ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo It's You รักนายเจ้าชายอันตราย [chanbaek hunhan ft.exo]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 57


     

    Chapter 5



    พระราชวังเคียงบก อาณาจักรโชซอน

     

                    ภายในห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของผู้สำเร็จราชการและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยต่างๆ ร่างสูงโปร่งขององค์รัชทายาทนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองเด่นสง่าอยู่ ณ ท้องพระโรง บรรดานักบวชทั้งสิบสองคนและขุนนางทั้งหลายต่างนั่งเป็นระเบียบอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ วันนี้จะมีการประชุมครั้งสำคัญครั้งหนึ่งก็ว่าได้ เรื่องราวในการประชุมครั้งนี้จะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้นอกจากจะเป็นเรื่องการกำจัดนางแม่มดร้ายและการทำให้พระราชาพระราชินีทรงหายประชวรโดยเร็ว

                    “ทูลองค์รัชทายาท เวลานี้ข้าได้นำสองในห้านักรบมาเข้าเฝ้าพระองค์แล้วพะยะค่ะ”

                    เสียงของหัวหน้าทหารกลุ่มหนึ่งขึ้นมาที่หน้าท้องพระโรง บรรดาขุนนางจำนวนไม่น้อยต่างก็ชะโงกหน้าออกไป หวังจะได้เห็นโฉมหน้าของเหล่านักรบทั้งห้า ไม่นานก็มีชายคู่หนึ่งเดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เสียงทรงอำนาจขององค์รัชทายาทจะขัดขึ้น ทำให้ท้องพระโรงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

                    “พวกท่านหยุดพูดได้แล้ว ข้าขอต้อนรับท่านทั้งสองด้วยความยินดี..”

                    “เอ่อ..ขอบคุณครับ เอ๊ย ขอบพระทัยพะยะค่ะ”

                    เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ในตอนแรกรัชทายาทยังไม่ได้ทันสังเกตอะไร หลังจากได้ฟังเสียงนุ่มๆของผู้ชายคนนั้นแล้วทำให้ต้องหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้เสื้อผ้าของเขาจะไม่ได้สวยหรูมีราคาเหมือนคุณหนูตระกูลไหน แต่ใบหน้าหวานๆนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รัชทายาทคนนี้ละสายตาไปจากคนตัวบางตรงหน้าไปไม่ได้

                    “พวกท่านมีชื่อว่าอะไรรึ? ข้าอยากรู้”

                    “ผมชื่อเซฮุน”

                    “ผมชื่อลู่หานพะยะค่ะ”

                    องค์รัชทายาทยิ้มน้อยๆเมื่อได้ฟังชื่อของลู่หาน รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว คงเป็นเพราะพรมลิขิตใช่รึเปล่า รัชทายาทโยซอบคงจะดีใจกว่านี้ถ้าคนที่ชื่อเซฮุนจะไม่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่ก็คงความเกรงใจไว้บ้างในฐานะที่เป็นรัชทายาท

                    ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพระโรงก็เปิดออกอีกครั้ง ทำให้ทุกคนรวมทั้งเซฮุนลู่หานต้องหันไปมองด้วย

     

     

                    “ทูลองค์รัชทายาท ข้าได้พาสองนักรบแห่งตำนานมาเข้าเฝ้าแล้วพะยะค่ะ”

                    เสียงของหัวหน้าทหารอีกคนดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ก็มีชายคู่หนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นผู้คนเต็มท้องพระโรง เสียงพูดคุยดังขึ้นอีกครั้งจนรัชทายาทโยซอบทนไม่ไหว

                    “ข้าขอเลิกประชุมแต่เพียงเท่านี้ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกเขาแบบส่วนตัว”

                    “แต่...”

                    “ไม่มีแต่ เลิกประชุม”

                    รัชทายาทโยซอบประกาศลั่นก่อนจะเดินเข้าไปข้างหลังบัลลังก์ ทหารบางส่วนส่งสัญญาณให้นักรบทั้งสี่คนเดินตามเข้าไป เมื่อพ้นจากสายตานับร้อยนับพันคู่ของเหล่าขุนนางแล้ว ลู่หานกับคยองซูที่ไม่ได้เจอกันมานานก็โผกอดกันด้วยความคิดถึง

                    “คยองซู ฉันคิดถึงแกจัง T^T

                    “ฉันก็คิดถึงแกนะลู่หาน นึกว่าจะไม่ได้เจอกันซะแล้ว”

                    “นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร” เซฮุนเอ่ยขึ้นมาบ้าง ก่อนที่จงอินจะเดินเข้ามาหาเซฮุนแล้วทำท่าจะกอด

                    “คิดถึงแกจังเลยว่ะเซฮุนเพื่อนรัก J

                    “เฮ้ยๆๆ คิดถึงก็พอ กอดไม่ต้อง เดี๋ยวก็ได้สยองกันพอดี -0-

     

     

                    เซฮุนกระโดดหนีทันทีที่เพื่อนตัวยักษ์จะเข้ามากอด พลางเดินดุ่มๆพาสองสาวเดินตามหลังรัชทายาทโยซอบไป ไอ้จงอินบ้า เล่นอะไรหัวใจจะวายทุกที -0- เมื่อพ้นจากทางเดินแล้ว รัชทายาทกับพวกเซฮุนก็ก้าวเข้าไปในตำหนักหนึ่ง สาวใช้ทำความเคารพทั้งหมดอย่างนอบน้อมก่อนจะเปิดประตูให้ ภายในตำหนักถูกตกแต่งอย่างงดงามทุกระเบียดนิ้ว รัชทายาทโยซอบหันมามองทุกคนยิ้มๆแล้วเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร

     

     

                    “ขอต้อนรับพวกท่านอีกครั้ง ข้ามีชื่อว่าโยซอบ ยินดีที่ได้รู้จัก J

                    “พะยะค่ะ”

                    “ที่นี่ไม่มีขุนนาง ไม่ต้องมีพิธีอะไรหรอก เรียกข้าว่าโยซอบเฉยๆก็ได้ อายุของข้ากับพวกเจ้าก็คงจะไล่เลี่ยกัน ข้าอยากเป็นเพื่อนกับพวกท่านทั้งสี่นะ อย่าใส่ใจฐานะอะไรเลย”

                    “พูดแล้วอย่าคืนคำนะ ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูพระองค์อย่ามาประหารกันล่ะ”

                    ลู่หานพูดขึ้นอย่างลอยๆแต่ก็แฝงความขี้เล่นไว้ รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าทำให้ดูน่ารักขึ้นไปอีก

                    “ก็ไม่แน่หรอก ^^

                    “หา!! -0-

                    “ข้าล้อเล่น หึหึ”

                    “ไม่ขำเลยครับ -0-“ คยองซูพูดขึ้นมาแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใครเค้าให้ล้อเล่นกันแบบนี้เนี่ย ทั้งห้าคนพูดคุยกันต่อสักพักก็เริ่มจะคุ้นชินกัน รัชทายาทโยซอบเป็นคนนิสัยที่อบอุ่นแล้วก็ขี้เล่นมาก ผิดกับตอนที่ว่าราชการในท้องพระโรงเมื่อกี๊ลิบลับ ภาพลักษณ์ที่สุขุม..แล้วก็เยือกเย็น

     

                    “ทูลรัชทายาท แม่ทัพอี้ฟานมารายงานว่าเขาพานักรบคนที่ห้ามาเข้าเฝ้าเพคะ”

                    สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าตำหนักวิ่งมารายงาน ทุกคนได้ยินถึงกับพูดอะไรไม่ออกด้วยความดีใจ โดยเฉพาะลู่หานกับคยองซูที่จะได้เจอเพื่อนสนิทอีกคนซักที

                    “รีบพาตัวมาเร็วเข้า รวมทั้งอี้ฟานด้วย” รัชทายาทโยซอบสั่งก่อนที่สาวใช้จะวิ่งหายไปด้วยความรวดเร็ว

                    “เย้! จะได้เจอไอ้แบคฮยอนแล้ว ดีใจจังเลย” คยองซูเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ

                    “ใช่ๆ ในที่สุดทุกคนก็จะได้เจอหน้ากันอีกครั้ง” ลู่หานพูดขึ้นมาพร้อมกับน้ำตารื้นผะผ่าวนิดๆที่ขอบตา ไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น ทั้งสองคนต่างวิ่งกรูกันออกไปหาอย่างเร่งรีบ

                    “ไอ้แบค!! / แบค!!” เสียงของลู่หานกับคยองซูดังขึ้นมาอย่างดีใจหวังจะได้เจอเพื่อนของตัวเอง แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับไม่ใช่ แทนที่จะเป็นเพื่อนรักจอมแก่นของพวกเขา แต่กลับกลายเป็นคนอื่นที่มองมายังลู่หานและคยองซูอย่างตกใจ

                    “มะ...ไม่ใช่แบค นายเป็นใคร?” ลู่หานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างผิดหวัง

                    “นาย...หน้าคุ้นๆนะ - -“ ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นมา คุ้นๆเหมือนจะเคยเห็นนะ...

                    “อ๊ะ ใช่แล้ว นายคือยัยคุณหนูอี้ชิงจอมเรื่องมากที่อยู่ห้องข้างๆนี่เอง -0-“ คยองซูพูดขึ้นมาเมื่อนึกออกว่าคนตรงหน้านี้เป็นใครมากจากไหน และดูเหมือนว่าเขาคนนั้นก็ระลึกได้เช่นกันว่าคนพวกนี้เป็นใคร

                    “อ๋อ พวกนายก็คือคุณหนูที่ทำตัวติดดินนี่เอง” อี้ชิงพูดออกมาตรงๆ ซึ่งตอนนั้นพวกเขาทั้งสามต่างรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ากันขึ้นมาทันที อี้ฟาน เซฮุน จงอินและโยซอบเห็นท่าไม่ดีจึงจับอี้ชิง คยองซู และลู่หานแยกกันไว้อย่างระวัง

                    “ทำไมถึงกลายเป็นอี้ชิงไปได้ล่ะเนี่ย แล้วแบคไปไหน?” คยองซูพูดขึ้นมาอย่างใจเสีย

                    “นี่พวกท่านยังมีใครที่มาด้วยอีกคนนึงรึ?” โยซอบถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แสดงว่าผู้ที่จะมาช่วยให้อาณาจักรโชซอนพ้นภัยมีหกคนน่ะสิ แต่ในคำทำนายบอกไว้ว่ามีห้าคนนี่นา มันยังไงกันแน่ล่ะเนี่ย คนหล่องง - -

                    “ใช่แล้วล่ะ..เพื่อนของฉันอีกคน ได้โปรดช่วยตามหาแบคฮยอนให้หน่อยนะครับ”

     

     

                    ลู่หานเดินเข้ามาจับแขนโยซอบแล้วร้องขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม อยู่ๆหัวใจของโยซอบก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาด โยซอบจ้องลู่หานไม่กะพริบเพราะทำอะไรไม่ถูก ร่างบางคิดว่าว่าทำอะไรไม่ดีลงไปจึงรีบปล่อยแขนของโยซอบให้เป็นอิสระ เพราะกลัวโยซอบจะไม่ชอบให้ใครไปแตะตัวเขา เซฮุนเห็นดังนั้นถึงกับกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

                    “เอ่อ...ข้าจะให้ทหารไปตามหาเพื่อนของเจ้าโดยเร็วที่สุด วางใจเถอะ”

                    “ขอบใจนะโยซอบ ^^” ลู่หานยิ้มออกมา อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่าแบคฮยอนจะไม่เป็นอะไร

     

     

                    “ทูลรัชทายาท องค์ชายชานยอลกลับมาแล้วเพคะ” สาวใช้คนเดิมวิ่งมารายงานรัชทายาทที่ตอนนี้กำลังนั่งกลุ้มอยู่ ไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก ตามมาด้วยเสียงข้าวของล้มกระจาย

                    “ปล่อยฉันนะเว้ย นายมีสิทธิ์อะไรมาลากฉันไปไหนมาไหนแบบนี้ ปล่อยยยย!!

     

     

                    ทุกคนในตำหนักหันไปมองตามเสียงโวยวายทันที ร่างเล็กๆของชายหนุ่มคนใหม่แทบจะปลิวตามแรงกระชากขององค์ชายชานยอลที่เดินมาด้วยสีหน้านิ่งไม่สนใจแรงขัดขืนและเสียงโวยวายแสบแก้วหูแม้แต่น้อย จนกระทั่งทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้ๆ ลู่หานและคยองซูก็รู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงโวยวายนั่นเป็นใคร

                    “ไอ้แบคฮยอน!!

                    “ลู่หาน!คยองซู! โอ๊ย!ไอ้บ้า คนนะไม่ใช่ลังกระดาษ โยนแบบนี้ถ้าฉันหน้าทิ่มไปทำยังไงวะ”

     

     

                ตุบ!

     

     

                    ก่อนที่ทั้งสามคนจะโผเข้ากอดกัน จู่ๆองค์ชายชานยอลก็โยนแบคฮยอนลงกับพื้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซ้ำยังยืนมองเฉยๆราวกับว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย

     

                    “หึ...พูดมาก น่ารำคาญ” ยังไม่วายชานยอลยังพูดตอกแบคฮยอนเข้าให้ โยซอบไม่เคยเห็นชานยอลเป็นอย่างนี้เลย ต่อหน้าทุกคนชานยอลจะเป็นคนเงียบขรึมไม่พูดไม่จา หรือว่าคนๆนี้จะไปทำให้ชานยอลสนใจเข้า...โชคร้ายหน่อยนะ

                   

     

     

    “ท่านนักบวชทั้งสิบสอง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมถึงมีนักรบถึงหกคน”

     

    หลังจากที่เรียกพบนักบวชทั้งสิบสองคนเป็นการด่วนแล้ว เมื่อมากันครบ รัชทายาทโยซอบก็สอบถามเรื่องที่สงสัยทันที พวกลู่หานและเซฮุนก็คอยตั้งใจฟังอย่างเงียบๆเช่นกัน

     

    “แต่คำทำนายบอกไว้ว่ามีเพียงห้าคนเท่านั้น...พะยะค่ะ” นักบวชแห่งแสงพูด

    “แล้ว...ใครคือนักรบทั้งห้าบ้างล่ะ?” รัชทายาทโยซอบถามต่อ

    “กระหม่อมจะไขข้อข้องใจของท่านและทุกคนให้กระจ่างเองพะยะค่ะ” นักบวชแห่งพลังจิตหลับตาลง ซักพักลูกแก้วลูกกลมๆลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นมาต่อหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบ รอคอยฟังสิ่งที่นักบวชแห่งพลังจิตกำลังจะพูดออกมา ไม่นานภาพของลู่หาน แบคฮยอน คยองซู เซฮุน  และจงอิน ก็ปรากฏขึ้นในลูกแก้วลูกนั้น ทำเอาทุกคนตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

     

     

    “ท่านทั้งห้าที่ปรากฏในลูกแก้วนี้แหละพะยะค่ะ คือนักรบทั้งห้าที่จะมาช่วยพวกเรา”

    “ละ แล้วผมล่ะ?” อี้ชิงถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะโดนลูกหลงมาที่นี่ฟรีๆหรอกนะ

     

    นักบวชแห่งพลังจิตหลับตาลงอีกครั้งก่อนลูกแก้วลูกเดิมจะหมุนวนรอบๆตัวของอี้ชิง ลูกแก้วหมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ สักพักมันก็เปล่งแสงเรืองรองออกมาพร้อมกับคำพูดของนักบวชแห่งพลังจิตว่า

     

    “ผู้นี้คือแสงสว่างอีกคนของอาณาจักรโชซอน คือผู้ที่จะทำให้อาณาจักรของเรามีความมั่นคงในภายภาคหน้าพะยะค่ะรัชทายาทโยซอบ องค์ชายชานยอล”

    “หมายความว่าอย่างไรท่าน?”

    “กระหม่อมไม่อาจกราบทูลได้  นี่คือลิขิตสวรรค์ อีกไม่นานพวกท่านก็จะรู้”

    “ท่านนักบวชทั้งหลาย ได้โปรดแนะแนวทางที่จะไปจัดการแม่มดด้วย” รัชทายาทโยซอบพูดขึ้น

    “พวกข้าบอกได้แค่ว่า จงฝึกฝนผู้กล้าให้แข็งแกร่ง ปกป้องรักษาคนนี้ไว้ให้ดี แค่นี้ก็จะไม่เป็นอะไร”

     

    นักบวชทั้งสิบสองคนต่างอวยพรให้นักรบทั้งห้าและผู้ที่เป็นดังแสงสว่างของโชซอนอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาต่างก็รับคำอวยพรอย่างงงๆและไม่เข้าใจ เมื่อร่างของนักบวชทั้งสิบสองลับตาหายไป ตำหนักที่เคยเงียบสงบเมื่อครู่ก็วุ่นวายเต็มไปด้วยคำถามมากมายจากนักรบทั้งห้าและอีกคนไม่ขาดปาก

     

     

    “อะไร นี่พวกฉันต้องออกรบเหมือนในหนังน่ะหรอ? =[]=” ลู่หานบ่นอย่างท้อแท้

    “ฉันยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะนะ -0-;” เซฮุนก็แอบบ่นอุบเบาๆ

    “ฉันยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวอย่างที่ฝันเลยนะ T^T” คยองซูเพ้อ

    “นี่กะจะฆ่าฉันทางอ้อมชัดๆ -.-“ จงอินสบทออกมา

    “ถึงฉันจะเก่ง แต่ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะเว้ยเฮ้ย! T_T” แบคฮยอนเบ้หน้าเมื่อนึกถึงเรื่องสงครามที่เคยดูในหนัง

    “พ่อครับแม่ครับพี่ครับ เลย์อยากตายคาอ้อมอกของแบรนด์เนม ฮือ~” อี้ชิงถึงกับปล่อยโฮออกมา

    “เอ่อ..พวกเจ้าอย่าคิดแบบนั้นสิ พวกเจ้าคือนักรบที่ถูกส่งมาจากแดนไกลนะ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องชนะได้แน่” โยซอบพูดปลอบขวัญทุกคนที่ตอนนี้เริ่มจะเตลิดเตลิงไปหมดแล้ว ส่วนชานยอลก็ยืนมองอย่างนิ่งๆ

     

    “ผมมีคำถาม ทำไมไม่มดมันถึงไม่กล้าเข้ามาในตัวเมืองล่ะ ไปตั้งฐานทัพอยู่ซะไกลทำไม -.-“ คยองซูถามโยซอบอย่างสงสัย นั่นสิ ทำไมกันนะ?

     

    “ถ้าอยู่ที่นั่นมันให้อารมณ์สยองมากกว่าละมั้ง เหมือนหนังผีทั่วไปอะ โลเคชั่นมันต้องมืดๆสลัวๆแล้วก็ดูลึกลับ นางแม่มดอยู่ที่นั่นก็ดีแล้วจะให้มันมาอยู่ใกล้ๆทำไม” อี้ชิงได้ทีแหวใส่คยองซูชุดใหญ่ที่ถามอะไรไม่เข้าหูคุณหนูอย่างเขา

     

    “อย่าปากจัดไปหน่อยเลยน่าเจ้า..” อี้ฟานพูดขึ้นพลางจ้องไปที่อี้ชิงอย่างห้ามปราม แทนที่เจ้าตัวจะสำนึกผิดกลับแลบลิ้นท้าทายกลับมาให้เขาแทนซะอย่างนั้น - - มันน่าจับตีก้นซะให้เข็ด

     

    “อี้ฟานอย่าไปดุเขาเลย แต่มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอกนะอี้ชิง ที่นางไม่สามารถเข้ามาในอาณาจักรก่อนวันสุริยุปราคาได้ก็เพราะมีของที่ปกปักษ์รักษาอยู่”

     

    “แล้วมันคืออะไรหรอโยซอบ? ทำไมไม่เอาไปกำจัดแม่มดซะเลยล่ะ” ลู่หานถามอย่างอยากรู้

    “ถ้าข้าทำได้ข้าทำไปนานแล้วล่ะ แต่ของสิ่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาไปกำจัดใคร แต่มีไว้เพื่อปกป้องรักษาบ้านเมืองเท่านั้น” โยซอบหยิบกล่องทองคำขนาดกลางที่แกะสลักลวดลายงดงามออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น ทันทีที่ทุกคนเห็นต่างอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า

     

    “เฮ้ย! นี่มันกล่องที่ทำให้เรามาอยู่ที่นี่นี่นา”

     

    สิ่งที่อยู่ในกล่องทองคำนั้นก็คือกล่องใบเล็กสีดำที่แกะลวดลายอย่างสวยงามไม่แพ้กล่องทองคำ มันเหมือนกล่องที่แบคฮยอนนำมาให้เป็นของขวัญวันเกิดลู่หานอย่างกับถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่กล่องใบนี้ดูใหม่กว่ากล่องใบที่เป็นของขวัญวันเกิดให้ลู่หานมาก เหมือนกับว่ากล่องใบนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นาน

    “พวกเจ้าว่าอะไรนะ?” อี้ฟานถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง

    “ก็กล่องใบนี้น่ะสิ ที่พาพวกฉันทั้งหมดมายังที่แห่งนี้”

    “นี่เป็นกล่องวิเศษที่ท่านพ่อของข้าได้มา ว่ากันว่าข้างในนี้ได้บรรจุพลังที่แสนบริสุทธิ์เอาไว้ ข้าก็ไม่เคยเปิดมันดูหรอก เลยไม่รู้ว่ามันมีอะไร และข้ากับชานยอลก็ถูกสั่งห้ามตั้งแต่เล็กว่าห้ามเข้าใกล้กล่องใบนี้” โยซอบอธิบาย

    “คือ..จะเป็นอะไรรึเปล่าถ้าฉันจะขอ..กล่องใบนี้ ถ้าพวกเราเปิดกล่องนี้อีกครั้ง เราก็จะสามารถกลับไปยังปัจจุบันที่พวกเราจากมาได้” แบคฮยอนพูดขึ้นมา ทำเอาทุกคนที่มาจากอนาคตร้องเฮกันเลยทีเดียว

     

     

     

    “ถ้ามันเป็นเช่นนั้นล่ะก็...ข้าคงจะยกกล่องใบนี้ให้พวกเจ้าเปิดไม่ได้หรอก”

     

    น้ำเสียงของโยซอบเปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นน้ำเสียงที่ทรงอำนาจอีกครั้ง ไร้แววขี้เล่นเหมือนเคย ทุกคนได้แต่มองตาค้างอย่างไมเชื่อหูตัวเอง หนทางกลับบ้านอยู่ไม่ไกลแล้วแท้ๆเชียว

     

    “ทำไมล่ะ..เห็นใจพวกเราเถอะนะ พวกเราอยากกลับบ้านแล้ว” ลู่หานพูดเสียงละห้อยหวังจะให้โยซอบเห็นใจ

     

    “พวกเจ้าล่ะ..เห็นใจพวกข้าบ้างจะได้รึเปล่า ถ้าหากพวกเจ้ากลับไป ก็เท่ากับว่าหอบความหวังของโชซอนไปด้วย จะไม่มีใครสามารถต่อต้านแม่มด สุดท้ายเมืองๆนี้ก็จะถูกยึดครองและเสื่อมโทรมไปในที่สุด ข้าเสียใจที่ต้องพูดกับพวกเจ้าแบบนี้ แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนนับแสนนับล้านคน ข้าจะต้องปกป้องพวกเขาไว้ทุกวิถีทาง หากพวกเจ้าช่วยพวกข้าจนสำเร็จ ข้าจะมอบกล่องใบนี้ให้พวกเจ้าอย่างไร้เงื่อนไข”

     

     

    โยซอบพูดออกมาเสียงสั่น แววตามีแววลังเลก่อนจะกลับมากล้าแข็งอีกครั้ง ทำเอาพูดไม่ออกเป็นแถบเลยทีเดียว

     

    “แล้วจะเอาอะไรมารับประกันชีวิตของพวกเราล่ะ?” จงอินพูดขึ้นมา เพราะดูแล้วพวกเขามีแต่เสียกับเสีย ถ้าตายก็ตายฟรี แถมบ้านก็ยังไม่ได้กลับด้วย

     

    “ไม่มีอะไรรับประกันทั้งนั้น ถ้าพวกเจ้าอยากกลับบ้าน พวกเจ้ามีทางเดียวคือ รอดกลับมาให้ได้” ชานยอลที่นิ่งเงียบฟังสถานการณ์มานานพูดขึ้น ประโยคนี้ทำเอาทุกคนหนาวไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว โยซอบไม่รู้จะทำยังไงเลยเบนสายตาหนี เพราะสิ่งที่น้องชายตัวเองพูดมามันเป็นความจริงทุกประการ...

     

    “มันจะมากไปแล้วนะเว้ย เอาเขามาเสี่ยงอันตรายเพื่อตัวเองแบบนี้แล้วยังจะไม่รับผิดชอบอะไรอีกหรอวะ!” เซฮุนตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ความอดทนของเขากำลังจะหมดลงในไม่ช้านี้แล้ว

     

    “ข้าเสียใจ แต่เพื่อส่วนรวมแล้วข้าจำเป็นต้องทำ” โยซอบกัดฟันพูดออกไป ความจริงเขาไม่ได้ต้องการแบบนี้เลยสักนิด เขาไม่อยากให้คนพวกนี้มองเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่เพราะเขามีเรื่องที่ต้องทำ และสิ่งที่ต้องทำมันสวนทางกับพวกเขา มันคือภาระที่หนักอึ้ง แบกชีวิตของคนไว้มากมาย หากเลือกเกิดได้เขาไม่อยากจะเกิดมาเป็นรัชทายาทด้วยซ้ำไป...

     

    “ฉันเข้าใจนายนะโยซอบ” ลู่หานพูดออกมาแล้วมองตาโยซอบนิ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาหาโยซอบช้าๆ ดวงตากลมโตสะกดให้โยซอบหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว มือเรียวเอื้อมมาแตะไหล่กว้างอย่างต้องการให้กำลังใจ เรียวปากบางเอ่ยคำพูดออกมาเบาๆราวกับปลอบโยนไม่ให้อีกคนท้อแท้มากกว่านี้

     

    “ฉันรู้ว่านายต้องทุกข์เท่าไหร่กับการต้องดูแลผู้คนนับร้อยนับพันให้มีความสุข แต่ว่านะ...คนเรามันก็มีความจำเป็นกันทั้งนั้น และฉันกับเพื่อนๆก็ต้องการกลับบ้าน คยองซู! รับไป”

     

     

    ฟุบ!

     

    กล่องสีดำใบเล็กถูกดึงออกมาจากมือของโยซอบอย่างง่ายดายโดยที่ตัวโยซอบเองไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย คยองซูที่เดินมาข้างๆโยซอบพร้อมกับลู่หานรับกล่องสีดำใบเล็กไปอย่างชำนาญ ความจริงพวกเขาสามคนมีแผนจะฉกกล่องใบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แค่มองตากันก็รู้ว่าต้องทำอะไร แผนนี้น่ะพวกเขาใช้ประจำเวลาที่ต้องการสิ่งของอะไร เพราะไม่เคยมีใครไม่อ่อนไหวต่อสายตาพวกเขาได้หรอก!

     

    “รีบเลย! จับมือกันไว้นะ” แบคฮยอนตะโกนบอกทุกคนเสียงดัง เซฮุนและจงอินเหมือนจะเข้าใจแผนการแล้วก็วิ่งเข้ามาหาเต็มที่หวังจะใช้ช่วงเวลาที่พวกนั้นตกใจจับมือกันแล้วเปิดกล่อง จะได้กลับบ้านกันซะที!

     

     

     

    “เอ๋?? กล่อง..หายไปไหน” คยองซูมองหากล่องอย่างตกใจ เมื่อกี๊ยังถืออยู่แท้ๆเลย

     

    แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด เมื่อกล่องในมือของคยองซูได้หายไปอยู่ในมือของแม่ทัพอี้ฟานเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนที่กำลังจะเอื้อมมือไปจับแขนของลู่หานกลับถูกดึงไว้แล้วกระชากไปติดกับแผ่นอกของใครบางคนจนเซถลา แขนบางถูกจับล็อกไว้อย่างไร้ซึ่งทางหนีโดยสมบูรณ์ จากสถานการณ์เป็นต่อเมื่อเสี้ยววินาทีก่อนกลับกลายเป็นถูกตลบหลังอย่างหมดทางหนี เป็นไปได้ยังไง เจ็บใจนัก!

     

     

    “ถึงแม้พี่ชายข้าจะตามแผนของพวกเจ้าไม่ทัน แต่ข้ากับอี้ฟานมองแผนตื้นๆออกตั้งแต่พวกเจ้าคิดแล้วล่ะ” ชานยอลพูดออกมาอย่างเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ภายใต้หน้ากากนั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ บางครั้งสุขุม บางครั้งเยือกเย็น บางครั้ง..บ้าคลั่งราวกับไฟ

     

    “เจ็บใจนัก..นี่มันปีศาจชัดๆ โอ๊ย!” ข้อมือเล็กของแบคฮยอนที่ถูกมือใหญ่จับกุมไว้ถูกบีบแน่นจนเผลอร้องโอย ชานยอลก้มมองร่างเล็กซักพักก่อนจะคลายมือออกแล้วผลักให้ไปอยู่กับพวกลู่หาน ข้อมือขาวแดงเป็นปื้น อีกไม่นานคงจะเขียวช้ำแน่ๆ

     

    “ทำตามข้อเสนอของพวกข้าเถอะ อย่าให้พวกข้าต้องทำอะไรมากกว่านี้เลย” อี้ฟานพูดขึ้นพลางเดินเอากล่องวิเศษไปมอบให้โยซอบถือไว้อีกครั้ง

     

    “เผด็จการไปแล้วนะ ไอ้คนโหด!” อี้ชิงตะโกนใส่หน้าอี้ฟานอย่างเหลืออด

     

    “แต่พวกเราต่อสู้ไม่เป็น” เซฮุนพูดขึ้นมาอย่างโกรธแค้น แต่ก็ยังระงับอารมณ์ได้อยู่

     

    “ยังมีเวลาที่จะฝึกซ้อม พวกข้าจะสอนพวกท่านทุกอย่างเท่าที่จะสอนได้ ตกลงหรือไม่?”

     

    “เหอะ ถึงขนาดนี้แล้วปฏิเสธให้มันได้อะไรล่ะวะ ไอ้พวกคนป่าเถื่อน” เซฮุนแค่นเสียงประชด ร่างสูงเดินเข้าไปหาลู่หานพลางโอบไหล่บางเข้ามากอดปลอบเบาๆ ซึ่งร่างบางก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังตกใจไม่หาย

     

    “งั้นเริ่มพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ข้าจะให้นางกำนัลจัดห้องให้พวกเจ้าทุกคน” โยซอบพูดออกมาพลางหันหน้าเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานต่อไปอีกวินาทีเดียว เขาไม่อยากเห็นลู่หานถูกใครเข้าใกล้ เพราะเขา..อยากเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์แตะต้องผู้ชายคนนี้

     

    แค่เขาคนเดียว..แต่ตอนนี้ เขาคงจะโดนลู่หานเกลียดไปซะแล้ว

     

     

    วิหารร้างในป่า

     

    “พวกเจ้าทำงานพลาด..ทั้งๆที่พวกเจ้าไปกันมากมาย แต่เป้าหมายกลับมีแค่สามสี่คน!” เสียงแม่มดตวาดลั่น บรรดาสัตว์อสูรทั้งหลายที่บาดเจ็บกลับมา พวกมันได้แต่หลบสายตานางแม่มดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

     

    “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ข้าไม่ไว้ใจให้พวกเจ้าทำงานใหญ่อีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้พวกเจ้าจงไปเป็นทหารระดับต่ำซะให้หมด หากยังทำงานพลาดอีก ชีวิตของพวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ดำเนินต่อไป”

     

    นกยักษ์และหมาป่าทั้งหมดพากันออกไปอย่างรวดเร็ว ขืนอยู่ต่อไปคงไม่แคล้วโดนนางแม่มดระบายอารมณ์ใส่

     

    “เห็นทีคงจะมีหนทางเดียวคือต้องปะทะกันตรงๆ เจี้ยนหลัว! มาหาข้าเดี๋ยวนี้”

     

    นางเรียกทาสรับใช้คนสนิท ไม่นานนักเจี้ยนหลัวก็ปรากฏตัวก้มคำนับอยู่ข้างๆ

     

    “มีอะไรรึเจ้าคะ?”

     

    “เราคงต้องรีบกันแล้ว รีบไประดมพลทหารกองกระดูก สัตว์ร้ายต่างๆที่อยู่ใต้อาณัติข้ามาให้ได้มากที่สุด อีกไม่นานเราคงจะได้ปะทะกับชาวโชซอนหน้าโง่ทั้งหลาย”

     

    “รับคำสั่งเจ้าค่ะ” สิ้นเสียง ร่างอรชรของเจี้ยนหลัวก็หายไปพริบตาราวกับเล่นมายากล

     

    “ครั้งนี้ข้าขอเดิมพันทุกอย่าง เพื่อชัยชนะของข้า” แม่มดเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น มันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด..


     

    ***************************************

    โอ้เยๆคลอดออกมาอีกตอนแล้วค่ะสำหรับฟิคเรื่องนี้
    อัพช้าใช่ไหม? เค้าขอโทษ TAT
    มีเรื่องจะบอก ความจริงฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคนอร์มอลมาก่อน
    แต่งให้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนเมื่อสองปีก่อน ปัจจุบันยังแต่งไม่เสร็จ
    เพื่อนบอกให้เอาลงดูมั๊ย เออ เราก็แบบ โอเคๆ
    ถ้าอ่านแล้วมันแปลกๆอย่าว่ากันนะ TT

    เอนจอยรีดดิ้งค่าา~ <3


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×