ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF GOT7] ALL YUGYEOM

    ลำดับตอนที่ #1 : SF MARKYUG - YOUR NAME CHAPTER1

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 60



    Your Name

     

     

                ที่นี่...ที่ไหน?

    เด็กชายตัวเล็กวัย 5 ขวบยืนมองรอบๆตัวด้วยความสงสัย  รอบๆตัวของเด็กน้อยมีแต่ทุ่งดอกไม้สวยงามแผ่ออกไปไม่มีสิ้นสุด หมู่ผีเสื้อแมลงปอต่างบินหยอกล้อเด็กน้อยไปมาชวนให้วิ่งไล่จับเล่น ถึงแม้จะไม่เห็นพ่อแม่อยู่ด้วยเหมือนทุกๆวันแต่เด็กน้อยไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ขาเล็กก้าวเดินออกไปในสถานที่ๆไม่คุ้นเคย ตามหมู่ผีเสื้อปีกสวยที่บินตรงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ราวกับจะชี้นำทางให้เด็กชายตัวเล็ก

     

    “คุณผีเสื้อ”

    ตะโกนเรียกก่อนจะกระโดดโหยงเหยงพยายามจับปีกของผีเสื้อเอาไว้ไม่ให้บินหนีไป เสียงธารน้ำไหลอยู่ไม่ไกลทำให้เด็กน้อยอยากกระโดดน้ำเล่น สายลมที่พัดปะทะกายอ่อนๆมันทำให้เด็กน้อยรู้สึกสดชื่นอย่างเหลือเชื่อ รู้สึกเหมือนตอนที่ไปเที่ยวป่าเที่ยวภูเขากับพ่อแม่เลย

     

    “ดอกไม้หอมจัง” มือเรียวเด็ดดอกไม้ขึ้นมาดมก่อนจะเอามันใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

    “ผลไม้นี่นา”

    เมื่อเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองบนต้นไม้ใหญ่ก็เจอกับผลไม้หลากชนิดสุกงอมกำลังดีออกผลเต็มกิ่งไปหมด ถึงแม้จะไม่รู้จักว่ามันคือผลไม้อะไรแต่เด็กชายวัย 5 ขวบไม่ได้ใส่ใจตามความไร้เดียงสาของเด็กๆ ปีนต้นไม้ขึ้นไปเด็ดกินอย่างเอร็ดอร่อย

     

    “มีผลไม้สีแดง สีเขียว สีเหลือง แล้วก็สีม่วง อร่อยที่สุดเลยย”

    มือป้อมเด็ดผลไม้ที่อยากกินใส่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองจนตุงแล้วค่อยๆปีนลงต้นไม้มาอย่างระมัดระวัง วิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อต่ออีกสักพักก็กลับมานั่งพิงต้นไม้ใหญ่ให้หายเหนื่อย

     

    ฟุ่บ!!

     

    เสียงพุ่มหญ้าเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกลตัวเด็กน้อยมากนัก ดวงตากลมมองอย่างตกใจ กลัวว่าจะมีสัตว์ที่เขาไม่ชอบโผล่ออกมาอย่างเช่น งู เสือ หรือสัตว์ประหลาดอะไรก็ตามที่เห็นในการ์ตูนหรือสารคดี

    แต่แล้วสองหูฟู่ฟองก็โผล่พ้นออกมาจากพุ่มหญ้าเตี้ยๆนั่น หัวกลมๆทุยๆที่มาพร้อมกับฟันหน้าใหญ่ๆตามฉบับของกระต่ายตัวก็โผล่ขึ้นมา เจ้ากระต่ายกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ก่อนจะกระโดดไปรอบๆ เด็กน้อยเห็นว่าเป็นกระต่ายก็รีบวิ่งตามหมายจะจับมันเอามาเล่น

     

    “คุณกระต่ายค้าบบ รอหน่อยจะไปไหน”

    เด็กน้อยวิ่งตามกระต่ายไปจนได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ไม่ไกลไม่ไกล กระต่ายตัวน้อยกระโดดเข้าไปในพุ่มไม้อีกครั้ง เด็กชายไม่ลังเลที่จะกระโดดตามเข้าไปไล่จับกระต่ายตัวนั้นให้ได้

     

    แต่สิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้กลับไม่ใช่กระต่าย...

     

    “โอ้ย!!

    “อ้าว ไม่ใช่คุณกระต่ายนี่นา”

    ทันทีที่วิ่งเข้ามาในพุ่มไม้ก็ชนเข้ากับใครสักคนจนเขาล้มลงไป คนต้นเหตุที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองอีกคนที่นั่งเผละอยู่ที่พื้น

    “ชนคนอื่นแล้วทำไมไม่ขอโทษอะ”

    “ขอ...ขอโทษ นายเจ็บมั้ย”

    “เจ็บ...”

    เด็กชายดึงมืออีกคนลุกขึ้นแล้วช่วยปัดฝุ่นออกจากตัว อีกฝ่ายตัวเล็กกว่าเขาด้วยซ้ำ ไม่แปลกเลยที่จะโดนชนแล้วล้มไม่เป็นท่า

     

    “เราให้ หายโกรธเรานะ”

    เด็กชายที่ตัวสูงกว่ายื่นผลไม้ในกระเป๋ากางเกงที่เก็บมาให้กับคนตรงหน้า มือน้อยเอื้อมมาหยิบผลไม้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่โกรธแล้ว

     

    “ชื่ออะไรอะ เราชื่อมาร์คนะ” เด็กชายตัวโตแนะนำตัวเองให้อีกคนได้รู้จัก

    “เราชื่อยูคยอม...ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กน้อยอีกคนพูดพลางยิ้มให้

     

    ยูคยอม...

    ยูคยอ...

    ยูคย..

    ยู...

     

    .....

     

    เด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ?

     

     

    “มาร์คตื่นได้แล้วนะลูก สายแล้วเดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน”

    เสียงแม่ดังขึ้นก่อนจะถูกเขย่าปลุก เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตาเบาๆให้หายง่วงนอน มองรอบๆตัวก็พบว่าเขากำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง ข้างๆตัวของเขามีตุ๊กตาไอร่อนแมน ของขวัญที่พ่อของเขาซื้อให้เมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ทุกอย่างในห้องนี้เป็นเหมือนทุกๆวัน

     

    ฝันไปแน่ๆเลย

    ถ้าที่นั่นมีจริงๆคงจะดีสินะ...

     

    เด็กชายที่ชื่อมาร์คคิดเสียดายก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันแล้วอาบน้ำ ยืนแต่งตัวตามชุดที่คุณแม่หยิบให้ก่อนจะเดินลงบันไดไปข้างล่างด้วยกัน

     

    ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมของดอกไม้ปริศนาที่ลอยเข้ามาตามสายลมทางหน้าต่าง

     

    “คุณแม่ค้าบ เมื่อคืนมาร์คฝันด้วยแหละ”

    “ลูกมาร์คฝันว่ายังไงครับ” คุณแม่หันมาคุยกับลูกชายยิ้มๆ

    “ฝันว่ามาร์คอยู่ที่ไหนสักที่ มีดอกไม้เต็มไปหมดเลย มีต้นไม้ใหญ่ๆ มีผีเสื้อ มีแม่น้ำ แล้วก็มีคุณกระต่ายกระโดดไปมาด้วยแหละค้าบ”

    “แล้วฝันว่ายังไงต่อจ๊ะ”

    “แล้ว..แล้วมาร์คก็วิ่งไล่ตามคุณกระต่าย แล้วมาร์คก็ไปเจอเด็กผู้ชายคนนึง”

    “ในฝันลูกมาร์คมีเพื่อนด้วยเหรอครับ?”

    “มีค้าบ คนนั้นเค้าชื่อ.....”

     

    เด็กน้อยเงียบทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ นึกไล่เหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มฝันจนถึงตอนจบ น่าแปลกที่เด็กชายจำได้ทุกเหตุการณ์ แต่กลับ...จำชื่อของเด็กคนนั้นไม่ได้

     

    “จำไม่ได้...มาร์คจำไม่ได้”

    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ กินข้าวก่อนนะ”

    คุณแม่พูดพลางลูบหัวทุยๆของเด็กชาย ตักอาหารป้อนไปตามปกติ คิดว่าอีกสักพักลูกชายคงจะลืมเรื่องในความฝันไปเอง

     

    แต่มาร์คก็ยิ่งคิดในใจ...นึกถึงความฝันตอนที่อีกฝ่ายขยับริมฝีปากพูดชื่อของตัวเองออกมา

     

    คำแรกทำปากจู๋ๆ คำที่สองทำปากเป็นตัวโอ...

     

    แล้วสรุปคนๆนั้นชื่ออะไรกันแน่นะ?

     

    ปกติแล้วคนเราเวลาตื่นขึ้นมา เรื่องราวในความฝันจะหายไปแทบจำไม่ได้

     

    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับมาร์ค ต้วน คนนี้ คนที่ฝันถึงสถานที่เดิมๆ มานานหลายปีตั้งแต่คืนนั้น...

     

    มาร์คไมได้ฝันทุกคืน แต่ทุกครั้งที่ฝันจะฝันว่าเขาไปที่เดิมซ้ำๆตลอด

     

    และเจอเด็กคนนั้นทุกครั้งที่เขาฝัน

     

    ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ พ่อกับแม่ก็ทำเป็นเออออไป เพื่อนๆก็ล้อเขาใหญ่จนไม่อยากพูดให้ใครฟังอีกแล้ว

     

     

     

    มาร์คอายุ 9 ขวบ....

     

    “แม่ครับ ผมไปนอนก่อนนะ”

    “ฝันดีจ้ะลูกมาร์ค”

     

    มาร์คเดินขึ้นไปบนห้องก่อนจะล้มตัวลงนอน มันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่มาร์คจะรีบทำการบ้านแล้วรีบขึ้นนอนตั้งแต่สามทุ่มครึ่งซึ่งเร็วกว่าเด็กคนอื่นๆที่อายุเท่ากัน

     

    “อยากเจอนายไวๆจังเลยนะ...ไอ้หมูอ้วน”

    มาร์คบ่นกับตัวเองเบาๆพลางยิ้มมุมปากน้อยๆเมื่อคิดถึงใครสักคนที่มีตัวตนอยู่ในความฝันของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนๆนั้นที่เขาจำชื่อไม่ได้สักที ถึงแม้ในฝันมาร์คจะพยายามท่องจำชื่อของคนๆนั้นหลายครั้ง แต่พอตื่นมา...ก็เหมือนกับความทรงจำตรงนั้นถูกลบไป

     

    ใครจะว่าเขาบ้า เขาไม่ปกติอะไรก็ช่างเถอะ แค่เขามีความสุขที่ได้เจอเจ้าหมูอ้วนในฝันทุกๆวันก็พอแล้วนี่

    ใครคนนั้นทำให้มาร์คไม่อยากคิดว่าเป็นแค่คนในจินตนาการ

     

     

     

    มาร์คลืมตาขึ้นมาก็พบกับทุ่งดอกไม้ที่ตัวเองคุ้นเคย...

    “ยินดีต้อนรับกลับมานะคุณมาร์ค”

    เสียงของเด็กน้อยคนเดิมในความฝันของมาร์คดังขึ้นใกล้ๆหูทำให้เด็กชายตัวโตหันไปมองอย่างตกใจ ใบหน้ากลมๆกับรอยยิ้มแก้มยุ้ยๆนั่นอดที่จะเอื้อมมือไปดึงแก้มให้ยืดติดมือไม่ไหว

    “ยูคยอมอ่า...ตกใจหมด”

    “โอ้ยๆ เลิกบีบแก้มผมสักที”

    “ก็แก้มนายมันกลมแถมนุ่มอย่างกับซาลาเปา”

     

    เด็กชายตัวเล็กกว่ามองค้อนก่อนจะฟาดแขนเข้าให้ มาร์คนิ่วหน้าเพราะแรงฟาดก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งสองคนพากันวิ่งแข่งไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ ปีนเก็บผลไม้มากองรวมกันไว้ที่โคนต้นก่อนจะนั่งกิน

     

    “วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างเหรอ?”

    “ก็ดี...มีแต่พวกคนที่หาว่าฉันบ้าเหมือนเดิม” มาร์คตอบคำถามอีกฝ่ายก่อนจะกัดผลไม้สีแดงให้จมเขี้ยว เคี้ยวแรงๆให้สาสมกับความโมโหที่ได้รับในวันนี้

    “แล้วนายทำยังไงกับคนพวกนั้น” ยูคยอมถามต่อพลางยื่นผลไม้ให้กับอีกคน

    “ก็ไล่ตีไอ้พวกที่หาว่านายไม่มีจริงไง หาว่าฉันมโนนายขึ้นมาเอง”

    “แล้ว...นายทำไม เอ่อ...ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีฉันอาจจะไม่มีอยู่จริง”

    “ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ว่านะ...ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นผีหรือเป็นแค่คนในมโน ฉันไม่เคยกลัวนายเลยสักครั้งยูคยอม ฉันคิดว่านายคงจะอยู่ที่ไหนสักที่ เราอาจจะเคยเดินสวนกันก็ได้”

    “ถ้าจริงๆแล้วฉันเป็นผีล่ะ ฉันกำลังหลอกนายอยู่นะมาร์ค แฮร่!!

     

    ยูคยอมกางนิ้วออกมาแล้วแลบลิ้นเหมือนจะแกล้งมาร์ค แต่เด็กชายตัวโตกลับหลุดขำแล้วผลักหน้าผากเด็กชายตัวเล็กให้เลิกแสดงเป็นผีหน้าตาปัญญาอ่อนนี่สักที

     

    “เอาเป็นว่าฉันรู้สึกได้...ว่านายพิเศษกว่านั้น”

     

    ใช่ มาร์ครู้สึกว่ายูคยอมเป็นคนพิเศษ

     

    คนพิเศษที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเจอยูคยอมแค่ในฝัน มาร์ครู้สึกดีที่ได้หลับทุกๆคืนเพื่อลุ้นว่าคืนนี้เขาจะฝันถึงอีกคนมั๊ย ทุ่งดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาที่ล้อมรอบต้นไม้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวนี่เป็นสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เป็น Safe zone ที่สบายใจที่สุดของมาร์คต้วน

     

    “แล้วฉันพิเศษยังไงเหรอมาร์ค” ยูคยอมหันไปถาม

    “ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน”

    “มาร์คอ่า บอกมานะ”

    ยูคยอมเขย่าแขนมาร์ครัวๆแต่อีกคนก็ไม่สนใจ ล้มตัวลงนอนเอาแขนรองหัวแล้วหลับตาลง ความรู้สึกของเด็กอายุเก้าขวบที่เกิดขึ้นคงไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร คงรู้สึกดีที่มีอีกคนอยู่ข้างๆคอยปลอบ คอยถามปัญหาชีวิตเขา ทั้งตอนเรียน ตอนเล่น หรือเรื่องที่เขาไม่สบายใจ ยูคยอมน่ะ...ทำให้เรื่องที่เขากังวลหายไปหมดเลย

     

    นั่นมันทำให้เขาพยายามนึกชื่อของอีกคนให้ได้ยามที่เขาตื่นนอนในทุกๆเช้า...

     

    เพราะอะไร...เขาถึงจำไม่ได้เลย

     

    “ยูคยอม...นายน่ะ ถ้ามาเป็นเพื่อนกันจริงๆในชีวิตจริงของฉันก็คงจะดี”

     

    เด็กชายมาร์ควัยเก้าขวบหลับตาลงไปอีกครั้งพร้อมๆกับพยายามท่องชื่อยูคยอมซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายแล้วในห้วงความคิดของเขาก็ว่างเปล่าอีกครั้ง

     

     

     

    เช้านี้ก็เช่นกัน เด็กชายในความฝันเลือนหายไปพร้อมๆกับเขาที่ลืมตาตื่นขึ้น

     

    ตอนนี้มาร์คอายุ 17 เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย

     

    พ่อกับแม่เคยพาเขาไปหาหมอจิตเวชตอนอายุสิบขวบ หมอบอกว่าอาการฝันซ้ำๆเดิมจะหายไปเองเมื่อโตขึ้นหรือเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แต่น่าแปลกที่เขาก็ยังฝันถึงคนๆนั้นอยู่จนถึงปัจจุบัน กลัวพ่อแม่จะคิดมาก มาร์คเลยเลือกไม่บอกพ่อแม่

     

    ฝันถึงเรื่องเดิมๆซ้ำๆก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร

    ดีซะอีก...ที่เขาได้ระบายเรื่องราวความเครียดให้กับคนในฝันฟัง มันทำให้เขาตื่นมาแล้วสบายใจ

     

    ในเมื่อสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ความจริง มาร์คเลยเลือกที่จะเก็บความทรงจำทุกอย่างในความฝันออกมาในรูปแบบของภาพวาด เขาเริ่มเรียนวาดภาพตั้งแต่ชั้นประถมปลายจนมาถึงปัจจุบัน และมาร์คคิดว่าเขาทำมันออกมาค่อนข้างดีซะด้วย

     

    ร่างโปร่งก้าวลงมาจากเตียงตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ กางกระดาษออกมาแล้วเริ่มลงเส้นตวัดวาดสิ่งที่เขาจำได้ในฝันออกมาเป็นฉากๆ ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้นที่เขาจำได้ติดตา ต้นไม้ใหญ่ที่เขาไปนั่งคุยกันตั้งแต่เด็กๆ ลำธารที่เขาชวนกันไปว่ายน้ำเล่น ไม้เว้นแม้แต่ผีเสื้อที่เราพยายามจับด้วยกัน

     

    ถ้าเขามีตัวตนจริงๆ ป่านนี้คงกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คต้วนแน่นอน

     

    รอยยิ้มที่สดใส ริมฝีปากที่คอยพูดให้กำลังใจเขานั่น...ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสัมผัสดู

     

    “แม่ง...เพ้ออีกละกู” พูดไปก็ยีผมตัวเองแก้เขิน ก้มหน้าวาดต่อจนเสร็จ เน้นที่ใบหน้าใครอีกคนที่คิดว่าน่ารักขึ้นทุกวัน

     

    “ไอ้หมูอ้วนเอ้ย...”

     

    ที่เรียกไอ้หมูอ้วน ก็เพราะจำชื่อไม่ได้...

    มันน่าเศร้านะครับ ที่ฝันเห็นคนเดิมๆซ้ำๆมาหลายปีแต่จำชื่อเขาไม่ได้สักที

     

    ก๊อกๆๆๆ

     

    “มาร์คตื่นรึยัง ลงมากินข้าวเร็ว แม่เตรียมเสร็จหมดแล้วนะ”

    “ครับ แป้บนึงนะครับ”

     

    มาร์คตะโกนบอกแม่ก่อนจะเก็บภาพที่วาดใส่ในกระบอก เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวข้างล่างเตรียมตัวไปโรงเรียน

     

    “รีบหน่อยนะ พ่อมีธุระต้องไปที่บริษัท” คุณพ่อพูดกับมาร์คพลางดื่มกาแฟ

    “ครับ”

     

    ช่วงเช้าผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ร่างโปร่งแบกกระบอกวาดภาพเดินเข้าโรงเรียนผ่านบอร์ดติดประกาศใต้ตึก เพื่อนๆหลายคนยืนมุงพลางส่งเสียงเฮฮาวีดว้ายกันยกใหญ่ มาร์คมองด้วยความสนใจก่อนจะเดินแทรกฝูงชนเข้าไปดูบ้าง

     

    ประกาศรายชื่อคนติดมหาลัย...

     

    “เห้ยมาร์ค มีชื่อมึงด้วยว่ะ ศิลปกรรมด้วยนี่หว่า”

    เพื่อนพูดขึ้นพลางกอดคอเขา เพื่อนหลายคนเดินเข้ามาแสดงความยินดีให้กับเด็กม.หกที่มีที่เรียน มาร์คมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะสอบแข่งกับคนเป็นพันแล้วสามารถเข้าเรียนในคณะที่เขาต้องการได้

     

    มือหนารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาแม่ทันที

     

    “แม่ครับ...ผมติดมหาลัยแล้วนะ”

     

    ไม่ลืมที่จะส่งไลน์ไปบอกพ่อที่กำลังทำงานอยู่

     

    และคืนนี้...เขาคงไม่พลาดบอกเรื่องราวดีๆให้กับคนในฝันฟังแน่นอน


    *********************************************************************************************************************

    แวะมาเปิดเรื่องใหม่อีกเรื่องแล้วค่ะ อือ สำหรับเรื่องก่อนๆจะพยายามแต่งต่อนะคะ ขอให้พ้นช่วงมิดเทอมไปก่อน 
    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

     

     
    CR.SQW
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×