ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 4 Days Only Tears สี่วันนี้..รักพี่จะได้ไหม?[HunBaek]

    ลำดับตอนที่ #3 : o n e d a y 1.2

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 57


    One Day 1.2

     

    “เฮ้! พี่หมาเตี้ย”

    “โอ๊ย อะไรของนาย เรียกเฉยๆก็ได้ทำไมต้องเคาะหัวกันด้วย เจ็บนะ -3-

    “ดูบ่นเข้า แก่แล้วไงเลยบ่นเก่ง มีของจะให้เนื่องในวันที่พระเจ้าส่งพี่ลงมาเกิด อ่ะ...สุขสันต์วันเกิดครับ”

    “สมุดไดอารี่? ขอบใจนะแป๊ะยิ้ม น่ารักที่สุดในโลกเลย <3

     

    สาบานครับว่าผมไม่ได้เหลือบมองเลยท่าทางน่ารักๆนั่นเลย...จริงๆนะเชื่อผมสิ

    แต่ไอ้เพื่อนร่วมงานตัวดีมันกำลังทำให้ความพยายามของผมกลายเป็นศูนย์ในพริบตา!

    “เห้ยไอ้ฮุน มึงดูลูกค้าคนน่ารักโต๊ะนั้นดิ สั่งกาแฟดำแก้วที่สี่แล้วนะ ใจคอจะไม่นอนไปทั้งอาทิตย์รึไง”

    เสียงของเทาดังขึ้นก่อนจะพยักเพยิดให้เซฮุนมองไปยังลูกค้าคนนั้น ซึ่งเขาเองก็ทำเป็นว่ากำลังยุ่งอยู่กับงานภายในบาร์เสียเหลือเกิน ทั้งเช็ดบาร์บ้างล่ะ ตีครีมให้ฟู สตรีมนมให้ร้อนบ้างล่ะ เช็คอุณหภูมิน้ำร้อนบ้างล่ะ ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองมุ่งจุดสนใจไปยังคนที่เทากำลังพยายามบอกให้มอง

    เทาเป็นบาริสต้าของร้านเช่นกัน มีหน้าที่เกี่ยวกับน้ำปั่นทั้งหลาย นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบ

    “มึงว่างนักรึไงมามองมานินทาลูกค้า เขาจะสั่งจะกินอะไรก็เรื่องของเขาดิ”

    “แต่พี่ว่ามันก็เกินไปหน่อยนะ กาแฟดำถ้ากินเยอะๆมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ”

    เสียงนุ่มดังขึ้นอย่างกังวลพร้อมกับชงออร์เดอร์ของลูกค้ารายอื่นๆไปด้วย บาริสต้ากาแฟอย่างซิ่วหมินย่อมรู้ดีของประโยชน์และโทษของกาแฟ หากดื่มมากเกินไปย่อมไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ยิ่งเป็นราชากาแฟอย่างกาแฟดำด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ อีกทั้งลูกค้ารายนี้ก็แปลกเกินกว่าเคยพบเคยเห็น พอเขามาทำงานก็เอาแต่สั่งกาแฟดำลูกเดียว ตั้งแต่เปิดร้านยันถึงตอนเที่ยงแล้วก็ยังจะสั่งกาแฟดำ เดี๋ยวได้เป็นโรคหัวใจกันพอดี

    บาริสต้าร้านนี้มีทั้งหมดห้าคนด้วยกัน...

    คนแรก บาริสต้ากาแฟ รับหน้าที่โดยซิ่วหมินฮยอง ผู้ซึ่งมีอายุปาไปแล้วครึ่งหนึ่งของห้าสิบ แก่ที่สุดในร้าน

    คนที่สอง บาริสต้าน้ำชา ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาขาว ชาญี่ปุ่น ชาจีน หรือชาอิชิตัน ผู้รับหน้าที่นี้คือจงแด

    คนที่สาม บาริสต้าน้ำปั่น ไม่ว่าจะน้ำปั่นผักผลไม้สดใหม่หรือปั่นผสมแอลกอฮอล์ เทาคนนี้ชำนาญทั้งหมด

    คนต่อมา บาริสต้าลู่หาน ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะเหมือนคนอื่น สามารถทำได้ทุกเครื่องดื่ม แต่ส่วนใหญ่ลู่หานจะรับผิดชอบเรื่องขนมและของว่างในร้าน

    คนสุดท้าย บาริสต้าชานม ชานมไข่มุก โกโก้ร้อนๆ หรือจะนมสดอุ่นๆ โอเซฮุนพร้อมบริการทุกระดับประทับใจ

    เนื่องจากบาร์ค่อนข้างกว้างพอสมควร บาริสต้าทั้งห้าคนจึงสามารถยืนรวมกันอยู่ภายในนั้นเพื่อชงเครื่องดื่มตามเมนูของลูกค้าได้พร้อมกัน อีกทั้งยังแบ่งหน้าที่กันชัดเจน จึงมีการจัดการบริหารเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ลูกค้าถูกอกถูกใจในความอร่อยเป็นเลิศและความสะดวกรวดเร็วของร้านชานมเล็กๆแห่งนี้จนต้องแวะมาบ่อยๆ

    “เดี๋ยวถ้าเกิดลูกค้าเป็นอะไรกลางร้านขึ้นมา ลูกพี่ซูโฮเอาพวกเราตายแน่เลย”

    เฉินก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย เนื่องจากซูโฮคือเจ้าของร้านแห่งนี้ ร่วมด้วยกับหุ้นส่วนอีกครึ่งนึงที่ร่วมลงทุนลงแรงเปิดร้านมาด้วยกันอย่าง อู๋ อี้ฟาน ส่วนใหญ่มีแค่ซูโฮที่เข้ามาดูร้านบ่อยๆ อี้ฟานนานๆทีมาครั้ง เนื่องจากร้านเล็กๆน่ารักๆแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของพ่อสุดหล่ออี้ฟาน คงไม่มีเจ้าของร้านที่ไหนภูมิใจว่ามีลูกค้าช็อกตายหรือเป็นลมล้มพับกลางร้านหรอก อีกทั้งยังเป็นเพราะเครื่องดื่มที่สั่งจากทางร้านด้วยล่ะก็ มีหวังโดนเด้งหางานใหม่กันยกทีม

    แล้วคนที่โดนเหล่าบาริสต้าหน้าตาดีนินทาล่ะก็นะ...ก้มหน้าก้มตาจดอะไรก็ไม่รู้ยุกยิกๆอยู่ตั้งนานสองนาน

    “พี่ซิ่วหมิน ลูกค้าโต๊ะนั้นสั่งกาแฟดำอีกแล้วใช่ไหม? งั้นเปลี่ยนเป็นคาปูชิโน่แทนละกันครับ เดี๋ยวผมเอาไปเสิร์ฟเอง”

    เซฮุนหันมาพูดกับพี่ชายตัวอวบก่อนจะสั่งเครื่องดื่มในเครือกาแฟชนิดเลเวลต่ำๆให้แทน ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นบาริสต้ากาแฟอย่างพี่ซิ่วหมินก็พอจะมองออก กินเข้าไปเยอะๆแบบนั้นมันดีที่ไหน ทำไมบยอนแบคฮยอนต้องทำให้เซฮุนหงุดหงิดตลอดเลยนะ ไม่รู้ถึงโทษของกาแฟเลยรึไงไอ้พี่หมาเตี้ย

    คาปูชิโน่หอมกรุ่นในแก้วขนาดกลางถูกส่งมาอยู่ในถาดเสิร์ฟสีขาวสะอาด เซฮุนเดินออกจากบาร์ไปยังโต๊ะที่แบคฮยอนนั่งอยู่ ร่างสูงพยายามมองว่าสิ่งที่แบคฮยอนเขียนนั้นคืออะไร แต่พยายามมองยังไงก็อ่านไม่ออก และก่อนที่อีกคนจะรู้ตัวว่าเขากำลังแอบมองอยู่ จึงทำทีเป็นยกออร์เดอร์ไปวางไว้บนโต๊ะแล้วก้มลงไปมองใกล้ๆ

    “ขออนุญาตเสิร์ฟคาปูชิโน่ผสมนมสดหนึ่งแก้วครับ”

    “เอ๋ แต่ผมสั่งกาแฟดำ.... อ้าว! เซฮุนนา~ มาเสิร์ฟด้วยตัวเองเลยหรอ *O*

    ร่างบางที่กำลังจะแย้งว่าตัวเองนั้นสั่งกาแฟดำไม่ใช่คาปูชิโน่นั้นเงยหน้าขึ้น เมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใครก็เกิดอาการกระดี๊กระด๊ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที มือเรียวปิดสมุดที่กำลังเขียนอยู่ดังฉับก่อนที่เซฮุนจะได้อ่าน แต่นั่นมันก็ทำให้ร่างสูงเห็นว่าสมุดที่แบคฮยอนกำลังเขียนอยู่นั้นคืออะไร

     

    สมุดไดอารี่ที่เขียนว่า “ลับเฉพาะของพี่หมาเตี้ย” ที่เขาให้คนตรงหน้าไปเมื่อวันเกิดคราวก่อน

     

    “พี่บ้าหรือพี่บ้ามากกันแน่ สั่งแต่กาแฟดำติดต่อกันหลายๆแก้ว เดี๋ยวก็ได้ช็อกตายคาร้านหรอก พี่ลู่หาน ผมขอพายกับโรลอย่างละชิ้นให้โต๊ะนี้หน่อยนะ”

    “เป็นห่วงพี่ใช่ป้ะ? J

    เซฮุนปั้นหน้าดุเอ็ดคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนจะหันไปหาลู่หานที่นำขนมมาเปลี่ยนในตู้ของขนมพอดี ใบหน้าสวยพยักหน้ารับก่อนจะหยิบสิ่งที่เซฮุนต้องการมาวางบนโต๊ะของแบคฮยอน ดวงตาสุกใสของแบคฮยอนกำลังจ้องมองสำรวจลู่หานจนคนถูกจ้องต้องยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้ จะให้ลู่หานทำยังไงล่ะ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนน่ารักจ้องตัวเองเอาเป็นเอาตายก็วันนี้แหละ

    “คนนี้ใช่ไหมพี่ลู่หาน สวยจัง....พี่ลู่หานเป็นแฟนเซฮุนหรอครับ?” แบคฮยอนถามออกไปตามตรงทำเอาลู่หานทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ อะไรกันนะลูกค้าคนนี้..หรือจะมีซัมติงกับเซฮุน?

    “พี่แบคฮยอน จู่ๆพี่ไปถามแบบนั้นได้ยังไง”

    เซฮุนพูดชื่อของลูกค้าปริศนาให้ลู่หานได้ยิน ทำเอาร่างบางถึงบางอ้อ คนนี้สินะที่เซฮุนบอกว่าเป็นคนที่เซฮุนเคยชอบ แต่ตอนนี้กำลังพยายามทำใจให้เลิกชอบอยู่ เรื่องราวของเซฮุนเองลู่หานก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ที่อยู่เกาหลีของลู่หานและเซฮุนสนิทกัน จึงแนะนำให้เซฮุนมาทำงานพิเศษเพื่อหารายได้ลดค่าใช้จ่ายของครอบครัว มีบ้างที่น้องชายตัวโตดื่มเซจูจนเมาแล้วเพ้อไม่ได้สติ ทุกครั้งเขาจะได้ยินชื่อๆนึงมาตลอดแต่ก็ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งมาได้ยินชัดเจนเต็มสองหูว่าชื่อแบคฮยอน แล้วตอนนี้แบคฮยอนคนที่เขาสงสัยและอยากเจอมานานก็ได้มานั่งอยู่ตรงหน้าลู่หานแล้ว

    “พี่ไม่ใช่แฟนเซฮุนหรอก....”

    “แต่ก็เป็นคนที่ผมต้องเทคแคร์และดูแลเป็นพิเศษ พี่ลู่หานคือคนพิเศษของผม”

    ไม่ทันที่เสียงหวานของลู่หานจะได้เอ่ยจบประโยค เสียงทุ้มของเซฮุนก็เอ่ยขึ้นมาขัดซะก่อน มือใหญ่ของเซฮุนยื่นออกมาดึงแก้มลู่หานเบาๆแถมจ้องดวงตาที่กลมเหมือนตากวางยิ้มๆอีกต่างหาก การกระทำที่แสดงออกถึงความสำคัญที่เซฮุนบอกออกไปเมื่อกี๊ทำเอาแบคฮยอนหันขวับมองทั้งสองคนอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเบนสายตาหนีภาพบาดตาบาดใจ

    “แต่ยังไงพี่ก็ไม่ถอดใจหรอก พี่ยังยืนยันจะจีบนาย ^^

    แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเซฮุนกับลู่หานอีกครั้ง เอ่ยประโยคแสดงเจตจำนงของตัวเองออกไปอย่างแน่วแน่ แต่ลึกๆภายในจิตใจช่างหวั่นกลัวเหลือเกิน เสียงที่ติดจะสั่นๆแถมในดวงตานั่นยังสั่นระริก แบคฮยอนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำร้ายบั่นทอนความมั่นใจไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ความกล้าหายไป ความกลัวเข้ามาแทนที่ มือเรียวที่กุมมือตัวเองอยู่ใต้โต๊ะเย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าแค่นี้ไม่เป็นไร สร้างความกล้าขึ้นมาใหม่ให้ตัวเองลุกขึ้นสู้กับความรักครั้งนี้อีกซักที

    สายตาเรียบเฉยของเซฮุนมองแบคฮยอนอย่างไม่รู้จะทำยังไง ดูก็รู้แล้วว่าตอนนี้แบคฮยอนเองเสียความมั่นใจมากขนาดไหนแต่ก็ยังฝืนยิ้มอยู่ได้ เพราะอะไรต้องทำถึงขนาดนี้...

    กับคนที่จะตัดใจได้แล้วพี่จะกลับมาอีกทำไม...

    ลู่หานเห็นท่าจะไม่ดีเลยขอตัวออกไปทำงานต่อโดยที่ไม่ลืมดึงแขนเจ้าตัวปัญหาเดินตามมาด้วย ตอนนี้แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่คนเดียว รอยยิ้มที่มีเมื่อกี๊หายไปจากใบหน้าจิ้มลิ้มช้าๆจนหมดไป บอกตามตรงเลยไม่มั่นใจมากๆในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ไม่มีแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม หรือว่าแผนไหนๆ สิ่งที่กำลังเกิดตอนนี้คือสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเตรียมมาก่อน แบคฮยอนเลยเตรียมตัวรับมือยาก แถมเซฮุนมีลู่หานที่ต้องคอยดูแลเป็นพิเศษอีกต่างหากทำให้ร่างเล็กหดหู่มากไปอีก เรื่องมันมาถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่าถอดใจอีกก็ไม่ได้เช่นกัน

    เวลาที่เขาจะได้อยู่กับเซฮุนน้อยลงทุกทีๆ

    บางทีถ้าไม่เกิดเรื่องวันนั้น ตอนนี้แบคฮยอนอาจจะมีความสุขอยู่กับเซฮุนในฐานะคนรักก็เป็นได้....

     

     
     

    คำสารภาพความรู้สึกของเด็กมัธยมปลายปีสามพังลงอย่างไม่เป็นท่าเมื่อฤดูร้อนปีก่อน..

     

    “ชานยอล! คยองซู! จงอิน! พวกนายเห็นโทรศัพท์ของเรารึเปล่า?”

    ร่างเล็กของแบคฮยอนถามขึ้นโดยที่เจ้าตัวกำลังก้มๆเงยๆหาอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองอยู่ นี่ก็หาทุกซอกทุกมุมแทบจะพลิกบ้านหากันแล้วนะ โทรศัพท์ก็เล่นซ่อนแอบเก่งจังหายังไงก็ไม่เจอ วันนี้แบคฮยอนไปทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารกับครอบครัวของตัวเองและครอบครัวของชานยอล ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันว่าจะให้แบคฮยอนกับชานยอลไปซัมเมอร์ที่อังกฤษช่วงที่รอเข้ามหาลัย ซึ่งเขากับชานยอลก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เนื่องจากครอบครัวของทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นตา ทั้งสองครอบครัวบยอนและปาร์คจึงติดต่อไปมาหาสู่กันเสมอ

    “ไม่เห็นจะมีเลยนะตัวเล็ก ลืมไว้ที่ร้านรึเปล่า?”

    ชานยอลถามแบคฮยอนหลังจากที่ช่วยร่างบางหาโทรศัพท์มาได้ซักพักหนึ่งแล้ว คยองซูและจงอินก็เช่นกัน ทั้งสามคนต่างช่วยกันหาโทรศัพท์ของแบคฮยอนทุกซอกทุกมุมแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววของเจ้าเครื่องมือสื่อสารเลย หลังจากชานยอลและแบคฮยอนกินข้าวเสร็จแล้วก็ขออนุญาตป๊ากับม๊ามาทำรายงานที่บ้านของชานยอลต่อ พอมาถึงก็เจอคยองซูนั่งทำรายงานรออยู่ก่อนแล้ว แถมจงอินพ่วงมาด้วยอีกคนเนื่องจากสองคนนี้เป็นคู่รักที่ตัวติดกันมาก รายงานก็ดูท่าจะเสร็จตอนดึกๆจงอินเลยอาสามาเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าหญิงคยองซู กลายเป็นว่ารายงานกลุ่มสามคนของชานยอล แบคฮยอน และคยองซู มีจงอินเข้ามากวนการทำงานเพราะพยายามจู๋จี๋กับคยองซูจนไม่เป็นอันทำอะไร งานเลยเดินช้ามาจนถึงตอนนี้

    “เราจำได้ว่าถือมาด้วยแล้วนะ...หายไปไหนเนี่ยเฮ้อ..”

    นี่ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับเซฮุนที่สวนสาธารณะข้างหมู่บ้านตั้งแต่ตอนเย็น เขาเองก็ลืมไปเสียสนิทเพราะป๊ากับม๊าพามาทานข้าวข้างนอก ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กหน้าแป๊ะยิ้มจะยังรออยู่รึเปล่า โทรศัพท์ก็ดันมาหายไปไหนไม่รู้อีก หวังว่าเซฮุนจะไม่บ้าพอที่จะรอเขาจนถึงตอนนี้หรอกนะ

    “เอาของเราไปใช้ก่อนป้ะแบค” คยองซูยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ ซึ่งแบคฮยอนเองก็คิดอยู่ซักพักก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธไปยิ้มๆ

    “ไม่เป็นไรหรอก เราจำเบอร์ไม่ได้อะ เอาเป็นว่ารีบทำรายงานกันดีกว่าเดี๋ยวจะไม่เสร็จ”

    หลังจากนั้นทุกคนก็หันมาทำงานกันต่ออย่างจริงจัง แต่สมาธิของแบคฮยอนเองเริ่มจะหายไปทีละนิดๆแล้ว ทุกๆอย่างของแบคฮยอนนั้นอยู่ในสายตาของชานยอลตลอดเวลา ทุกการกระทำบ่งบอกว่าแบคฮยอนนั้นร้อนใจและไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์หาย ชานยอลเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแบคฮยอนต้องการที่จะโทรหาใคร..

    หวังว่าแบคฮยอนจะยังไม่มีคนที่ชอบ ไม่อย่างนั้นชานยอลคงจะเจ็บปวดใจแน่ๆ

     

    “เสร็จแล้วววววว รายงานของพวกเรา” คยองซูตะโกนขึ้นเสียงดังก่อนที่จงอินจะทำท่าจุ๊ปากให้คนรักเบาเสียงลงเนื่องจากตอนนี้ดึกมากแล้ว ไม่อยากจะส่งเสียงรบกวนเวลานอนของทุกคนในบ้านชานยอล

    “กว่าจะเสร็จได้นี่เหนื่อยเหมือนกันเน๊อะ นี่ก็จะเที่ยงคืนละ แล้วคยองซูกับจงอินจะกลับเลยรึเปล่า?”

    แบคฮยอนถามขึ้นหลังจากเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ทำรายงานเสร็จเรียบร้อย ลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ใจจริงอยากจะชวนให้กลับด้วยกันแต่บ้านของคยองซูกับเขาอยู่คนละทางซะนี่

    “เดี๋ยวผมจะไปส่งพี่คยองซูเอง พี่แบคฮยอนไม่ต้องเป็นห่วง พี่แบคฮยอนก็ให้พี่ชานยอลไปส่งเถอะ กลับคนเดียวมันอันตรายครับ”

    “แล้วเจอกันนะคยองซู”

    หลังจากจงอินขับรถพาคยองซูออกจากบ้านของชานยอลไปแล้ว แบคฮยอนก็เดินมารอชานยอลอยู่ข้างๆรถของชานยอล ไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับกุญแจรถยนต์คันโปรดที่ชานยอลใช้ขับไปรับเขามาทำรายงาน ชานยอลกดปลดล็อคประตูก่อนจะเปิดให้แบคฮยอนเข้าไปนั่งข้างๆคนขับ รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่ออกไปตามเส้นทางอย่างช้าๆไม่รีบร้อนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด แบคฮยอนนั่งพิงเบาะแล้วหันหน้าไปมองวิวข้างนอกอย่างเงียบๆไม่พูดอะไร ปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความคิด...

    ชานยอลอยากจะขับให้ช้ากว่านี้ด้วยซ้ำ อยากอยู่กับแบคฮยอนไปนานๆ อยากเฝ้ามองใบหน้านี้ไปนานๆ...

    ครืด.....ครืด.....

    เสียงสั่นๆดังขึ้นภายในรถของชานยอล ร่างเล็กก้มลงไปดูก็พบว่าเจ้าโทรศัพท์ที่หาอยู่ให้วุ่นนอนสั่นอยู่ในรถคันนี้นี่เอง

     

    สายเรียกเข้า “แป๊ะยิ้มของพี่หมาเตี้ย”

     

    นิ้วเรียวไม่ลังเลใจที่จะกดรับ ก่อนจะยกขึ้นมาแนบหูฟังเสียงของคนที่กระหน่ำโทรมาร้อยกว่าสาย

    “พี่แบคฮยอน...พี่อยู่ไหน?” เสียงทุ้มเอ่ยเมื่อแบคฮยอนรับโทรศัพท์

    “พี่อยู่กับป๊ากับม๊าน่ะ วันนี้ทั้งสองคนกลับมากินข้าวที่บ้าน พี่เลยออกไปหานายตามนัดไม่ได้ ขอโทษนะเซฮุน”

    แบคฮยอนเลือกที่จะโกหกออกไป ไม่สิ พูดความจริงแค่ครึ่งเดียวมากกว่า ไม่อยากให้เซฮุนรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้

    “อ่า...ไม่เป็นไร ผมโทรมาถามเฉยๆ ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านนานละ ไม่ไปรอพี่ให้เมื่อยหรอก ยุงก็เยอะ”

    “โหย นี่ถ้าบอกว่ารอซักชั่วโมงนึงจะรู้สึกผิดอยู่นะเนี่ยไอ้แป๊ะยิ้ม ไม่มีธุระสำคัญอะไรใช่รึเปล่าที่นัดวันนี้อะ”

    รู้แบบนี้แล้วแบคฮยอนก็สบายใจ อย่างน้อยเซฮุนก็ไม่ได้บ้าจี้รอเขาอยู่ที่นั่นจนถึงเที่ยงคืน

    “ไม่มีอะไรหรอก จะชวนออกมาปั่นจักรยานเล่นเฉยๆ”

    “งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฝันดีแป๊ะยิ้ม”

    “ฝันร้ายนะพี่หมาเตี้ย”

    แล้วร่างเล็กก็ตัดสายไป แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินเสียงกวนๆของเซฮุนก็ทำให้เขาอารมณ์ดีได้แล้ว

    “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ที่กับยอลไม่เห็นตัวเล็กจะเป็นแบบนี้มั่ง น้อยใจ”

    ชานยอลเบ้ปากงอนแบคฮยอนที่ตอนนี้เอาแต่ทำหน้าทำตาดีอกดีใจ เมื่อกี๊เขาได้ยินชื่อของคนปลายสายว่าชื่อเซฮุน ถ้าจำไม่ผิด เซฮุนคนนั้นคือเด็กที่เรียนเก่ง หน้าตาดี กิจกรรมเลิศไม่แพ้เขา ติดที่ตรงฐานะธรรมดาเลยไม่ค่อยมีใครซัพพอร์ตเท่าไหร่ และเท่าที่จำได้...แบคฮยอนก็สนิทกับเซฮุนมาก

    หรือแบคฮยอนจะชอบเด็กเซฮุน ยิ่งคิดชานยอลก็ยิ่งหน่วงในใจ

    “โอ๋ๆๆๆยอลลี่อย่าน้อยใจสิ ง้อนะๆๆๆนี่ไงเราก็อ้อนนายเหมือนเดิมอะอย่าน้อยใจนะ”

    แบคฮยอนใช้ท่าไม้ตายพิชิตใจชานยอลโดยการเอื้อมไปเกาะแขนแล้วซบหน้าลงบนไหล่กว้าง เงยหน้าขึ้นมาทำตาวิ้งๆดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ สายตานี่หวานชนิดที่ว่าถ้าไม่แน่อย่าคิดได้จ้องตากลับ ทุกๆอย่างที่แบคฮยอนทำมันทำให้ชานยอลหลุดยิ้มออกมาได้ไม่ยาก มือหนาเอื้อมมายีผมอีกคนก่อนจะดันให้ออกไปนั่งดีๆเพราะเขากำลังขับรถอยู่ ไม่อยากเสียสมาธิเท่าไหร่กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ

    ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน้า ชานยอลถึงได้มีแต่แบคฮยอนในสายตาตลอดมา

    รถของชานยอลจอดสนิทอยู่หน้าบ้านของแบคฮยอน เป็นอันว่าแบคฮยอนเข้าบ้านอย่างปลอดภัยในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ก่อนนอนแบคฮยอนยังไม่วายจิ้มๆไลน์ส่งไปบอกเซฮุนและชานยอลว่าฝันดี เจ้าตัวถึงจะยอมเข้านอน...

     
     

     

    หรือมันเป็นเพราะว่าแบคฮยอนโกหกเซฮุนในตอนนั้นกันแน่นะ พอมาวันนี้เซฮุนเลยไม่ยอมคุยดีๆด้วย เฮ้อ..แบคฮยอนล่ะกลุ้มใจ

    นิ้วเรียวเคาะโต๊ะเบาๆเป็นจังหวะ สายตาจดจ้องไปยังแผ่นหลังของเซฮุนที่กำลังถูพื้นอยู่ ตั้งแต่เปิดร้านมาแบคฮยอนก็เห็นเซฮุนทำงานหนักมาก ไม่ได้หยุดพักเลย ทั้งๆที่พนักงานคนอื่นๆยังมีนั่งพักบ้างอะไรบ้าง หรือว่าเจ้าตัวตั้งใจทำตัวไม่ว่างเองก็ไม่รู้สิ นี่ก็เรียกให้เซฮุนมาสนใจต่างๆนานาแล้วนะ ไอ้เด็กแป๊ะยิ้มก็ยังเฉย วางฟอร์มดุใส่เขาอยู่ได้ คิดแล้วก็ได้แต่หนักใจ...

    แล้วแบบนี้เมื่อไหร่แบคฮยอนจะเอาชนะใจเซฮุนได้ล่ะครับ T_T


     

    *****************************

    เสร็จไปอีกตอนละว้าวววว
    ขอบคุณทุกกำลังใจทุกเม้นเลยนะคะ
    เค้าจะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นเน๊อะ
    ทุกคนเข้ามาอ่านแค่นี้เค้าก็ปริ่มมากละค่ะบอกตรง
    รักทุกคนนะจุ๊บ <3 เป็นกำลังใจให้แบคด้วยนะ

    หลังจากนี้จะเป็นไงต่อ ก็ต้องติดตามสิคะ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×