ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] I'm Here! Always By Your Side [HunBaek,ChanBaek]

    ลำดับตอนที่ #10 : I’m Here – 8 –

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 57




    I’m Here – 8

     

     

    “พี่ป๋ายยยยยยยยยยย ฮือๆ น้องแพคสะดุดล้ม”

    “โอ๋ๆ เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

    “ฮึก...น้องแพคเจ็บแขน ดูสิเลือดออกด้วย แง้...”

    “นิดเดียวเอง น้องแพคไม่ร้องนะ”

    “แต่มันเจ็บ ฮือออออออออ”

    “มาๆเดี๋ยวพี่ป๋ายเป่าแผลให้ นับหนึ่งถึงสาม เป่าเพี้ยงก็หายแล้ว”

    “มันจะหายจริงหรอฮะ....ฮึก”

    “หายสิ จำเอาไว้นะ ไม่ว่าจะเจ็บตรงไหน ให้นับในใจ หนึ่ง สอง สาม แล้วพี่จะเป่าแผลให้ มันจะหายทันทีเลย”

    “หนึ่ง...สอง....สาม”

    “เพี้ยง!

     

     

    “นี่...ได้ข่าวว่าเซฮุนมีแฟนแล้วนะ”

    “จริงหรอแก ใครกันที่สามารถชนะใจพ่อนายแบบหนุ่มเย็นชาคนนั้นได้”

    “เห็นเขาว่าเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารักมากเลยล่ะแก ชั้นละอิจฉา”

    “ห้ะ เด็กผู้ชายงั้นหรอ ถึงว่าล่ะ เซฮุนไม่เคยมีข่าวกับดาราผู้หญิงคนไหนเลย”

    “เสียดายจังเลยแก ผู้ชายสมัยนี้มันกินกันเองหมดแล้วล่ะมั้ง”

     

    เวลาเพียงชั่วข้ามคืน ข่าวคบกันระหว่างเซฮุนกับแพคฮยอนยิ่งโหมกระพือดังมากขึ้นเรื่อยๆ การเป็นคนดังมีคนจับตามองมันก็มีข้อเสียเป็นธรรมดา เหล่าบรรดาปาปารัชซี่ทั้งหลายต่างก็ต้องการหาข่าวมาเขียนกันทั้งนั้น

     

    เรื่องใครคบใครเลิกกับใครนี่ถนัดนักล่ะ...

     

    “พี่เซฮุน...คนมองเราเต็มไปหมดเลย ._____.”

    “ช่างเขาปะไร ไม่เห็นต้องสนใจเลย”

    “แต่...แต่แพคฮยอนอาย”

    มือเรียวจับชายเสื้อคนตัวสูงเอาไว้พลางก้มหน้าเดินอย่างประหม่า ตั้งแต่ข่าวที่เขาคบกับพี่เซฮุนหลุดออกไปก็มีผู้คนจับตามองมากขึ้น เขาเองก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนหน้าตาดีมาจากไหน ธรรมดาๆบ้านๆหาได้ทั่วไป สายตาแต่ละคู่ที่จับจ้องมาล้วนเหมือนกดดันให้แพคฮยอนจมดินยังไงอย่างนั้น ประวัติต่างๆของแพคฮยอนถูกขุดคุ้ยจนมันเละเทะไปหมด

     

    แต่ไม่ค่อยจะมีประวัติของแพคฮยอนซักเท่าไหร่หรอก...เขาไม่ใช่คนที่นี่

     

    ส่วนมากก็รู้เพียงว่า เขาเป็นลูกของนักธุรกิจใหญ่ในจีนเท่านั้นเอง

     

    บางทีนะ...

    ถ้าพี่เซฮุนไม่ได้เป็นนายแบบ เราคงจะจับมือกันได้สนิทกว่านี้ใช่มั้ยครับ...

    ถ้าพี่เซฮุนไม่ได้เป็นนายแบบ เราจะเดินไปไหนมาไหนบอกรักกันอย่างมีความสุขกว่านี้ใช่รึเปล่า

    ถ้าเราสองคนเป็นเพียงแค่คนธรรมดา...เราจะรักกันโดยที่ไม่ต้องแคร์สายตาใครใช่มั๊ยครับ...

     

    แพคฮยอนไม่เคยรู้มาก่อน...การเป็นแฟนกับคนดังมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด วางตัวไม่ถูก กลัวเหลือเกินจะไปทำให้เซฮุนลดความนิยมลง ไม่ชอบเหลือเกินกับการต้องถูกใครก็ไม่รู้มองตามตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากรู้ประวัติของเขาว่าเป็นใครมาจากไหนและมาเจอกับพี่เซฮุนได้ยังไง ราวกับว่าต้องอยู่ในกรอบ...ไม่เป็นตัวของตัวเอง

     

    “จะกลัวไปทำไม...ต่อให้คนทั้งโลกไม่ชอบแพคฮยอน พี่ก็จะยังอยู่ข้างๆนายอยู่ดี ทำตัวตามปกติเถอะ อย่าเกร็ง ทำในสิ่งที่อยากจะทำ พวกเขาก็แค่มอง..ทำอะไรแพคฮยอนไม่ได้หรอกนะ”

    “แต่แพคฮยอนกลัว กลัวว่าจะทำให้พี่เซฮุนมีข่าวไม่ดี”

    “ไม่หรอกน่า...พี่ไม่แคร์ พี่แคร์แค่เรานะแพคฮยอน”

    “จะดีหรอครับ...”

    “อย่าคิดมากนะครับเด็กดี”

    “ครับ J

    มือหนากอบกุมมือเล็กเอาไว้ก่อนจะจับมือกันเดินมาส่งถึงบันไดหน้าคณะเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ยกมือขึ้นยีผมนุ่มให้ฟูเล่นๆก่อนจะโบกมือลาไปทำงานตามปกติ ร่างเล็กยืนอยู่ตรงบันไดรอจนกว่ารถของคนตัวสูงจะเคลื่อนหายจนลับสายตาไป ยิ้มให้กับคำพูดของพี่เซฮุน นั่นสินะ ก็เขาทั้งสองคนเลือกแล้วที่จะคบกัน ทำไมจะต้องไปสนคนอื่นด้วยล่ะ

     

    “แพคฮยอนอา นายนี่จริงๆเลย คบกับพี่เซฮุนงั้นหรอ L

    แบมแบมเดินฉับๆมาหาแพคฮยอนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลางคว่ำปากบ่นน้อยใจเพื่อนรักของตัวเอง อะไรกันเนี่ย จู่ๆเพื่อนของตัวเองเป็นแฟนกับนายแบบคนที่ตัวเองชอบเฉยเลย นอยด์มาก!

    “แหะๆ แบม เราก็ไม่คิดว่าเราจะชอบพี่เซฮุนเหมือนกันนี่นา อย่าดุเราเลยนะ เราขอโทษ”

    “ช่างเถอะๆ ว่าแต่แบบนี้ฉันก็อกหักน่ะสิ”

    “งื้ออออออออ แบมอ่า”

    “ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ เราก็แค่เฟลตามประสาแฟนคลับน่ะ แต่ว่านะ นายเป็นแฟนกับพี่เซฮุนก็ยังดีกว่าคนอื่นเป็นก็แล้วกัน ยอมให้แพคฮยอนคนเดียวเท่านั้น รักกับพี่เซฮุนดีๆ รักพี่เขาให้มากๆ เอาใจใส่ดูแลเทคแคร์พี่เขาให้ดีที่สุด ฝากพี่เซฮุนด้วยนะ ถ้าทำพี่เขาเสียใจล่ะก็ เราจะโกรธแพคฮยอน แล้วก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย!


    แบมแบมทำท่าคาดโทษแพคฮยอนเอาไว้และฝากฝังคนที่ตัวเองรักมากที่สุดให้เพื่อนตัวเองดูแล ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเอามากขนาดนี้ กับแค่คนที่ตัวเองรักผ่านนิตยสาร ผ่านโลกโซเชียล แต่ก็นะ มันคือความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่มอบให้แม้ไม่ได้เจอตัวตนจริงๆของคนๆนั้น เป็นความรักที่มีแต่ให้ของจริง

    “สัญญาเลยแบม เราจะรักพี่เซฮุนและดูแลให้ดีที่สุด”

    “ดีมากเพื่อนรัก”

    ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเห็นที่ที่ตัวเองรักมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

     

    “เห้ย ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว รีบไปกันเถอะ!

    แบมแบมยกแขนขึ้นมาดูเวลาแล้วก็ต้องตกใจ อาจารย์เช็คชื่อซะด้วยสิ ทั้งสองคนรีบวิ่งเข้าตึกแบบเร่งสปีดสุดตัว แบมแบมกับแพคฮยอนวิ่งไปหยุดอยู่หน้าลิฟต์ก็ต้องถอนหายใจ คนเยอะไปไหนเนี่ย!

    “ขึ้นบันไดไปก็ได้ ชั้นสามเอง”

    ช่วงเวลาเร่งรีบนี้บรรดานักศึกษาต่างก็พรั่งพรูไปเรียนวิชาที่ลงไว้ให้ทันเวลา ยิ่งใกล้เวลาเข้าห้องมากก็ยิ่งมีนักศึกษามาก ผู้คนต่างเร่งรีบเบียดกันขึ้นตึกมากมายไม่ว่าจะเป็นที่ลิฟต์หรือที่บันได ไม่มีทางเลือกมากนัก ทั้งสองคนจึงต้องพยายามเบียดฝูงชนแล้วรีบวิ่งขึ้นไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “ย๊า ทำไมมันแออัดแบบนี้เนี่ย” แบมแบมบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย

    ต่างคนต่างผลักดันกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แบมแบมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอแพคฮยอน ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน จะขึ้นไปถึงชั้นบนแล้วรึยัง



    ใครหยุดเดินขึ้นหรือสะดุดหกล้มมีหวังโดนเหยียบตายแน่ๆ....

     

    “แบม! เราอยู่นี่ รอหน่อยๆ”

    แพคฮยอนยืนอยู่ขั้นบันไดแถวล่างกว่าแบมแบมเล็กน้อย เสียงหวานตะโกนขึ้นเรียกให้แบมแบมหันมากลัวว่าจะหลงกันไปซะก่อน ร่างบางยื่นมือไปหาแพคฮยอนหวังว่าจะจับเอาไว้กันหลง แต่แล้วคนที่พยายามวิ่งขึ้นบันได้ก็เบียดไปมาทำให้ทั้งสองคนไม่ได้จับมือกันเสียที

     

    เสี้ยววินาที...มีมือๆหนึ่งยื่นออกมาผลักแพคฮยอนให้หงายหลังไป!!

     

    “แพคฮยอน!!!!

     

    แบมแบมตะโกนลั่นเรียกแพคฮยอน ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นแพคฮยอนหงายหลังกลิ้งตกลงบันได้ไปสองสามตลบก่อนจะตกลงไปที่พื้นชั้นล่าง ใบหน้าจิ้มลิ้มเบ้เหยเกด้วยความเจ็บพลางกุมข้อมือซ้ายเอาไว้แน่น แบมแบมที่ยังทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนค้างอยู่แบบนั้น

     

    “อ้ะ...!!”

     เหมือนกับแผ่นดินทรุดหายไป คว้าได้แต่อากาศ ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว ได้แต่ยอมรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้...

     

    “แพคฮยอน เป็นไงบ้าง! เจ็บตรงไหน”

    เมื่อตั้งสติได้ แบมแบมรีบวิ่งลงมาดูอาการแพคฮยอนอย่างกระวนกระวายใจ ประคองแพคฮยอนลุกขึ้นนั่งพลางปัดฝุ่นตามเนื้อตามตัวเพื่อนตัวเล็กออก มือไม้สั่นไปหมด ไม่คิดว่าแพคฮยอนจะตกบันได...ที่สำคัญ แพคฮยอนไม่ได้ตกบันไดลงมาเอง เขาเห็นชัดๆเต็มสองตาเลยว่ามีมือคนยื่นออกมาผลัก!


    “ไม่เป็นไรมากหรอก...คือตอนตกลงมาเราใช้มือซ้ายกันเอาไว้น่ะ..คิดว่ามันคงจะคัดแน่ๆ”

    แพคฮยอนกัดฟันพูดพลางบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ทั้งๆที่ข้างในหัวใจเสียขวัญไม่น้อย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ต่างคนต่างแย่งกันขึ้นบันได อาจจะมีคนเผลอชนเขาก็ได้ แบมแบมเงยหน้าขึ้นไปมองคนบนบันได แต่มันก็สายไปซะแล้ว...ผู้คนที่แออัดเมื่อกี๊หายวับไปกับตาเมื่อถึงเวลาเข้าชั้นเรียน

     

    หายตัวไปอย่างสมบูรณ์แบบ

     

    อุบัติเหตุจริงหรอ...

     

    ใช่แน่หรอ..?

     

    “ไปห้องพยาบาลกันก่อนนะ ค่อยขอใบรับรองแพทย์มาให้อาจารย์ก็ได้ ค่อยๆเดินนะแพคฮยอน”

    “อ้ะ...โอ้ย...ขอบคุณนะแบม อ่ะ....”

     

    แบมแบมประคองแพคฮยอนไปทำแผลที่ห้องพยาบาลก่อนจะนั่งเฝ้าแพคฮยอนอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน เพื่อนตัวเล็กหลับไปแล้วเพราะอาจารย์ประจำห้องพยาบาลให้กินยานอนหลับอ่อนๆไปเพื่อรักษาตัว สภาพนี้คงไปเรียนไม่ไหว...กระดูกแขนซ้ายเคลื่อนเล็กน้อย ต้องพันผ้าดามเอาไว้ตลอดสองสามวันนี้ ตามเนื้อตามตัวมีรอยช้ำเขียวๆไปหมดเนื่องจากตกบันไดก็หลายขั้นอยู่ ดีที่แพคฮยอนใช้แขนซ้ายรองรับน้ำหนักตัว ไม่อย่างนั้นหัวคงกระแทกพื้น

     

    แบมแบมนั่งกุมขมับพยายามคิดภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นให้ออก นึกให้ออกว่าตอนนั้นเป็นมือของใคร

     

    มือแบบนั้น...เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

     

    แต่มือของคนเรามันก็คล้ายๆกันหมด คิดมากไปรึเปล่าเนี่ยไอ้แบม! บางทีมันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครผลักก็ได้ อาจจะบังเอิญมากกว่า...บังเอิญมือไปโดนคนจนตกบันไดน่ะนะ

     

    จู่ๆก็รู้สึกแย่...

    ร่างบางก้มมองมือตัวเองก่อนจะกุมเอาไว้แน่น ทำไมมือสั่นแบบนี้...เขาเป็นอะไรกันแน่ เสียใจที่ดึงแพคฮยอนเอาไว้ไม่ทันรึเปล่า ยิ่งจับก็ยิ่งสั่นไม่หยุด ใบหน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆจนแทบไร้สีเลือด รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงซู่ซ่าคล้ายคลื่นวิทยุเต็มหัวไปหมด ยิ่งพยายามคิดว่าใครเป็นคนผลักแพคฮยอนยิ่งปวดหัว แบมแบมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองแน่น ดวงตาส่ายไปมาเลิ่กลั่กราวกับว่ากำลังต่อต้านอะไรซักอย่าง

     

    “อั่ก...โอ๊ย...ปวดหัว ปวด...”

               เป็นบ้าอะไรเนี่ย..


    หอบหายใจแรงราวกับหวาดกลัวอะไรภายในจิตใจของตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวด ยิ่งพยายามนึกก็ยิ่งกลัว จึงพยายามไม่คิดมาก อาการค่อยๆดีขึ้นก่อนจะกลับมาปกติอีกครั้ง ใบหน้ามนหันไปมองเพื่อนรักที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง เมื่อไหร่นายจะตื่นขึ้นมานะแพคฮยอน...

     

     

    ตอนเย็น....

     

    ป๋ายเซียนนั่งรอแพคฮยอนกับแบมแบมอยู่แถวๆชมรมฟุตบอล เนื่องจากวันนี้มีการฝึกซ้อม ผู้จัดการทีมปีหนึ่งอย่างเขา แล้วก็แพคฮยอนต้องมาคุมทีม แบมแบมเองก็เป็นเลขา ไม่น่าจะมาสายขนาดนี้ แต่มองไปมองมาก็ไม่เห็นวี่แววสองคนนั่นซักที ไปไหนกัน -*-

     

    “ค่อยๆเดินนะครับน้องแพคฮยอน..”

    “ขอบคุณครับพี่มินโฮ ผมเจ็บแขนนะไม่ได้เจ็บขาซะหน่อย...ไม่ต้องพยุงก็ได้น่า ลำบากพี่เปล่าๆ”

    เสียงพูดคุยคุ้นหูดังขึ้น ป๋ายเซียนหันไปมองก็เจอกับน้องชายที่โดนหิ้วปีกประคองซ้ายขวาเดินมาทางนี้โดยรุ่นพี่มินโฮกับแบมแบมช่วยประคอง แขนซ้ายของแพคฮยอนถูกผ้าพันเอาไว้อยู่ ตามเนื้อตามตัวมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆตัดกับผิวขาวๆน่าถนอม ป๋ายเซียนถึงกับถลึงตามองลุกพรวดไปหาน้องชายตัวเองทันที

    “แพคฮยอน!! ไปทำอะไรมา เกิดอะไรขึ้น”

    “อ่า..คือว่า ผมตกบันไดน่ะครับ...แหะๆ”

    “ตกบันไดได้ยังไง?”

    “ก็...งื้อ พี่ป๋ายอย่าดุผมสิ ผมไม่ระวังเองแหละ .______.”

    ร่างสูงของมินโฮพยุงแพคฮยอนไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆสนามก่อนจะขอตัวลงไปซ้อมกับคนอื่นๆ แบมแบมที่เดินตามมาเงียบๆไม่พูดอะไร ปล่อยให้พี่ชายกับน้องชายคุยกันไป

    “ไหน..เจ็บแค่นี้เอง เป่าแป้บเดียวก็หายแล้วเน๊อะๆ”

    “พี่ป๋าย ผมโตแล้วนะ ยังจะทำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้”

    ถึงแพคฮยอนจะบ่นอย่างนั้นก็ยอมอยู่นิ่งๆให้ป๋ายเซียนจับแขนไปเป่าฟู่ๆอยู่ดี รอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้าแฝดน้องเมื่อรู้ว่าพี่ชายยังคงเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ

     

     

    ตอนนี้ในใจของป๋ายเซียนร้อนลนแทบลุกเป็นไฟ...

     

    ใช่แน่หรอ ใช่อุบัติเหตุแน่หรอ ทำไมเขาถึงไม่คิดแบบนั้นเลย ทำไมเขาถึงคิดว่าเป็นฝีมือของคนบางคนที่พยายามทำร้ายแพคฮยอนให้ได้รับบาดเจ็บตามที่เคยได้ขู่เขาเอาไว้ มันไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น หลังจากที่มีข่าวว่าแพคฮยอนคบกับพี่เซฮุนแค่คืนเดียว วันต่อมาแพคฮยอนก็ตกบันได...


    คนๆนั้นกำลังส่งสัญญาณเตือนเขาให้รู้ว่าสิ่งที่ได้เขียนมาในจดหมายเลือด เขาไม่ได้พูดเล่นๆ

    เตือนให้รู้ว่า เขาต้องทำอะไรบางอย่างที่มันต้องการ แพคฮยอนจะได้ปลอดภัย

     

    “แพคฮยอนอา...นายต้องระวังตัวให้มากๆนะรู้มั๊ย”

    “ครับพี่ป๋าย ผมจะไม่ซุ่มซ่ามอีกแล้ว”

    “ไม่ใช่แบบนั้น...คือ...”

    “มีอะไรหรอครับ?”

    “..เปล่า ไม่มีอะไรหรอก พี่คงคิดมากไปเอง กินยาพักผ่อนเยอะๆนะน้องรัก”

     

    มือเรียวลูบผมปลอบน้องชายฝาแฝดอย่างรู้สึกเป็นห่วง มีหลายสิ่งที่เขาอยากรู้ ป๋ายเซียนจะต้องตามหาคำตอบที่อยากรู้ให้ได้ โดยจะต้องปกป้องน้องชายของตัวเองเท่าชีวิต

    “แบมอา...ฝากแพคฮยอนด้วยนะ นายเรียนกับแพคฮยอนแทบจะทุกวิขาเลย”

    “อื้อๆ ได้เลยป๋ายเซียน เดี๋ยวเราดูแลแพคฮยอนให้ ^^

     

    แบมแบมยิ้มเจื่อนตกลงตอบรับคำขอร้องของป๋ายเซียนก่อนจะกลับไปนั่งเงียบอย่างเก่า อยากจะบอกทั้งสองคนออกไปว่าตัวเองเห็นกับตา เห็นว่ามีคนผลักแพคฮยอน แต่ก็หาหลักฐานว่าเป็นใครไม่ได้ กลัวแต่จะทำให้ป๋ายเซียนร้อนใจหาตัวคนทำมากกว่า

    สรุปให้มันเป็นอุบัติเหตุไปซะแบบนี้ดีที่สุด...

     

    “เดี๋ยวเรากับพี่ป๋ายมานะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป้บนึง ^^

    ป๋ายเซียนค่อยๆประคองแพคฮยอนเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างช้าๆ เหลือแบมแบมอยู่คนเดียว บรรยากาศตอนเย็นถึงแม้จะมีคนอยู่ในสนามกีฬามากมาย แต่ในความรู้สึกของแบมแบมช่างเงียบสงัด ดวงตาหวานสอดส่องมองไปมาราวกับว่าหาอะไรทำไม่ให้คิดมาก ตอนนี้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย...

     

    ติ๊ง!

    เสียงไลน์ใคร...

    ร่างบางหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียงไลน์โทรศัพท์ หาไปหามาก็เจอมันอยู่ในกระเป๋าของแพคฮยอน แบมแบมจะไม่สนใจเลยถ้า...ไม่ใช่ไลน์ของเซฮุน

     

    แพคฮยอนอา วันนี้พี่ติดธุระ ไปรับช้าหน่อยนะ อยู่ที่ร้านชานมรอด้วยล่ะ

     

    อิจฉาจัง..อยากให้พี่เซฮุนมาดูแลมารับมาส่งบ้าง

    แบมแบมคนนี้อิจฉาแพคฮยอนอีกแล้ว...

     

    มือเรียวถือโทรศัพท์เพื่อนรักเอาไว้แน่น กดเข้าไปอ่านอยู่หลายครั้ง ใจนึงก็อยากตอบกลับว่าแพคฮยอนไปเข้าห้องน้ำ แต่อีกใจมันก็แอบชั่ว...

    หลายครั้งที่ความ อยากเข้าครอบครองความนึกคิด

    หลายครั้งที่ความ ต้องการ มันมีมากกว่าความรู้สึกผิดชั่วดี

     

    แพคฮยอน อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ ตกลงว่าไงครับ?

     

    ตอบ...หรือไม่ตอบไปดี

     

    ครับ ผมจะรออยู่ที่ร้านนะ

     

    ตอบ...ไปแล้ว

     

    เสียงคนคุยกันดังเข้ามาเรื่อยๆทำเอาแบมแบมเก็บโทรศัพท์ของแพคฮยอนใส่กระเป๋าตามเดิมแทบไม่ทัน ร่างบางนั่งนิ่งมองเพื่อนๆพี่ๆซ้อมฟุตบอลกลางสนามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หันกลับมายิ้มและช่วยประคองแพคฮยอนนั่งราวกับว่าเมื่อกี๊ไม่มีไลน์จากเซฮุน

     

    ขอโทษนะ...ที่ไม่ได้บอกนาย

    ขอโทษนะที่เห็นแก่ตัว...

     

    คนเราทุกคนย่อมมีความปรารถนาซ่อนลึกอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว ความต้องการที่สามารถทำได้แม้ต้องทำให้คนที่ไว้ใจที่สุดเดือดร้อน ความต้องการที่สามารถทำได้ทุกอย่างแม้ต้องทำร้ายเพื่อนตัวเอง

     

    เวลาผ่านไปจนกระทั่งทุกคนในชมรมเลิกซ้อม ป๋ายเซียนและแบมแบมเดินไปแจกขวดน้ำและผ้าขนหนูให้นักกีฬาทุกคน ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขมากเมื่อมีผู้จัดการและเลขาน่ารักแบบนี้มาเอาใจใส่ มินโฮถือขวดน้ำเดินมาหาแพคฮยอนที่นั่งมองทุกคนยิ้มๆก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง

    “เป็นยังไงบ้างล่ะเรา ดีขึ้นรึเปล่า?”

    “ดีขึ้นแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ^^

    “แล้วนี่จะกลับบ้านยังไงล่ะ? เห็นป๋ายเซียนบอกว่าพวกนายไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่?”

    “อ่อ...คือเดี๋ยวพี่...”

     

    “พี่มินโฮไปส่งแพคฮยอนเถอะครับ แพคฮยอนกลับบ้านไม่ไหวหรอก”

    “อ...เอ๋? แบม...คือเดี๋ยว..”

    “เมื่อกี๊ลืมบอกนายไปน่ะ พี่เซฮุนโทรมาหานายตอนที่นายไปเข้าห้องน้ำ บอกว่าวันนี้ทำงานจนดึก นายให้พี่มินโฮไปส่งที่คอนโดดีกว่า เชื่อเราเถอะ กลับไปนอนพักผ่อนให้เยอะๆ ไม่รู้ว่าพี่เซฮุนจะมารับนายเมื่อไหร่ เดี๋ยวนอนน้อยพักผ่อนไม่พอจะแย่เอา”

    จู่ๆแบมแบมก็โผล่พรวดเข้ามาคะยั้นคะยอให้มินโฮไปส่งแพคฮยอนที่คอนโด หว่านล้อมให้แพคฮยอนตอบตกลงให้พี่มินโฮไปส่งให้ได้ ในใจก็ลุ้นรอคำตอบอยู่ลึกๆ หวังว่าแพคฮยอนจะยอมตอบตกลง

    “อ่า...งั้นเราโทรไปบอกพี่เซฮุนก่อน..”

    “เห้ยไม่ต้อง! เดี๋ยวพี่เซฮุนมาเราบอกให้ก็ได้”

    “จะดีหรอ?”

    “ดีสิ นะแพคฮยอน รีบกลับบ้าน เราเป็นห่วง”

    “งั้นฝากบอกพี่เซฮุนให้ด้วยนะ”

    “โอเค พี่มินโฮครับ ฝากแพคฮยอนด้วยนะครับ”

    “อื้ม ได้เลย ไปกันเถอะแพคฮยอน ระวังนะครับ”

     

    แบมแบมยืนมองทั้งสองคนจนหายลับตาไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอกที่ตัวเองไม่ถูกจับได้ซะก่อน แม้จะรู้สึกผิดแต่ก็ยังอยากจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าอาจทำให้แพคฮยอนกับพี่เซฮุนมีปัญหากันก็ยังจะทำ

     

    เหตุผลเดียว...

     

    อยากให้คนที่เราแอบชอบมาสนใจดูแลเราบ้าง

     

    แพคฮยอนอา...เราขอโทษ L

     

    ให้อภัยคนขี้อิจฉาคนนี้ด้วยนะ...

     

     

     

    ตกดึก....

     

    เซฮุนขับรถมาจอดหน้าร้านชานมก่อนจะเดินลงรถมารับคนตัวเล็กเหมือนทุกๆวัน มองดูนาฬิกาก็ดึกมากแล้ว ร้านชานมปิดไฟเงียบเชียบราวกับว่าปิดบริการไปนานแล้ว ทำไมกันล่ะ แพคฮยอนยังรอเขาอยู่ที่ร้าน พี่ซูโฮไม่น่าจะปิดไฟมืดขนาดนี้

    “อะ...พี่เซฮุน สวัสดีครับ”

    “อ้าว แบมแบม ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวครับ?”

    เซฮุนเดินเข้าไปหาแบมแบมที่นั่งสะพายกระเป๋าหลับอยู่ตรงม้านั่งข้างๆร้าน ร่างบางยกมือขยี้ตางัวเงียไล่ความง่วงก่อนจะยิ้มให้ไอดอลคนโปรด

    “ผมรอรถประจำทางอยู่น่ะครับ แต่ก็ไม่มีผ่านมาเลย...ผมก็เลยเผลอหลับไป ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ?”

    “เกือบเที่ยงคืนแล้วครับ แล้วแพคฮยอนล่ะ?”

    “อ่า...คือแพคฮยอนรอพี่เซฮุนไม่ไหวน่ะครับ พอดีมีรุ่นพี่ชมรมฟุตบอลอาสาไปส่งที่คอนโด เลยกลับไปตั้งนานแล้วล่ะ แพคฮยอนไม่ได้บอกพี่เซฮุนหรอครับ?”

    “...ไม่”

    “นี่ก็ดึกมากแล้ว รถคงไม่มีแน่ๆเลย พี่เซฮุนไปส่งผมที่หอหน่อยสิครับ... L

    “ก็ได้ครับ ขึ้นรถสิ”

    เซฮุนถอนหายใจก่อนจะชวนแบมแบมขึ้นรถ นึกขุ่นข้องใจ ใครกันนะไปส่งแพคฮยอน ทำไมแพคฮยอนไม่รอเขา...ก็ไหนบอกจะรอกันไงไอ้เด็กเตี้ย

    กลับไปจะตีให้เข็ดเลย...

     

     

     

    แพคฮยอนอา...ขอโทษจริงๆ

    ไม่ขอให้ยกโทษให้หรอกนะ เราก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ

    แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้

     

    ไหนๆก็คิดไม่ดีไปแล้ว ทำไมต้องรู้สึกผิดให้ตัวเองรู้สึกแย่

    เลวไปแล้วก็ต้องกอบโกยความสุขที่กองอยู่ตรงหน้าเอาไว้ก็แล้วกัน ถึงแม้วันพรุ่งนี้อาจจะมองหน้าเพื่อนรักไม่ติด..และอาจจะโดนคนที่ชอบเกลียดก็ตาม

     

    ความเห็นแก่ตัวนี่มันหอมหวานจังเลยนะ...


     

    ***********************************


    กลับมาอัพแล้วค่ะ โดนรีดที่น่ารักเตะรัวๆ 555

    เอาจริงๆคือแต่งมึนมากอะ เรื่องมันค่อนข้างกว้าง แต่งรวมกันหลายคู่

    แถมยังออกแนวจิตๆอีก ยอมรับว่าหนักใจ กลัวจะแต่งได้ไม่ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

    ยังไงก็ฝากคอมเม้นติชมสกรีมฟิคหน่อยนะคะ 

    จะได้พัฒนาฝีมือเน๊อะๆ


    เอนจอยรีดดิ้งค่ะ 


    #ficimhere


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×