ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : (ยังคิดไม่ออก... ช่วยโหวตหน่อยดิ)
ทีแรกกะตัดทิ้งแต่มันก้อเสียดายแฮะ...  สุดท้ายก้อตามใจคนอ่านเค้าหน่อย...  แต่ขอยืนยันเป็นครั้งที่ล้านนะยะว่าเรื่องนี้ไม่ Y เฟ้ย!!
...................................................................................................
สแปร์โรว์มีชุดเสื้อผ้าที่เก็บรวบรวมได้จากการปล้นเป็นลังและพยายามคะยั้นคะคอให้เขาใส่ชุดกระโปรงลูกไม้สีน้ำทะเลให้ได้( “ ...เจ้าจะดูเหมือนเทพธิดา(ตกสวรรค์อ่ะดิ)แห่งท้องทะเลเมื่ออยู่ในชุดนี้ ” )แต่เขาก็ยืนยันว่าขอเป็นกางเกงผ้าสีดำแบบธรรมดาๆ  ดีกว่า  และหลังจากที่เถียงกันอยู่นานเฟอร์โรเรนก็เป็นฝ่ายชนะด้วยการเอาลูกอ้อนน้ำตาเข้าช่วย (...และเขาคงจะร้องไห้จริงๆ  ถ้าต้องใส่ชุดกระโปรงอีกครั้งหลังจากงานลงนามนั่น)
“ น่าเสียดายนะข้าคิดว่าถ้าเป็นเจ้าต้องใส่ชุดนี้ขึ้นแน่ๆ...มันเป็นชุดที่พวกผู้หญิงจากตระกูลสูงศักดิ์ใส่เข้าเฝ้าองค์ราชาเชียวนะ ” สแปร์โรว์ยังไม่เลิกล้มความพยายาม
เฟอร์โรเรนเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ  ตอบ  ...ก็ไอ้ชุดประเภทที่ว่าน่ะเขาได้ใส่มาแล้วนี่นา  แถมยังสวยกว่าไม่รู้กี่ท่าซ้ำยังได้เข้าเฝ้าในระยะใกล้ชิดซะด้วยสิ
“ ส่วนสาวน้อยอีกคนที่มากับเจ้าและเจ้าภูตน้อยข้าได้สั่งให้คนทำการต้อนรับอย่างดี  ป่านนี้คงกำลังรอเราอยู่ในห้องอาหาร  ...เจ้าคิดว่าควรจะไปพบพวกเขาก่อนไปห้องแผนที่ไหม ”  เขาขอความเห็น
“ ตามใจท่านละกัน ”
....ก็เล่นมัดมือชกกันขนาดนี้แล้วจะปฏิเสธได้ไงล่ะ...
“ เจ้าเรียกชื่อข้าได้...  แล้วบอกไว้ก่อนนะว่าโจรสลัดอย่างข้าน่ะ  ถึงไม่ว่าอะไรก็ต้องเนี้ยบไว้ก่อนก็เถอะ  แต่ก็เกลียดแม่งโคตรเลยไอ้พิธีรีตองเนี่ย! ”
เฟอร์โรเรนไม่ว่าอะไรเพียงแต่พยายามยิ้มให้หวานที่สุดตอบกลับไป
“ โอ้! เรน! เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม! ” ยามิวโผเข้าสวมกอดเขาทันทีที่เห็นหน้าตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงฝ้าฝ้ายบางเบายาวแค่เข่าสีชมพูหวานรับกับสีตาและผมของเธอซึ่งบัดนี้ถูกปล่อยสยายออกเต็มที่ประดับด้วยลูกปัดแก้วเม็ดเล็กๆ  วาววับ(เจ้าโจรสลัดนี่รสนิยมที่ไม่เลวแฮะ) ซึ่งเขาลงความเห็นในทันทีว่าวันนี้เธอดูสวยน่ารักมากๆ 
“ ข้าปลอดภัยดีแล้วเจ้าล่ะ ”
“ อือ...  คนที่นี่นิสัยดีกว่าหน้าตาเยอะ  ระหว่างรอเจ้าพวกเขาก็พาข้าไปอาบน้ำแต่งตัว...  ชวนเล่นไพ่แก้เซ็งแล้วยังเล่าอะไรๆ  ให้ฟังตั้งหลายอย่างแน่ะ ”
“ พวกเราเป็นโจรมีการศึกษาครับคุณหนู ” สแปร์โรว์พูดอวดๆ  “ โดยเฉพาะกับสุภาพสตรีสวยๆ  เรายินดีให้การต้อนรับอยู่แล้ว ”
...นี่แสดงว่าถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นชายคงโดนฆ่าหั่นศพทิ้งกลางทะเลให้ฉลามกินไปแล้วสินะ...
“ จริงไหมเรน... ” สแปร์โรว์หันมาขยิบตาทำตาหวานใส่เขาที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ  ตอบกลับไป (แล้วใครเขาอนุญาตให้เจ้ามาเรียกชื่อข้าห้วนๆ  แบบนั้นห๊า!)
เฟอร์โรเรนหันมองไปรอบๆ  โต๊ะกลมที่จัดอาหารเตรียมไว้พร้อมแล้ว มีเก้าอี้วางอยู่ด้วยกันสี่ตัวแต่ดูท่าว่าหนึ่งในนั้นคงไม่มีใครนั่งเพราะนิมฟ์เลือกที่จะนั่งบนโต๊ะและตอนนี้มันก็กำลังเมามันกับปลาแซลมอนย่างเกลือตรงหน้าจนไม่มีกะใจจะหันมาสนใจใคร  ...โดยเฉพาะเขาซึ่งมันไม่หันมาพูดด้วยเลยแม้แต่คำเดียวทั้งที่คุยจ้ออย่างออกรสกับยามิวและสแปร์โรว์  อันที่จริงมันแทบจะไม่หันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ”
เฟอร์โรเรนถึงกับสะดุ้งเฮือก  เขาคงเผลอเหม่อนานเกินไประหว่างที่ฟังสแปร์โรว์อธิบายยืดยาวเกี่ยวกับการใช้ลูกแก้วตรงหน้าซึ่งเป็นลูกแก้วใสขนาดเท่ากำปั้นและจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีกราวสิบเท่าตัวเพื่อแสดงภาพแผนที่โลกในแบบสี่มิติ
“ ข้าเห็นเจ้าเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ”
เฟอร์โรเรนยิ้มบาง “ เปล่านี่...  เอ่อ...  เมื่อกี้เจ้าพูดถึงไหนแล้วนะ... ”  ตอนนี้เขาอยู่กับสแปร์โรว์สองต่อสองในห้องแผนที่ส่วนยามิวกับนิมฟ์ขอออกไปรับลมที่ดาดฟ้าเรือ
สแปร์โรว์ถอนหายใจยิ้มๆ  ก่อนจะแตะนิ้วเบาๆ  ลงบนผิวลูกแก้วที่กำลังหมุนช้าๆ  เท่าความกับเร็วของโลก  เกิดแสงสว่างนิดหนึ่งแล้วแผนที่โลกก็หายไปและแสดงเฉพาะส่วนที่เป็นอาณาจักรฟีเลเซียเท่านั้น
“ ตอนนี้เราอยู่กลางมหาสมุทร...  แผ่นดินที่อยู่ใกล้ที่สุดคือเบอร์เรียน่าระยะทางประมาณ  680 ไมล์ทะเล  ” บนผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มจุดแสงสีแดงกระพริบช้าๆ  แสดงตำแหน่งปัจจุบันของเรือ  สแปร์โรว์แตะนิ้วเบาๆ แล้วภาพก็ขยายให้เห็นบริเวณโดยรอบเรือในรัศมีหนึ่งร้อยไมล์ทะเลซึ่งเวิ้งว้างว่างเปล่ามีเพียงเรือโพไซดอนที่แล่นฝ่าคลื่นลมอย่างสงบ  “ ...แถวนี้ไม่มีเกาะแม้แต่แนวหินโสโครกยังไม่มีเลย  ...เป็นร่องน้ำลึกล้วนๆ  ...ทีนี้เจ้าจะเอายังไงต่อ ”
“ ข้าเพิ่งหนีควอร์ซิสมาจากเบอร์เรียน่า ” เฟอร์โรเรนสรุปสั้นๆ  “ เจ้าช่วยหาที่ที่...  ไกลรองลงมาได้ไหม...  ”
“ เดี๋ยวนะ...  ” สแปร์โรว์แตะนิ้วเลื่อนภาพไปเรื่อยๆ  ซึ่งไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่ทะเล...  ทะเล...  และทะเล...
“ เดี๋ยวก่อน! ” เฟอร์โรเรนอุทานลั่นเมื่อเห็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ  กลางพื้นสีน้ำเงินและสแปร์โรว์ทำท่าจะมองข้ามไป “ ตรงนั้นมีเกาะนี่ ”
สแปร์โรว์เลื่อนภาพกลับมา “ ข้าว่าเจ้าต้องไม่ชอบมันแน่...  มันเป็นแค่เกาะเล็กๆ  ที่ไม่มีอะไร...  ไม่มีอะไรเลยจริงๆ  นอกจากแนวหินโสโครกและแผ่นดินโล้นๆ ”
เฟอร์โรเรนมีสีหน้าผิดหวัง สแปร์โรว์นิ่งมองเขาชั่วครู่จึงเอ่ยออกมา
“ เจ้าไม่ได้มองหาแผ่นดินใหญ่... ” เขาพูดราวกับอ่านใจออก “ ที่จริงเจ้ากำลังมองเกาะสักเกาะ...  เกาะที่สถิตคัมภีร์สันติภาพ ”
“ เจ้านี่น่าไปเป็นหมอดู...  ใช่! ข้ากำลังมองหา‘หัวใจมหานที’อยู่ ”
“ แล้วทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรกฮึ! เดี๋ยวก็จับหอมแก้มลงโทษเสียเลยนี่ ”
เฟอร์โรเรนเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากชายตรงหน้าได้ฉิวเฉียด  สแปร์โรว์แสร้งทำหน้างอนๆ  ใส่ก่อนจะหันไปสั่งเบาๆ กับลูกแก้วว่า
“ หัวใจมหานที ”
ฉับพลันภาพบนลูกแก้วก็เปลี่ยนเป็นป่าดิบชื้นกว้างไกลสุดสายตา  สแปร์โรว์ยกมือขึ้นกอดอก  คิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์  “ เฮ้! เจ้าจะมางี่เง่ากับข้าตอนนี้ไม่ได้นะสาวน้อย...  ข้าขอดู‘หัวใจมหานที’ ไม่ใช่‘ความทรงจำของพฤกษา’ สักหน่อย...  อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิ  เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังนี่นา ”
แต่ลูกแก้วก็ยังคงยืนยันภาพเดิมไม่เปลี่ยน
“ ...ลดขนาด ” สแปร์โรว์สั่งใหม่แต่ภาพก็ยังคงไม่ขยับ
“ มันคงไม่ได้เสียหรอก...  ใช่ไหม ” เฟอร์โรเรนถามเสียงแผ่ว
“ เจ้านี่เป็นลูกแก้วเวทมนตร์...  แต่อำนาจของมันไม่มีทางเสื่อมแน่นอนเพราะมันไม่ได้เกิดจากคาถาของพ่อมด ” สแปร์โรว์ท่าทางหงุดหงิดที่ต้องอธิบายซ้ำอีกครั้ง  “ ...สงสัยมันจะงอนที่ข้าพาเจ้ามาด้วยล่ะมั่ง...  ช่างเถอะ! ” เขาว่าพร้อมกับจิ้มนิ้วลงไปอีกครั้งและเริ่มลากนิ้วไปตามเส้นทางกว้างใหญ่ของมหาสมุทรเรื่อยๆ  ด้วยความคุ้นเคยจนในที่สุดก็มาหยุดลงที่เกาะแห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นรูปจันทร์เสี้ยว  “ ขยายซิ ” เขาลองสั่งใหม่  วินาทีต่อมาลูกแก้วก็แสดงเฉพาะเกาะในแบบสี่มิติซึ่งเป็นป่าและตรงกึ่งกลางเกาะพอดีมีภูเขาสูงลูกหนึ่งตั้งโดดเดี่ยวและบนยอดนั่นเองอาคารหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ตั้งโดดเด่นอยู่อย่างสง่างาม  “ วิหารแห่งลำน้ำศักดิ์สิทธิ์...  ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดน้ำทุกหยาดหยดบนโลกใบนี้...  มันถูกเฝ้าด้วยผู้พิทักษ์แห่งวารีและถ้าข้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นปลาวาฬเจ้าสมุทรหรือไม่ก็เจ้างูน้อยไฮดราอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ”
เฟอร์โรเรนยิ้มแบบเหงื่อตกให้กับคำว่า“ งูน้อย” ของสแปร์โรว์  ...ก็เจ้าไฮดราที่ว่าน่ะอย่างน้อยๆ  ก็ยาวร่วมยี่สิบเมตร  ใหญ่พอจะกลืนเรือโพไซดอนแปดลำได้สบายๆ  ในคำเดียวเลยนะ
“ ตกลงว่าเจ้าจะไปที่นี่ใช่ไหม ”
“ ถ้าเจ้าจะกรุณาไปส่งข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะ ”  เฟอร์โรเรนทำตาหวานใส่  ...ไหนๆ  ก็กรุณามาถึงขนาดนี้แล้วนี่  เอาใจเค้าหน่อยคงไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกมั้ง
“ 359 ไมล์ทะเล...  ตะวันตกเฉียงใต้ ”  สแปร์โรว์พูดเสียงดังฉับพลันลำเรือก็หมุนเปลี่ยนทิศและแล่นไปตามที่เขาสั่ง  “ ด้วยความเร็วเท่านี้และถ้าเราโชคดีไม่เจอพายุก็คงไม่เกินสองวัน ”
“ จริงเหรอฮะ ” เฟอร์โรเรนพูดอย่างร่าเริง
“ ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอกน่า...  นี่! ไหนๆ  ก็ไหนๆ  แล้วนะคืนนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับข้านะ...  ” 
แล้วสแปร์โรว์ก็ตั้งต้นเล่าเรื่องการผจญภัยของเขาให้ฟัง  ...กะทำเท่ห์  สร้างภาพหลีหญิงสุดๆ  แต่คงต้องขอไว้อาลัยอย่างแรงให้กับการกระทำในครั้งนี้ด้วยนะเพราะหญิงสาวคนนี้หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือเด็กหนุ่มมากกว่าไม่ได้สนใจจะฟังสักนิดแถมยังทำท่าว่าจะเหม่อต่ออีกต่างหาก
เฟอร์โรเรนเท้าคางสบายๆ  มองใบหน้าคมได้รูปที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพล่ามอะไรสักอย่าง  พร้อมกับออกท่าทางอย่างออกรส  หากครู่เดียวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เริ่มเลื่อนมองไปรอบๆ  ด้วยความเบื่อหน่ายจนไปหยุดอยู่ที่ภาพสะท้อนของตัวเองบนผิวเรียบลื่นของลูกแก้วที่ยังค้างภาพหัวใจมหานทีเอาไว้
...นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นหน้าตาตัวเองชัดๆ  แบบนี้  ...ตั้งแต่ตอนที่พาร์เน็ตจับแต่งชุดกระโปรงไปงานเลี้ยงนั่นล่ะมั้ง  ...มันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากวันนั้นสักนิด  เขาก็ยังคงเป็นเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนอกจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่ดูอ่อนล้าและหมองเศร้ามากขึ้น  กับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่รู้สึกว่าจะยาวขึ้นมาอีกนิดหน่อยทำให้หน้าที่หวานอยู่แล้วยิ่งหวานเข้าไปใหญ่ 
...มิน่าสิ! หมู่นี้ถึงได้หลอกใครต่อใครง่ายนัก  ขนาดโดนลิมินท์ยูจับกอดตั้งหลายครั้งเขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังกอดอยู่กับผู้ชาย  ...สงสัยเจอกันครั้งหน้าต้องรีบสารภาพแล้วล่ะมั้ง...  ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังถูกเกลียดขี้หน้าแหงมๆ... 
เฟอร์โรเรนอมยิ้มออกมานิดหนึ่งด้วยอบอุ่นหัวใจกับความทรงจำเก่าที่หวนคิดถึง 
...ใช่  ...เจอกันคราวหน้าต้อง...
ฉับพลันหัวใจของเฟอร์โรเรนก็กระตุกวูบเช่นเดียวกันกับที่เสียงหนึ่งแผดดังตอกย้ำขึ้นอื้ออึงในหัว...  สะท้อนซ้ำไปซ้ำมาไม่จบไม่สิ้น...  ถ้อยคำที่ตอกย้ำว่าไม่มีอีกแล้วครั้งสำหรับต่อไป...  ใช่! ไม่มีอีกแล้ว...  เพราะเขาจากไปแล้ว...  จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...  จากไปจากเขาตลอดกาล...
...เรน...  อนาคตของฟีเลเซียอยู่ในมือเจ้าแล้วนะ...  อยู่ในมือเจ้าแล้วนะ...  แล้วนะ...  นะ...  อยู่ในมือเจ้าแล้ว...  อนาคตของฟีเลเซีย...  อยู่ในมือเจ้าแล้วๆๆ. . .
ใบหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นซ้อนทับใบหน้าของตนบนผิวลูกแก้ว...  รอยยิ้มอบอุ่นบนเรียวปากกำลังจะจางหายไป... 
...ไม่นะไม่...  มันต้องไม่หายไป...  ไม่นะ!...  ไม่!...  ไม่!
“ ท่านต้องไม่ทำอย่างนั้นนะลิมินท์ยู! ”
“ เฟอร์โรเรน!...  เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า! ” สแปร์โรว์ร้องเสียงดังด้วยความตระหนกพร้อมกับลุกเข้าหาร่างเพรียวที่จู่ๆ  กรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ ไม่! ”
“ ใจเย็นๆ  เฟอร์โรเรน...  เกิดอะไรขึ้น... ”
สแปร์โรว์พยายามรวบร่างที่ดิ้นรนขัดขืนเข้าแนบอก  แต่เรี่ยวแรงนั้นก็มากมายเสียเหลือเกิน
“ ไม่นะ! ”
“ ข้าบอกให้เจ้าเงียบไงล่ะ! ”  เขาบอกเป็นครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกับคำพูดที่กำลังพรั่งพรูออกจากปากร่างเพรียวในอ้อมแขนเงียบหายไปในบัดดลเมื่อริมฝีปากบางถูกประกบปิดรวดเร็วหากนุ่มนวลและเนิ่นนานด้วยริมฝีปากหนาหยักได้รูปของเขา
“ ป...  ปล่อย... ” เฟอร์โรเรนหอบหายใจพูดเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ
“ บอกข้ามาก่อนสิว่าเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ” สแปร์โรว์กระซิบที่ข้างหูก่อนจะงับหยอกเบาๆ  อย่างซุกซน
“ อือ...  ปล่อยสิ ” เขาตอบเสียงสั่นด้วยความรู้สึกแปลกที่เริ่มรุกเร้าขึ้นภายใน
“ แล้วถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ ”
ริมฝีปากนุ่มอุ่นของสแปร์โรว์เลื่อนกลับมาอีกครั้งและเริ่มรุกเร้าต่อด้วยการเม้มกัดเบาๆ  บนริมฝีปากบางที่กลายเป็นสีแดงสด 
เฟอร์โรเรนมีทีท่าคล้อยตามในทีแรกหากพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็กระตุกวูบเมื่อภาพหนึ่งเคลื่อนเข้ามาซ้อนทับใบหน้าของสแปร์โรว์...  ภาพของชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทอง...
“ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ”  ไม่ใช่แค่ตะตอกเสียงดัง  เฟอร์โรเรนผลักร่างที่ขนาดไม่ต่างกันนักล้มโครมลงกระแทกกับพื้นพร้อมกับเสกลูกไฟขึ้นในมือ  “ เจ้ากลับดียังไงมาทำอย่างนี้กับข้า ”
“ เดี๋ยวก่อนเฟอร์โรเรน...  ใจเย็นๆ...  ข้าขอโทษ...  ข้าแค่พยายามจะหยุดเจ้าก็เท่านั้นไม่ได้มีเจตนา... ”  สแปร์โรว์ละล่ำละลักพูดขึ้นมาจากพื้น  สองมือยกขึ้นโบกห้ามพัลวันเพราะลูกไฟในมือนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกที  แต่สิ่งที่ทำเอาเขาหัวใจหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่มคือนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินสดนั่นต่างหาก  “ ข้าขอโทษที่... ”
ดูเหมือนว่าในที่สุดสติของเฟอร์โรเรนก็กลับมาสมบูรณ์เต็มที่อีกครั้ง  ลูกไฟในมือแตกสลายไปในขณะที่นัยน์ตาค่อยๆ  เปลี่ยนกลับมาเป็นสีน้ำตาลเข้ม  สแปร์โรว์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกถอนหายใจอย่างโล่งอกหากทันใดนั้นร่างเพรียวตรงหน้าก็ทรุดกายล้มลงรวดเร็ว  เขาผวาตัวพุ่งรับไว้ได้ทันก่อนจะถึงพื้นพอดี
“ เจ้า...  ” สแปร์โรว์เริ่มอย่างไม่แน่ใจ “ ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ”
นัยน์ตากลมโตเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่งจึงตวัดกลับมาสบนัยน์ตาสีดำด้านตรงหน้า  น้ำใสค่อยเอ่อคลอขึ้นเต็มเบ้าตาแล้วโผเข้ากอดแนบแน่น
“ ฮอร์ค...  ข...  ข้า...  ขอโทษ...  ข้าแค่สับสนมากไปหน่อย... ข้า... ”
สแปร์โรว์ที่ยังงุนงงไม่หายยกมือขึ้นลูบผมร่างบางในอ้อมแขนแผ่วเบานุ่มนวล  “ ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไร...  ใจเย็นๆ  นะ...  ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว...  ไม่ต้องกลัวนะ...  ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง... ทีนี้บอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า...”
“ ข้า...  ข้าฆ่าเขา...  ข้าฆ่าลิมินท์ยู...  ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเขาก็ไม่ต้องตาย...  ”
“ ไม่หรอก...  ไม่ใช่ความผิดเจ้า...  ไม่มีใครโทษเจ้าด้วย...  นะ...  เงียบซะนะ  เชื่อข้าเถอะ  เลโอเรียนไม่ได้จากไปเพื่อให้เจ้าต้องร้องไห้เพื่อเขา...  เขาจากไปเพราะปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มของเจ้าต่างหาก... ”
“ แต่ข้าจะยิ้มได้อย่างไรเมื่อไม่มีเขา... ”
เหมือนมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่คอ  สแปร์โรว์พูดอะไรไม่ออกอีกนอกจากประคองศีรษะลงซบไหล่ตนแล้วลูบไล้เรือนผมนุ่มแทนคำปลอบประโลมที่หมดปัญญาจะสรรหาจากที่ใด
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ เป็นอะไรไปเหรอนิมฟ์ ”  ยามิวหันไปถามภูตน้อยข้างตัวเมื่อเห็นมันเอาแต่นั่งกอดอกเงียบอยู่บนลูกแก้ว
“ เปล่า...  แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ” มันพูดช้าๆ  พร้อมกับลุกขึ้นยืนบนลูกแก้วและแบมือยื่นออกไปเบื้องหน้าเพื่อสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำทะเลที่สาดกระเซ็นกระทบกราบเรือ “ แค่คิดว่าแสงสว่างท่ามกลางสายฝนน่ะจะมีอยู่จริงหรือเปล่า... ”
ยามิวเอียงคอมองนิมฟ์อย่างสงสัยหากมันดูจะไม่สนใจเธอสักนิดเหมือนกับหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึงและเข้าใจ
ภูตน้อยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ารามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาราพร่างพราว  หนึ่งในนับหมื่นนับพันล้านนั้นแม้เล็กจ้อยหากยืนยันเปล่งแสงอย่างท้าทายเคียงข้างดาวเหนือ...  แต่ถ้ามันเข้าใจไม่ผิด  วันนี้เจ้าดาวดวงน้อยนั้นดูอ่อนแรงล้ากว่าทุกครา
“ ...ใครก็ได้ช่วยบอกข้าที  ...มันมีอยู่จริงใช่ไหม  ...ได้โปรดเถอะเฟอร์รัน... ได้โปรด...  บอกข้าที... ”
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
...................................................................................................
สแปร์โรว์มีชุดเสื้อผ้าที่เก็บรวบรวมได้จากการปล้นเป็นลังและพยายามคะยั้นคะคอให้เขาใส่ชุดกระโปรงลูกไม้สีน้ำทะเลให้ได้( “ ...เจ้าจะดูเหมือนเทพธิดา(ตกสวรรค์อ่ะดิ)แห่งท้องทะเลเมื่ออยู่ในชุดนี้ ” )แต่เขาก็ยืนยันว่าขอเป็นกางเกงผ้าสีดำแบบธรรมดาๆ  ดีกว่า  และหลังจากที่เถียงกันอยู่นานเฟอร์โรเรนก็เป็นฝ่ายชนะด้วยการเอาลูกอ้อนน้ำตาเข้าช่วย (...และเขาคงจะร้องไห้จริงๆ  ถ้าต้องใส่ชุดกระโปรงอีกครั้งหลังจากงานลงนามนั่น)
“ น่าเสียดายนะข้าคิดว่าถ้าเป็นเจ้าต้องใส่ชุดนี้ขึ้นแน่ๆ...มันเป็นชุดที่พวกผู้หญิงจากตระกูลสูงศักดิ์ใส่เข้าเฝ้าองค์ราชาเชียวนะ ” สแปร์โรว์ยังไม่เลิกล้มความพยายาม
เฟอร์โรเรนเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ  ตอบ  ...ก็ไอ้ชุดประเภทที่ว่าน่ะเขาได้ใส่มาแล้วนี่นา  แถมยังสวยกว่าไม่รู้กี่ท่าซ้ำยังได้เข้าเฝ้าในระยะใกล้ชิดซะด้วยสิ
“ ส่วนสาวน้อยอีกคนที่มากับเจ้าและเจ้าภูตน้อยข้าได้สั่งให้คนทำการต้อนรับอย่างดี  ป่านนี้คงกำลังรอเราอยู่ในห้องอาหาร  ...เจ้าคิดว่าควรจะไปพบพวกเขาก่อนไปห้องแผนที่ไหม ”  เขาขอความเห็น
“ ตามใจท่านละกัน ”
....ก็เล่นมัดมือชกกันขนาดนี้แล้วจะปฏิเสธได้ไงล่ะ...
“ เจ้าเรียกชื่อข้าได้...  แล้วบอกไว้ก่อนนะว่าโจรสลัดอย่างข้าน่ะ  ถึงไม่ว่าอะไรก็ต้องเนี้ยบไว้ก่อนก็เถอะ  แต่ก็เกลียดแม่งโคตรเลยไอ้พิธีรีตองเนี่ย! ”
เฟอร์โรเรนไม่ว่าอะไรเพียงแต่พยายามยิ้มให้หวานที่สุดตอบกลับไป
“ โอ้! เรน! เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม! ” ยามิวโผเข้าสวมกอดเขาทันทีที่เห็นหน้าตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงฝ้าฝ้ายบางเบายาวแค่เข่าสีชมพูหวานรับกับสีตาและผมของเธอซึ่งบัดนี้ถูกปล่อยสยายออกเต็มที่ประดับด้วยลูกปัดแก้วเม็ดเล็กๆ  วาววับ(เจ้าโจรสลัดนี่รสนิยมที่ไม่เลวแฮะ) ซึ่งเขาลงความเห็นในทันทีว่าวันนี้เธอดูสวยน่ารักมากๆ 
“ ข้าปลอดภัยดีแล้วเจ้าล่ะ ”
“ อือ...  คนที่นี่นิสัยดีกว่าหน้าตาเยอะ  ระหว่างรอเจ้าพวกเขาก็พาข้าไปอาบน้ำแต่งตัว...  ชวนเล่นไพ่แก้เซ็งแล้วยังเล่าอะไรๆ  ให้ฟังตั้งหลายอย่างแน่ะ ”
“ พวกเราเป็นโจรมีการศึกษาครับคุณหนู ” สแปร์โรว์พูดอวดๆ  “ โดยเฉพาะกับสุภาพสตรีสวยๆ  เรายินดีให้การต้อนรับอยู่แล้ว ”
...นี่แสดงว่าถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นชายคงโดนฆ่าหั่นศพทิ้งกลางทะเลให้ฉลามกินไปแล้วสินะ...
“ จริงไหมเรน... ” สแปร์โรว์หันมาขยิบตาทำตาหวานใส่เขาที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ  ตอบกลับไป (แล้วใครเขาอนุญาตให้เจ้ามาเรียกชื่อข้าห้วนๆ  แบบนั้นห๊า!)
เฟอร์โรเรนหันมองไปรอบๆ  โต๊ะกลมที่จัดอาหารเตรียมไว้พร้อมแล้ว มีเก้าอี้วางอยู่ด้วยกันสี่ตัวแต่ดูท่าว่าหนึ่งในนั้นคงไม่มีใครนั่งเพราะนิมฟ์เลือกที่จะนั่งบนโต๊ะและตอนนี้มันก็กำลังเมามันกับปลาแซลมอนย่างเกลือตรงหน้าจนไม่มีกะใจจะหันมาสนใจใคร  ...โดยเฉพาะเขาซึ่งมันไม่หันมาพูดด้วยเลยแม้แต่คำเดียวทั้งที่คุยจ้ออย่างออกรสกับยามิวและสแปร์โรว์  อันที่จริงมันแทบจะไม่หันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ”
เฟอร์โรเรนถึงกับสะดุ้งเฮือก  เขาคงเผลอเหม่อนานเกินไประหว่างที่ฟังสแปร์โรว์อธิบายยืดยาวเกี่ยวกับการใช้ลูกแก้วตรงหน้าซึ่งเป็นลูกแก้วใสขนาดเท่ากำปั้นและจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีกราวสิบเท่าตัวเพื่อแสดงภาพแผนที่โลกในแบบสี่มิติ
“ ข้าเห็นเจ้าเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ”
เฟอร์โรเรนยิ้มบาง “ เปล่านี่...  เอ่อ...  เมื่อกี้เจ้าพูดถึงไหนแล้วนะ... ”  ตอนนี้เขาอยู่กับสแปร์โรว์สองต่อสองในห้องแผนที่ส่วนยามิวกับนิมฟ์ขอออกไปรับลมที่ดาดฟ้าเรือ
สแปร์โรว์ถอนหายใจยิ้มๆ  ก่อนจะแตะนิ้วเบาๆ  ลงบนผิวลูกแก้วที่กำลังหมุนช้าๆ  เท่าความกับเร็วของโลก  เกิดแสงสว่างนิดหนึ่งแล้วแผนที่โลกก็หายไปและแสดงเฉพาะส่วนที่เป็นอาณาจักรฟีเลเซียเท่านั้น
“ ตอนนี้เราอยู่กลางมหาสมุทร...  แผ่นดินที่อยู่ใกล้ที่สุดคือเบอร์เรียน่าระยะทางประมาณ  680 ไมล์ทะเล  ” บนผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มจุดแสงสีแดงกระพริบช้าๆ  แสดงตำแหน่งปัจจุบันของเรือ  สแปร์โรว์แตะนิ้วเบาๆ แล้วภาพก็ขยายให้เห็นบริเวณโดยรอบเรือในรัศมีหนึ่งร้อยไมล์ทะเลซึ่งเวิ้งว้างว่างเปล่ามีเพียงเรือโพไซดอนที่แล่นฝ่าคลื่นลมอย่างสงบ  “ ...แถวนี้ไม่มีเกาะแม้แต่แนวหินโสโครกยังไม่มีเลย  ...เป็นร่องน้ำลึกล้วนๆ  ...ทีนี้เจ้าจะเอายังไงต่อ ”
“ ข้าเพิ่งหนีควอร์ซิสมาจากเบอร์เรียน่า ” เฟอร์โรเรนสรุปสั้นๆ  “ เจ้าช่วยหาที่ที่...  ไกลรองลงมาได้ไหม...  ”
“ เดี๋ยวนะ...  ” สแปร์โรว์แตะนิ้วเลื่อนภาพไปเรื่อยๆ  ซึ่งไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่ทะเล...  ทะเล...  และทะเล...
“ เดี๋ยวก่อน! ” เฟอร์โรเรนอุทานลั่นเมื่อเห็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ  กลางพื้นสีน้ำเงินและสแปร์โรว์ทำท่าจะมองข้ามไป “ ตรงนั้นมีเกาะนี่ ”
สแปร์โรว์เลื่อนภาพกลับมา “ ข้าว่าเจ้าต้องไม่ชอบมันแน่...  มันเป็นแค่เกาะเล็กๆ  ที่ไม่มีอะไร...  ไม่มีอะไรเลยจริงๆ  นอกจากแนวหินโสโครกและแผ่นดินโล้นๆ ”
เฟอร์โรเรนมีสีหน้าผิดหวัง สแปร์โรว์นิ่งมองเขาชั่วครู่จึงเอ่ยออกมา
“ เจ้าไม่ได้มองหาแผ่นดินใหญ่... ” เขาพูดราวกับอ่านใจออก “ ที่จริงเจ้ากำลังมองเกาะสักเกาะ...  เกาะที่สถิตคัมภีร์สันติภาพ ”
“ เจ้านี่น่าไปเป็นหมอดู...  ใช่! ข้ากำลังมองหา‘หัวใจมหานที’อยู่ ”
“ แล้วทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรกฮึ! เดี๋ยวก็จับหอมแก้มลงโทษเสียเลยนี่ ”
เฟอร์โรเรนเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากชายตรงหน้าได้ฉิวเฉียด  สแปร์โรว์แสร้งทำหน้างอนๆ  ใส่ก่อนจะหันไปสั่งเบาๆ กับลูกแก้วว่า
“ หัวใจมหานที ”
ฉับพลันภาพบนลูกแก้วก็เปลี่ยนเป็นป่าดิบชื้นกว้างไกลสุดสายตา  สแปร์โรว์ยกมือขึ้นกอดอก  คิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์  “ เฮ้! เจ้าจะมางี่เง่ากับข้าตอนนี้ไม่ได้นะสาวน้อย...  ข้าขอดู‘หัวใจมหานที’ ไม่ใช่‘ความทรงจำของพฤกษา’ สักหน่อย...  อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิ  เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังนี่นา ”
แต่ลูกแก้วก็ยังคงยืนยันภาพเดิมไม่เปลี่ยน
“ ...ลดขนาด ” สแปร์โรว์สั่งใหม่แต่ภาพก็ยังคงไม่ขยับ
“ มันคงไม่ได้เสียหรอก...  ใช่ไหม ” เฟอร์โรเรนถามเสียงแผ่ว
“ เจ้านี่เป็นลูกแก้วเวทมนตร์...  แต่อำนาจของมันไม่มีทางเสื่อมแน่นอนเพราะมันไม่ได้เกิดจากคาถาของพ่อมด ” สแปร์โรว์ท่าทางหงุดหงิดที่ต้องอธิบายซ้ำอีกครั้ง  “ ...สงสัยมันจะงอนที่ข้าพาเจ้ามาด้วยล่ะมั่ง...  ช่างเถอะ! ” เขาว่าพร้อมกับจิ้มนิ้วลงไปอีกครั้งและเริ่มลากนิ้วไปตามเส้นทางกว้างใหญ่ของมหาสมุทรเรื่อยๆ  ด้วยความคุ้นเคยจนในที่สุดก็มาหยุดลงที่เกาะแห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นรูปจันทร์เสี้ยว  “ ขยายซิ ” เขาลองสั่งใหม่  วินาทีต่อมาลูกแก้วก็แสดงเฉพาะเกาะในแบบสี่มิติซึ่งเป็นป่าและตรงกึ่งกลางเกาะพอดีมีภูเขาสูงลูกหนึ่งตั้งโดดเดี่ยวและบนยอดนั่นเองอาคารหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ตั้งโดดเด่นอยู่อย่างสง่างาม  “ วิหารแห่งลำน้ำศักดิ์สิทธิ์...  ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดน้ำทุกหยาดหยดบนโลกใบนี้...  มันถูกเฝ้าด้วยผู้พิทักษ์แห่งวารีและถ้าข้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นปลาวาฬเจ้าสมุทรหรือไม่ก็เจ้างูน้อยไฮดราอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ”
เฟอร์โรเรนยิ้มแบบเหงื่อตกให้กับคำว่า“ งูน้อย” ของสแปร์โรว์  ...ก็เจ้าไฮดราที่ว่าน่ะอย่างน้อยๆ  ก็ยาวร่วมยี่สิบเมตร  ใหญ่พอจะกลืนเรือโพไซดอนแปดลำได้สบายๆ  ในคำเดียวเลยนะ
“ ตกลงว่าเจ้าจะไปที่นี่ใช่ไหม ”
“ ถ้าเจ้าจะกรุณาไปส่งข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะ ”  เฟอร์โรเรนทำตาหวานใส่  ...ไหนๆ  ก็กรุณามาถึงขนาดนี้แล้วนี่  เอาใจเค้าหน่อยคงไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกมั้ง
“ 359 ไมล์ทะเล...  ตะวันตกเฉียงใต้ ”  สแปร์โรว์พูดเสียงดังฉับพลันลำเรือก็หมุนเปลี่ยนทิศและแล่นไปตามที่เขาสั่ง  “ ด้วยความเร็วเท่านี้และถ้าเราโชคดีไม่เจอพายุก็คงไม่เกินสองวัน ”
“ จริงเหรอฮะ ” เฟอร์โรเรนพูดอย่างร่าเริง
“ ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอกน่า...  นี่! ไหนๆ  ก็ไหนๆ  แล้วนะคืนนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับข้านะ...  ” 
แล้วสแปร์โรว์ก็ตั้งต้นเล่าเรื่องการผจญภัยของเขาให้ฟัง  ...กะทำเท่ห์  สร้างภาพหลีหญิงสุดๆ  แต่คงต้องขอไว้อาลัยอย่างแรงให้กับการกระทำในครั้งนี้ด้วยนะเพราะหญิงสาวคนนี้หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือเด็กหนุ่มมากกว่าไม่ได้สนใจจะฟังสักนิดแถมยังทำท่าว่าจะเหม่อต่ออีกต่างหาก
เฟอร์โรเรนเท้าคางสบายๆ  มองใบหน้าคมได้รูปที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพล่ามอะไรสักอย่าง  พร้อมกับออกท่าทางอย่างออกรส  หากครู่เดียวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เริ่มเลื่อนมองไปรอบๆ  ด้วยความเบื่อหน่ายจนไปหยุดอยู่ที่ภาพสะท้อนของตัวเองบนผิวเรียบลื่นของลูกแก้วที่ยังค้างภาพหัวใจมหานทีเอาไว้
...นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นหน้าตาตัวเองชัดๆ  แบบนี้  ...ตั้งแต่ตอนที่พาร์เน็ตจับแต่งชุดกระโปรงไปงานเลี้ยงนั่นล่ะมั้ง  ...มันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากวันนั้นสักนิด  เขาก็ยังคงเป็นเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนอกจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่ดูอ่อนล้าและหมองเศร้ามากขึ้น  กับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่รู้สึกว่าจะยาวขึ้นมาอีกนิดหน่อยทำให้หน้าที่หวานอยู่แล้วยิ่งหวานเข้าไปใหญ่ 
...มิน่าสิ! หมู่นี้ถึงได้หลอกใครต่อใครง่ายนัก  ขนาดโดนลิมินท์ยูจับกอดตั้งหลายครั้งเขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังกอดอยู่กับผู้ชาย  ...สงสัยเจอกันครั้งหน้าต้องรีบสารภาพแล้วล่ะมั้ง...  ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังถูกเกลียดขี้หน้าแหงมๆ... 
เฟอร์โรเรนอมยิ้มออกมานิดหนึ่งด้วยอบอุ่นหัวใจกับความทรงจำเก่าที่หวนคิดถึง 
...ใช่  ...เจอกันคราวหน้าต้อง...
ฉับพลันหัวใจของเฟอร์โรเรนก็กระตุกวูบเช่นเดียวกันกับที่เสียงหนึ่งแผดดังตอกย้ำขึ้นอื้ออึงในหัว...  สะท้อนซ้ำไปซ้ำมาไม่จบไม่สิ้น...  ถ้อยคำที่ตอกย้ำว่าไม่มีอีกแล้วครั้งสำหรับต่อไป...  ใช่! ไม่มีอีกแล้ว...  เพราะเขาจากไปแล้ว...  จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...  จากไปจากเขาตลอดกาล...
...เรน...  อนาคตของฟีเลเซียอยู่ในมือเจ้าแล้วนะ...  อยู่ในมือเจ้าแล้วนะ...  แล้วนะ...  นะ...  อยู่ในมือเจ้าแล้ว...  อนาคตของฟีเลเซีย...  อยู่ในมือเจ้าแล้วๆๆ. . .
ใบหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นซ้อนทับใบหน้าของตนบนผิวลูกแก้ว...  รอยยิ้มอบอุ่นบนเรียวปากกำลังจะจางหายไป... 
...ไม่นะไม่...  มันต้องไม่หายไป...  ไม่นะ!...  ไม่!...  ไม่!
“ ท่านต้องไม่ทำอย่างนั้นนะลิมินท์ยู! ”
“ เฟอร์โรเรน!...  เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า! ” สแปร์โรว์ร้องเสียงดังด้วยความตระหนกพร้อมกับลุกเข้าหาร่างเพรียวที่จู่ๆ  กรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ ไม่! ”
“ ใจเย็นๆ  เฟอร์โรเรน...  เกิดอะไรขึ้น... ”
สแปร์โรว์พยายามรวบร่างที่ดิ้นรนขัดขืนเข้าแนบอก  แต่เรี่ยวแรงนั้นก็มากมายเสียเหลือเกิน
“ ไม่นะ! ”
“ ข้าบอกให้เจ้าเงียบไงล่ะ! ”  เขาบอกเป็นครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกับคำพูดที่กำลังพรั่งพรูออกจากปากร่างเพรียวในอ้อมแขนเงียบหายไปในบัดดลเมื่อริมฝีปากบางถูกประกบปิดรวดเร็วหากนุ่มนวลและเนิ่นนานด้วยริมฝีปากหนาหยักได้รูปของเขา
“ ป...  ปล่อย... ” เฟอร์โรเรนหอบหายใจพูดเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ
“ บอกข้ามาก่อนสิว่าเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ” สแปร์โรว์กระซิบที่ข้างหูก่อนจะงับหยอกเบาๆ  อย่างซุกซน
“ อือ...  ปล่อยสิ ” เขาตอบเสียงสั่นด้วยความรู้สึกแปลกที่เริ่มรุกเร้าขึ้นภายใน
“ แล้วถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ ”
ริมฝีปากนุ่มอุ่นของสแปร์โรว์เลื่อนกลับมาอีกครั้งและเริ่มรุกเร้าต่อด้วยการเม้มกัดเบาๆ  บนริมฝีปากบางที่กลายเป็นสีแดงสด 
เฟอร์โรเรนมีทีท่าคล้อยตามในทีแรกหากพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็กระตุกวูบเมื่อภาพหนึ่งเคลื่อนเข้ามาซ้อนทับใบหน้าของสแปร์โรว์...  ภาพของชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทอง...
“ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ”  ไม่ใช่แค่ตะตอกเสียงดัง  เฟอร์โรเรนผลักร่างที่ขนาดไม่ต่างกันนักล้มโครมลงกระแทกกับพื้นพร้อมกับเสกลูกไฟขึ้นในมือ  “ เจ้ากลับดียังไงมาทำอย่างนี้กับข้า ”
“ เดี๋ยวก่อนเฟอร์โรเรน...  ใจเย็นๆ...  ข้าขอโทษ...  ข้าแค่พยายามจะหยุดเจ้าก็เท่านั้นไม่ได้มีเจตนา... ”  สแปร์โรว์ละล่ำละลักพูดขึ้นมาจากพื้น  สองมือยกขึ้นโบกห้ามพัลวันเพราะลูกไฟในมือนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกที  แต่สิ่งที่ทำเอาเขาหัวใจหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่มคือนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินสดนั่นต่างหาก  “ ข้าขอโทษที่... ”
ดูเหมือนว่าในที่สุดสติของเฟอร์โรเรนก็กลับมาสมบูรณ์เต็มที่อีกครั้ง  ลูกไฟในมือแตกสลายไปในขณะที่นัยน์ตาค่อยๆ  เปลี่ยนกลับมาเป็นสีน้ำตาลเข้ม  สแปร์โรว์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกถอนหายใจอย่างโล่งอกหากทันใดนั้นร่างเพรียวตรงหน้าก็ทรุดกายล้มลงรวดเร็ว  เขาผวาตัวพุ่งรับไว้ได้ทันก่อนจะถึงพื้นพอดี
“ เจ้า...  ” สแปร์โรว์เริ่มอย่างไม่แน่ใจ “ ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ”
นัยน์ตากลมโตเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่งจึงตวัดกลับมาสบนัยน์ตาสีดำด้านตรงหน้า  น้ำใสค่อยเอ่อคลอขึ้นเต็มเบ้าตาแล้วโผเข้ากอดแนบแน่น
“ ฮอร์ค...  ข...  ข้า...  ขอโทษ...  ข้าแค่สับสนมากไปหน่อย... ข้า... ”
สแปร์โรว์ที่ยังงุนงงไม่หายยกมือขึ้นลูบผมร่างบางในอ้อมแขนแผ่วเบานุ่มนวล  “ ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไร...  ใจเย็นๆ  นะ...  ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว...  ไม่ต้องกลัวนะ...  ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง... ทีนี้บอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า...”
“ ข้า...  ข้าฆ่าเขา...  ข้าฆ่าลิมินท์ยู...  ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเขาก็ไม่ต้องตาย...  ”
“ ไม่หรอก...  ไม่ใช่ความผิดเจ้า...  ไม่มีใครโทษเจ้าด้วย...  นะ...  เงียบซะนะ  เชื่อข้าเถอะ  เลโอเรียนไม่ได้จากไปเพื่อให้เจ้าต้องร้องไห้เพื่อเขา...  เขาจากไปเพราะปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มของเจ้าต่างหาก... ”
“ แต่ข้าจะยิ้มได้อย่างไรเมื่อไม่มีเขา... ”
เหมือนมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่คอ  สแปร์โรว์พูดอะไรไม่ออกอีกนอกจากประคองศีรษะลงซบไหล่ตนแล้วลูบไล้เรือนผมนุ่มแทนคำปลอบประโลมที่หมดปัญญาจะสรรหาจากที่ใด
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ เป็นอะไรไปเหรอนิมฟ์ ”  ยามิวหันไปถามภูตน้อยข้างตัวเมื่อเห็นมันเอาแต่นั่งกอดอกเงียบอยู่บนลูกแก้ว
“ เปล่า...  แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ” มันพูดช้าๆ  พร้อมกับลุกขึ้นยืนบนลูกแก้วและแบมือยื่นออกไปเบื้องหน้าเพื่อสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำทะเลที่สาดกระเซ็นกระทบกราบเรือ “ แค่คิดว่าแสงสว่างท่ามกลางสายฝนน่ะจะมีอยู่จริงหรือเปล่า... ”
ยามิวเอียงคอมองนิมฟ์อย่างสงสัยหากมันดูจะไม่สนใจเธอสักนิดเหมือนกับหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึงและเข้าใจ
ภูตน้อยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ารามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาราพร่างพราว  หนึ่งในนับหมื่นนับพันล้านนั้นแม้เล็กจ้อยหากยืนยันเปล่งแสงอย่างท้าทายเคียงข้างดาวเหนือ...  แต่ถ้ามันเข้าใจไม่ผิด  วันนี้เจ้าดาวดวงน้อยนั้นดูอ่อนแรงล้ากว่าทุกครา
“ ...ใครก็ได้ช่วยบอกข้าที  ...มันมีอยู่จริงใช่ไหม  ...ได้โปรดเถอะเฟอร์รัน... ได้โปรด...  บอกข้าที... ”
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น