ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] I'm Here! Always By Your Side [HunBaek,ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #2 : I'm Here - 1 -

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 57




            Im Here1

     

     

    ของแต่ละอย่าง แต่ละชิ้น

    ต่อให้ผลิตมาเหมือนกันแค่ไหน

    ก็ไม่ใช่อันเดียวกันอยู่ดี

    ถึงจะใช้แทนกันได้ แต่ก็รู้แก่ใจว่าไม่ใช่อันเดิม

     

     

    แชะ!! แชะ!!

     

    แสงแฟลชส่องวูบวาบขึ้นเมื่อช่างกล้องกดถ่ายภาพนายแบบรัวๆ นายแบบขยับเพียงนิดหน่อยก็สามารถสร้างภาพสวยๆได้นับร้อย ทีมงานนับสิบชีวิตต่างก็จับจ้องไปยังนายแบบคนสำคัญเพียงสองคน การโพสต์ท่าอย่างมืออาชีพทำให้สะกดสายตาของทีมงานสาวๆอย่างอยู่หมัด แม้แต่หนุ่มๆทีมงานยังต้องอดอิจฉาใบหน้าที่แสนหล่อเหลาและรูปร่างที่แสนเพอร์เฟกต์ราวกับพระเจ้าปั้นแต่งนี้ไม่ได้

     

    ดวงตาคมดูลึกลับมีเสน่ห์...

     

    รอยยิ้มมุมปากที่แสนยั่วยวน...

     

    ร่างกายที่ดูสมส่วน...

     

     

     

    แชะ!! แชะ!!

     

     

    “ถ่ายเซตนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานกันนะครับคุณชานยอล คุณเซฮุน ทุกๆคนเลยด้วยครับ เลิกกองได้”

    เสียงประกาศดังขึ้นจากช่างกล้องมืออาชีพให้ทุกคนเก็บข้าวเก็บของกลับบ้าน สองนายแบบยิ้มพร้อมกับก้มหัวขอบคุณช่างกล้องที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยถูกใจพวกเขาทั้งสองคนเสียเหลือเกิน ชานยอลและเซฮุนต่างกำลังตั้งใจดูรูปตัวเองจากจอมอนิเตอร์ได้ซักพักก็ต้องรีบไปเปลี่ยนชุด เหลือบดูนาฬิกาแล้วตอนนี้น่าจะใกล้เวลาแล้วล่ะ...

     
     

    ต้องไปรับลูกของพี่แบคบอมที่สนามบิน...

     
     

    ไม่ต้องสงสัยหรอก นอกจากอาชีพประจำที่ชานยอลและเซฮุนทำแล้ว การเป็นนายแบบก็เป็นอาชีพเสริมอีกอาชีพหนึ่ง เพราะหน้าตาดีจนได้เป็นเดือนคณะตลอดการเรียนในมหาวิทยาลัย เนื้อหอมยิ่งกว่าอะไร เลยถูกทาบทามให้มาเป็นนายแบบเข้าสู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่นั้น

     
     

    แต่ก็เป็นแค่อาชีพเสริมเท่านั้นแหละนะ ว่างซะเมื่อไหร่...นานๆทีถึงจะได้มาถ่ายแบบ

     
     

    ทีมงานทยอยกันกลับเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่เพียงคนเก็บกวาดสถานที่ และชานยอลที่ยืนติดกระดุมเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว ไม่นานเซฮุนก็เดินเข้ามาหาอีกคน

     

    “นายว่าเด็กสองคนนั่นจะโตขึ้นแค่ไหนนะเซฮุน...” ชานยอลพูดพลางกลัดกระดุมแขนเสื้อไปด้วย

    “ก็ไม่รู้สิครับ...คิดถึงจังเลยนะ” เสียงทุ้มพูดไปก้มหน้าก้มตาจัดชุดไป ภายในใจก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย

     

    หลังจากที่บังเอิญเจอกันในวันคริสมาสต์ครั้งก่อน ก็ไม่ได้เจอกับทั้งสองคนอีกเลย คุณลุงบอกว่าป๋ายเซียนและแพคฮยอนกลับไปเรียนต่อที่จีน ไม่นานมานี้พี่แบคบอมติดต่อมาว่าทั้งสองคนจะมาเรียนมหาวิทยาลัยที่โซล เลยอยากจะให้มารับที่สนามบิน และช่วยดูแลเด็กๆพวกนั้นเพราะว่าชานยอลและเซฮุนต่างก็ทำงานอยู่ในโซลเหมือนกัน




    ถ้าเจอกันอีกครั้ง...จะเป็นยังไงนะ

     

    ทั้งป๋ายเซียนและแพคฮยอน...หน้าตาเหมือนแบคฮยอนอย่างกับแกะ

     

    และแบคฮยอน...คือคนที่ชานยอลและเซฮุนรัก เป็นรักแรก...และรักมาจนถึงทุกวันนี้

     

     

    แต่แบคฮยอน...ตายไปแล้ว

     

     

    เมื่อครั้งก่อน ชานยอลเป็นได้เพียงแค่คนที่แอบรักแบคฮยอน...แต่เซฮุนเป็นคนที่แบคฮยอนรัก เซฮุนก็รักแบคฮยอน แต่ไม่ได้สารภาพออกไป ยื้อกันไปยื้อกันมาปีกว่า สุดท้ายเซฮุนกับแบคฮยอนก็ใจตรงกัน เรื่องมันก็เลยจบตรงที่ว่า ชานยอลอกหักรักเขาข้างเดียว และเซฮุนกับแบคฮยอนก็รักกัน

     

    แล้วไง...สุดท้ายก็ไม่มีใครได้ครอบครองแบคฮยอนอยู่ดี

     

    แต่ไม่นานมานี้...พระเจ้าก็ได้เมตตาทั้งสองคนอีกครั้ง ประทานป๋ายเซียนกับแพคฮยอนให้มาเจอกับชานยอลและเซฮุน เกี่ยวข้องกับตระกูลบยอนเพราะว่าเป็นลูกของแบคบอม พี่ชายของแบคฮยอน เพราะหน้าตาเหมือนกับคนที่ตัวเองรักอย่างไม่น่าเชื่อ เลยทำให้ชานยอลและเซฮุนจำฝังใจว่านั่นคือแบคฮยอน...ที่กลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง

     

    ฉันคิดถึงเธออยู่...ทุกช่วงเวลาที่ยังหายใจ

     

    “ไปกันเถอะครับพี่ชานยอล”

    เซฮุนสะกิดอีกคนให้รีบแต่งตัว สวมแว่นกันแดดอำพรางใบหน้าก่อนขับรถออกจากสตูดิโอ ชานยอลและเซฮุนไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการ เพราะนี่ไม่ใช่งานที่เขาทำหลักๆ ดังนั้นจึงมีอิสระที่จะทำอะไร ไปไหน และไปกับใคร แต่ก็ต้องระวังตัวเองเวลาไปไหนมาไหน ตลอดเส้นทางมีแต่ความเงียบ ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ล่องลอยอยู่ในจินตนาการเวลาที่ได้เจอหน้าแฝดคู่นั้นอีกครั้ง

     
     

    จะเหมือนพี่แบคฮยอนได้ขนาดไหนกันนะ...

     

    จะได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสปานพระอาทิตย์แบบแบคฮยอนมั๊ยนะ...

     

    ตื่นเต้นราวกับว่ากำลังจะไปหาแบคฮยอนอย่างนั้นแหละ...

     

     
     

     

    “พี่ป๋าย นี่เราก็รอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่มีใครมารับเราเลยล่ะครับ?”

    แพคฮยอนบ่นอุบอิบพลางทำหน้ามุ่ยนั่งอยู่ข้างๆพี่ชาย ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาลงที่สนามบินอินชอนก็ไม่ยักจะมีใครหน้าคุ้นๆมารับเลยซักคน หรือว่าจะมารอผิดที่? หรือว่าจะมาผิดวัน? หรือว่าทุกคนจะลืมมารับพวกเขาสองคนกันแน่...เหลือบมองป๋ายเซียนที่ตอนนี้กำลังกระหน่ำโทรศัพท์ไปหาบุพการีรัวๆแล้วก็ต้องถอดใจ เห็นๆกันอยู่ว่าพ่อกับแม่ตั้งใจจะเอาพวกเขามาปล่อยทิ้งไว้ที่เกาหลี อยากจะบอกให้เลิกพยายามแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แพคฮยอนไม่เห็นหนทางไหนที่ดีกว่านี้เลยจริงๆ

     

    “เดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง อย่าคิดมากเลยน้องแพค”

     

    บอกให้น้องชายไม่ต้องคิดมาก แล้วตัวเองขมวดคิ้วจนมันพันกันยุ่งเหยิงนี่คือ?

     

    ก็เป็นอย่างนี้ตลอดล่ะ แบกรับปัญหาเอาไว้คนเดียว ไม่ยอมให้น้องชายคิดมากเป็นอันขาด

     

    “น้องแพคง่วงจังเลยพี่ป๋าย....”

    “นอนซบไหล่พี่มา...”

    หัวทุยของแพคฮยอนเอนซบลงบนไหล่เล็กของป๋ายเซียนเบาๆ ดวงตาเรียวเล็กหลับลงช้าๆเพื่อพักสายตา ป๋ายเซียนลูบผมกล่อมน้องให้นอนอย่างที่เคยทำเหมือนทุกครั้ง เฝ้ามองใบหน้าที่เหมือนกับตัวเองหลับปุ๋ยทั้งๆที่ซบไหล่อยู่ในสนามบิน เป็นภาพที่ทำให้ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องมองแล้วอมยิ้มกับความน่ารักของทั้งสอง


    ดวงตาเรียวของป๋ายเซียนก็หลับลงช้าๆเหมือนกัน แต่ไม่ได้จะหลับ...ขอพักสายตาซักหน่อย

     
     

     

    โครม!!!

     

    อะไรกันวะ หลับตาลงยังไม่ถึงสิบวินาทีเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

     

    เสียงข้าวของชนกันดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องตกใจ แพคฮยอนกับป๋ายเซียนลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับกระเป๋าเดินทางของตัวเองล้มระเนระนาด ข้างๆมีตัวการนอนแอ้งแม้งอยู่พร้อมๆกับกระเป๋าเดินทางของเขาเปิดออกข้าวของกระจายเต็มพื้น

     

    “ขอโทษครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจ คือผมสะดุดขาตัวเอง...แหะๆ ^^;

    ผู้ชายหน้าตาน่ารักลุกขึ้นมาก้มหัวยกมือไหว้ขอโทษขอโพยยกใหญ่ รอยยิ้มที่มาพร้อมกับดวงตาที่ยิ้มจนตาเป็นสระอิ แก้มตุ่ยที่มองยังไงก็น่ารักน่าฟัด นิสัยโก๊ะๆ การแต่งกาย ดูๆแล้วอายุก็น่าจะประมาณป๋ายเซียนกับแพคฮยอนล่ะมั้ง

    “ไม่เป็นไรครับ พวกผมช่วยเก็บนะ J

    “ขอบคุณครับ ขอบคุณ”

    ป๋ายเซียนและแพคฮยอนต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเสื้อผ้าให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความเต็มใจ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองและก็เดินผ่านไปไม่สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายถูกยัดลงในกระเป๋าและปิดมันลงอย่างดีนั่นแหละ คนแปลกหน้าก็ก้มหัวขอบคุณแพคฮยอนกับป๋ายเซียนอีกครั้ง


    “ขอบคุณครับ ขอบคุณทั้งสองคนจริงๆ แล้วก็ขอโทษด้วยครับที่ซุ่มซ่ามไม่ระวัง...”

    “ไม่เป็นไรๆ นายมาจากไหนกันน่ะ ดูเหมือนไม่ใช่คนเกาหลีนะ?” ป๋ายเซียนลองถามออกไป

     “ผมชื่อแบมแบม ผมเป็นคนไทยครับ ผมมาเรียนต่อที่เกาหลี....”

    “โอ้ นี่ฉันป๋ายเซียน ส่วนนี้แพคฮยอน พวกเราเป็นฝาแฝดกัน ฉันเป็นแฝดพี่ พวกเราก็มาเรียนต่อที่เกาหลีเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะแบมแบม ^^

    มือเล็กของป๋ายเซียนยื่นไปตรงหน้าแบมแบมอย่างต้องการผูกมิตร แบมแบมก็ยื่นมือออกมาจับเพื่อสร้างมิตรภาพกับทั้งป๋ายเซียนและแพคฮยอน ตบท้ายด้วยการยกมือไหว้ตามฉบับคนไทย ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอย่างสนิทมากขึ้น และยิ่งสนิทมากขึ้นอีกเพราะว่าทั้งสามคนต่างก็เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่แบมแบมนั้นเรียนคณะเดียวกับแพคฮยอน ส่วนป๋ายเซียนเรียนคนละคณะกัน

     
     

    เจอคนที่ถูกชะตาด้วยแล้วสิ...เพื่อนใหม่ของพวกเขา

     

    “แลกเบอร์แลกไลน์กันไว้แล้วนะครับ แล้วเจอกันนะ ในเร็วๆนี้แหละ ^^

    “อื้อ โชคดีเดินทางปลอดภัย ไว้เราคุยกันในไลน์นะ” แพคฮยอนโบกมือลาเพื่อนใหม่หยอยๆ อีกฝ่ายก็ใช่ย่อย ยกทั้งสองแขนโบกมือลาอย่างกับเด็กๆ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากป๋ายเซียนและแพคฮยอนยกใหญ่ เมื่อแบมแบมเดินหายไปเข้ากับฝูงชนจนลับตา แพคฮยอนก็หันมาเกาะแขนพี่ชายอย่างดีอกดีใจ

     

    “ดีจังเลยเน๊อะพี่ป๋าย อยู่ๆเราก็ได้เพื่อนใหม่ตั้งหนึ่งคน”

    “นั่นสิ เรียนคณะเดียวกับน้องแพคด้วยนี่นา มีเพื่อนเอาไว้ก็ดีไปอย่าง พี่จะได้สบายใจเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

    “น้องแพคโตแล้วนะพี่ป๋าย L

    “แต่ก็เด็กในสายตาพี่นั่นแหละ”

    จบประโยคป๋ายเซียนก็ได้รับค้อนวงใหญ่จากแพคฮยอนพร้อมกับกอดอกทำหน้ามุ่ย คนเป็นพี่ชายได้แต่ขำน้อยๆยื่นมือไปยีผมเจ้าน้องชายอย่างเอ็นดู ขนาดงอนนะยังจะทำหน้าตาน่ารักอีก แบบนี้ไม่ให้หวงทุกฝีก้าวได้ไงกัน มีหวังถูกฉุดไปทำมิดีมิร้ายตั้งแต่เด็กพอดี

     
     

    แพคฮยอนก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำหน้าตาน่ารัก อยู่เฉยๆก็ยังน่ามอง...

     

    ใครคิดจะจีบจะเต๊าะก็ต้องผ่านด่านป๋ายเซียนคนนี้ไปให้ได้ซะก่อน!!

     

     

    อีกด้าน หลังจากแบมแบมเดินแยกออกมาจากพี่น้องฝาแฝดแล้วก็เดินไปทั่วสนามบิน ลากกระเป๋าเดินทางตามไปด้วยทำให้ดูเทอะทะแทบสะดุดล้มตั้งหลายครั้ง แหงนหน้ามองป้ายร้านต่างๆหวังจะเจอร้านหนังสือซักร้าน โชคเข้าข้างเพราะตรงหน้าถัดไปอีกนิดหน่อยเป็นร้านหนังสือพอดี แบมแบมยิ้มกว้างก่อนจะรีบลากกระเป๋าเดินทางวิ่งเข้าไปในร้านอย่างดีใจ

    “อ่า...จะมีอยู่รึเปล่านะ”

    หลังจากฝากของที่พนักงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว แบมแบมก็รีบตรงดิ่งมายังแผนกนิตยสารทันที ดวงตากลมกวาดมองชั้นหนังสือตั้งแต่ข้างบนลงล่างอย่างสำรวจ แหงนซ้ายมองขวาหานิตยสารที่ต้องการ จนในที่สุดก็เจอมันวางอยู่ไม่ไกล

    “เจอแล้ว! เล่มสุดท้ายพอดีเลย โชคดีชะมัด >_<

    มือเล็กหยิบนิตยสารขึ้นมากอดแนบอกอย่างดีใจ กอดหมุนไปหมุนมาอยู่หลายครั้งจนพอใจแล้วเปิดดูรูปภาพข้างใน จ้องมองนายแบบภาพแล้วภาพเล่า นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองเป็นผู้ชายนะกรี๊ดลั่นมือสั่นน้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว นายแบบเพียงสองคนแต่เปลี่ยนท่าเปลี่ยนชุดถ่ายแบบไปเรื่อยๆ มองยังไงก็ไม่เบื่อเลยซักนิด ออกจะคลั่งไคล้กว่าเดิมด้วยซ้ำ

     
     

    นายแบบจะเป็นใครไปไม่ได้ ชานยอล กับ เซฮุน นั่นเอง....

     

    แบมแบมเป็นแฟนบอยของทั้งสองคนนี้มาหลายปีแล้วล่ะ...

     

    นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขาเลือกที่จะมาเรียนต่อที่นี่ อ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย สอบชิงทุนจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ตั้งใจจะมาเกาหลีให้ได้เพียงเพราะอยากจะเจอคนที่ตัวเองชอบซักครั้ง ถึงแม้ตอนแรกมันออกจะดูเป็นฝันลมๆแล้งๆก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้มาเหยียบเกาหลีแล้วไง ซักวันหนึ่งคงจะมีโอกาสเดินสวนกับพวกเขาซักครั้งล่ะมั้ง


    ถ้าถามว่าชอบใคร...บอกเลยว่าชอบทั้งสองคน


    แล้วถ้าให้เลือกใครซักคน...แบมแบมคนนี้เลือกเซฮุน


    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ราวกับว่าดวงตาของคนๆนี้มันดึงดูดอย่างน่าประหลาด ถึงแม้จะไม่เคยสบตาตรงๆก็เถอะ แต่เท่าที่ติดตามในนิตยสาร ในแฟนแคม จากผลงาน และจากที่อื่นๆมันทำให้เขาสนใจคนๆนี้เป็นพิเศษ ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้สิ่งสะท้อนอยู่ในนั้น มันทำให้ดูโดดเดี่ยว แต่ก็แข็งแกร่ง


    เทียบกันแล้วชานยอลจะดูอบอุ่นกว่า...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็ชอบทั้งสองคนนั่นแหละ ชอบไปคนละแบบ ไม่ได้ลำเอียงเลยนะ แต่ชอบเซฮุนมากกว่าชานยอลแค่นิดเดียว นิดเดียวจริงๆสาบาน!  -///-


    ชอบจนแอบเก็บไปคิดว่าถ้าเกิดได้เป็นคนรู้ใจของชานยอลแล้วก็เซฮุนจะรู้สึกดีแค่ไหน

     

    เป็นแฟนกับคนที่เราชอบ...แค่คิดหัวใจก็ลอยติดปีกแล้ว

     
     

    แต่ก็แค่คิดนั่นแหละ พวกเขาเป็นนายแบบ พวกเขาเป็นคนดัง แถมทำงานทั้งสถาปนิกและก็นักธุรกิจ คนธรรมดาเดินดินอย่างเขาจะไปมีปัญญาวาสนาอย่างนั้นได้ยังไง

     

    “เฮ้อ...ตื่นได้แล้วไอ้แบม L

    บ่นแล้วก็ถอนหายใจเดินไปจ่ายเงินที่เค้าท์เตอร์ เดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากร้านไปนั่งตรงม้านั่งข้างนอกร้าน เปิดๆดูข้างในนิตยสารอย่างทะนุถนอม เสียงไลน์ดังขึ้นมาขัดจังหวะก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นไลน์จากเพื่อนใหม่ของเขานั่นเอง...แพคฮยอน


    รอยยิ้มถูกจุดอยู่ที่มุมปาก กดแชทตอบกลับเพื่อนใหม่ไปอย่างอารมณ์ดี คุยกันเรื่องสัพเพเหระ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าเข้ากับเพื่อนใหม่คนนี้ได้ดีเหลือเกิน แพคฮยอนเป็นคนคุยเก่ง ทำให้สนิทกันได้ไม่ยาก ถ้าจะให้เทียบกับป๋ายเซียน รายนั้นรู้สึกว่าจะเข้าถึงได้ยากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้สึกไม่ดี คงต้องใช้เวลาซักระยะล่ะมั้งสำหรับทำความคุ้นเคยกับแฝดพี่รายนั้น


    แต่ก็นะ....รอยยิ้มของพวกเขาทั้งสองคนมันสดใสจังเลย แค่เห็นเป็นต้องอยากยิ้มตาม

     
     

    อิจฉารอยยิ้มแบบนั้นจังนะ...

     

     

     
     

    “รอนานมั๊ย? ขอโทษรถมันติด”

    เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังของป๋ายเซียนและแพคฮยอน คู่แฝดหันไปมองก็เจอกับบุคคลสูงยาวเข่าดีเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ป๋ายเซียนมองบุคคลที่เข้ามาใหม่อย่างรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แพคฮยอนก็เหมือนกัน...จ้องมองอีกคนราวกับว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

    “พวกคุณ...มารับพวกผมงั้นหรอ?” ป๋ายเซียนถามคนตรงหน้า

    “ไม่ได้เจอกันแป๊บเดียว โตขึ้นเยอะเลยนี่ป๋ายเซียน” ชานยอลทักทายด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปถือกระเป๋าเดินทางของคนตัวเล็ก เซฮุนก็เช่นกัน หยิบกระเป๋าเดินทางของแพคฮยอนมาไว้ในมือพร้อมกับเดินจับมือของแพคฮยอนเอาไว้อีกข้าง

    “พวกคุณ...เอ่อ เหมือนพวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน” แพคฮยอนมองมือเล็กๆของตัวเองที่ถูกคนตัวโตกุมเอาไว้อย่างเขินๆ ไม่กล้าสบสายตาเลย...ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะใส่แว่นกันแดดสีดำอยู่ก็ตาม

    “พี่ชื่อเซฮุนไง เคยเจอกันเมื่อตอนที่นายมาเกาหลีในวันคริสมาสต์”

    “พี่ชื่อชานยอล เจอกับนายวันคริสมาสต์เหมือนกัน”

     

    เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวสองพี่น้องฝาแฝดถึงกับร้องอ๋ออยู่ในใจ ถึงว่าล่ะทำไมรู้สึกคุ้นๆ ตอนนั้นที่เคยเจอมันมืดเลยมองหน้าไม่ค่อยชัด ภาพในความทรงจำก็เลยเลือนราง พอมาเจอตัวจริงๆตอนกลางวันแสกๆเข้าทำเอาสตั๊นในความหล่อไปเลย คนบ้าอะไรหล่อจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาเทียบเทียมความหน้าตาดี

    “พวกพี่สองคนมาสายจนพวกผมคิดว่าจะไม่มีใครมารับซะแล้ว” ดวงตาเรียวของป๋ายเซียนตวัดไปมองชานยอลอย่างเอาเรื่อง สิ่งได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มจางๆจากคนตัวสูงเท่านั้น

    “ขอโทษก็แล้วกัน รีบไปกันเถอะ ต่อไปนี้พวกพี่คือผู้ปกครองของพวกนาย จะดูแลพวกนายเองไม่ต้องห่วง”

    “เดี๋ยว ป๊าแบคบอมบอกว่าจะให้พวกผมไปอยู่กับคุณปู่คุณย่านะ เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?”

    “อ่า...สงสัยคงมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆเลย พี่แบคบอมเขาโทรมาบอกพี่ให้ดูแลพวกนาย เพราะว่าคุณลุง...เอ่อ คุณปู่คุณย่าของพวกนายอยู่ต่างจังหวัดน่ะ ส่วนพวกนายเรียนในโซล คงไม่สะดวกที่จะไปๆมาๆ เลยให้ป๋ายเซียนไปอยู่กับพี่ แล้วก็ให้แพคฮยอนไปอยู่กับเซฮุน”

    ชานยอลอธิบายให้ทั้งสองคนฟัง ตอนนี้ทั้งป๋ายเซียนและแพคฮยอนทำหน้าเหวอไปตามๆกัน ไอ้ที่บอกว่าให้มาอยู่กับคุณปู่คุณย่านี่โกหกลูกชายหมดเลยสินะ เพราะรู้ว่าจะไม่ยอมแน่ๆถ้าให้มาอยู่กับคนอื่นเลยต้องโกหกออกมาอย่างนี้ ร้ายนักนะพ่อใครเนี่ย!!!

     
     

    “พวกผมขออยู่ด้วยกันไม่ได้หรอครับ...” แพคฮยอนลองขออยู่กับป๋ายเซียน ไม่เคยเลยที่พี่น้องฝาแฝดคู่นี้จะแยกจากกันไปไหน มันก็เลยรู้สึกแปลกๆราวกับว่ากำลังแยกจากคนสำคัญไป

    “มันดูแลไม่สะดวกน่ะ....พวกนายค่อยออกมาหากันก็ได้นี่” เซฮุนอ้างเหตุผลให้คนตัวเล็กฟัง

     

    ความจริงนี่ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องแยกทั้งสองคนออกจากกัน....

     

    แต่เป็นเพราะชานยอลและเซฮุน “ตกลง” กันเอาไว้แล้วต่างหาก...

     

     

    “เซฮุน พี่คิดว่า...พี่อยากให้ป๋ายเซียนมาอยู่กับพี่ นายก็ดูแลแพคฮยอน โอเคมั๊ย?”

    “ทำไมล่ะครับ?”

    “ทำไมต้องถามทั้งๆที่นายก็รู้ว่าทำไม...”

    “นั่นสินะ...ตกลงตามนั้นครับ”

     

     

    เพราะมีป๋ายเซียน...ชานยอลจะได้ไม่ต้องทรมานในการคิดถึงแบคฮยอน

     

    เพราะมีแพคฮยอน...เซฮุนจะได้รู้สึกเหมือนได้แบคฮยอนกลับคืนมาอีกครั้ง

     

    “ชิ ป๊านะป๊า ถ้าติดต่อได้เมื่อไหร่จะบ่นจะงอนให้รู้แล้วรู้รอดเลย”

    “อย่าบ่นให้มากเลยน่า ไปกันเถอะสายแล้ว”

    “เพราะใครล่ะที่มาสาย”

    “ย้อนนะๆ เป็นเด็กนิสัยไม่ดีเลย”

    “ไม่คุยด้วยแล้ว!


    โดนชานยอลตอกกลับว่าเป็นเด็กแบบนั้นทำเอาป๋ายเซียนงอนตุ๊บป่องเดินกระทืบเท้าออกไปไม่รอใครทั้งนั้น ร้อนถึงแพคฮยอนต้องรีบวิ่งตามไปอีกคน ชานยอลและเซฮุนมองตามแผ่นหลังของทั้งสองไป มองอยู่อย่างนั้นก่อนจะเดินถือกระเป๋าเดินทางตามไป

     

    แผ่นหลังเล็กๆนั่น...

     

    ใบหน้าจิ้มลิ้ม...ริมฝีปากสีพีชแบบนั้น

     

    ตัวเล็กๆบอบบางแบบนั้น...

     

    อยากดึงเข้ามากอดให้รู้แล้วรู้รอด อยากจะจับมือ อยากจะมองตาใกล้ๆ อยากทำทุกๆอย่างที่เคยทำ คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นแทบจะขาดใจ....

     

    อยากบอกรักให้ดังๆ....

     

    ภาพในอดีตตีตื้นขึ้นมาในสมองของเซฮุนและชานยอลไม่หยุด...ยังคิดถึง ยังห่วงหา ยังต้องการ...

     

    ภาพทุกอย่างมันยังชัดเจน และยังมีเพียงแค่คนๆเดียวในความทรงจำ

     

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่...แบคฮยอนก็ไม่เคยตายไปจากใจของทั้งสองคนเลยจริงๆ

     

     

     

    คิดถึงแบคฮยอน.....



     

     ************************************


    อัพตอนที่หนึ่งแล้วค่ะ อู้ซะหลายวัน ต้องขออภัย (  . .)

    มันรู้สึกตันๆไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี เลยดองพลอตเรื่องนิดนึง อย่าว่าเค้านะ

    รู้สึกมันจะป่วงๆแฮะ ฝากติชมค่ะ...


    เอนจอยรีดดิ้งนะทุกคน <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×