ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo It's You รักนายเจ้าชายอันตราย [chanbaek hunhan ft.exo]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 57


    C H A P T E R 1
     

    Luhan  Part…

               

    บรรยากาศภายในโรงอาหารแห่งนี้เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนมากมายหลั่งไหลเข้ามารับประทานอาหารกลางวันทำให้มันดูวุ่นวายยิ่งกว่าตลาดสดเสียงจอกแจกจอแจทำให้ผมเริ่มจะปวดหัว ผมนั่งรอเพื่อนตัวดีทั้งสองของผมไปซื้อข้าวอยู่ที่โต๊ะอย่างเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันเกิดของผมล่ะ!! เพื่อนตัวดีทั้งสองเลยอาสาเป็นเบ๊ให้วันนึง จะว่าไปก็มีคนเอาของขวัญมาให้ผมเยอะอยู่เหมือนกัน ก็อย่างว่า คนมันหน้าตาดี ...

    เอาล่ะ หลงตัวเองมามากพอแล้ว แนะนำตัวก่อนดีกว่า ผมชื่อลู่หาน หนุ่มหล่อหน้าใส เรียนอยู่เกรด 11 พ่อรวยพันล้าน เกิดมาบนกองเงินกองทอง ชีวิตเพอร์เฟกต์ไปเสียทุกอย่าง จนบางทีผมก็คิดว่ามันเพอร์เฟกต์เกินไป

    เนื่องจากผมเกิดมาเป็นลูกคนรวย พออยู่นานๆไปชักเริ่มจะเบื่อ บางทีคิดๆไปว่าเกิดมารวยไม่เห็นจะดีตรงไหน ต้องอยู่ภายใต้สังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน วันๆก็เอาแต่หาผลประโยชน์ ทำโน่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ดี ขนาดหายใจแต่ละทียังต้องเกร็ง - -

    และเนื่องจากเหตุผลนี้ ผมจึงมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกสองคน คนแรก แบคฮยอน ชีวิตของแบคก็เหมือนผม แต่ติดตรงที่แบคฮยอนมันบ้าบิ่นกว่าผมไปนิด ชอบทำตัวโผงผาง ดื้อรั้น บางทีก็เจ้าเล่ห์ซะตามไม่ทัน ชอบเอาเรื่องปวดหัวมาให้เพื่อนตลอด ส่วนเพื่อนอีกคน ชื่อคยองซู มันตัวเล็กพอๆกับแบคฮยอน แต่เห็นตัวเล็กแบบนี้ล่ะไหวพริบเยอะมาก ไปไวมาไว ที่สำคัญ คยองซูมันบ้ายอ -0- ผมมองไปยังกล่องใบเล็กที่แบคฮยอนให้ตอนเช้าอย่างสนใจ มือของผมกำลังเอื้อมไปหยิบกล่องนั่นขึ้นมา สงสัยจังว่ามีอะไรอยู่ในนั้น....

    “มาแล้วครับท่าน สปาเก็ตตี้ร้อนๆ”

    เสียงดีโอดังขึ้นทำให้ผมชะงักแล้วเก็บกล่องใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม คยองซูถือจานสปาเก็ตตี้ร้อนๆมาวางไว้ตรงหน้าผม ส่วนแบคฮยอนก็ถือน้ำพันช์มาวางไว้ข้างๆ ดูรวมๆแล้วช่างเป็นอาหารที่น่ากินเสียนี่กระไร

    “ขอบใจพวกแกสองคนมากกกกกก เอาล่ะๆ มาเริ่มกินกันเลยดีกว่า หิวแล้ว”

    ผมเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เห็นผมตัวเล็กๆแบบนี้น่ะผมกินได้จุมากเลยนะ ถึงขนาดแบคฮยอนตั้งฉายาให้ว่าตัวเขมือบเลยเหอะ กินไปไม่นานคยองซูก็พูดขึ้นมาระหว่างที่เคี้ยวตุ้ยๆอยู่ว่า

    “นี่ๆ แข่งรถคืนนี้ไปกันมั๊ย?”

    พวกผมน่ะแข่งรถเป็นงานอดิเรกครับ ความจริงทางบ้านพวกผมก็ไม่สนับสนุนหรอกเพราะพวกผมเพิ่งจะอายุ 17 ปี ...พวกคุณๆอย่าไปบอกพ่อกับแม่ผมเชียวนะ

    “อ่า แล้วสนามนี้ใครลงแข่งบ้างล่ะ” แบคฮยอนหันไปถามคยองซูที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์อยู่

    “ได้ยินมาว่ามือหนึ่งของสนามนี้จะลงแข่งล่ะ ชื่ออะไรน้า...เซฮุนอะไรนี่ล่ะ” คยองซูตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่สนใจ

    “แล้วพ่อสุดหล่อจงอินของแกล่ะ ลงแข่งรึเปล่า?”

    ลู่หานหันไปแซวคยองซูที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นตำลึงสุกไปแล้ว คยองซูน่ะ แอบชอบผู้ชายที่ชื่อจงอินอยู่น่ะสิครับ หมอนั่นก็เป็นนักแข่งรถเหมือนกัน ได้ยินว่าเก่งพอดู คยองซูล่ะแทบคลั่งทุกทีที่เห็นจงอิน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้คยองซูหลงหัวปักหัวปำขนาดนั้น ผมก็ยอมรับนะว่าหมอนั่นหล่อใช้ได้ ติดตรงที่สูงไปหน่อย ผมล่ะขี้เกียจชะเง้อคอมอง - -

    “ตกลงว่าไง จะไปรึเปล่า?”

    “ไปๆ เรื่องสนุกแบบนี้จะพลาดได้ไงกัน” ผมยิ้มพลางตอบตกลง คืนนี้พวกเราทั้งสามคนคงจะสนุกไม่น้อยเลย ผมรีบจ้วงสปาเกตตี้เข้าปากอย่างรวดเร็วแล้วรีบไปเรียนอย่างใจจดใจจ่อ...รอเวลาเลิกเรียนน่ะนะ

     

     

                    23.00 น.

     

    บรื้นๆๆๆ....บรื้นนน..

    เสียงรถยี่ห้อดังราคาแพงเหยียบหลักล้านหลายสิบคันกำลังเร่งเครื่องข่มขวัญคู่แข่งกันอย่างสนุกสนาน ที่นี่คือสนามแข่งรถของพวกคนรวย สนามแข่งนี้กินพื้นที่เป็นร้อยกว่าไร่ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่ามลพิษทางเสียงที่เกิดจากการแข่งนี้จะไปเข้าโสตประสาทของใคร  ถึงพวกเราจะแว๊น แต่ก็แว๊นแบบไม่ระรานใคร –w-

    ในคืนนี้ผมเลือกรถ BMW สีแดงสดคู่ใจลงแข่ง เมื่อผมก้าวลงจากรถ สายตานับร้อยคู่ก็จดจ้องมาทันที แน่ล่ะ ก็คนมันหล่อ –w- ไม่นานนักผมก็มองเห็นรถสปอร์ตสีดำคุ้นตาของแบคฮยอนขี่มาจอดตรงหน้า ประตูรถเปิดออกช้าๆเผยให้เห็นเรียวขางามของคยองซูที่มากับแบคฮยอนกำลังก้าวลงมาจากรถ คยองซูมันไม่ได้ลงแข่งหรอกครับแค่มาเชียร์ จะมีก็แค่ผมกับแบคฮยอนเท่านั้นที่ลงสนาม คยองซูเดินมาหาผมที่อยู่บนสนามแข่ง ผมยิ้มให้มันเบาๆก่อนที่คยองซูจะเดินไป..

    เดินไปหาคิมจงอินหวานใจของมัน!!! -0-

    “จงอิน...สู้ๆนะ -/-“

    “อ่า ขอบใจนะ นาย...”

    “คยองซู เราชื่อคยองซู”

    พูดจบไอ้เพื่อนตาเหลือกก็วิ่งแจ้นกลับมาหาผมทันที ปล่อยให้จงอินทำหน้าเอ๋อซักพักแล้วเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่งในสนาม จะว่าไปหมอนี่มันก็คงจะเอ๋อจริงๆ เพื่อนรักตาเหลือกของผมแสดงออกถึงขนาดนี้แล้วยังจะไม่รู้อีกว่าชอบ เฮ้อ...

    55555555 หน้าแตกเลยนะลู่หาน” แบคฮยอนเดินควงกุญแจรถสปอร์ตของมันไปมาแล้วเดินเอื่อยๆมา มิหนำซ้ำยังจะมาล้อเรื่องที่ผมเดินไปหาคยองซูเก้ออีก มันน่าเตะส่งออกไปหายานแม่จริงๆเลย - -

    “ชิ เห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อนหรอคยองซู~” ผมค้อนคยองซูไปหนักๆ แต่พ่อคุณกลับทำหน้าตาเฉยเมยไม่สนใจกลับมาให้ผมซะอีก เป็นอะไรกันเพื่อนพวกนี้ อารมณ์เสียๆๆ!

    “เปล่าซะหน่อย..เราก็เป็นกำลังใจให้เธอเสมอนะลู่หาน เพียงแต่ว่า..เราอยากจะไปให้กำลังใจจงอินก่อนน่ะ”

    “เออครับ! รอบนี้ฉันลงเอง พวกแกรอดูฉันชนะได้เลย” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจตามสไตล์หนุ่มมาดมั่น

     

    “แน่ใจหรอว่าจะชนะ?”

    จู่ๆเสียงของบุคคลปริศนาก็ดังขึ้นจากข้างหลังของแบคฮยอน ผมหันไปมองก็พบกับผู้ชายผิวขาวคนหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนลุ่มหลง ส่วนสูงชะลูดชนิดที่พวกผมสามคนเทียบไม่ได้  ใบหน้าออกจะนิ่งๆกวนๆนั่น ดวงตาสีดำลึกลับมีเสน่ห์ชวนให้ผมจ้องมอง ผมน้ำตาลเฮเซลนัทซอยสั้นตามทรงแฟชั่นและเซทเป็นทรงที่เขาฮิตทำกัน องค์ประกอบทุกๆอย่างที่รวมกันเป็นเขา มันทำให้ร่างกายของผมนิ่งค้างไป 3 วินาทีเลยทีเดียว

    ราวกับหลุดออกมาจากปกนิตยสาร...

    หรือไม่ก็เทพบุตรในเทพนิยายกรีกซักองค์นึงยังไงอย่างนั้นเลย

    หล่อจนผมหัวใจแกว่ง หล่อแบบไม่น่าให้อภัย หล่อแบบไม่ปรึกษามดลูกเพศตรงข้าม

    ผมสะบัดหัวไล่ความสับสนออกไปแล้วจดจ้องบุคคลที่มาใหม่ด้วยรังสีอำมหิตทันที ซึ่งเขาคนนั้นก็ยักไหล่ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรแม้แต่นิดเดียว พูดจากวนประสาทแบบนี้คงจะไม่ได้มาแบบเป็นมิตร..

    “ฉันแน่ใจ ไม่รู้จักกันแท้ๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาไร้มารยาทแบบนี้!

    “โอ้...ไม่อยากจะเชื่อแฮะว่ายังมีคนไม่รู้จักฉันด้วย”

    “นายไม่ใช่บารัคโอ โอบามาหนิ ทำไมคนหล่อๆอย่างฉันจะต้องรู้จัก - -” ลู่หานกระแทกเสียงไม่พอใจ

    “ใจเย็นๆครับคุณหนู หึๆ”

    “ใช่ๆใจเย็นครับคุณเพื่อนหน้าสวย คนๆนี้น่ะเป็นเพื่อนสนิทกับจงอิน ชื่อ..เห้ยแกอย่าๆๆ!” แบคฮยอนทำท่าจะพูดขึ้นแต่ก็ต้องรีบมาดึงแขนผมไว้แทน

    ผมแทบจะกระโจนเข้าไปข่วนหน้าไอ้คนพูดจากะล่อนเลยทีเดียว แต่ติดที่ว่าเพื่อนทั้งสองคนเข้ามาล็อกแขนไว้ซะแน่นเลยอะดิ แถมหมอนั่นยังยืนยิ้มได้หน้าตาเฉยเลยด้วย ชักจะกวนเบื้องล่างเกินไปแล้วนะ!!

    “ผมแนะนำตัวเองก็ได้ โอ เซฮุน ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก J

    “ไม่อยากรู้จัก!

    หงุดหงิด หมันไส้ ไม่ชอบตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก ไม่ชอบไม่ชอบไม่ชอบหมอนี่!

    “เอาเป็นว่าขึ้นรถของนายเถอะ คุณหนู สนามแรกจะเริ่มแล้ว”

    หมอนั่นว่าพลางเดินไปที่รถจากัวร์สีน้ำเงินเข้มอย่างเต๊ะท่า คนอะไรเนี่ยมันน่าด่าให้ลืมทางกลับบ้านชะมัด ตอนนี้ไฟแค้นมันสุมอยู่เต็มอก ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องชนะหมอนั่นให้ได้ คอยดู!

    “อย่าประมาทนะลู่หาน หมอนั่นเป็นมือหนึ่งในสนามนี้เชียวนะ” แบคฮยอนกระซิบเตือน

    “ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องชนะให้ได้ เงินรางวัลในเกมนี้จะต้องเป็นของฉัน และหมอนั่นจะต้องมากราบขอโทษฉัน!

    ผมกัดฟันกรอดจ้องบุคคลทะเล้นอย่างอาฆาตก่อนจะเดินกระทืบเท้าไปเปิดประตูรถตัวเองแล้วสตาร์ทเครื่องรอ มือไม้สั่นไปหมดด้วยความโกรธ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกวนประสาทผมได้ขนาดนี้มาก่อน ทุกคนล้วนใส่หน้ากากยิ้มแย้มนิสัยดีเข้าหาผมก่อนเสมอ บวกกับนิสัยคุณหนูของผมที่ไม่มีใครกล้าขัดหรือท้าทาย มันทำให้ผมโมโหง่ายเป็นเท่าตัวเมื่อมีใครมาทำให้ไม่สบอารมณ์ คยองซูถึงกับส่ายหน้าเอือมระอากับความบ้าบิ่นขึ้นหน้าอย่างกู่ไม่กลับของผมเลยทีเดียว

    แล้วเมื่อคยองซูเห็นว่าผมคงจะฉุดสติกลับมาไม่ได้แล้ว มันก็ไปปล่อยแขนผมแล้วนั่งเชียร์จงอินซะงั้น!

    ส่วนแบคฮยอนก็เดินกลับไปนั่งคุยกับคนอื่นเฉยเลย...

    ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนตู =__________=

     

    บรืน~~ บรืนนนน...

    เสียงเร่งเครื่องดังกระหึ่มเตรียมพร้อมที่จะทะยานเต็มที่ บนถนนปรากฏหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัววาบหวิวถือป้ายเดินผ่านเป็นสัญญาณเตรียมพร้อม ไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้น เครื่องยนต์ทุกคันบนสนามต่างทะยานออกไปราวกับกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชินกับสนามแบบนี้แต่ก็พยายามปรับตัวจนตอนนี้ขับได้สูสีกับเจ้าคนกวนประสาทนั่นได้แล้ว ให้มันรู้กันไปเลยว่าลู่หานคนนี้ก็เจ๋งเหมือนกัน!

    “ไง มีฉายาไว้ทำเท่ห์หรอนาย!

    ผมลดกระจกลงแล้วตะโกนท้าทายเจ้าคนหน้าทะเล้นที่ตอนนี้ทำท่าไม่ทุกร้อนขี่รถต่อไป

    “ก็ไม่ได้อยากมีหรอกนะ ที่นายตีคู่ฉันได้ก็เพราะฉันอ่อนให้หรอก”

    “อย่ามาทำเป็นปากดีหน่อยเลยไอ้หน้าแป๊ะยิ้ม -3-

    ผมแลบลิ้นใส่ก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ เข็มชี้วัดความเร็วบ่งบอกว่าเจ้าของรถคันนี้ขับด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. เซฮุนกระตุกยิ้มเย็นก่อนจะเร่งเครื่องแซงในพริบตา! มิหนำซ้ำยังยื่นมืออกมาโบกมือเยาะเย้ยกันอีกด้วย

    ไม่ยอม...ลู่หานคนนี้ไม่ยอมหรอกนะ

    ผมตัดสินใจเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นไปอีก ไม่นาน BMW ของผมก็ขึ้นมาตีคู่กับจากัวร์น้ำเงินเข้มอีกครั้ง ใกล้เส้นชัยเข้ามาทุกทีๆแล้ว จะมามัวตีตื้นต่อไปอีกไม่ได้ ผมพยายามเร่งเครื่องเท่าไหร่ก็สลัดเซฮุนไม่หลุดซักที

    วินาทีนี้ ทุกคนต่างหยุดหายใจ เพื่อที่จะลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ที่เข้าเส้นชัยก่อน ระหว่าง BMW สีแดงร้อนแรง หรือจากัวร์สีน้ำเงินเข้มลึกลับกันแน่ เวลาผ่านไปราวกับว่าไปฉุดรั้งเอาไว้ ภาพของรถสองคันแล่นเข้ามาขนาบข้างกัน จนเสี้ยววินาทีสุดท้ายรถจากัวร์ก็เป็นฝ่ายกระโจนเข้าเส้นชัยไปก่อน BMW แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

     

    เฮ้!!!!!!

    เสียงเฮดังขึ้นรอบทิศ เจ้าของรถจากัวร์เปิดประตูลงมาค้อมหัวให้กับผู้ชมยิ้มๆ แลดูชอบใจไม่น้อยในการแข่งขันครั้งนี้ ผมเปิดประตูก้าวลงรถมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด อีกแค่นิดเดียว!! อ๊ากกกกกกกกกกก 

    “ไงล่ะ แม่คุณหนู”

    “ฮึ่ยยยยยยยย! ยังไงก็ไม่ยอมหรอก นี่แน่ะๆๆๆๆ”

    ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิงผมกันแน่ ระหว่างที่การแข่งรอบสองกำลังเริ่มขึ้น ผมกลับเดินไปหารถจากัวร์ของหมอนั่นแล้วกระหน่ำเตะซ้ำๆที่รถของเซฮุนอย่างแรงไม่กลัวเจ็บ ทั้งแบคฮยอน คยองซู จงอิน และเซฮุนเองที่เห็นเข้าถึงกับเซถลาเข้ามารั้งผมไว้ไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามไปมากกว่านี้

    “นายทำอะไรกับจากัวร์ของฉัน!

    “ก็เตะไงถามได้!

    “แพ้แล้วพาลนี่นายัยคุณหนู”

    “อย่ามาเรียกฉันว่าคุณหนูนะไอ้บ้า!!

    ระหว่างที่มีการแข่งรอบสองนั่น ได้เกิดสงครามหย่อมๆขึ้นที่บริเวณจุดพักรถ ผมตะโกนเตะต่อยตะเกียกตะกายอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะทำร้ายเจ้าของหรือไม่ก็รถนั่นให้สมใจ แต่ติดตรงที่เพื่อนทั้งสองคนดึงแขนดึงขาผมไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ไม่สามารถทำอย่างใจได้เลย -^- ดูเหมือนอีกฝ่ายก็เช่นกัน ถ้าหากว่าไม่มีพี่มืดจงอินนั่นดึงไว้มีหวังคงได้กระโดดมาเหยียบหน้าผมแล้วล่ะมั้ง

    “ปล่อยชั้นนะเว้ยจงอิน! ดูสิมันมาทำร้ายจากัวร์ของชั้น”

    “ใจเย็นๆน่าเซฮุน”

    “ไม่เย็นแล้ว ถ้าใครมาทำร้ายรถแกล่ะแกจะเย็นอยู่อีกมั๊ย!

    เซฮุนเอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าคล้องแขนของผมไปหวังว่าจะกระชากผมออกไปด้วยละมั้ง กระเป๋าแบรนด์เนมของผมถูกดึงกระชากขาดออกเป็นชิ้นๆท่ามกลางสายตาของผมที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ข้าวของทุกอย่างในกระเป๋าปลิวว่อนลอยละล่องออกมาเต็มพื้น กล่องปริศนาที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดของแบคฮยอนกำลังปลิวละล่องข้ามหน้าไปแล้วตกกระทบพื้นอย่างแรงจนมันกระเด็นไปลายตลบ

    “ไม่นะ!!” แบคฮยอนโผล่งออกมาอย่างตกใจ กล่องใบเล็กใบนั้นกลิ้งไปกระทบก้อนหินก้อนหนึ่งที่ประดับอยู่แถวนั้นก่อนที่สลักฝาจะเปิดออก ฉับพลันก็มีแสงสีขาวสาดส่องออกมาจนทำให้ผม เซฮุน จงอิน คยองซู และแบคฮยอนต้องหลับตาปี๋ จู่ๆโลกที่ผมเหยียบอยู่ก็หมุนเคว้งขว้างก่อนที่จะรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังตกลงไปในหลุมไร้ก้น แสงนั่นมันทำให้ผมแสบตาและปวดหัวมาก สติเริ่มดับไปทีละน้อยๆก่อนที่มันจะหมดไปท่ามกลางความสงสัยในที่สุด..

                หลังจากนั้น บริเวณดังกล่าวก็กลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้งเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น บุคคลทั้งห้าคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากที่ตรงนั้น เหลือไว้แต่เพียงความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ...

     

     

                    อาณาจักรโชซอนเมื่อ 500 ปีก่อน...

     

                    ภายในพระราชวังเคียงบกที่ใหญ่โตและสวยงาม ตรงกลางห้องโถงปรากฏนักบวชชั้นสูงสิบสองคนกำลังร่ายทำพิธีกรรมทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ตอนนี้โชซอนกำลังถูกคุกคามจากนางแม่มดร้ายที่กำลังทำไสยศาสตร์มนตร์ดำใส่พระราชาและราชินีให้ประชวร แล้วดูท่าว่าอาการของทั้งสองพระองค์จะแย่ลงเรื่อยๆด้วย หากไม่จัดการแม่มดร้ายนั่น หายนะคงจะได้เกิดกับโชซอนในไม่ช้า

    เมืองโชซอนนั้นนับถือเทพเจ้าสิบสององค์และได้บูชาสักการะเป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีนางแม่มดร้ายเข้ามาทำพิธีกรรมในเมืองสาปแช่งพระราชาและพระราชินีจนทั้งสองพระองค์ประชวรหนัก หากทั้งสองพระองค์สวรรคตแล้วนางจะครอบครองอาณาจักรโชซอน แม่มดก็ได้เดินทางไปปักหลักที่วิหารร้างในป่า เล่ากันว่าที่ป่านั่นมีสัตว์ร้ายมากมาย ผู้คนที่เข้าไปแล้วไม่เคยได้กลับออกมาเลย...

                    มีทางเดียวที่จะแก้ไขได้ คือต้องเข้าป่าไปกำจัดนางแม่มดร้ายซะ ซึ่งวิธีที่จะทำมันไม่ง่ายเลย เหล่าประชาชนต่างหวาดกลัวและสะพรึงกับอำนาจเวทย์มนตร์ของนางจนไม่กล้าออกไปไหนมาไหนยามวิกาล เหล่าทหารต่างหมดกำลังใจที่จะต่อสู้กับแม่มด ตอนนี้ที่พึ่งทางจิตใจจึงมีแค่นักบวชชั้นสูงผู้เป็นตัวแทนของเทพทั้งสิบสององค์ และองค์รัชทายาทกับองค์ชายผู้เก่งกาจทั้งสอง ไม่นานมานี้เหล่าตัวแทนเทพทั้งสิบสองคนได้บอกวิธีที่จะชนะแม่มดนั้นได้ แต่ต้องทำพิธีกรรมทำนายอนาคตก่อน ซึ่งพิธีนั่นก็กำลังจัดขึ้นเพื่ออ้อนวอนแก่เทพทั้งสิบสององค์อยู่ตอนนี้นี่เอง

                บนแท่นราชบัลลังก์ ได้ปรากฏร่างขององค์รัชทายาทและองค์ชายผู้สง่างามทั้งสองพระองค์นั่งอยู่บนนั้นอย่างเคร่งเครียด บุคคลที่นั่งบนแท่นบัลลังก์ทองมีนามว่า องค์รัชทายาทโยซอบ ผู้ฉลาดปราดเปรื่องด้านวางแผนการรบ มีกลยุทธ์ที่แนบเนียน ทางด้านการบริหารบ้านเมืองก็ทรงเชี่ยวชาญไม่ด้อยกว่าการรบ รูปร่างสูงสง่าผ่าเผย ดูรวมๆแล้วราวกับว่าเป็นเทพบุตรจุติลงมาก็ไม่ปาน ส่วนบุคคลที่นั่งเคียงข้าง คือองค์ชายชานยอล น้องชายต่างมารดาที่เกิดจากพระมเหสีรอง ทั้งสองพระองค์ทรงสนิทสนมกันมาก องค์ชายชานยอลทรงเชี่ยวชาญทางด้านการออกรบและมีดวงตาอันเฉียบคม สามารถมองกลยุทธ์ของศัตรูได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เคลื่อนไหวราวกับพายุเมื่ออยู่ในสนามรบ และอบอุ่นดั่งสายลมอ่อนๆเมื่ออยู่ต่อหน้าประชาชน แต่ก็ทรงมีนิสัยมุทะลุดั่งไฟบ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากองค์ชายชานยอลทรงเพิ่งจะเติบโตได้ 17 ชันษา ส่วนรัชทายาทโยซอบทรงมีพระชนมายุ 23 ชันษา ทั้งสองพระองค์จึงเป็นที่รักของประชาชนทุกคนในโชซอนนี้

                    “ท่านนักบวชแห่งพลังจิต ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

                    องค์รัชทายาทโยซอบถามขึ้นอย่างร้อนใจ เวลาน้อยลงทุกทีแล้ว พระอาการของเสด็จพ่อเสด็จแม่ก็แย่ลงทุกที

                    “องค์รัชทายาทโปรดใจเย็น อีกไม่นาน คำทำนายก็จะปรากฏแล้วพะยะค่ะ”

                    “นั่นสิพี่โยซอบ ควรรออีกสักนิดเถิด” องค์ชายเซฮุนพูดขึ้นมา หวังจะให้พี่ชายต่างมารดาของตนเองสงบลงบ้าง

                    เมื่อได้ยินดังนั้น องค์ชายและองค์รัชทายาทจึงกลับไปนั่งดูนักบวชทำพิธีกรรมอย่างสงบอีกครั้ง ไม่นานนักกลางแท่นพิธีก็เกิดควันขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เหล่านักบวชทั้งสิบสองคนต่างพูดออกมาพร้อมเพรียงกันว่า

     

                    “บัดนี้ 5 นักรบ จักจรลีจากแดนไกล เข้ามาช่วยขจัดเพศภัย เสริมบารมีให้โชซอนอยู่ยืนนาน ฝ่ายมารจักพ่ายแพ้ กำจัดเหล่าผู้คุกคาม 5 นักรบสง่างาม จักปราบปรามผจญมารให้ได้ชัย”

     

    ควันแห่งคำทำนายได้หายไปแล้ว ณ ตอนนี้ภายในห้องโถงของราชวังเคียงบกได้เกิดความเงียบสงัดขึ้น องค์รัชทายาทและองค์ชายทั้งสองคนต่างแปลกใจกำคำทำนายนั้น ใครกันคือนักรบทั้ง 5

    “พระองค์ทั้งสอง ทรงยอมรับในคำทำนายหรือไม่พะยะค่ะ” นักบวชแห่งสายน้ำเอ่ยขึ้น

    “ข้ายอมรับในคำทำนายนี้” องค์รัชทายาทตอบ

    “หมายความว่าอย่างไร ท่านนักบวชทั้งหลาย” องค์ชายชานยอลถามขึ้น

    “อีกไม่นาน จะมีนักรบจากแดนไกลเข้ามาช่วยเราทำศึกกับนางแม่มดพะยะค่ะ แต่พวกเขาคือใคร กระหม่อมก็ไม่อาจทราบได้ เราต้องกำจัดนางแม่มดก่อนวันสุริยุปราคา ไม่อย่างนั้น นางจะมีอำนาจแข็งแกร่งมากขึ้น และเวลานั้น คาดว่านางคงจะยกทัพปีศาจเข้ามาโจมตีเราแน่”

    “เหลือเวลาอีกเพียงแค่สามเดือน เราคงต้องรีบจัดเตรียมพลทหารก่อน สั่งทหารไปป่าวประกาศให้ทั่ว หากพบใครที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ให้นำตัวกลับมายังพระราชวังโดยด่วน!

    “รับทราบพะยะค่ะ!!

    เหล่าทหารต่างขานรับอย่างแข็งขันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปปฏิบัติตามหน้าที่ที่องค์รัชทายาทสั่ง องค์ชายชานยอลเห็นดังนั้นจึงเอ่ยกับองค์รัชทายาทโยซอบว่า

    “ท่านพี่ ข้าขอนำกำลังเข้าไปตรวจแถวๆชายป่าได้หรือไม่?”

    “เวลานี้มันอันตรายนักชานยอล ข้าเกรงว่า...”

    “อย่าห่วงข้าเลย ข้าจะไปกับแม่ทัพกองสายฟ้าที่มีคิม จงแด เพื่อนของข้าเป็นแม่ทัพอยู่”

    “แบบนี้ข้าค่อยเบาใจหน่อย...เอาเป็นว่าข้าจะให้กองกำลังของแม่ทัพคิม มินซอกติดตามเจ้าไปด้วยอีกกอง”

    “กองกำลังแห่งน้ำแข็งนั่นน่ะรึ ก็ไม่เลวนะท่านพี่”

    “รวมๆแล้วทหารที่จะไปกับเจ้ามีอยู่สามกองทัพ กองทัพสายฟ้า กองทัพน้ำแข็ง และกองทัพอัคคีของเจ้า แค่นี้ก็คงจะพอแล้วกระมัง”

    “แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วท่านพี่ ข้าไปก่อนล่ะ แล้วจะรีบกลับมา”

    ว่าแล้วองค์ชายชานยอลและแม่ทัพอีกสองคนก็รีบรุดหน้าไปสำรวจชายแดนทันที องค์รัชทายาทโยซอบก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน กางแผนที่ของอาณาจักรโชซอน มองไปรอบๆของแผนที่อย่างชั่งใจราวกับว่ากำลังสำรวจพื้นที่จริงๆอย่างไรอย่างนั้น

    “นักรบทั้ง 5 จะเป็นใครกันบ้างนะ....”


     

    **********************************************

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×