วนเล่นให้หน้าแดงรับอรุณ แล้วมันก็ได้ผลซะด้วย แพคฮยอนกำลังยืนอมลมแก้มป่องเขินจนไม่รู้จะเขินยังไง

    “รีบไปอาบน้ำเลยครับ ไม่คุยกับพี่เซฮุนแล้ว -/-“

     

    หัวใจบ้า เต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

     

    การตกหลุมรักใครซักคนคงเป็นเรื่องดี

     

    ถ้าหากคนที่เราตกหลุมรัก เขารักเราเช่นกัน มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีสุดๆ

     

    แต่ถ้าไม่...

     

    มันคือฝันร้ายที่ไม่ว่าหลับหรือตื่นก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน

     

    “คาดเข็มขัดด้วยสิแพคฮยอน”

    “อ่า...คือพี่เซฮุน...ไม่ต้องก็ได้”

    “ดื้อ”

    แพคฮยอนที่กำลังจะเอ่ยปากว่าไม่ได้ดื้อกลับต้องหุบลงฉับเมื่อพี่ชายคนหล่อเอื้อมมาคาดเข็มขัดให้ ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะใกล้กันแทบจะกินหูอยู่แล้ว รถยนต์ราคาแพงเคลื่อนตัวออกไปยังมหาวิทยาลัยที่คนตัวเล็กกำลังศึกษาอยู่ ระหว่างทางแพคฮยอนเอาแต่เงียบ หันหน้ามองนอกกระจกอย่างวางตัวไม่ถูก บ่อยครั้งที่แอบหันหน้าไปมองเซฮุนที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ พอเหมือนเซฮุนจะรู้ตัวก็รีบหันหน้ากลับมาอย่างอัตโนมัติ แพคฮยอนอยากจะรู้เหลือเกินว่าทุกวันนี้อาการที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าโรคอะไร มันชักจะหนักขึ้นทุกๆวัน

     

    “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

    “ตอนเย็นรอพี่ที่ร้านชานมนะ เดี๋ยวจะไปรับ”

    “ครับผม ขับรถดีๆนะครับ ^^

     

    อ่า...หน้าพี่เซฮุนเต็มไปหมดเลย

     

    นี่ขนาดเรียนอยู่ยังเป็นถึงขนาดนี้ แพคฮยอนแกเป็นอะไรของแก!

     

    เช้า กลางวัน บ่าย แพคฮยอนแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง เอาแต่คิดถึงหน้าเซฮุนตลอดเวลา แบมแบมที่เดินอยู่ด้วยทั้งวันถึงกับเบ้ปากเอือมระอากับความผิดปกติของเพื่อนหน้าสวย สงสัยเหลือเกินว่าเพื่อนคนนี้ไปเจออะไรมากันแน่ เพ้อนักเพ้อหนาอย่างกับเจ้าหญิงดิสนีย์เจอเจ้าชายในฝัน

     

    “แพคฮยอนอา...นายเป็นอะไร เหม่อทั้งวัน มีอะไรไม่สบายใจป่ะ?”

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกันแบม แบบว่า...เอ่อ..พูดไงดี หัวใจเราเต้นแรงมากเลยแทบจะทะลุออกมาแน่ะ”

    “ห้ะ...นายเครียดอะไรรึเปล่า หรือว่านายเป็นโรคหัวใจ?”

    “ไม่ได้เป็นโรคหัวใจนะ แต่ว่า...เห้อ เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย”

    “นายควรไปตรวจสุขภาพบ้างนะแพคฮยอนอา เป็นห่วง”

    “อื้อ...ก็คิดๆอยู่เหมือนกัน”

     

    แบมแบมยื่นมือไปแตะหน้าผากเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง กลัวเพื่อนจะเป็นไข้ไม่สบายเลยเพ้อออกมา แต่อุณหภูมิก็ปกติดี บางทีแพคฮยอนอาจจะไม่ได้เป็นที่ร่างกาย อาจจะป่วยที่ใจก็ได้

     

    “แพคฮยอน...มีอะไรบอกเราได้นะ”

    “อื้อ คือ...เรา เราเหมือนจะเป็นคนบ้าเลย เรามองหน้าพี่เซฮุนไม่ได้ มันแปลกๆ...”

     

    ยิ่งเสียงของแพคฮยอนดังเบาลงเท่าไหร่ หัวใจของแบมแบมก็ยิ่งเต้นช้าลงมากเท่านั้น ร่างกายชาจนแทบจะไม่รู้สึกอะไร มือที่กำลังแตะหน้าผากแพคฮยอนอยู่รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทำไมถึงนึกไม่ออก อาการง่ายๆแค่นี้ทำไมเขาถึงมองข้ามมันไป แพคฮยอนไม่ได้ป่วย แพคฮยอนไม่ได้ไม่สบาย แพคฮยอนก็แค่แอบชอบใครซักคน อาการของคนแอบรัก... แล้วก็คิดว่าคงจะชอบคนๆนั้น

    แพคฮยอนกำลังชอบพี่เซฮุน

    ทำไมต้องเป็นเซฮุน...

    ทำไมต้องเป็นคนที่เขาชอบเหมือนกัน

     

    “แบมมม เป็นอะไรอะ ทำไมจู่ๆก็นิ่งไป?”

    แพคฮยอนโบกมือไปมาเรียกสติของเพื่อนสนิทที่กำลังนิ่งค้างเหมือนคิดอะไรอยู่ สักพักแบมแบมก็ได้สติก่อนจะชักมือกลับนั่งยิ้มเหมือนเดิม แล้วคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ยิ้มที่แค่นยิ้มออกมาจนรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ หัวเราะแห้งๆจนตัวเองรู้สึกได้ว่ามันฝืดยิ่งกว่าอะไร แบมแบมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ไม่อยากให้เพื่อนสนิทของตัวเองชอบคนๆเดียวกันกับคนที่เขาชอบ ถึงแม้เมื่อก่อนจะชอบแบบแฟนคลับมาตลอด แต่พอนานๆเข้ามันก็เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆจนหวงทุกอย่างที่เป็นเซฮุนกับชานยอล

    ฟิลลิ่งที่แฟนคลับทุกๆคนต้องเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้ศิลปินมีคนที่ชอบ

    รู้สึกเหมือนอกหัก...

    หลายวันที่ผ่านมา ทำไมจะไม่รู้สึกว่าพี่เซฮุนเองก็สนใจแพคฮยอนไม่น้อย ยิ่งเห็นก็ยิ่งปวดใจ ทั้งๆที่พยายามเข้าใกล้ไอดอลหนุ่มทั้งเซฮุนและชานยอลให้ได้มากที่สุด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีตัวตนแทบทุกครั้ง แววตาที่ยิ้มให้เขาราวกับว่ามันเป็นเพียงรอยยิ้มอัตโนมัติที่ยิ้มแจกโปรยให้แฟนคลับ ไม่ได้พิเศษเหมือนกับที่ยิ้มให้แฝดทั้งสอง

    ไม่ได้อยากให้เป็นป๋ายเซียนกับแพคฮยอนเลย

    ไม่อยากอิจฉาทั้งสองคนเลยจริงๆ...

     

    แต่ก็ทำได้แค่อิจฉาล่ะนะ ถ้าเขาจะรักกันจริงๆเราจะทำอะไรได้ เกิดมาได้เจอเขาตัวเป็นๆก็ดีแค่ไหนแล้ว

     

    โดยที่ทั้งสองคนไม่ทันรู้ตัว...ใครอีกคนหนึ่งกำลังเก็บความเกรี้ยวกราดเอาไว้ในใจ

    มือเรียวของใครบางคนกำไว้แน่นหลังจากได้ยินประโยคสนทนาเมื่อครู่ บีบมันจนซีดไร้ความรู้สึก อยากระบายความโกรธที่มีอยู่ในใจออกมาตอนนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

     

    ของๆเขา ใครจะแย่งไปไม่ได้ ถึงแม้จะไม่มีทางได้ครอบครอง อย่างน้อยก็ต้องไม่มีใครคว้าเอาไป

    เซฮุนกับชานยอล...จะต้องเป็นของคนๆนี้เพียงผู้เดียว

    ทิ้งท้ายความคิดไว้แค่นั้น จู่ๆคนปริศนาก็หายลับตาไปราวกับว่าไม่มีใครเคยยืนอยู่ใกล้ๆเลย

     

     

    ตอนเย็น...

     

    “พี่เทาครับ พี่เฉิน พี่ซิ่วหมิน ผมกลับก่อนนะ แบมอา พี่ป๋าย ผมไปแล้วนะ พี่เซฮุนมารับแล้ว”

    แพคฮยอนตะโกนบอกทุกคนในร้านก่อนจะรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กไปเปลี่ยนชุดที่หลังร้าน ทุกๆเย็นแพคฮยอน ป๋ายเซียน กับแบมแบมจะมาทำงานที่ร้านชานมของซูโฮกับคริสเสมอ ร่างเล็กหายลับตาขึ้นรถไปพร้อมกับโบกมือหยอยๆลาคนที่ยังอยู่ในร้าน แบมแบมโบกมือตอบกลับไปก่อนจะกลับไปเช็ดโต๊ะต่อ วันนี้เขาได้เห็นพี่เซฮุนอีกแล้ว โชคดีจัง >_<

    “ป๋ายเซียน เมื่อไหร่พี่ชานยอลจะมารับนายอะ?”

    “ไม่รู้สิ ทำงานอยู่ล่ะมั้ง ทำไมอะ นายชอบพี่เขารึไง?”

    ป๋ายเซียนได้ทีแซวเข้าให้ทำเอาหูเหอของแบมแบมร้อนฉ่าไปหมด ใบหน้าหวานก้มส่ายหัวดิกปฏิเสธ เรียกเสียงหัวเราะของป๋ายเซียนได้เป็นอย่างดี อะไรกัน ทำไมคนๆนี้ถึงดูออกว่าเราปลื้มพี่ชานยอลกับพี่เซฮุน แสดงออกมากเกินไปหรอ อ้ากกกกกกกกก -//////////-

     

    รู้มากไปก็ระวังจะเป็นภัยแก่ตัวนะ หึ...

     

    “เอ๋...?”

    แบมแบมหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียงจนป๋ายเซียนแปลกใจ

    “แบม...เป็นอะไร มองหาอะไรอยู่?”

    “เมื่อกี๊เหมือนมีคนพูดอะไรซักอย่าง...นายได้ยินมั๊ยอะ?”

    “ไม่รู้สิ เสียงลูกค้ารึเปล่า? ทำงานต่อเถอะเดี๋ยวพี่ซูโฮจะดุเอา”

    ป๋ายเซียนว่าก่อนจะทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายอีกครั้ง แบมแบมหันไปมาอีกครั้งอย่างต้องการเช็คให้แน่ใจ ก่อนจะสะบัดหัวสองสามทีแล้วไปทำงานต่อ คงจะเป็นเสียงลูกค้าจริงๆนั่นแหละ...

     

    ลูกค้างั้นหรอ...ลูกค้าวีไอพีที่นายจะต้องลืมไม่ลงทั้งสองพี่น้องเลยล่ะ

     

     

     

    “แพคฮยอนอา ช่วยหยิบอะไรหลังรถให้หน่อยสิครับ”

    “เห...อะไรล่ะครับเดี๋ยวผมหยิบให้”

    จู่ๆคนขับรถก็พูดขึ้น แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ มองหน้าคนอายุมากกว่าอย่างสงสัย เซฮุนไม่ตอบอะไรก่อนจะบอกให้ไปหยิบของที่ว่า มือเรียวปลดที่คาดเข็มขัดก่อนจะหันหลังไปยังเบาะที่นั่งข้างหลัง ดวงตาเรียวกวาดสายตาไปมาก็เจอกับดอกไม้ช่อใหญ่ที่เขียนการ์ดติดเอาไว้ว่า.... TO BAEKHYUN

    “ให้....ชอบไหม?”

    “ชอบครับ ชอบมากเลย แต่..ชื่อของผมพี่เซฮุนเขียนผิดอะ มันต้องเป็นตัว P สิครับ”

    “อะ...หรอ พี่ไม่รู้ ก็อักษรเกาหลีมันอ่านได้หลายแบบ พี่ก็นึกว่าภาษาอังกฤษนายใช้ตัว B ขอโทษนะ”

     

    เซฮุนแทบอยากจะกระชากหัวตัวเองแรงๆที่ลืมนึกถึงข้อนี้ไป ลืมอีกแล้ว เผลออีกแล้ว...ตั้งใจจะซื้อมาให้คนตัวเล็กคนนี้แท้ๆ กลับเขียนชื่อใครบางคนลงไปอีกจนได้ ให้มันซื่อบื้อได้ตลอดแบบนี้สิไอ้เซฮุนเอ้ย

    “แต่ว่านะ...พี่ให้ดอกไม้ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ ^^ ว่าแต่พี่ให้ดอกไม้ผมทำไมอะ?”

    “พี่ชอบนาย...”

    “ห้ะ....อะไรนะครับ”

    แพคฮยอนแทบอยากจะถามซ้ำอีกร้อยรอบกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงแม้ร่างสูงไม่ได้มองหน้าเขาตอนนี้แต่ก็รับรู้ว่าอีกคนไม่ได้พูดเล่นอย่างแน่นอน หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วในตอนนี้กลับเต้นแรงมากขึ้นเป็นสิบๆเท่า แก้มใสเนียนแดงเรื่ออย่างควบคุมไม่อยู่ เอาแล้วสิ อาการอยากจะเป็นลมกลับมาอีกแล้ว -/-

    “ในเมื่อพี่ชอบนายแล้ว นายจะชอบพี่ได้มั๊ย?”

    “โห...เกี่ยวหรอครับ”

    “ไม่เกี่ยวหรอก แต่ก็อยากให้เกี่ยว J

    “พี่เซฮุนอย่ามาปากหวานนะ... พี่ทำให้ผมแปลกไป ตอนนี้ผม...ผมไม่รู้ ผมคิดว่าผมไม่สบาย แบมแบมก็เพิ่งบอกให้ผมลองไปหาหมอ”

    “นายเป็นอะไร?”

    “ผมรู้สึกใจสั่นมากๆเลยเวลาอยู่ใกล้ๆพี่ ผมรู้สึกหน้าร้อนตลอดเวลาพี่มองมา ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม...ผมเป็นอะไรกันแน่ครับพี่เซฮุน พี่พอจะรู้รึเปล่า”

    “อืม...พี่เองก็ไม่ใช่หมอ แต่พี่พอจะรู้...”

    “แล้วผมเป็นอะไรหรอครับ”

    “เป็นโรคอินเลิฟล่ะมั้ง ชอบพี่ล่ะสิเตี้ย”

    “พี่เซฮุนอ่า!!!

     

    ป้าบ!

     

    มือน้อยๆฟาดเข้าเต็มแรงไปที่ต้นแขนของร่างสูงเต็มแรงแก้เขิน ทำเอาเซฮุนแขนชาไปชั่วขณะเชียว เห็นมือเล็กๆแบบนี้แรงเยอะใช่เล่น เสียงทุ้มหัวเราะลั่นอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นแพคฮยอนก้มลงดมดอกไม้เล่นอย่างชอบอกชอบใจ ไม่ว่าจะยังไงแพคฮยอนก็เหมาะกับดอกไม้อยู่วันยังค่ำล่ะนะ

     

    “ตกลงว่าไงเนี่ย ชอบพี่มั๊ยแพคฮยอน?”

    “ก็ไม่รู้สินะครับ คิก.... J

     

     

    “อ้าว แบมจะกลับแล้วหรอ?”

    “อื้อ วันนี้ต้องรีบกลับน่ะ มีการบ้านเยอะเลย บอกพี่เทาแล้วล่ะ แหะๆ ขอโทษนะป๋ายเซียน”

    แบมแบมยกมือไหว้ขอโทษขอโพยป๋ายเซียนยกใหญ่ที่ต้องรีบกลับหอก่อนเวลาเลิกงาน ไม่นานแบมแบมก็เปลี่ยนชุดเสร็จและเดินออกจากร้านไป เวลาสองทุ่มแล้วผู้คนเริ่มทยอยกลับ ป๋ายเซียนที่ยืนพิงกระจกทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่ต้องสะดุ้งตื่นเป็นพักๆเพราะเสียงรถคุ้นหูดังใกล้เข้ามา แต่ก็ไม่ใช่รถของชานยอลเลยซักคัน

    “ป๋ายเซียน มานั่งพักก่อนก็ได้ คงเหนื่อยน่าดู”

    “ครับพี่ซิ่วหมิน”

    คนตัวเล็กเดินลากขาอย่างอ่อนแรงไปนั่งพักตรงหน้าบาร์ก่อนที่โกโก้อุ่นๆจะถูกยื่นให้โดยพี่เทาคนหล่อ ป๋ายเซียนเอ่ยขอบคุณก่อนจะนั่งจิบไปพลางชวนคุยกับพี่ๆในร้านไปพลาง

    “พี่ๆครับ พี่สนิทกับพี่ชานยอลมากมั๊ยอะ?”

    “ห้ะ...อ่อ ก็พอสนิทนะ แต่สนิทหลังจากเซฮุนอีกที ทำไมหรอ?”

    “ผมอยากรู้น่ะ ว่าพี่ชานยอลเป็นคนยังไง พี่ๆพอจะบอกผมได้มั๊ยครับ?”

    “พี่ก็ไม่รู้มากมายเท่าไหร่ ชานยอลน่ะเขาเป็นนักธุรกิจด้วย นายแบบด้วย หน้าตาดีนั่นแหละนะ รวย เรียนเก่ง เพอร์เฟกต์”

    “แล้ว...แล้วเรื่องแฟนล่ะครับ พี่ชานยอลเคยคบกับใครมารึเปล่า?”


    คำถามเดียวสะอึกกันเป็นแถว ซิ่วหมิน เฉิน และเทาต้องแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ ทำไมต้องมาอยากรู้คำถามนี้ด้วยเนี่ยไอ้เด็กแสบ!!


    “พี่ก็ไม่รู้หรอก แต่ว่าชานยอลเคย...เคยชอบคนๆนึง เห้ยพี่หมิน ผมจะเล่าดีมั๊ยวะ?”

    “แกเกริ่นมาซะขนาดนี้แล้วเพิ่งจะมาถามเนี่ยนะ -___-

    “เล่าๆๆ นะพี่เทา ผมอยากรู้”

    “คือเมื่อก่อน...แบบว่า พี่ชานยอลเขาเคยมีคนที่แอบชอบอยู่คนนึงน่ะ สมัยมัธยมแล้วล่ะมั้ง แอบชอบมาตลอดเลย แต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันเพราะคนที่แอบชอบดันไปตกลงเป็นแฟนกับอีกคนนึงซะก่อน พี่รู้แค่นี้แหละ”

     

    หลังจากนี้พี่ไม่รู้จะเล่าให้นายฟังยังไงจริงๆป๋ายเซียนเอ้ยยยยย

     

    “อ้าว!! นั่นไงชานยอลมาพอดีเลย”

    “งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ๆ ฝันดีครับ ^^

    ป๋ายเซียนรีบวิ่งไปหลังร้านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพายแล้ววิ่งขึ้นราชรถคุณชายปาร์คไป คนในร้านก็ได้แต่ปาดเหงื่อถอนหายใจที่ตัวช่วยมาทันเวลาพอดี

     

    “แกจะไปเล่าอะไรให้น้องฟังทำไมเนี่ย สัญญากับเซฮุนไว้แล้วไม่ใช่หรอห้ะ” เฉินตบหัวเทาก่อนจะด่าซ้ำ

    “โถ่ ก็มันเผลอหลุดปากไปอ่ะ T^T

     

     

     

    “พี่ชานยอล พี่ทำไมมาช้าจัง” เมื่อป๋ายเซียนกับชานยอลเดินเข้ามาในห้อง คนช่างพูดก็เปิดประเด็นถามทันที

    “วันนี้พี่ติดประชุมอยู่ที่บริษัทครับ มาช้าไปนิด ขอโทษที”

    “นึกว่าไปเที่ยวที่ไหนซะอีก 55555

    “จะไปเที่ยวทำไม ก็คนที่พี่สนใจอยู่ตรงนี้แล้วแท้ๆ”

    ชานยอลพูดจบก็เดินเข้ามายีผมอีกคนจนยุ่งแล้วเดินเข้าห้องทำงานไป ป๋ายเซียนได้แต่ทำหน้าเขินแล้วเดินไปทำงานที่ค้างไว้ ระหว่างทางกลับบ้านป๋ายเซียนเอาแต่ถามเรื่องคนที่ชานยอลชอบสมัยมัธยมไม่หยุด ชานยอลก็ไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยต้องหยอดมุกแกล้งให้ป๋ายเซียนเขินแก้มแทบปริแทน กว่าจะกลับมาถึงคอนโดนี่ก็โดนตีไปหลายทีอยู่เหมือนกัน เจ็บระบมเลย -.-

    “อ่า...วันนี้มีงานอะไรทำค้างไว้บ้างเนี่ย”

     
     

    ตุบ...

     

    กล่องของขวัญสีฟ้าตกจากกระเป๋าของตัวเองลงบนพื้น ป๋ายเซียนมองมันอย่างแปลกใจ มันไม่ใช่ของเขานี่นา แล้วมันมาอยู่ในกระเป๋าของเขาได้ยังไง??

    มือเรียวเอื้อมไปหยิบมาดูอย่างสงสัย ลองเขย่าๆดูก็ไม่มีเสียงอะไร มันเป็นเพียงกล่องใบเล็กๆขนาดเท่ากำปั้น พยายามคิดอยู่ว่ามันมาได้ยังไง....หรือว่าพี่ชานยอลจะเป็นคนเอามาใส่มั้ง

     

    แอบไปเปิดดูที่อื่นดีกว่า -.,-

     

    ที่บอกจะจีบนี่จริงจังใช่มั๊ยเนี่ย -/-

     

    ป๋ายเซียนเขินระดับสิบกะโหลกแล้วววววววว

     

    ร่างเล็กเดินถือกล่องของขวัญไปตรงระเบียง เลื่อนบานประตูเปิดแล้วปิดมันเบาๆ กลัวคนข้างในรู้ แกะริบบิ้นออกแล้วค่อยๆเปิดดูข้างในกล่องอย่างลุ้นระทึก

     

    กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งออกมาจากในกล่องจนเหม็นสะอิดสะเอียน มือเล็กรีบโยนกล่องใบนั้นทิ้งอย่างตกใจแล้วยกมือขึ้นปิดจมูกด้วยความรวดเร็ว ข้างในนี้มีอะไร? ทำไมถึงมีกลิ่นแบบนี้

     

    เหมือนกลิ่นเลือด....

     

    กระดาษแผ่นหนึ่งตกออกมาจากในกล่อง มันถูกพับไว้หลายๆชั้นจนกลายเป็นชิ้นเล็กๆบรรจุไว้ในกล่อง ป๋ายเซียนจะไม่หยิบมันขึ้นมาอ่านเลย...ถ้ามันไม่มีชื่อเขาติดอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น

     

    ป๋ายเซียน.....

    เลิกยุ่งกับชานยอล!! บอกให้แพคฮยอนออกห่างจากเซฮุนซะ กูขอเตือนมึง ไม่อย่างนั้นทั้งมึงและน้องมึงจะต้องเจ็บตัว อย่ามายุ่งกับของๆกู ถ้ามึงยังไม่อยากให้น้องมึงโดนทำร้าย เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับซะ เพราะว่ากูมองมึงอยู่ตลอดเวลา อ้อ...ถ้ามึงไม่เชื่อ มึงจะลองของก็ได้ แต่ขอบอกไว้ก่อน กูไม่ได้ขู่มึงเล่นๆ

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    อ่านจบป๋ายเซียนถึงกับช็อค....กลิ่นคาวเลือดยังลอยคละคลุ้งเต็มจมูก ตัวอักษรมันเขียนด้วยเลือดจริงๆ มือสั่นไปหมดแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ มีสติป๋ายเซียน แกต้องมีสติ ใครบางคนอาจแกล้งเขาเล่น มันอาจไม่ทำจริงๆก็ได้

     

    ใครส่งมา....

    ใครเป็นคนทำ

    ใครที่จ้องจะทำร้ายเขาและแพคฮยอนอยู่

     

    ที่สำคัญ...หากป๋ายเซียนไม่ทำ มันไม่ได้ลงที่เขา แต่มันกลับไปทำกับแพคฮยอนแทน...มันเจ็บกว่าเป็นไหนๆ

     

    “แพคฮยอนอา....”









    ***************************************************

    เค้ามาแล้วนะรีดทุกคน

    ขอโทษที่ไม่ได้อัพฟิคนานเลย ติดสอบอะฮือ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×