ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo It's You รักนายเจ้าชายอันตราย [chanbaek hunhan ft.exo]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 57


     

    Chapter 2



    Luhan Said…

     

    ความรู้สึกปวดแล่นไปทั่วร่างกายเหมือนกับว่ามีใครเอาก้อนหินมาทับไว้ ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก็พบกับแสงจ้าจนต้องหรี่ตาเพื่อปรับแสงให้พอเหมาะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเรียงลำดับเหตุการณ์คร่าวๆแล้ว สาเหตุมันน่าจะมาจากกล่องปริศนานั่นแน่ๆเลย

    “โอย...อะไรกันเนี่ย”

    ร่างบางค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก พลางมองไปรอบๆบริเวณ ก็พบกับรั้วกั้นเป็นคอกๆ...ก้มมองพื้นที่ตัวเองนั่งอยู่ก็พบว่ามีแต่ฟาง...เงยหน้ามองข้างบนก็พบกับเพิงที่ทำให้แบบลวกๆแต่ให้ความรู้สึกแข็งแรง หันไปทางซ้าย ลู่หานก็เจอกับม้านับสิบตัวกำลังกินๆนอนๆอยู่ภายในคอกของมัน

    นี่คือกองถ่ายละครจักรๆวงศ์ๆเรื่องแก้วหน้าม้ารึเปล่านะ คงจะไม่ใช่ - -;

    ฮี่ๆๆๆ~ ฮี่~

    สรุปที่ผมอยู่ ณ ตอนนี้คือคอกม้าหรอเนี่ย!!!

    แล้วทำไมไม่ให้คนหล่อๆอย่างผมไปโผล่ในที่ๆมันดีกว่านี้ห้ะไรเตอร์ TOT

    “อืม...ครอก”

    เสียงกรนดังขึ้นมาจากข้างๆของฉัน พอก้มลงไปมองเท่านั้นแหละ ฉันถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว

    ไอ้เจ้าบ้าเซฮุนนั่นเอง!

    “จะบ้าตาย..แล้วเพื่อนๆหายไปไหนหมดเนี่ย” ลู่หานบ่นกระปอดกระแปดพลางมองหาแบคฮยอนกับคยองซู เผื่อว่ามันทั้งสองคนจะไปนอนสลบอยู่ในคอกม้าคอกใดคอกหนึ่ง แต่ก็ไร้วี่แวว ที่นี่ดูเหมือนจะมีแต่ผมกับเซฮุนเท่านั้น โอย..ฟ้ากลั่นแกล้งคนหน้าตาดีทำไม T^T

     

    “เซฮุน เซฮุน ตื่นขึ้นมานะ! ตื่นเดี๋ยวนี้! ไอ้บ้าเซฮวยยย”

    ผมตะโกนดังๆไปที่หูของเขา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน ลู่หานเลยจับเขาขึ้นมาเขย่าๆจนหัวโยกหัวคลอน ได้ผล! ตาบ้าเซฮุนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาได้ซักที

    “เห...ที่นี่มัน...”

    เซฮุนมองไปรอบๆแล้วก็ต้องตกใจที่ตัวเองมานอนอยู่บนกองฟางในคอกม้า ผมเองก็ตกใจไม่แพ้นายหรอกนะ!

    “ฉันกับนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เซฮุนถามขึ้นพร้อมกับนวดต้นคอตัวเองไปด้วย ให้ตายเถอะ อย่างหล่ออ่ะ

    ดีนะไม่ตื่นมาแล้วถามผมว่าตัวเองคือใคร ไม่งั้นล่ะงานเข้าแน่ลู่หานนนน

    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ตื่นมาก็เป็นเหมือนนายนั่นแหละ”

     

    ก่อนที่ผมกับเซฮุนจะเปิดศึกมวยคู่เดือดกัน ก็มีคุณตาท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินมา คุณตาตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผมกับเซฮุนอยู่ในคอกม้า

    “เฮ้ย ไอ้หนู ทำไมไปอยู่ในคอกม้าของฉันได้ล่ะ?”

    คุณตาถามพวกผมด้วยสำเนียงคนโบราณ มองไปรอบๆก็ยิ่งตกใจใหญ่ อีกทั้งตึกอารามบ้านช่องก็ไม่มี เสาไฟฟ้า รถยนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็ไม่มี

    สรุปที่นี่มันยุคไหนกันเนี่ยยยยย!! T[]T

     “เอ่อ พวกผมหลงทางมาน่ะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่ที่ไหนหรอครับคุณตา?”

    ดูเหมือนเซฮุนจะตั้งสติได้ก่อนเลยถามคุณตากลับไป ซึ่งเมื่อคุณตาได้ฟังแบบนี้แล้วก็มองมาทางผมกับเซฮุนด้วยแววตาสงสาร

    “ที่นี้เป็นอาณาจักรโชซอนน่ะ ดูท่าพวกเจ้าสองคนคงจะเป็นคนต่างถิ่นสินะ การแต่งกายแบบนี้พวกข้าไม่เคยเห็นเลย พวกเจ้ามาจากไหนกัน?”

    “พวกผมมาจากโซลครับ”

    “เอ๋ ไม่เคยได้ยิน เป็นประเทศยังไงกัน?”

    “เอาเป็นว่า เป็นประเทศที่ไกลมากๆก็แล้วกันครับ” ลู่หานกระอักกระอวนที่จะตอบคำถามคุณตา

    “เอาเถอะๆ แล้วพวกเจ้าทั้งสองจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ?”

    “พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” เซฮุนตอบพลางก้มหน้านิ่ง หนอย แอคติ้งเก่งเหลือเกินนะพ่อคุณ - -

    “ถ้าอย่างนั้นจะมาพักกับข้าก่อนเอารึเปล่า จะทำอย่างไรต่อไปก็ค่อยว่ากันอีกที”

    ผมกับเซฮุนมองหน้ากันซักพักก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงคุณตาเขาไป จะยังไงก็ตาม ตอนนี้ก็คงต้องอาศัยคุณตาเขาไปก่อน ลู่หานกับเซฮุนเดินตามคุณตาเข้าไปในบ้าน สวัสดีคุณยายอย่างเคารพ ทั้งสองคนหาเสื้อผ้ามาให้ผมกับเซฮุนเปลี่ยน ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ทำให้ผมรู้สึกซึ้งในพระคุณของคุณตาคุณยายมากเลยทีเดียว

    ร่างบางนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าบ้านของคุณตาคุณยาย สายลมลอยพัดมาเอื่อยๆแลดูอากาศสบายๆชวนให้นอนเล่นนั่งเล่น คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปดี ทุกๆคนต่างหายไปกันหมด ที่นี่มีแต่เรื่องแปลกๆและผู้คนที่ไม่รู้จัก เสียงเปิดประตูดังขึ้น เซฮุนเดินเข้ามานั่งข้างๆฉันก่อนจะพูดขึ้นว่า

    “จะเอายังไงต่อไปดีล่ะ?”

    “ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ก็คงต้องหาเพื่อนๆให้เจอก่อน”

    “ก็คงจะอย่างนั้น หวังว่าคงจะไม่เกิดอันตรายขึ้นกับพวกเขา”

    “ขอให้เป็นอย่างนั้น”

    “แค้นที่นายทำกับจากัวร์ลูกรักของฉันยังไม่ได้ชำระเลยนะ กลับไปล่ะก็นายเละแน่” เซฮุนชี้หน้าผมอย่างอาฆาต

    “ชิ กลับไปให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาว่า ตาบ้าเซฮุน”

    “จริงสิ ว่าแต่นายชื่ออะไร?”

    “ลู่หาน ถามทำไม จะเอาไปจดขึ้นบัญชีดำรึไง เหอะๆ”

    “เปล่า ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วรู้จักกันไว้ไม่เห็นแปลก ชื่อก็น่ารักดีนะ แต่นิสัย....” แล้วเซฮุนก็ยิ้มขำเบาๆ

    “เรื่องของฉันน่า! บอกไว้เลยว่าฉันแมน นายอย่าเผลอมาหลงรักฉันก็แล้วกัน ไม่คุยกับนายแล้ว ไปนอนดีกว่า!

    “เหอะ! ไม่มีวันนั้นหรอก คอยดูก็แล้วกันว่าใครจะหลงรักใคร”

    ร่างบางจ้องตาเฉือดเฉือนกับศัตรูนัมเบอร์วันก่อนที่จะหันตัวขึ้นไปในบ้าน ไม่ไหวเลยจริงๆ อยู่กับหมอนี่ทีไรประสาทจะกินทุกทีสิน่า ไม่น่ามาติดแหงกอยู่กับหมอนี่เลย

     

     

    Kyungsoo Said…

     

    เสียงพูดคุยจอแจดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ผมต้องฝืนเปลือกตาลืมตาขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...ร่างเล็กมองไปรอบๆก็พบกับข้าวของวางระเกะระกะเต็มห้อง คาดว่าคงจะเป็นห้องเก็บของล่ะมั้ง ข้างกายของผมมีใครก็ไม่รู้นอนฟุบอยู่ คยองซูค่อยๆพลิกหน้าเขาขึ้นมาก็พบว่าเขาคนนั้นคือคิมจงอิน!

    “นี่ๆ..จงอิน จงอิน ตื่นๆ ได้โปรด...”

    ร่างเล็กตบหน้าจงอินเบาๆเพื่อเรียกสติ ไม่นานเขาก็ฟื้นขึ้นมา ทำให้คยองซูดีใจไม่น้อย เผลอเข้าไปกอดด้วยความดีใจ >_<

    “เอ่อ..คือ นายชื่อคยองซูใช่มั๊ย? ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย”

    ถ้านายตื่นมาแล้วความจำเสื่อม ถามว่าตัวเองคือใคร ผมคงไม่ลังเลที่จะตอบไปว่านายคือแฟนของผม.. -/-

    “เราก็ไม่รู้ เพื่อนๆของเราหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้เหมือนกัน คยองกลัว...”

    ว่าแล้วผมก็สวมบทบาทนายเอกตัวสั่นเข้าไปกอดจงอินให้แน่นกว่าเดิม ซึ่งอีกฝ่ายก็คงจะติดกับเข้าไปไม่น้อย เลยกอดกลับมาหวังว่าจะช่วยคลายความกลัว(หลอกๆ)ของร่างเล็กลงบ้าง

    ใกล้ชิดเพียงแค่นิดเดียว...ขอทำตามหัวใจตัวเอง แค่ได้ใกล้จงอิน มันเหมือนปลุกตัวตนของผมอีกด้านให้ตื่นขึ้น

    ตัวตนที่น่าเกลียด ตัวตนที่เห็นแก่ตัว...

    “ไม่เป็นไรนะ ผมจะปกป้องคยองซูเอง J

    จงอินพูดเสร็จก็ยิ้มโชว์ฟันขาวๆของเขา นั่นมันทำให้ผมใจละลายกลายเป็นน้ำเลยทีเดียว ร่างเล็กสูดหายใจเรียกสมาธิของตัวเองให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้งแล้วเสนอความเห็นออกไปว่า

    “เราว่าเราออกไปจากที่นี่กันก่อนดีมั๊ย? อย่างน้อยเราน่าจะไปสำรวจพื้นที่ข้างนอกนะจงอิน”

    “ตกลงตามนั้น คยองซูอยู่ข้างหลังผมไว้นะ”

    ร่างสูงตอบตกลงแล้วพาร่างเล็กแง้มประตูมองออกไปข้างนอกห้องเก็บของนี้อย่างระวัง ภายนอกปรากฏผู้คนมากมายกำลังเดินขวักไขว่ทำหน้าที่ของตน บ้างก็ทำกับข้าว บ้างก็ล้างจาน บ้างก็ซักผ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จะว่าไปบ้านหลังนี้มันบ้านโบราณของเกาหลีนี่นา อีกทั้งผู้คนก็แต่งตัวย้อนยุค ทำให้ผมกับจงอินดูโดดเด่นไปถนัดตา ทุกคนมองผมกับจงอินตาค้างแล้วเข้ามาถามว่าเป็นใคร มาจากไหน และอีกมากมายจนผมเริ่มจะเบลอ

    หนี...เรา ไม่หนีรึไง บ้าเอ๊ย! ขาจะมาแข็งอะไรตอนนี้เนี่ย

    “ใครน่ะ คนพวกนี้เป็นใคร รีบไปตามนายหญิงมาเร็ว!” เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นพร้อมกับความวุ่นวาย ผมไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่เกาะแขนของจงอินไว้แน่น

     

    “ขอทางหน่อย นายหญิงมาแล้วๆ”

    ไม่ทันไรเสียงตะโกนมาจากข้างหลังของเกาหลีมุงทั้งหลาย ฉับพลันคนเหล่านั้นก็แยกทางออกเป็นสองฝั่ง สตรีนางหนึ่งแต่งตัวสวยสดงดงามด้วยผ้าแพรหลากสีเดินเข้ามาทางร่างเล็กกับร่างสูงด้วยสีหน้าแปลกใจ ท่าทางราวกับนางพญาของเธอทำเอาผมกับจงอินอดที่จะเกร็งไม่ได้...

    “พวกเจ้าเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในสถานที่นี้”

    “เอ่อ...คือ พวกเรา..หลงทางมาครับ ( _ _)”

    คำตอบพาซื่อของจงอินทำเอาคยองซูถึงกับหน้าซีดเผือด จะหาคำแก้ตัวที่เนียนกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้นะ

    “หรือว่าท่านทั้งสองเป็นแขกของทางร้านเรา ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆท่านจะเข้ามานะ”

    “แขก....?”

    “ใช่ ที่นี่คือหอนางโลม หากพวกท่านไม่ใช่เด็กรับใช้จะเข้ามาที่นี่ไม่ได้ หรือว่าพวกเจ้าสองคนคือผู้บุกรุก!

    หา! หอนางโลม 0[]0!

    “เอ่อ..เปล่าๆ พวกเราคือเด็กรับใช้คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานน่ะครับ...เอ๊ย ขอรับ”

    ผมรีบตอบไปพลางคิดแผนขึ้นในหัวสดๆ จงอินมองมาทางคยองซูอึ้งๆก่อนที่ร่างเล็กจะจับหัวของจงอินก้มเคารพหญิงผู้มียศสูงที่สุดของในนี้ คาดว่าคงจะเป็นแม่เล้าอะไรเทือกนี้ล่ะมั้ง

    “เฮ้ๆ นายจะทำอะไรน่ะคยองซู”จงอินกระซิบถามด้วยสีหน้าตื่นๆ

    “เอาตัวรอดไปก่อนละกันนะจงอิน ให้เขาเออออว่าเราเป็นเด็กรับใช้ซะ มีโอกาสค่อยหาทางหนี”

    “เอางั้นก็ได้”

    นับว่าคำพูดที่ผมบอกว่าเป็นคนรับใช้คนใหม่เป็นสิ่งที่บ้าบอสิ้นคิดและโง่เง่าที่สุดเท่าที่เคยทำมา แถมอีกคนก็ดันให้ความร่วมมืออีกต่างหาก เอาเข้าไป ไอ้ผมก็โกหกคนไม่เก่งเท่าแบคฮยอนซะด้วยสิ...คยองซูใสใสนะครับ

    ว่าแล้วก็คิดถึงลู่หานกับแบคฮยอนจัง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ

     

    นายหญิงมองคยองซูกับจงอินอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามที่ทำให้ทั้งสองคนเสียวสันหลังขึ้นมาว่า

    “ข้าจำไม่เห็นได้ว่าข้ารับเด็กเข้ามาทำงานใหม่”

    “......” ยืนเหงื่อแตกกันทั้งคู่สิครับพี่น้อง

    “แต่ก็เอาเถอะ ข้าจะรับพวกเจ้าไว้ทำงานก็ได้ พวกเจ้าก็หน้าตาดีทั้งคู่ ข้าจะให้พวกเจ้ามาต้อนรับแขกก็แล้วกัน”

    “หา..ไม่เอานะครับ! ต้อนรับแขกก็เท่ากับว่าเป็นนายบำเรอน่ะสิ

    “ทำไมเล่า อาชีพนี้ใช่ว่าจะได้เงินน้อย หากแขกเป็นผู้มียศสูง เจ้าจะได้เงินมากเป็นเท่าตัวเชียวนะ หากได้นายหญิงดีๆมาหาความสุขที่นี่ล่ะก็ คงได้กำไรมหาศาล”

    นายหญิงเหล่มองทางผมและจงอินด้วยสายตาจับผิด จะเอาผมไปเป็นนายบำเรองั้นหรอ ไม่นะ!!! T^T

    เอาไงดี เอาไงดี! โตมาผมไม่เคยเสียเวอร์จิ้นให้ใครนะ เนี่ยก็กะว่าจะเก็บไว้ให้จงอินคนเดียวด้วย

    จู่ๆจงอินก็เข้ามายืนขวางหน้าผมไว้แล้วจับมือไว้แน่น มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

    “เอ่อ...เขาคนนี้คงจะเป็นนางบำเรอไม่ได้หรอกครับ เพราะเขาคือคนรักของผม”

    ใช่ๆ... ห้ะ!!! =[]= อึ้ง ทึ่ง เสียวไปเลยครับ เขินนะตาบ้า... -/-

     

    ร่างเล็กมองอีกคนอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา มือใหญ่ที่กุมมือเล็กๆของผมเอาไว้เกิดอาการสั่นเล็กน้อยราวกับว่าไม่แน่ใจว่าแผนที่เขาคิดขึ้นมันจะสำเร็จ

    “ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ช่วยกันทำมาหากิน ได้เงินสองเท่า”

    นั่นไงตูว่าแล้ว! -0-

    แต่ดูเหมือนนายหญิงจะเห็นสีหน้าที่ไม่สมยอมของผมกับจงอิน เลยเปลี่ยนแผนแล้วพูดกับพวกผมว่า

    “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้พวกเจ้าทำงานในครัว เช็ดกวาดห้องหอ ผ่าฟืน ต้มน้ำ ซักผ้า ซ่อมแซมข้าวของก็แล้วกัน ห้องนอนพวกเจ้าอยู่ข้างหลังหอนางโลมเนี่ยแหละ เวลามาทำงานจะได้สะดวก”

    “ขอบคุณครับ”

    ผมก้มหัวทำความเคารพนายหญิงอย่างโล่งใจ จงอินเองก็เช่นกัน คงจะโล่งใจไปมากทีเดียว ผมรู้สึกได้ว่ามือของเขาไม่ได้สั่นอีกต่อไป แต่กับกระชับมือเล็กของผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

    ไม่อยากจะคิดถึงความวุ่นวายที่จะตามมาเลย

    แล้วหลังจากนี้ล่ะ...จะทำยังไงต่อไปดี L

     

    Baekhyun Said…

     

    แสงอาทิตย์อันร้อนแรงกำลังส่องแยงตาตี่ๆของผมจนทนนอนต่อไปไม่ไหว ร่างเล็กพลิกตัวไปมาหวังว่าจะหลบแสงแดดนั่นแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดีจึงค่อยๆมองไปรอบๆตัวอย่างพิจารณา และนั่นมันทำให้เขาต้องเบิกตากว้างและรีบลุกขึ้นมองให้เต็มสองตาอย่างตื่นตะลึง!

    ป่า!! มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้สูงใหญ่ทั้งนั้น นี่มันอะไรกัน 0[]0

    ใช่แล้ว..หลังจากที่มองแสงแสบตาจากกล่องนั่นเขาก็สลบไปและไม่รู้สึกตัวอีกเลย บ้าจริง ทั้งๆที่มั่นใจว่าจะไม่โดนร่างแหด้วยแท้ๆ ถ้าตาบ้าเซฮุนอะไรนั่นไม่กระชากกระเป๋าของลู่หานจนกล่องนั่นกลิ้งกระทบพื้นแล้วเปิดออกล่ะก็ เขาก็คงไม่มานอนอยู่ในป่าแสนวังเวงนี่หรอก

    เรื่องราวชักจะอยู่เหนือการควบคุมของเขาไปใหญ่แล้ว....

    “แล้วเพื่อนๆหายไปไหนหมดวะเนี่ย”

    แบคฮยอนเอ่ยขึ้นอย่างกังวล หากพวกนั้นดันโผล่ไปในที่ๆอันตรายล่ะ ถ้าหากพวกนั้นได้รับบาดเจ็บล่ะ ขออย่าให้เป็นอะไรไปเลยนะ.. ร่างเล็กภาวนาอยู่ในใจ ก่อนที่จะนั่งลงไปบนพื้นนุ่มอย่างหมดแรง

    “โฮก.....ครอก....”

    เสียง...อะไรน่ะ

    จู่ๆก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นจากข้างหลังของผม พอหันไปก็พบกับ 0[]0

    “จ๊ากกกกกกกกกกกกกก”

    ร่างเล็กตกใจผงะออกมาอย่างหวาดกลัวปนสยอง ไอ้พื้นหญ้านุ่มๆที่นั่งเมื่อกี๊น่ะ ความจริงมันคือท้องของแม่เสือโคร่งตัวมหึมาที่ใหญ่มากกว่าเสือที่เคยเห็นที่สวนสัตว์ซะอีก แม่เสือโคร่งตัวใหญ่มากพอๆกับช้างเลยทีเดียว มันกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แต่คงเป็นเพราะเสียงของผมก็เลยทำให้มันลืมตาขึ้นมามองผมที่กำลังนั่งสั่นอย่างสงสัย

    ถ้านี่เป็นวาไรตี้หรือสารคดีที่ผมกำลังดูอยู่ในจอแอลซีดีที่บ้าน ผมคงหัวเราะคนที่กำลังจะโดนเสือกินอยู่แน่ๆ

    เขาบอกว่าถ้าเข้าป่าเจอเสือต้องกลั้นหายใจทำเหมือนตายใช่ไหม? T_T

    ไม่ใช่ นั่นมันวิธีหนีตายจากหมีต่างหาก!!

    ฮือ..พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูแบคกลัวจนฉี่จะราดแล้ว

    “ปล่อยผมไปเถอะนะแม่เสือ เนื้อของผมกับพุงย้วยๆนี่ไม่อร่อยหรอก”

    แบคฮยอนพูดน้ำเสียงสั่นๆพลางยกมือไหว้แม่เสือโคร่งไปด้วย (มันช่วยอะไรได้ฟระ) ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่หลับตาปี๋ภาวนาหาพ่อแก้วแม่แก้วอย่างเดียว รู้สึกถึงน้ำหนักก้าวของแม่เสือที่ก้าวมาหาผมช้าๆ ลมหายใจของผมติดขัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเสือโคร่งที่รดอยู่ตรงหน้า

    ลาก่อนแล้วหนาชาตินี้...แบคฮยอนคนหน้าตาดีคงไม่แคล้วเป็นอาหารอันโอชะของแม่เสือแน่นอนเลย TT_TT

     

    แผล็บ! แผล็บ....

     

    ความรู้สึกเปียกชื้นตรงแก้มทำให้ร่างบางอดจะลืมตามองไม่ได้ แม่เสือเลียแก้มของผมอย่างอ่อนโยน(สำหรับมัน)แต่สำหรับร่างบางมันให้ความรู้สึกเหมือนโดนกระดาษทรายเบอร์หนึ่งกำลังขัดแก้มอยู่ยังไงยังงั้นล่ะ หัวของแบคฮยอนโยกไปตามจังหวะการเลียของมัน รอบๆตัวผมมีลูกเสือตัวน้อยมาป้วนเปี้ยนคลอเคลียอยู่ ผมเพิ่งสังเกตว่ามีลูกเสืออีกสองตัวเข้ามาร่วมแจมกับแม่ของมันด้วย โดยการกระโดดขึ้นมานอนที่ตักผมบ้าง กระโดดเกาะหลังบ้าง บางทีแม่เสือคงจะคิดว่าแบคฮยอนเป็นลูกของมันด้วยอีกตัวกระมัง

    ช่างโชคดีเสียนี่กระไร นึกว่าหัวจะหลุดออกจากบ่าซะแล้ว

    “โอ๊ะ! เกาะเฉยๆก็พอมั้งไอ้หนู ไม่ต้องกางเล็บก็ได้ -0-“ เดี๋ยวผิวนุ่มๆของผมเสียหมด

    ร่างบางเริ่มทำความคุ้นชินกับแม่เสือและลูกเสือ ความจริงลูกเสือตัวน้อยๆนี้ก็น่ารักไม่ต่างไปจากแมวเหมียวเลย ถึงแม้จะซนบ้าง แรงเยอะไปบ้างก็เถอะ แบคฮยอนออกไปวิ่งเล่นกับเจ้าเสือตัวน้อยพลางสำรวจป่าไปด้วย ที่ป่านี่อุดมสมบูรณ์มากมาย เต็มไปด้วยสัตว์ใหญ่สัตว์น้อยและผลไม้นานาชนิด เดินไปอีกหน่อยจะเป็นธารน้ำตกใส ในน้ำมีปลาหลากหลายชนิดเวียนว่ายอยู่ คาดว่าในป่านี้คงจะยังไม่มีผู้คนเข้ามาบุกรุกล่ะมั้ง

    หรือบางที..อาจจะมีเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่กล้าเข้ามาที่ป่าแห่งนี้ก็ได้

    ร่างบางเก็บผลไม้ตามทางกินแก้หิว แถมยังเก็บไปไว้ในรังของแม่เสืออีกเป็นกระสอบเลยก็ว่าได้ กองทัพมันต้องเดินด้วยท้อง! หลังจากนั้นผมกับลูกเสือสองสหายก็ลงไปเล่นน้ำแล้วจับปลาไปฝากแม่เสืออีกเยอะแยะเลย ^^

    ให้มันรู้ไปว่าผมน่ะ คืออดีตหัวหน้ากองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ผู้เก่งกาจเลยนะ!

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเวลาค่ำ ร่างบางก่อกองไฟไว้กันสัตว์มีพิษเข้ามาทำร้าย อากาศของที่นี่พอตกค่ำจะหนาวเยือกเย็นขึ้นมาเลยทีเดียว ทั้งๆที่ตอนกลางวันอากาศออกจะสบายๆแท้ๆ แบคฮยอนเข้าไปนอนพิงแม่เสือโคร่งอย่างกล้าๆกลัวๆ ลูกๆทั้งสองของมันก็นอนข้างๆกับร่างบางด้วยด้วย คงจะเหนื่อยกันมากทีเดียว หลังจากเจ้าเสือน้อยกินนมแม่แล้วก็หลับเป็นตายทั้งสองตัว น่ารักชะมัด...

    แบคฮยอนเขยิบเข้าไปซุกแม่เสือมากขึ้นไปอีกพลางหลับตาลงบ้าง ในใจยังคิดว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงต่อไปดี แต่คิดได้ไม่ทันไรก็ทนความง่วงไม่ไหว จนเผลอหลับไปในที่สุด...

     

     

    กรุงโซล ปัจจุบัน...

     

    Lay Said…

     

    “คุณหนูคะ รองเท้าแบรนด์เนมได้แล้วค่ะ”

    “คุณหนูคะ กระเป๋าหลุยส์สีดำได้แล้วค่ะ”

    “คุณหนูคะ เสื้อขนสัตว์ที่สั่งนำเข้าจากออสเตรียได้แล้วค่ะ”

     

    เสียงต่างๆนานาที่บรรดาสาวใช้ในคฤหาสน์นำชุดและอุปกรณ์มาแต่งตัวให้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของมียี่ห้อทั้งสิ้น ร่างบอบบางนั่งไขว้ห้างอ่านนิตยสารรออยู่บนเก้าอี้นวมสุดหรูอย่างสบายใจ เย็นนี้ผมมีนัดช็อปปิ้งกับพี่ลีทึก พี่ชายหน้าหวานสุดน่ารักและแสนจะหวงน้องชายอย่างผมเสียนี่กระไร

    อ้อ! ลืมแนะนำตัวไปสนิทเลย ผมชื่อจางอี้ชิง หรือเลย์ ลูกคุณหนูไฮโซ ใช้ชีวิตทุกอย่างบนกองเงินกองทองที่ปะป๊าและมาม๊าหามาให้ผมและพี่ชายใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวจางอี้ชิงคนนี้ ล้วนเป็นของมีระดับทั้งสิ้น ผมเป็นคนประเภทใช้แต่ของแบรนด์เนม ไปใกล้ของราคาถูกไม่ได้หรอก ผื่นมันพาลจะขึ้นเอาน่ะ

    โรคคนรวยก็เป็นเสียอย่างนี้...แต่ใครจะสนล่ะ ก็ผมเกิดมาเพื่อเป็นคุณหนูไฮโซนี่นา

    สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง นี่แหละฉายาที่ใครๆต่างก็ตั้งให้จางอี้ชิง ทุกๆคนคงลืมไปแล้วว่าผมเป็นผู้ชาย..

     

    “รีบหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยวพี่ลีทึกจะเข้ามาแล้ว”

    “ค่ะคุณหนู”

    อี้ชิงหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย เย็นนี้ต้องไปเรียนบัลเล่ต์ เรียนเต้นคลาสสิก ฝึกมารยาท บลาๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่เรื่องเดิมๆ มันก็ทำให้ผมเบื่อเหมือนกันนะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลยรึไง

    “คิดอะไรอยู่หื้มน้องตัวแสบ?”

    เสียงรองเท้าหนังยีห้อหรูเดินกระทบพื้นตรงมาหาร่างบอบบาง และนั่นก็เดาได้ไม่ยากเลย ว่าพี่ชายหน้าหวานของเลย์มาถึงแล้ว ไหนจะน้ำเสียงขี้เล่นนั่นอีก พี่ลีทึกน่ะป๊อบมากเลย เป็นเดือนมหาลัยตั้งสี่ปีซ้อน สาวเล็กสาวใหญ่เก้งกวางชะนีจ้องตาเป็นประกายเชียว เดือดร้อนผมที่เป็นน้องชาย ต้องคอยตามกันทุกทีสิน่า

    ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องกัน เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะก็ มิวายผมก็คงตกหลุมรักพี่ลีทึกอีกคนแหงๆ

    “ก็ช่วงนี้มันเบื่อๆอะครับ”

    “ก็ไปช็อปปิ้งแก้เซ็งกับพี่สิ”

    “นั่นมันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่พอกลับมาบ้านแล้วก็เบื่อเหมือนเดิม”

    “หรอ..งั้น..พี่มีอะไรจะให้ รอแป๊บนะ^^

    เลย์เหลียวหน้าไปมองพี่ชายด้วยความสงสัย พี่ลีทึกเดินไปทีรถแล้วกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง คราวนี้พี่ลีทึกถืออะไรไม่รู้ติดมือมาด้วย มันเป็นกล่องอะไรซักอย่าง..ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกละสายตาไปจากกล่องนั่นไม่ได้เลย

    “กล่องอะไรครับพี่?”

    “ไม่รู้สิ เก็บไว้เล่นแก้เซ็งแล้วกันนะ พี่ไปเจอมันตกอยู่แถวๆสนามแข่งรถน่ะ”

    “อี๋!ของถูกรึเปล่าเนี่ยครับ ชิงชิงไม่ถูกกับของไม่มียี่ห้อนะ -0-

    “ไม่หรอกน่า ถึงจะไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่มันก็สวยดี น่าจะมีระดับใช้ได้ เก็บไว้ละกัน”

    ร่างบอบบางหยิบกล่องจากในมือของพี่มาแล้วลองเขย่าๆฟังเสียงข้างในดู แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

    “โอ๊ะ ตายละ พี่ขอโทษนะเลย์ พี่ลืมไปว่าเย็นนี้มีนัดทำรายงานน่ะ คงไปเดินช็อปด้วยไมได้แล้ว”

    “อ้าว ซะงั้นล่ะ ไม่เป็นไรหรอกครับ โอกาสหน้าก็ได้ ^^

    เลย์โบกมือบ๊ายบายพี่ลีทึกสุดที่รักก่อนจะมองตามรถเปอร์เช่คันหรูของพี่ชายจนหายไปลับตา พี่ชายน่ะ อย่างที่บอก เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ งานเยอะ สังคมก็เยอะ จนบางทีก็ไม่ว่างมาอยู่กับผมบ่อยครั้งไป พี่ก็เหมือนปะป๊ากับมะม๊า ที่นานๆทีจะกลับบ้านมาให้เห็นหน้า นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ผมถูกยกเลิกนัดไปต่อหน้าต่อตา คนอย่างผมก็ขัดอะไรไม่ได้ด้วย ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

    ไม่จำเป็นต้องชดเชยเวลาให้ด้วยการซื้อของดีๆมีราคาสูงลิบลิ่วมาเพื่อปลอบใจผมในเวลาที่ไม่ว่างหรอก

    ของแบบนั้นไม่ต้องการ...ขอแค่ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันได้มั๊ย

    ขอแค่นี้ ปะป๊ากับมะม๊า แล้วก็พี่จะทำให้ผมตามที่ต้องการได้รึเปล่าครับ...

    แม้แต่นามสกุลลี ผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ตามพี่ชาย ...สาเหตุก็มาจากเรื่องธุรกิจนั่นแหละ

    ร่างบอบบางเดินถือกล่องใบนั้นเดินเข้าห้องด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เข้าไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอนลายหมีสุดโปรด มาร์กหน้าด้วยเครื่องบำรุงชั้นดีทิ้งไว้ เดินไปนั่งที่เตียงช้าๆพลางสงสัยว่าข้างในกล่องนี้พี่ชายจะใส่อะไรไว้ อาจจะเป็นเพชรซักห้ากะรัต หรือไม่ก็อาจจะเป็นสร้อยคอสวยๆที่พี่ชายชอบซื้อมาฝากผมบ่อยๆก็ได้

    “อ๊ะ! นี่มันอะไรกัน”

    เมื่อเปิดฝากล่องขึ้น สิ่งที่ร่างบอบบางได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้กลับไม่ใช่ ภายในกล่องปรากฏแสงเจิดจ้าจนต้องหลับตา เสี้ยววินาทีอี้ชิงรู้สึกได้ ความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยคล้ายกับกำลังอยู่ในอวกาศ รู้สึกมึนหัวไปหมดจนแทบจะหมดสติ

    ไม่นะ..ผมยังไม่ได้ทาครีมกับใส่เซรั่มบนหน้าเลย เดี๋ยวไม่ครบเซ็ต!! T^T

    ทนฝืนต่อไปได้ไม่นาน สายตาของอี้ชิงก็เริ่มพร่ามัวลงเรื่อยๆ จนมันมืดมิดไปในที่สุด...

     

    ***********************************

    จบไปอีกตอนแล้วเย้ๆ
    ฝากติดตามด้วยนะคะ พูดคุยได้ที่ทวิตเตอร์ไรท์นะ
    <3

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×