ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] I'm Here! Always By Your Side [HunBaek,ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #3 : I'm Here - 2 -

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 57


    I’m Here – 2

     

     

     

    เคยคิดถึงใครซักคนมั๊ย?

    คิดถึงมาก มากๆ มากที่สุด ที่สุดของที่สุด

    มากจนเก็บความคิดถึงนั้นเอาไว้คนเดียวในใจไม่ไหว

    ตามธรรมดาแล้วคนเราต้องหาวิธีระบาย

    แต่จะเลือกวิธีไหนล่ะ?

     

     

    รถคันหรูของชานยอลขับมาจอดหน้าร้านชานมร้านหนึ่งช้าๆก่อนจะดับเครื่องลง ประตูรถเปิดออกพร้อมกับพี่น้องคู่แฝดก้าวลงมามองซ้ายมองขวาสำรวจนอกร้านไม่หยุด รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่ได้เจอสถานที่ใหม่ๆ ถึงแม้มันจะเป็นร้านเล็กๆในใจกลางกรุงโซลแต่ก็ให้ความรู้สึกสบายใจและอบอุ่นมากทีเดียว เซฮุนเดินก้าวเข้าไปในร้านชานมอย่างไม่เร่งรีบ เสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นจากประตูทางเข้าทำให้พนักงานในร้านหันไปมองลูกค้าด้วยใบหน้าเป็นมิตร


    “ยินดีต้อนรับครับ...เห้ย เซฮุนนี่นา!!!

    พนักงานในร้านเรียกชื่อเซฮุนซะเสียงดังทำเอาลูกค้าที่นั่งดื่มเครื่องดื่มในร้านต้องหันมามองด้วยความสนใจ เจ้าคนที่แหกปากโวยวายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน....เทานั่นเอง


    เมื่อตอนที่เซฮุนยังเรียนอยู่ เทาก็มาทำงานพิเศษในร้านชานมนี้ด้วยเหมือนกัน


    “แกว่าใครมานะเทา ย๊า....เซฮุนจริงๆด้วยแฮะ”

    เฉินกับซิ่วหมินเดินออกมาจากหลังร้านแล้วก็ต้องยิ้มร่าดีใจที่น้องชายคนสนิทอย่างเซฮุนกลับมายังร้านชานมเล็กๆนี้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่โด่งดังอะไรมากมายแต่มันก็เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ดีกับเซฮุน เมื่อครั้งที่ยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่งเขาเคยทำงานพิเศษอยู่ที่นี่ ได้มีประสบการณ์ดีๆร่วมกับพี่ๆคนอื่นๆ


    “ว่าไงไอ้เทา สวัสดีครับพี่ซิ่วหมินพี่เฉิน แล้วพี่ซูโฮล่ะ?”

    รอยยิ้มละลายใจถูกแจกจ่ายไปทั่วร้าน โชคดีที่วันนี้ลูกค้ามีแค่สองสามโต๊ะเลยไม่เกิดความวุ่นวายมากนัก เซฮุนถอดแว่นกันแดดออกแล้ววางบนเค้าท์เตอร์ทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้มาที่นี่ ทุกๆอย่างยังคงเหมือนเดิมราวกับว่าเวลาไม่เคยเดินไปไหนเลย สไตล์การตกแต่งของร้าน ตำแหน่งของโต๊ะนั่ง รูปภาพที่ติดบนฝาผนัง ต้นไม้หน้าร้าน ป้ายเปิดปิดที่แขวนไว้ตรงประตูทางเข้า ทุกๆอย่างยังคงเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยน


    “ซูโฮอยู่หลังร้านคิดบัญชีอยู่น่ะ เดี๋ยวไปเรียกมาให้ หมอนั่นจะต้องดีใจแน่ๆที่นายมา J

    ซิ่วหมินพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้านอีกครั้งเพื่อไปตามซูโฮ ไม่นานพี่ชายตัวขาวก็เดินออกมาจากหลังร้านวิ่งมากอดเซฮุนซะเต็มรัก ทำเอาเกือบล้มตึงลงพื้นไปตามๆกัน


    “หายไปไหนตั้งนานพ่อหนุ่มคนดัง พวกพี่คิดถึงจะแย่นะเซฮุน”

    “นั่นสิ ไปไงมาไงลมอะไรหอบแกมาที่นี่วะไอ้ฮุน”

    หลากหลายเสียงคอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบน้องชายตัวสูงไม่ขาดปาก บรรยากาศอบอุ่นเดิมๆกลับมาอีกครั้งชวนให้คิดถึงเสียเหลือเกิน ลูกค้าทยอยออกไปกันหมดแล้วเนื่องจากเป็นเวลาทำงาน เหลือเพียงแต่พนักงานบาริสต้าและเจ้าของร้านที่ตอนนี้ทำตัวเป็นแฟนคลับยืนบ้างนั่งบ้างล้อมวงเซฮุนอยู่ตรงกลาง


    “ก็ไม่ได้จะแวะมาหาอย่างเดียวหรอกครับ พอดีพาน้องๆเขามาด้วยน่ะ”

    “เด็กๆ?” ซูโฮทวนคำของเซฮุนด้วยความสงสัย เด็กไหนกัน อย่าบอกนะว่าเป็นลูกของเซฮุน...

     


     

    กรุ๊งกริ๊งๆๆ....

     
     

    เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นอีกครั้งทำเอาทุกคนที่อยู่ในร้านต้องหันไปมอง คราวนี้ร่างสูงๆของชานยอลเดินเข้ามาบ้าง รอยยิ้มถูกส่งให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะตามมาด้วยเด็กหนุ่มสองคนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะเดินเข้ามาเป็นลำดับสุดท้าย รอยยิ้มประหม่าถูกส่งไปให้กับทุกคนพร้อมกับก้มหัวทักทายอย่างอัตโนมัติ

     

    เคร้ง!

     

    การปรากฏตัวของป๋ายเซียนและแพคฮยอนทำเอาซูโฮ เทา ซิ่วหมิน และเฉินหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง นิ่งค้างมองบุคคลที่มาใหม่อย่างไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ รู้สึกอึ้ง ทึ่ง มือเท้าเย็นกันไปเป็นแถบๆ

     

    ขนาดช้อนที่เทาใช้ตักผงกาแฟหลุดออกจากมือเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ตัว....

     

    ตัวแข็งเหมือนหุ่นยนต์เลยทีเดียว ลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจ...

     

    ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็เถอะ แต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนไม่มีใครคิดจะลืมมันลงเลย เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่จู่ๆก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร้านชานมแห่งนี้เพียงแค่สี่วัน เข้ามาเกี่ยวข้องกับทุกๆคนเพราะว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเครื่องดื่มและขนม สุดท้ายแล้วก็ต้องทำงานชดใช้ค่าขนมที่จ่ายไป อาจเป็นเพราะนิสัยน่ารักๆเข้ากับคนง่ายทำให้คนๆนั้นสนิทและเป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนในร้านได้ในเวลาไม่นาน เฝ้าเชียร์ให้ตกลงปลงใจกับเซฮุนทุกทีแต่สุดท้ายแล้วก็แห้ว ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นหายตัวไปในคืนที่สี่อย่างไร้ร่องรอย....

     

    ทุกคนก็ได้แต่เป็นห่วงผู้ชายคนนั้นและช่วยกันออกตามหา

     

    พอมาถึงวันที่ห้าเท่านั้นแหละ...ถึงได้รู้ว่าตลอดสี่วันที่ผ่านมาผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นเป็นเพียงแค่วิญญาณ!

     

    รู้ตัวอีกทีก็ขนลุกไปเป็นแถว...ไม่อยากจะเชื่อไปตั้งหลายวัน

     

    ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นวิญญาณก็เถอะ กลับไม่น่ากลัวซักนิด...น่าเอ็นดูซะด้วยซ้ำ

     

    แบคฮยอนน่ะ...เป็นที่รักของทุกๆคนในร้านนี้ และอยู่ในความทรงจำของทุกคนมาตลอดเวลาที่ผ่านมา

     

     

    นั่นคือเรื่องราวของแบคฮยอนในความทรงจำของซิ่วหมิน ซูโฮ เทา และเฉิน ที่เกิดในร้านชานมเล็กๆแห่งนี้ สถานที่แห่งความรัก และความสุขที่ได้ทำด้วยกัน มิตรภาพที่ผูกพันกัน...

     

     

    แล้วนี่....แบคฮยอนกลับมา!!!!!?

     

    ไม่ได้กลับมาแค่หนึ่งด้วยนะ....แยกร่างเบิ้ลสองอีกต่างหาก

     

    “บ....แบค....ฮยอน....” ซูโฮพูดชื่อของคนในความทรงจำออกมาอย่างยากลำบาก รู้สึกลำคอมันตีบตันไปหมดเลยให้ตาย นี่มันถ่ายทำรายการคนอวดผีอยู่ป้ะเนี่ย

    “นี่แพคฮยอนครับ แล้วนั่นก็ป๋ายเซียน ทั้งสองคนเป็นลูกของบยอนแบคบอมพี่ชายของพี่แบคฮยอนน่ะ เพิ่งมาจากจีน พวกเขาจะมาเรียนต่อที่โซลเลยพามาแนะนำให้รู้จัก อีกอย่างถ้าวันไหนผมมารับช้าจะได้ให้มาอยู่ที่นี่ก่อน ก็มันใกล้มหาวิทยาลัยนี่ครับ ผมเลยอยากจะฝากทุกๆคนดูแลด้วยนะ”

     

    ก่อนที่ซูโฮจะเอ่ยพยางค์หลังของแบคฮยอนจบเซฮุนก็แทรกแนะนำตัวป๋ายเซียนและแพคฮยอนขึ้นมาซะก่อน ไม่อยากให้ทั้งสองคนรู้เรื่องราวในอดีตให้มากนัก อยากจะให้เป็นความลับ...อย่างน้อยก็เฉพาะตอนนี้ พวกเขาไม่รู้ซะยังจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก

     

    ดวงตาหลายคู่จับจ้องไปยังพี่น้องฝาแฝดราวกับจะสแกนให้ทั่วทั้งร่าง

     

    ทำไมเหมือนอย่างนี้นะ....รู้สึกเลย นึกว่าแบคฮยอนกลับมายืนตรงหน้าอีกครั้ง มันใช่อะคือมันใช่

     

    เมื่อป๋ายเซียนกับแพคฮยอนรู้ตัวว่าถูกมองก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ถูกมองแบบกดดัน เหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ถูกจ้องมองแบบนี้ เหมือนเราเป็นตัวอะไรซักอย่าง...

     
     

    เคยใช่มั๊ยล่ะ? ถูกคนอื่นมองราวกับว่าคนพวกนั้นเคยรู้จักเรามาก่อน...

     
     

    “ย....ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อป๋ายเซียน”

    “ผม...แพคฮยอนครับ บยอน แพคฮยอน”

    เสียงคนพี่นี่เบาแล้วนะ...เสียงคนน้องยิ่งเบากว่าราวกับว่าทำปากลิปซิ้งค์เฉยๆ มือเล็กกำชายเสื้อพี่ชายอย่างไม่มั่นใจแถมหลบสายตามองพื้นด้วยความประหม่า ถึงแม้จะสั่นๆก็เถอะแต่เสียงใสๆนั่นฟังยังไงมันก็เสียงของแบคฮยอนอยู่ดี

     

    เหมือนกับว่าแบคฮยอนแยกร่างออกมาเป็นคนสองคนอย่างนั้นเลย....

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ พี่ชื่อเทา พี่ก็เป็นคนจีนเหมือนกัน ไอ้เซฮุนทำไมน้องเค้าเหมือน....”

    “เหมือนอะไรล่ะ หน้าเหมือนกันไง ไอ้เทาแกนี่ก็พูดมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แพคฮยอนอยากกินอะไรมั๊ยหื้มเดี๋ยวให้พี่เขาชงให้?”

    เซฮุนพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นออกไป ไม่อยากให้ใครพูดถึงพี่แบคฮยอนตอนนี้ เหมือนชานยอลจะเข้าใจจุดประสงค์ของเซฮุนดีเลยถามป๋ายเซียนเหมือนกันว่าอยากดื่มอะไรและพาทั้งสองคนไปนั่งตรงโต๊ะที่ไกลจากบาร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     
     

    “งั้น...ผมกับพี่ขอกาแฟดำก็แล้วกันครับ ^^

     

     

    วูบ....

     

    คราวนี้ไม่ใช่แค่มือไม้อ่อนแล้วล่ะ ซิ่วหมินถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว

     

    “ผมขอกาแฟดำนะครับคุณบาริสต้า J

     

    ซิ่วหมินจำได้ขึ้นใจ เมื่อครั้งก่อนที่แบคฮยอนมาที่นี่ครั้งแรก แบคฮยอนก็สั่งกาแฟดำ เด็กบ้าอะไรกินแต่กาแฟดำสามสี่แก้วติดต่อกัน คราวนี้เด็กที่ชื่อป๋ายเซียนกับแพคฮยอนก็สั่งกาแฟดำอีก นี่มันไม่ใช่บังเอิญแล้วมั้ง หน้าตาก็เหมือนกันกับแบคฮยอน แถมยังจะชอบดื่มกาแฟดำเหมือนแบคฮยอนอีก

     

    บอกว่าแบคฮยอนกลับมาเกิดใหม่เขาก็เชื่อ!

     

    บาริสต้าอย่างซิ่วหมินได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่กมองซ้ายขวาอย่างตกใจ เฉินกับเทาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน เรื่องราวมันเหมือนภาพเดจาวูเลย เหมือนกับว่าพี่แบคฮยอนเดินเข้ามาสั่งกาแฟเหมือนกับหลายปีก่อนไม่มีผิด เหมือนกับภาพของแบคฮยอนซ้อนทับกับแพคฮยอนแล้วก็ป่ายเซียน

     

    “ได้ๆ เดี๋ยวพี่ชงกาแฟดำให้นะ รอแป๊บนึงนะครับน้องแบค...เอ๊ย น้องแพคฮยอน น้องป๋ายเซียน”

     

    ผงกาแฟถูกละลายลงกับน้ำร้อนแล้วนำไปชงให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ซิ่วหมินจับนั่นชงนี่อย่างชำนาญเนื่องจากทำงานด้านบ้าริสต้ากาแฟมาหลายปี ไม่นานกาแฟดำหอมกรุ่นสองแก้วก็ถูกนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้ากิตติมศักดิ์ได้ลิ้มรส ชานยอลพูดขอบคุณยิ้มๆพร้อมกับนั่งเป็นเพื่อนคุยกับแฝดทั้งสองไปพลางพยักเพยิดให้เซฮุนไปคุยกับพี่ๆเขาไปพลาง ขาเล็กของซิ่วหมินรีบก้าวเข้ามาในบาร์แล้วรีบคว้าคอเซฮุนเข้ามาประชุมใกล้ๆ สายตาข้องใจของทุกคนรุมจ้องมายังเซฮุนก่อนที่ซูโฮจะเป็นฝ่ายเปิดฉากกระซิบถาม

     

    “เรื่องเป็นมายังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้ไอ้น้องชาย”

    “ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกับทุกๆคน...มันเหมือนกับว่าพี่แบคฮยอนกลับมาหาผมอีกครั้งเลยใช่มั๊ยล่ะ? ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง เรื่องราวมันบังเอิญเกินไป รู้แค่ว่าพี่แบคฮยอนมีพี่ชายหนึ่งคน...แล้วแพคฮยอนกับป๋ายเซียนก็คือลูกชายฝาแฝดของพี่ชายเขา ฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนพี่แบคฮยอนเปี๊ยบ ฮ่ะๆ...ตอนนี้ผมคงจะบอกอะไรมากไม่ได้ ผมแค่อยากจะให้ทุกคนเก็บเรื่องของพี่แบคฮยอนเป็นความลับ...จะได้มั๊ย?”

    “ทำไมล่ะ...ก็ในเมื่อพวกเขาเป็นญาติกัน”

    “ให้แพคฮยอนกับป๋ายเซียนรู้แค่ผมรู้จักกับพี่แบคฮยอนนั้นก็พอ...ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะรู้ความสัมพันธ์ของผม...กับพี่แบคฮยอน และของพี่ชานยอล...กับพี่แบคฮยอน ทุกคนทำตัวตามปกติ...แค่ไม่ต้องพูดถึงพี่แบคฮยอน”

    “ว่าแต่นายเถอะเซฮุน...อยู่ใกล้กับน้องเขาขนาดนี้ จะอดใจไหวหรอ...หมายถึงหัวใจนายจะไม่เป็นไรหรอ หน้าเหมือนแบคฮยอนออกขนาดนั้น” ซิ่วหมินพูดพลางตบบ่าให้กำลังใจเซฮุนไปด้วย


    “ผม...ไม่เป็นไรหรอกน่า”

    “แต่ว่าเหมือนจังเลยน้า เหมือนจนคิดว่าเป็นแบคฮยอนเลย” เฉินว่าเสร็จทุกคนก็หันไปมองคู่แฝดกันใหญ่

    “นั่นสิครับ...เหมือน...จนผมรู้สึกว่าเป็นพี่แบคฮยอนตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้า”

     

    เพราะว่าเหมือนมาก...จนคนในความทรงจำกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

    แล้วผลักดันให้คนในความเป็นจริงกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตนไปแทน

     

    เพราะทุกคนยึดติดกับแบคฮยอนมากเกินไป...จนมองข้ามการมีอยู่ของแพคฮยอนและป๋ายเซียน

     

     

     

    หลังจากตกลังกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติอีกครั้ง แต่ก็มีบ้างที่สายตาของทุกคนในร้านแอบเหลือบๆมองมายังแพคฮยอนและป๋ายเซียนเป็นระยะๆ

     

    “พวกพี่ๆเขามองพวกเราทำไมกันน่ะ? ทำเหมือนพวกเราเป็นตัวประหลาดเลย...”

    แพคฮยอนกระซิบถามพี่ชายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาใช้ช้อนคนกาแฟดำในแก้วเล่น ป๋ายเซียนเงยหน้าขึ้นมาส่ายหัวช้าๆแล้วกลับไปสนใจแก้วกาแฟอีกครั้ง ดวงตาเรียวเงยขึ้นมาตั้งคำถามส่งไปให้ชานยอลที่คาดว่าน่าจะได้ยินคำถามเมื่อกี๊ด้วย ร่างสูงหันไปมองพนักงานในร้านก่อนจะหันกลับมาตอบแพคฮยอนยิ้มๆ

    “ป๋ายเซียนกับแพคฮยอนคงน่ารักล่ะมั้ง พี่ๆเขาเลยมองมาบ่อยๆ J

    “น่ารักอะไรล่ะ เป็นผู้ชายก็ต้องหล่อสิพี่ชานยอล”

    ป๋ายเซียนเงยหน้าขึ้นแหวใส่คนอายุมากกว่า ผู้ชายแท้ๆยังจะมาชมว่าน่ารัก คำว่าน่ารักเขาเอาไว้ชมกับผู้หญิงนะ คนๆนี้แยกแยะอะไรไม่ออกรึไง แพคฮยอนไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ยิ้มแหยๆขอโทษชานยอลแทนพี่ชายที่ชอบหงุดหงิดใส่ตลอดตั้งแต่เจอกัน

     

    สายตาเรียวของป๋ายเซียนที่ตวัดมองมายังชานยอลนี่แหละทำเอาหัวใจของชานยอลเต้นผิดจังหวะ...

     

    คิดถึงจังเลยนะ....เมื่อก่อนเวลาแบคฮยอนงอนก็ชอบมองชานยอลด้วยสายตาแบบนี้เหมือนกัน

     

     

    “พี่เซฮุนเค้าออกไปไหนน่ะครับพี่ชานยอล?”

    เสียงแพคฮยอนดังขึ้นพร้อมกับชี้มือไปยังร่างสูงๆของเซฮุนที่เดินออกจากร้านไป เรียกสติของชานยอลให้กลับมายังโลกความเป็นจริงอีกครั้งหลังจากเหม่อมองป๋ายเซียนแล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ตอนแรกก็กะจะลุกตามไปอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าเซฮุนเดินไปไหนก็พอจะเข้าใจและนั่งลงจิบกาแฟตามเดิม...

     

    ที่นายเดินไปทางนั้น...กำลังจะไปหอพักที่นายกับแบคฮยอนเคยอยู่ด้วยกันสินะเซฮุน

     

    “เซฮุนคงจะไปหาเพื่อนๆแถวนี้ล่ะมั้ง พวกเราก็รอที่นี่เถอะนะ เดี๋ยวเซฮุนก็กลับมา”

     

     

     

    ท้องฟ้าวันนี้ก็สดใสดีนะ แต่ทำไมถึงแหงนมองดูแล้วรู้สึกหน่วงๆในหัวใจ จะสดชื่นก็ไม่ จะเศร้าใจก็ไม่เชิง

     

    ขายาวๆของเซฮุนก้าวเดินไปตามถนนฟุตบาทอย่างไม่เร่งรีบ เดินสวนทางกับผู้คนมากมายบนทางเดินแห่งนี้ ไม่มีใครจำได้เพราะเขาใส่แว่นตาดำอำพรางอย่างดี เดินเอื่อยๆตามเส้นทางที่เคยใช้เป็นประจำเมื่อหลายปีก่อน หลับตาก็แทบจะจำได้ด้วยซ้ำว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เดินผ่านบ้านเรือนตึกหลายช่องเลี้ยวไปเข้ามุมนั้นมุมนี้จนในที่สุดก็มาถึงหอพักหอหนึ่งที่เมื่อก่อนเขาเคยมาพักที่นี่ในช่วงทำงานพิเศษร้านพี่ซูโฮ

     

    เดินขึ้นบันไดหอพักไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง มือหนายกขึ้นลูบหมายเลขหน้าห้องช้าๆอย่างคิดถึงภาพวันวานของตัวเองและอีกคนๆหนึ่งในห้องนี้ ยิ้มออกมาทั้งๆที่ไม่มีเรื่องให้หัวเราะขบขัน แค่คิดถึงวันเวลาแห่งความสุขที่เก็บอยู่ในห้องๆนี้ก็ทำให้ยิ้มออกมาได้ไม่ยาก

     

    ถึงไม่ได้มาห้องๆนี้บ่อย...แต่เซฮุนก็มาที่นี่อย่างน้อยปีละครั้ง

     

    อย่างน้อยก็เข้ามาทำความสะอาดห้องๆนี้ด้วยตัวเองเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของเขาแม้เพียงคนเดียว

     

    หรือไม่...ก็มาพักอยู่ห้องๆนี้ในช่วงเวลาที่ท้อแท้หรือเศร้าใจ

     

    หลายคนคงจะแปลกใจ...ก็แค่ห้องๆหนึ่งมันจะมีความพิเศษอะไร สำหรับใครหลายๆคนแล้วคงจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับเซฮุน...ไม่เลย ที่นี่มีทั้งความทรงจำ มีทั้งความสุข มีทั้งเสียงหัวเราะ มีสิ่งต่างๆมากมายที่สอนให้เขาเติบโตขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ทำ...และในห้องๆนี้เคยมีคนที่เซฮุนรัก...หมดหัวใจ

     

    หลังจากเรียนจบ เซฮุนก็ซื้อห้องๆนี้ไว้ แล้วก็ย้ายไปอยู่คอนโดอื่น...

     

    แต่ถึงเซฮุนจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ข้าวของที่เคยใช้ในห้องๆนี้ก็ยังคงอยู่ในห้องๆนี้ ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง อยากจะรักษามันเอาไว้ให้นานที่สุด ให้ทุกอย่างมันเหมือนในความทรงจำ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

     

    มือหนาควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบมันขึ้นมาไขปลดล็อคประตู ค่อยเปิดมันออกช้าๆพลางชะโงกหน้าเข้าไปมองในห้อง แทรกตัวเข้าไปก่อนจะปิดประตูลง

    “พี่แบคฮยอน...ผมกลับมาแล้วนะ”

    กระซิบเบาๆผ่านสายลมหวังให้เจ้าของชื่อได้รับรู้ว่าเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง ก่อนจะเปิดไฟให้สว่างไปทั่วห้อง สายตาคมกวาดมองไปทั่วอย่างคิดถึงและโหยหา ห้องเล็กๆห้องนี้ที่เคยมีพี่แบคฮยอนอยู่...เคยมีคนที่กุมหัวใจของเขาไว้ทั้งดวงอาศัยอยู่ในห้องนี้กับเซฮุน

     

    เดินไปนั่งที่โซฟาก็เห็นภาพของตัวเองกับพี่แบคฮยอนหยอกล้อเล่นกัน นั่งดูรายการโทรทัศน์ด้วยกัน...

     

    เดินไปห้องนอนก็เห็นภาพของตัวเองกับพี่แบคฮยอนนอนกอดกันอยู่บนเตียงนุ่ม...

     

    เงยหน้ามองผนังห้องก็เจอโพสอิทสีฟ้ากับสีชมพูแปะรวมกันเป็นตัวอักษร BH SH ที่พี่แบคฮยอนทำ

     

    เข้าไปในห้องครัวก็เจอโพสอิทมากมายแปะกระจายไปทั่วห้องครัว ในนั้นมีตัวหนังสือน่ารักพอๆกับเจ้าของเขียนติดเอาไว้ด้วย ถึงแม้มันจะจางลงตามกาลเวลาแต่เซฮุนก็ไม่เคยจะหยิบพวกมันออกไปทิ้งแม้แต่ชิ้นเดียว

     

    ชั้นวางหนังสือ....โต๊ะคอม....ตู้เสื้อผ้า ทุกอย่างยังอยู่ตำแหน่งเดิม

     

    ใบหน้าคมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งไว้อยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเด็กผู้ชายสองคนใส่ชุดมัธยมปลายยืนถ่ายรูปชูสองนิ้วอยู่ในนั้น รอยยิ้มของคนสองคนในรูปช่างดูมีความสุข...จำได้ว่าเมื่อตอนถ่ายรูปๆนี้เขาแกล้งพี่ชายตัวเล็กเอาไว้มากมายเพียงใด แต่แล้วสุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับเจ้าของรอยยิ้มในรูปนั้นจนหมดเปลือก ถ่ายรูปแล้วเอาไปใส่กรอบไว้ตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่แค่กรอบรูปตรงริมหน้าต่างเท่านั้น ตรงหัวเตียง ตรงตู้เสื้อผ้า หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ หรือแม้แต่ในกระเป๋าสตางค์...ก็ยังมีรูปของพี่แบคฮยอนติดตัวเอาไว้ตลอด

     

    เป็นเอามากขนาดนี้ จะให้ลืมหรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลยคงยาก...

     

    มองไปที่ไหนก็มีแต่พี่แบคฮยอนอยู่ในห้องนี้เต็มไปหมด สิ่งที่ทั้งสองคนเคยทำเมื่อวันวานต่างย้อนเข้ามาในหัวเหมือนกับกำลังดูหนังม้วนเก่า ท่าทางน่ารักๆหน้าตาอ้อนๆสายตาหวานช่ำนั่นยังคงสะกดใจเซฮุนมาจนถึงทุกวันนี้

     

    น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มของชายหนุ่มอย่างไม่รู้สึกตัวเลยซักนิด ความรู้สึกตอนนี้เขามีความสุขก็จริง แต่ความสุขนั้นมันก็แฝงมาด้วยความเศร้า เพราะว่ามันเป็นความสุขของเมื่อก่อน...เป็นความสุขที่เซฮุนคนในอดีตได้รับ ไม่ใช่เซฮุนคนปัจจุบัน เซฮุนคนนี้มีเพียงความเหงาและความว่างเปล่า ไม่มีคนตัวเล็กในอ้อมกอดอีกต่อไปแล้ว

     

    ตอนนี้ทำได้แค่กอดตัวเอง...

     

    “พี่แบคฮยอนจะกลับมาให้ผมกอดใช่มั๊ย...จะกลับมาให้ผมแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาดใช่มั๊ยครับ...ฮึก..”



     

    ******************************


    อัพตอนสองแล้วค่ะกลัวรีดรอนาน

    ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงฟิคเรื่องนี้เน้อ

    เค้าสัญญาจะพัฒนาและตั้งใจให้มากขึ้นไปอีก

    รักฟิคเรื่องนี้ช่วยโหวต ชอบฟิคเรื่องนี้ให้เฟบนะคะ

    คอมเม้นติชมกันได้ทั้งในเด็กดีและทวิตเตอร์ค่ะ

    เพียงติดแท็ก      #ficimhere



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×