คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12
Chapter 12
Baekhyun Said..
“เจ้านาย....”
หือ? เสียงของใครน่ะ?
“เจ้านาย..ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถิด ข้ามีเรื่องที่จะต้องตกลงกับเจ้านาย”
งืม..ใครมาตกลงอะไรกันแถวนี้นะ = = คนจะหลับจะนอนแท้ๆ วุ้ย!
เสียงเรียกแผ่วเบาของหญิงสาวนิรนามดังลอยขึ้นมาตามกระแสลม ทำเอาแบคฮยอนทนนอนต่อไปไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นมองคนที่บังอาจรบกวนเวลานอนของเขา แต่แล้วก็ต้องตกใจตาค้างเพราะรอบๆตัวของเขาไม่มีอะไรเลย เหมือนกำลังลอยเคว้งอยู่ในห้วงอวกาศสีขาวสุดลูกหูลูกตา มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดและไม่เห็นจุดเริ่มต้น ที่นี่มันที่ไหนกัน!!
“ที่นี่คือโลกของข้า..โลกของข้ากับเจ้านาย”
ระ...รู้ได้ไงว่าคิดอะไรอยู่ หรือว่าคนๆนี้สามารถอ่านใจได้!
“จิตของเจ้านายกับข้าสามารถสื่อถึงกันได้ สามารถเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียวเจ้าค่ะ”
น่าน! ขอบคุณจ้ะ ตอบให้เสร็จสรรพเลย ยิ่งกว่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติซะอีกนะแม่คู้นนน -____-
“ละ...แล้วเธอเป็นใคร?” คนตัวเล็กลองหยั่งเชิงถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของเจ้านาย ข้าคือทาสรับใช้ของเจ้านาย ข้าคือสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้เจ้านาย เกิดมาเพื่อเจ้านาย และชะตากรรมของข้าถูกกำหนดมาเพื่อช่วยเหลือเจ้านายเจ้าค่ะ”
“ห้ะ! อย่าบอกนะว่าเธอก็คือไอ้ไข่กลมๆนั่นน่ะนะ” แบคฮยอนเริ่มหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆตัวเพื่อหาตัวคนที่กำลังสนทนาอยู่ด้วย แต่แล้วก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งสิ้น อะไรกัน นี่เขากำลังคุยอยู่กับวิญญาณรึเปล่า T[]T
“สิ่งที่เจ้านายเห็น นั่นคือร่างทารกของข้าซึ่งกำลังเป็นดักแด้ ข้ากำลังฟักตัวอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”
“เธอเป็นตัวอะไรกันแน่? -*-”
“ข้าคือผีเสื้อ..ผีเสื้อแห่งกาลเวลาเจ้าค่ะ เจ้านายมีพลังพิเศษที่สามารถควบคุมเวลาได้ ข้าจึงถูกเลือกมาให้เป็นข้ารับใช้ของเจ้านาย” เสียงของผีเสื้อสัตว์เลี้ยงของเขาตอบมา ทำเอาในหัวของแบคฮยอนมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มไปหมด
“อะไรนะฉันงงแฮะ แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าเพื่อนคนอื่นๆของฉันสามารถควบคุมอะไรได้บ้าง แล้วฉันสามารถหยุดเวลาได้งั้นหรอ? เห้ย อะไรจะเจ๋งปานนั้น *O*”
“เหล่าสหายของเจ้านายต่างก็มีพลังแตกต่างกันไปเจ้าค่ะ ซึ่งพลังนั้นจะแบ่งออกเป็นสิบสองส่วน แต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน มีความสามารถคนละด้าน อย่างเช่นสามารถควบคุมน้ำ ลม ไฟ สายฟ้า หรือพลังจิต ซึ่งข้าเองก็ไม่สามารถบอกเจ้านายได้ว่าใครมีความสามารถควบคุมอะไรได้บ้าง คงต้องไปดูกันเอง เจ้านายสามารถหยุดเวลาได้ ทำให้เวลาเดินช้าลงได้ ทำให้เวลาเดินเร็วขึ้น หรือย้อนเวลากลับไปในอดีตก็ได้ แต่ข้าว่าวิธีเหล่านี้ขอให้เป็นวิธีสุดท้ายที่เจ้านายคิดจะทำดีกว่านะเจ้าคะ”
“ทำไมล่ะ ควบคุมเวลาได้ ทำไมจะหยุดเวลาไม่ได้ ถ้าไม่ควบคุมเวลา แล้วจะมีความสามารถนี้ไปทำไม?”
“เวลา ใครๆก็รู้ว่ามันเป็นสัจธรรม ไม่สามารถย้อนคืนหรือฝืนได้ หากแก้ไขมัน อนาคตจะเปลี่ยนไป อดีตจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม ปัจจุบันจะไม่มั่นคง มันคือสิ่งต้องห้ามเจ้าค่ะ ยกเว้นเป็นสถานการณ์จำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะมันต้องใช้พลังงานเยอะ..ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวลาจำเป็นจะต้องใช้พลังงานชีวิต พลังงานชีวิตนั้นก็เหมือนกับพลังกายทั่วไปเจ้าค่ะ หากเจ้านายต้องการหยุดเวลาหรือข้องเกี่ยวกับเวลาเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะสำเร็จรึไม่ก็ตามแต่ พลังชีวิตของเจ้านายจะหมดลงและหายไปจากที่แห่งนี้ตลอดกาลเจ้าค่ะ”
“มะ..หมายถึงตายน่ะหรอ แล้วจะให้ทำไง...แล้วเมื่อไหร่เธอจะออกมาจากดักแด้ล่ะ?”
“ความสามารถของข้ามิได้มีเพียงแต่ควบคุมเวลาเจ้าค่ะ ข้าสามารถทำอย่างอื่นได้ ส่วนข้าจะกลายเป็นตัวเต็มวัยได้ก็ต่อเมื่อข้าได้ทำสัญญาชีวิตกับเจ้านายเจ้าค่ะ”
ฉันขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพร้อมกับกอดอกใช้ความคิด เอาแล้วสิ ทำไมรู้สึกเรื่องชักจะไม่ชอบมาพากลนะ -*-
“สัญญาชีวิต? คืออะไร มีเงื่อนไขยังไงบ้าง?”
“สัญญาชีวิต คือการที่สัตว์เลี้ยงที่เทพประทานให้กับเจ้านายต้องร้องขอสิ่งแลกเปลี่ยนจากเจ้านายเพื่อทำให้ตัวเองสามารถมีชีวิตและพลังที่เต็มเปี่ยม ซึ่งสัตว์แต่ละตัวก็มีสัญญาชีวิตกับเจ้านายของตัวเองไม่เหมือนกัน การที่ข้าจะออกมาจากดักแด้ได้ จำเป็นจะต้องใช้พลังงานชีวิตของเจ้านายเจ้าค่ะ...ชีวิตของข้ากับเจ้านายเหมือนกับนาฬิกาทราย ยิ่งข้ามีชีวิตนานเท่าไหร่ ชีวิตของเจ้านายจะยิ่งสั้นลงเท่านั้น เจ้านายจะยินยอมรึไม่เจ้าคะ”
แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินข้อมูลที่น่าตกใจ ไม่ว่าวิธีไหนเขาก็ต้องตายเร็วขึ้นอยู่ดีสินะ
“ฉันยังมีทางเลือกเหลืออยู่รึอีกไง..แล้วฉันจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อีกเท่าไหร่..”
ประโยคสุดท้ายถามเจ้าผีเสื้อสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา เขาจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานเท่าไหร่ ยังมีเวลาเหลือให้เขาอีกเท่าไหร่.. จะอยู่กับนายได้นานเท่าไหร่นะชานยอล
แค่เพียงคิดว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั่น
แค่เพียงคิดว่าจะไม่ได้เห็นดวงตาแสนเย็นชาไร้ความรู้สึกนั่น
เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้ทะเลาะพูดคุยกับคนขี้เก๊กหน้าตายนั่น
เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้แอบมองเสี้ยวหน้าคนๆนั้นเวลาที่เผลอ
แค่คิดก็รู้สึกบีบหัวใจจะแย่แล้ว...
“ถึงแม้ชะตาชีวิตของเจ้านายจะน้อยลงไปกว่าที่เคยเป็น แต่ก็คงไม่สั้นเกินไปล่ะมั้งเจ้าคะ”
ขอบใจ!! ช่างเป็นคำตอบที่กระจ่างดีเหลือเกิน -_______-
ก่อนที่จะสาย...รีบทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ รีบคิดก่อนที่จะไม่ได้คิด ทำทุกสิ่งให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียดายและเสียใจ..ก่อนที่ตัวเองจะจากไปจากโลกใบนี้ ก่อนจะจากไปยังที่แห่งนี้
ฉันจะเก็บนายไว้ในความทรงจำตลอดกาล ชานยอล...
“ตกลง ฉันยอมรับเงื่อนไขสัญญาชีวิตของเธอ....”
เฮือก!!
แบคฮยอนผวาลืมตาตื่นลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย มองไปรอบๆตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่เดิม บนเตียงในห้องของตัวเอง
“งั้นเมื่อกี๊ก็ฝันสินะ..โถ่เอ๊ย เหมือนจริงไปนะ - -;”
มือเรียวปาดเหงื่อออกจากใบหน้าพร้อมกับล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่เขาต้องเบิกตาโพลงจนนอนไม่ลงอีกต่อไป!! 0[]0
ไข่กลมๆที่ได้รับมาเมื่อวานที่วางไว้บนโต๊ะบัดนี้ได้แตกออกแล้ว มีผีเสื้อปีกสีทองตัวหนึ่งกำลังบินวนไปมาอยู่เหนือไข่ใบนั้น แบคฮยอนหยิกแขนตัวเองหลายครั้งก็พบว่ามันเจ็บสุดๆ มันคือความจริงหรอเนี่ย!
“สัญญาชีวิตของข้ากับเจ้านายได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเจ้าค่ะ..”
“เวลาของฉันกำลังลดลงเรื่อยๆสินะ..”
คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะมองเจ้าผีเสื้อปีกสีทองบินว่อนไปทั่วห้อง ไหนๆก็ไหนๆแล้วช่างเรื่องอายุไปก่อนเถอะ ทำทุกวันให้เต็มที่ดีกว่า จะได้ไม่เสียใจทีหลัง
“เฮ้! เจ้าผีเสื้อ ฉันจะตั้งชื่อให้เอามั๊ย?”
“ตามแต่เจ้านายเจ้าค่ะ”
“อืม...งั้นชื่อนาบีก็แล้วกัน ต่อไปนี้ฉันจะเรียกเธอว่านาบีนะ ผีเสื้อของฉัน J” (나비(นาบี) = ผีเสื้อ)
“ชานยอล...ชานยอล! ไอ้เจ้าชายชานยอล! อยู่รึเปล่า”
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่แบคฮยอนต้องมาโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าตำหนักไอ้เจ้าชายจอมขี้เก๊ก แรกๆก็แทบจะโดนทหารยามหน้าตำหนักลากไปกระทืบข้อหาสร้างความวุ่นวาย แต่พักหลังๆมาทุกคนชักจะเริ่มชินเลยพยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่สนใจ คนตัวเล็กตะโกนเรียกจนเหนื่อยจึงงัดไม้ตายตะโกนออกไปว่า
“ถ้าไม่เปิดประตูฉันจะพังเข้าไปแล้วนะ!”
เงียบ....ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
โว้ย! ถ้าติดราชกิจก็แล้วไป แต่ถ้าพังประตูเข้าไปแล้วนายกำลังหลับอยู่ล่ะก็ ได้เจ็บตัวกันไปข้างแน่ๆ
แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเล็งเป้าหมายไปที่ประตูบานสวย นับหนึ่งสองสามในใจดังๆก่อนที่จะยันโครมเข้าไปยังประตู แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ประตูหน้าตำหนักถูกเปิดออกก่อนที่เท้าของเขาจะได้สัมผัสโดยฝีมือคนที่ต้องการที่จะเจอ ผลก็คือคนตัวเล็กหน้าคะมำเข้าไปในตำหนักจนเซไปชนเจ้าชายชานยอลที่กำลังยืนหน้านิ่งแล้วล้มลงไปด้วยกัน
“โอ๊ย...จะเปิดประตูทำไมไม่บอกกัน! ไอ้เจ้าชายบ้า”
“แล้วเจ้าจะร้องโอ๊ยไปทำไม ข้าสิควรเจ็บ..เจ้ากำลังนอนทับข้าอยู่นะ” เสียงทุ้มของชานยอลดังขึ้นข้างๆหูทำเอาแบคฮยอนต้องลืมตามองสภาพตัวเอง ก็พบว่ากำลังนอนทับชานยอลอยู่จริงๆ อ่า..สถานการณ์แบบนี้มัน..ถ้าใครมาเห็นเข้าไม่ดีแน่ๆ
“ความผิดนายชัดๆที่เปิดประตูมาไม่ดูเวลา..”
“ช่วยไว้ไม่ให้เจ็บตัวแท้ๆขอบคุณซักคำก็ไม่มีนะเจ้าเด็กดื้อ...หึ”
แขนแกร่งโอบเอวบางแล้วกดไว้ไม่ให้ลุกหนีไปไหน ส่งผลให้ร่างกายของแบคฮยอนแนบติดกับร่างกายของชานยอลมากไปกว่าเดิม แบคฮยอนได้แต่ทำอะไรไม่ถูกพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของคนเจ้าเล่ห์หน้าตาย หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรัวแรงขึ้นมาอย่างผิดปกติ แย่ล่ะสิ..อยู่ใกล้ขนาดนี้ชานยอลจะได้ยินเสียงหัวใจของเขามั๊ยนะ -/-
ใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนโน้มมาใกล้ใบหน้าจิ้มลิ้มเรื่อยๆจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ เขาจะทำอะไร...
อย่าบอกนะว่าจะ....อ๊ายยยย -/////- มโนไปไกลถึงฟินแลนด์แล้ว!
แปะ!
หน้าผากมนถูกดีดด้วยแรงที่ไม่มากแต่ก็ทำให้เจ็บไปจนถึงทรวงใน แบคฮยอนหลับตาปี๋เพราะคิดว่าอีกคนจะล่วงเกินแต่แล้วกลับรู้สึกเจ็บที่หน้าผากแทนซะงั้น พอลืมตาขึ้นก็พบว่าใบหน้านิ่งๆนั้นกำลังซ่อนรอยยิ้มเยาะเอาไว้อยู่แทบไม่มิด
“เจ็บนะ! เล่นอะไรของนาย -3-“
แบคฮยอนทุบอกอีกคนดังปึกก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินหนีอีกคนออกมา บ้าจริง! ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดว่าจะจุ๊บหน้าผากอะไรแบบนั้นแท้ๆดันมาดีดหน้าผากกันซะได้ เสียเวลามโนจริงๆ - -/
แบคฮยอนเดินลิ่วๆจนมาถึงห้องเก็บหุ่นซ้อม ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปคว้าหุ่นมาตัวหนึ่งแล้วทำการตีศอกแทงเข่าใส่อย่างเมามัน ตอนนี้อารมณ์แค้นกำลังปะทุ ต้องรีบหาที่ระบายอารมณ์ให้มันเย็นลง ขืนปล่อยไว้คงได้โมโหอารมณ์โกรธสุมอกแตกตาย หมันไส้นัก ไอ้บ้า!
“ซ้อมกับหุ่นมันจะไปหายแค้นอะไรเล่า..ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว แค้นข้าก็มาจัดการกับข้าสิ จะได้ฝึกฝนไปในตัว”
น้ำเสียงยียวนดังมาจากประตูทางเข้า ดวงตาเรียวหันขวับไปมองก็พบว่าเจ้าตัวปัญหากำลังยืนพิงประตูมองด้วยสายตาสบายอารมณ์และดีใจที่สามารถยั่วโมโหให้เขาเป็นบ้าได้ขนาดนี้ วันนี้ชานยอลแต่งตัวสบายๆไม่ได้เต็มยศเหมือนทุกวันแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าชุดไหนๆก็ทำให้เขาดูดีได้ทุกมุมอย่างน่าประหลาด อันตรายจริงๆผู้ชายคนนี้ จะทำให้หลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ..
“งั้นก็ได้ กระทืบเจ้าชายแห่งโชซอนคงไม่มีโทษประหารหรอกมั้ง!”
แบคฮยอนพุ่งเข้าไปหาชานยอลด้วยอารมณ์แค้นเต็มทน คนตัวสูงเองก็เดินเข้ามาในห้องเช่นกัน
ตุ๊บ!
ทุกคนคงไม่รู้ว่าเสียงอะไรใช่มั๊ย...มันคือเสียงของเขาที่ถูกไอ้เจ้าชายจอมโหดไร้ความปราณีทุ่มลงบนพื้นแข็งๆนี่ไง เจ็บจนชาไปหมดแล้ว...
“ช่องว่างมีเต็มไปหมด เอาแต่อารมณ์อย่างเดียวไม่มีการคิดแผน อยู่ในสนามรบจริงๆคงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น”
“นายว่าไงนะ!”
ตุ๊บ..ตั๊บ...ผลั่ก
อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกหลายครั้งที่ร่างเล็กถูกทุ่มลงกับพื้นสะบักสะบอมเลือดแทบกระอักด้วยฝีมือของชานยอล ซึ่งไอ้คนทำมันไม่มีแม้แต่รอยบาดแผลขีดข่วน หลายครั้งที่แบคฮยอนพุ่งเข้าใส่ซึ่งเจ้าตัวก็หลบมันได้หมดทุกครั้งแล้วจับทุ่มลงกับพื้นอย่างไร้ความปราณี กระดูกกระเดี้ยวคงหักเป็นท่อนๆหมดแล้วล่ะมั้ง TT
“หัดมีสติเสียบ้าง ใจเย็นลงหน่อย ทำแบบนี้จะเข้าไปให้ศัตรูมันหักคอเล่นหรืออย่างไร ยั่วโมโหหน่อยก็โกรธ พูดแหย่หน่อยก็อารมณ์เสีย แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่สามารถทำให้ข้าเจ็บตัวได้ ใครรู้เข้าคงหัวเราะเยาะ”
“พูดมาก! นายมันคนกวนประสาท”
ชานยอลยกยิ้มเล็กน้อยที่เห็นแบคฮยอนไม่ย่างสามขุมเข้าไปหาเหมือนทุกครั้ง แสดงให้เห็นว่าเริ่มเย็นลงบ้างแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกคนแกล้งพูดยั่วโมโหไปงั้น แต่ว่ามันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ซักที...ซึ่งทุกครั้งที่ฟิวส์ขาดคนตัวเล็กก็มักจะโดนทุ่มลงพื้นตลอด แต่คราวนี้ไม่! เขาจะต้องทุ่มเจ้าชายขี้เก๊กลงพื้นให้ได้ - -
“ถ้าอยากโดนข้าทุ่มลงพื้นอีกก็เข้ามา...”
นี่ๆ ยิ้มโรคจิตแบบนั้นน่ะ สรุปวันนี้ฝึกให้เขาได้ต่อสู้ระยะประชิดหรือมากระทืบเขาเล่นแก้เซ็งวะ!
หนูจะฟ้องประวีณา T^T
“อุ๊ยนั่น! มิยาบิถ่ายภาพนู้ด”
แบคฮยอนแกล้งทำตาโตชี้ไปที่ประตูหันเหความสนใจไปทางนั้น ซึ่งชานยอลก็เหลือบไปมอง(ย้ำว่าแค่เหลือบจริงๆ) แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มองเห็นช่องว่างแล้วพุ่งเข้าไปหาอีกคนอย่างรวดเร็ว!
หึ! นายพลาดแล้ว พลาดเพราะมิยาบิแท้ๆเลย
เสี้ยววินาทีที่แบคฮยอนพุ่งตัวสุดแรงเกิดเข้าไปหาชานยอล แบคฮยอนก็เผลอข่วนเข้าที่แขนของชานยอลจนเกิดรอยแดงบางๆขึ้นมาได้ แม้ว่าสุดท้ายจะเป็นฝ่ายโดนทุ่มลงกับพื้นแข็งๆอยู่ดีก็ตาม ถนอมกันหน่อยก็ไม่ได้ ชิ!
“พัฒนาขึ้นแล้วนะ ทำให้ข้ามีรอยได้...วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน”
เจ้าชายชานยอลพูดจบก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะพยุงพาคนเจ็บไปปฐมพยาบาลเลยซักนิด ไอ้...ไอ้ๆๆๆ ไอ้คนใจดำ! แบคฮยอนพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะมองตัวเองที่ตอนนี้สะบักสะบอมสุดๆ เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด คิ้วแตก ปากแตก แขนเคล็ดไปหมด นี่ยังไม่นับรวมถึงรอยช้ำจำนวนมากมายที่เกิดขึ้นตอนที่ถูกทุ่มลงบนพื้น คนอะไรโหดสุดๆ ไม่มีความปราณีอ่อนข้อให้เลยซักนิด นี่ถ้าไม่ติดว่าซ้อมแต่ว่าอยู่ในสนามรบนะ...ได้ตายคาเท้าไอ้เจ้าชายจริงๆแน่ๆ
แต่ถ้าเขายอมอ่อนข้อให้...ก็คงไม่พัฒนาขึ้น ถ้าไม่ลองอยู่ในสถานการณ์จริง ก็คงไม่รู้ว่าเอาจริงมันเป็นยังไง อย่ามัวแต่เล่นเป็นเด็กๆ เพราะความใจอ่อนจะทำให้เรามองเห็นหายนะ
ในสนามรบ ถ้าไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าเรา
ยังไงก็ต้องฆ่า...เอาจริงเอาจังให้ถึงที่สุด
คนตัวเล็กพยุงตัวเองเดินเตาะแตะมาถึงประตูแต่ก็ต้องทรุดลงเกาะประตูเอาไว้แน่นเพราะเกิดอาการตาพร่ามัว หายใจติดขัดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ นี่ไม่ใช่อาการที่ถูกซ้อมจนหนัก เพราะทุกครั้งที่ถูกฝึกแบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีอาการอะไร มือเรียวกุมไว้ที่หน้าอกแน่นเพราะรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดจากแรงปริศนา ความรู้สึก..มันทรมาน อยากจะตายให้ได้
“อั่ก...แฮ่กๆๆ เจ็บ...นาบี..นาบีอยู่ไหน”
เสียงแหบแห้งของแบคฮยอนเรียกหานาบีแผ่วเบา ไม่นานก็เห็นเจ้าผีเสื้อปีกสีทองบินเข้ามาหา ปีกของมันส่องแสงประกายเป็นพิเศษ ทำให้เขาเริ่มรู้สาเหตุของอาการประหลาดนี่แล้วล่ะ
เพราะพลังชีวิตของเขากำลังถ่ายเทให้กับเจ้าผีเสื้อสินะ....
นั่งอยู่กับพื้นซักพักก็เริ่มรู้สึกอาการดีขึ้นมาก จึงเดินออกจากห้องฝึกซ้อมไปยังตำหนักของหมอหลวง อ่า...ทำไมรู้สึกว่ามันไกลจัง น่าจะย้ายตำหนักของหมอหลวงมาไว้ใกล้ๆที่ฝึกนะ แบบนี้คนเจ็บไม่ตายระหว่างเดินทางรึไง - -
“อ้าวไอ้แบค! แกเป็นอะไรน่ะ สภาพดูไม่ได้เลยนะ -0-“ เสียงของลู่หานดังขึ้นเมื่อเดินผ่านลานธนู
“ฟัดกับหมามาน่ะ....”
“อ่อ...เจ้าชายชานยอลล่ะสินะ มาๆเดี๋ยวฉันช่วยพาแกไปหาหมอหลวงละกัน ปล่อยให้เดินเองเห็นทีจะไม่ไหว”
พูดเสร็จลู่หานก็พยุงหิ้วปีกเดินไปตามทาง พูดขอบคุณเบาๆก่อนจะชี้ๆให้ลู่หานมองสัตว์ประจำตัวของเขา ซึ่งมันก็ทำให้เพื่อนตากวางตกใจมากเลยทีเดียว
“ผีเสื้อสีทอง! ว้าว สวยจังเลยแก *O* แล้วแกมีความสามารถควบคุมอะไรหรอ?”
“ควบคุมเวลาน่ะ...แล้วแกล่ะ?”
“อ๋อ ฉันธาตุน้ำน่ะ ควบคุมน้ำได้ พลังของแกนี่เจ๋งชะมัดเลย ควบคุมเวลาหรอ ทำให้ดูหน่อยๆ”
“มะ...ไม่ได้หรอก ฉันยังไม่ได้ฝึกกับนาบีเลย ฉันยังใช้ไม่เป็นหรอก เอาไว้โอกาสหน้านะ” ฉันตอบเลี่ยงๆไป จะให้ใครรู้ไม่ได้ถึงข้อแลกเปลี่ยนอันตรายนั่นเด็ดขาด
ตอนดึก..
เปลวเทียนในห้องนอนของแบคฮยอนกำลังลุกไหม้อย่างช้าๆตามปกติ ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องอีกครั้งเมื่อเขาอยู่คนเดียว อ้อ!ไม่สิ อยู่กับผีเสื้ออีกหนึ่งตัว หลังจากไปนอนเล่นที่ตำหนักหมอหลวงแล้ว ตอนเย็นๆก็ออกมาฝึกควบคุมพลังกับนาบีต่อ ทำให้ได้รู้ว่า นาบีสามารถควบคุมผีเสื้อทุกตัวให้อยู่ภายใต้อำนาจได้ ผีเสื้อนับร้อยนับพันสามารถทำตามที่นาบีสั่งได้ทุกอย่าง แปลงร่างให้แนบเนียนเหมือนธรรมชาติรอบๆกาย ขยายปีกตีลมพัดสร้างพายุขนาดย่อมๆได้ แต่เนื่องจากวันนี้ถูกซ้อมมาเลยตั้งใจฝึกฝนควบคุมพลังได้ไม่ดีนัก แทนที่จะได้ผลดี กลับทำให้ตำหนักทั้งตำหนักวุ่นวายเพราะผีเสื้อร้อยๆตัวบินว่อนเต็มไปหมด - -;
“ฝันดีนะนาบี พรุ่งนี้เราค่อยมาฝึกใหม่ก็แล้วกัน”
“เช่นกันเจ้าค่ะ ราตรีสวัสดิ์เจ้าค่ะ”
หลังบอกฝันดีเจ้าสัตว์เลี้ยงประจำกายแล้ว แบคฮยอนก็เดินดุ่มๆไปยังโทรศัพท์กระดาษที่ทำไว้ หยิบมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม พลางก้มลงไปกระซิบแผ่วเบา...
“ฝันดีนะชานยอลอา...”
ไม่หวังให้ได้ยิน เพียงแค่ได้พูดมันออกไปก็พอ ไม่หวังว่าอีกคนจะรับรู้มัน แค่พูดในสิ่งที่อยากจะพูดก็เท่านั้น
มันเป็นสิ่งที่คุ้นชินสำหรับเขาไปซะแล้วที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ซ้ำๆอยู่ทุกคืน ทั้งๆที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก แต่ก็ยังอยากจะทำ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงของคนปลายสายตอบกลับมาแม้แต่คืนเดียวก็เถอะ เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาตอบกลับมาว่าฝันดีเหมือนกันอะไรแบบนี้หรอก คงจะขนลุกอยู่ไม่น้อยเพราะว่ามันดูไม่เข้ากับบุคลิกคนเย็นชาอย่างหมอนั่นเลย
สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็คงเข้าค่ายที่ว่า...ก็แค่ให้ไปไม่หวังอะไรตอบแทนแบบนี้ล่ะมั้งนะ
แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขก็พอ
“ราตรีสวัสดิ์....”
เสียงทุ้มลอยเข้ามาผ่านสายโทรศัพท์กระดาษหลังจากที่อีกคนหลับลงไปได้ไม่นาน...บางที...ทุกๆคืนก็ยังมีคนที่ยังไม่นอนเฝ้าบอกฝันดีแบคฮยอนอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่กล้าพอ...ที่จะตอบกลับไปตอนที่เจ้าตัวยังตื่นอยู่
ชานยอลก็แค่ไม่กล้า...ที่จะแสดงอะไรออกไปในตอนนี้
ดั่งที่เพื่อนรักบอก...เก่งนักในสนามรบ แต่สนามรัก...เขายังต้องฝึกอีกมากโข เจ้าชายผู้แข็งกระด้าง ไม่เคยรู้เลยว่าจะต้องแสดงอาการอย่างไรออกไปให้คนที่ตัวเองหลงรักได้รับรู้ถึงหัวใจของตน ทะนงศักดิ์ถือตัวจนเกินไป ไม่ยอมอ่อนขอให้ผู้เป็นเจ้าของดวงใจ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เล่าจะสมหวังกันเสียที
**************************************************
สารภาพบาปจากไรท์เตอร์
ขอโทษนะคะที่หายไปนานมาก ;______;
มหาลัยปีหนึ่งมันยุ่งๆอะรีด ไรท์ไม่ค่อยได้เข้ามาแปลมาอัพฟิคเลยฮือ
อีกเรื่องไรท์ก็ค้างเอาไว้เหมือนกันค่ะ แต่ก็จะไม่ทิ้งนะ จะแต่งต่อจนกว่าจะจบ
ถึงแม้จะมีคนอ่านแค่คนเดียวก็จะแต่งต่อจนจบ สัญญาเลย
จิกทวงฟิคได้ที่ทวิตเตอร์ไรท์นะคะ อยากให้มาแสดงความคิดเห็นกันเยอะๆ
@le_monprince
ความคิดเห็น